更多
2015-08-10
406 瀏覽
หลังจากที่เคยรีวิวร้านอาหารนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งป.ล.ถ้าท่านใดต้องการไปดูรายละเอียดเรื่องของเชฟ Joël Robuchon เรื่องสาขาต่างๆ ของร้านของเชฟท่านนี้ทั่วโลกก็ไปอ่านได้ที่เอนทรี่ที่แล้วเลยนะฮับ เราจะไม่เล่าซ้ำเนาะ แฮ่..สำหรับวันนี้ก็เป็นการไปรับประทานอาหารมื้อค่ำกันบ้างค่ะ ซึ่งถ้าเอาตามปกติราคาของคอร์สมื้อค่ำจะค่อนข้างสูงกว่ามื้อกลางวันพอสมควรเลยหละนะคะ ซึ่งจากที่เราไปดูที่เว็บของร้านอาหารนี้ตามลิงก์นี้http://robuchon-bangkok.com/ก็จะพบตัวอย่างเมนูที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับที่เราได้ไปกินวันนั้น (แต่มีบางเมนูที่ไม่เหมือนในนี้นะคะ) ตามนี้ค่ะ (ราคาที่เห็นมี ++ อีกนะคะ)โดยการไปกินรอบนี้ เป็นการชวนและเชิญไปของเชฟ Olivier Limousin ซึ่งเป็
ป.ล.ถ้าท่านใดต้องการไปดูรายละเอียดเรื่องของเชฟ Joël Robuchon เรื่องสาขาต่างๆ ของร้านของเชฟท่านนี้ทั่วโลกก็ไปอ่านได้ที่เอนทรี่ที่แล้วเลยนะฮับ เราจะไม่เล่าซ้ำเนาะ แฮ่..
สำหรับวันนี้ก็เป็นการไปรับประทานอาหารมื้อค่ำกันบ้างค่ะ ซึ่งถ้าเอาตามปกติราคาของคอร์สมื้อค่ำจะค่อนข้างสูงกว่ามื้อกลางวันพอสมควรเลยหละนะคะ ซึ่งจากที่เราไปดูที่เว็บของร้านอาหารนี้ตามลิงก์นี้
http://robuchon-bangkok.com/
ก็จะพบตัวอย่างเมนูที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับที่เราได้ไปกินวันนั้น (แต่มีบางเมนูที่ไม่เหมือนในนี้นะคะ) ตามนี้ค่ะ (ราคาที่เห็นมี ++ อีกนะคะ)
โดยการไปกินรอบนี้ เป็นการชวนและเชิญไปของเชฟ Olivier Limousin ซึ่งเป็น Executive Chef ของสาขากรุงเทพฯ ค่ะ และเป็นเชฟที่ได้รับมิชลินสตาร์ 2 ดวงมาแล้วนะคะ ซึ่งที่จริงเชฟชวนน้องเหมียว ณ nanareview นะคะ แล้วก็บอกว่าให้พาเพื่อนมาด้วย เพราะเค้าจองไว้ให้สองที่ น้องเหมียวก็เลยถามเรามา ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะไปไม่ได้ค่ะ เพราะมันเป็นวันพุธที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนวันหยุดยาวเข้าพรรษาน่ะค่ะ เราเองก็เลยตั้งใจจะกลับบ้าน แต่พอดีน้องชายบอกว่า จะพาหลานมาเที่ยวกรุงเทพฯ ในวันที่ 30 กรกฎาคม แล้วค่อยกลับไปเพชรบุรีพร้อมกันก็ได้ ก็เลยทำให้เราไปได้ค่ะ (เย้ๆ)
ตอนแรกนัดกันไว้ที่ 18.00 น.ค่ะ แต่ก็เลื่อนเพราะร้านเปิด 18.30 น. คราวนี้เราเอารถไป (เพราะไม่ได้ตั้งใจจะดื่มแอลกอฮอล์น่ะนะคะ) ก็เข้าไปจอดทางด้านหลังอาคารเลยค่ะ จากนั้นต้องเอาบัตรไปแสกนที่ร้านเพื่อจะไม่ต้องเสียค่าจอดนะคะ
เอารถจอดชั้นใต้ดินเสร็จปุ๊บก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 เหมือนเดิมค่ะ
เปิดลิฟท์เดินเข้าไปในร้านก็จะเจอกับเคาน์เตอร์ติดต่อทางขวามือ และโซนสำหรับการต้อนรับอันสวยงามตามภาพเลยนะคะ (เอนทรี่รอบที่แล้วไม่ได้ลง เพราะมันเกินกำหนดที่ทางระบบของบล็อกแกงค์จำกัดไว้ค่ะ เลยใส่เนื้อหาและรูปไปได้แค่นั้น เหอๆ)
จากนั้นก็ตามต่อด้วยเมนูนี้ค่ะ
สำหรับผลการกินเมนูนี้นะคะ ความเค็มนิดๆ ของคาร์เวียเข้ากันได้ดีกับเนื้อปูยักษ์เย็นๆ ที่อยู่ด้านล่างค่ะ กินแล้วแบบมันมีความสดชื่นเจือเค็มเล็กน้อย อร่อยกำลังดีค่ะ คือถ้าเทียบกับเมนู Le King Crab ที่ได้กินรอบที่แล้วนี่ มันอร่อยคนละแบบค่ะ Le King Crab เหมือนสาวน้อยวัยเยาว์ ขณะที่เมนูนี้นี่เหมือนสาวโตเต็มวัยที่ครบรสและ "เด็ด" น่ะค่ะ (สมควรค่าแก่ราคามาก หุๆ)
และที่สำคัญ ชอบพรีเซนเตชั่นอาหารทุกจานเลยค่ะ งานศิลป์จริงๆ ประทับใจสุดๆ อ้ะ กระทั่งช้อนที่ใช้นี่ก็...หูย เลือกมาซะแบบว่า..ต้องลองไปกินเองค่ะ
เมนูต่อไปค่ะ กับ La Betterave (Apple and beetroot tartare with guacamole and green mustard sherbet) ซึ่งเป็นเมนูใหม่อยู่ในเซ็ตคอร์สใหญ่ ไม่มีราคาแยก ชั้นล่างสุดเป็นแอปเปิ้ลและบีทรูท ด้านบนเป็นซอร์เบต์กรีนมัสตาร์ด ออกรสเปรี้ยวนะคะ
ระหว่างนั้นก็มีแขกอื่นๆ ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ (ตอนเราไปก็มีแขกนั่งรอตรงบริเวณที่รับแขกอยู่ค่ะ) บางส่วน (ส่วนใหญ่เลยแหละ) ก็เดินเข้าไปทางห้องด้านในที่เราเคยไปนั่ง และมีอยู่สองสามชุดที่นั่งที่เคาน์เตอร์เหมือนเราค่ะ อย่างที่บอกว่าตรงที่เรานั่งก็จะเป็นครัวเปิดนะคะ จะเห็นขณะทำอาหารด้วยค่ะ ไฟสีแดงๆ นี่ไม่ได้สีเพี้ยนนะฮับ เป็นสีนี้จริงๆ โคมไฟห้อยๆ ลงมานั่นก็เป็นโคมไฟอุ่นอาหารหละค่ะ เราแอบถามน้องอาร์ท - พนักงานบริการว่าเค้าไม่ปวดตากันบ้างเหรอ น้องอาร์ทบอกว่า เค้าน่าจะชินกันแล้วหละครับ
ยังไม่อยู่ในเล่มเมนูค่ะ ตรงกลางเป็นราวิโอลี่ สอดไส้ชีสนมแพะและวอลนัท รอบด้านเป็นซุปหน่อไม้ฝรั่ง
สำหรับผลการกินนะคะ เราชอบมากกกกกกกกกก ชอบมากกว่าซุปที่ได้กินรอบแรกมากค่ะ รสชาติมาเต็มปากเต็มคำมาก แบบกินคำแรกเข้าไปนี่หลับตาพริ้มจนเหมียวแซวว่า เฮ้ย ไม่ต้องทำหน้าฟินขนาดนั้น (แต่มันฟินจริงๆ ค่ะ) ซุปอร่อยมากๆๆ รสชาติเข้มข้น หอมหวน โอย นึกแล้วยังอยากกินอีกเลยค่ะ ฟินมากๆ จริงๆ แต่ตัวที่อยู่ตรงกลาง กลับเหนียวไปหน่อยนะคะ (หรือกินเค้าช้าไปก็ไม่ทราบค่ะ) แล้วจะเห็นว่าตัวซุปมีฝั่งหนึ่งที่มีพริกอยู่ ตัวนั้นจะเผ็ดแกมแค่นิดหน่อย พอแก้เลี่ยนค่ะ แต่อร่อยจริงค่ะเมนูนี้ ชอบอ้ะ
เมนูต่อไปนะคะ ตอนแรกเค้าก็เอาจานแล้วก็เอาผัก (สลัด) มาวางไว้แบบนี้ก่อนค่ะ
จากนั้นเชฟก็นำอาหารจานต่อไปมาค่ะ Le Turbot (Wild Atlantic turbot, artichokes and parsley, sautéed chanterelle mushrooms) 2,300 บาท เป็นเมนคอร์สอยู่ในเมนูอะลาคาท เป็นปลาตระกูลปลาลิ้นหมาของป่าแอตแลนติก เสิร์ฟกับอาร์ติโช้ค หน่อไม้ฝรั่งสีขาว และผักชีฝรั่ง ราดซอสเห็ดคันตาเรล
สำหรับตัวรสชาตินะคะ ตัวเนื้อปลาทำมากำลังดีมาก ไม่สุกเกินไป เนื้อปลายังชุ่มฉ่ำอยู่ค่ะ สลัดก็อร่อยดีค่ะ ซอสช่วยชูรสให้ดีขึ้นนะคะ แต่โดยรวมสำหรับเมนูนี้เราก็ไม่ได้ว้าวมากน่ะค่ะ
menu ต่อไปค่าา Le Burger (Beef and foie gras burger with lightly caramelized bell peppers) 1,100 บาท อยู่ในเมนูอะลาคาท เบอร์เกอร์เนื้อและตับห่าน เสิร์ฟกับเฟรนช์ฟรายและซอสบาร์บีคิวสูตรของเชฟ
รสชาตินะคะ มันอร่อยมากกกกกกก ขนมปังกรอบนุ่ม เนื้อและฟัวกราส์รสชาตินัวเนียชุ่มฉ่ำอร่อยมากๆๆๆ ค่ะ ซอสก็อร่อยช่วยชูรสให้หอมและเข้มขึ้นอีกนิด แบบว่าอร่อยค่ะ เป็นจานหลักที่อร่อยกว่าจานปลาเยอะมาก (สำหรับเรานะคะ แฮ่...) เชียร์ค่ะเมนูนี้ อร่อยอ้ะ แต่ว่าการกินด้วยมือทำให้มือเลอะเทอะเล็กน้อยนะคะ แฮ่...
จบคาว (ซะที) ค่ะ ต่อไปเป็นเมนูของหวานกันบ้าง กับเมนู La Perle Citron (Lemon pearl with an acacia honey jelly and a bergamot flavored emulsion) อยู่ในเซ็ตคอร์สใหญ่ ไม่มีราคาแยก ซึ่งขอบอกว่าตอนมาเสิร์ฟตอนแรกนี่ว้าวมากกับพรีเซนต์เตชั่นค่ะ เรียกว่าตะลึงเลยก็ได้ สวยงามหรูหรามากๆ อะค่ะ โดยตอนเสิร์ฟ เชฟก็เล่าบรรยายให้ฟังว่ามันทำมาจากอะไรบ้างด้วยนะคะ แล้วก็บอกว่าเปรียบเสมือนหญิงสาวที่สวยงามราวกับไข่มุกด้วยค่ะ
menu ต่อไปค่ะ กับ Le Rubis (Le Rubis, soft jelly of Calpico and supreme of lynchee and raspberries) อยู่ในเซ็ตคอร์สใหญ่ ไม่มีราคาแยก เสิร์ฟมาเป็นผอบใสลายทองปิดผนึกตามภาพเลยค่ะ เป็นอีกเมนูที่พรีเซนเตชั่นได้น่าประทับใจนะคะ
จากนั้นพนักงานก็ถามว่าจะรับชาหรือกาแฟค่ะ ซึ่งรอบนี้มีเอิร์ลเกรย์ให้เลือกด้วย ซึ่งแน่นอนหละค่ะว่าข้าพเจ้าเลือกเอิร์ลเกรย์นะคะ ส่วนเหมียวเลือกคาร์โมมายล์ค่ะ หลังจากนั้นพนักงานก็บริการอีกสองเมนูมาเพิ่มค่ะ คือ แคนดี้คาราเมลกับขนมไข่ฝรั่งเศส (จำชื่อเป๊ะๆ ไม่ได้นะคะ เมนูอาหารทั้งหลายนี่ลอกน้องเหมียวมานะคะ แฮ่...)
จากนั้นเชฟก็นำเมนูมามอบให้เราสองคนพร้อมลายเซ็นค่ะ ประทับใจมาก เชฟน่ารักฝุดๆ อ้ะ พร้อมวอชเชอร์ตามภาพเลยฮับ
เพราะงั้นถ้าใครมีร้านอาหารไทยดีๆ ก็แนะนำได้นะคะ ตอนนี้ยังหากันอยู่เลยค่ะว่าจะไปกินร้านไหนดี แหะๆ ถ้าใครแนะนำก็ช่วยบอกหน่อยนะคะว่าควรไปร้านนี้เพราะอะไร แต่อยากได้ร้านที่อาหารอร่อยจริงๆ เป็นอันดับแรกก่อนเลยค่ะ และได้บรรยากาศดีๆ เหมาะแก่การต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง (ฮา) ด้วยก็จะดีมากค่ะ แฮ่...
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ เป็นอีกร้านที่ประทับใจค่ะ ถ้าเทียบกันระหว่างรอบที่แล้วที่กินกับวงในกับรอบนี้ ต้องยอมรับว่ารอบนี้ประทับใจในตัวอาหารมากกว่า (แต่แน่นอนว่าคอร์สก็ราคาสูงกว่าค่ะ) เรียกได้ว่าประทับใจในแทบทุกจานที่ได้กินเลยค่ะ พนักงานบริการน่ารักมากๆ (อันนี้ชอบตั้งแต่รอบที่แล้ว สมกับระดับของภัตตาคารมากค่ะ) เชฟที่ได้มาเจอรอบนี้ก็เฟรนด์ลี่สุดๆ ขี้เล่น ช่างคุยมากมายค่ะ ส่วน GM ก็ดูแลได้แบบมืออาชีพ สุภาพเช่นกันนะคะ
เป็นร้านอาหารหนึ่งที่ถ้าท่านใดต้องการรับประทานอาหารฝรั่งเศสดีๆ กับเชฟมิชลิน และต้องการได้รับประสบการณ์การกินที่น่าประทับใจควรหาโอกาสได้ไปลองดูนะคะ
張貼