更多
2015-12-15
544 瀏覽
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปหม่ำร้านอาหารเก๋ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 14 พ.ย. 58 ที่ผ่านมา ซึ่งยังคงเป็นซอฟท์โอเพิ่นนิ่งอยู่นะคะ (จะแกรนด์เร็วๆ นี้ฮ่ะ) ก็คือร้าน featherSTONE Cafe Bristro&Lifestyle Shop นั่นเองค่า ซึ่งพิกัดของร้าน เข้าได้จากสองทางค่ะ เอกมัย 12 ก็ได้ หรืออย่างเรา เราเข้าทางปรีดี พนมยงค์ 31 ค่ะ ซึ่งถ้าเข้ามาจากทางปรีดีฯ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ ขณะที่ถ้ามาจากเอกมัย ร้านจะอยู่ทางขวามือค่ะ (เลยร้านวานิลามาอีกนะคะ) ตามแผนที่นี้เลยนะฮับสำหรับร้านนี้ ถ้าท่านใดนำรถไป จะจอดรถหน้าร้านได้ราว 4 คันนะคะ เพราะฉะนั้น..ถ้าไปรถสาธารณะน่าจะสะดวกกว่าหละค่ะเก็บภาพบริเวณหน้าร้านมาฝากกันก่อนค่ะ แค่หน้าร้านก็สวยแล้วนะคะ ชอบจังก่อน
เก็บภาพบริเวณหน้าร้านมาฝากกันก่อนค่ะ แค่หน้าร้านก็สวยแล้วนะคะ ชอบจัง
ซึ่ง feather หรือขนนก ในความหมายของทางร้านคือ freely in life และนกยังถูกใช้ในการส่ง message ในสมัยโบราณ จึงได้แทนคำว่า tell ค่ะ ส่วน stone ทางร้านใช้แทนคำว่า found ด้วยคุณสมบัติที่ดูดซับ energy ต่างๆ ที่เจ้าของร้านได้พบเจอ ส่วนสัญลักษณ์ดวงตาเป็นตัวแทนบอกถึง see ค่ะ
โดยแต่ละส่วนก็จะมีการสร้างเป็นห้องต่างๆ ภายในบ้าน ซึ่งเดี๋ยวจะพาไปเที่ยวชมแต่ละส่วนอีกทีนะคะ
เปิดประตูร้านเข้าไปปุ๊บ ทางฝั่งขวามือเป็นส่วนของร้านอาหารค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นส่วนของร้านขายของนะคะ ตามภาพเลยฮับ
แต่เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปสำรวจห้องส่วนตัวก่อนค่ะ ห้องนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะคะ นั่งได้เต็มที่ที่ 14 คนค่ะ ตกแต่งสวยงาม น่ามาถ่ายพอร์เทรทม้าก มากหละค่ะ
ซึ่งส่วนหนึ่งที่มีของเก่าๆ สไตล์เก่าๆ สะสมนี้เพราะเจ้าของร้านหลงใหลของเก่าอย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นนะคะ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเจ้าของรู้สึกว่าของเก่ามีเสน่ห์น่าสนใจและมันมีกลไกบางอย่างที่มันเป็น secret น่ะค่ะ อันนี้เราเห็นด้วยนะคะ คนสมัยก่อนช่างคิดจริงๆ
ซึ่งด้านในสุดของห้องนี้ ก็จะเป็นห้องน้ำนะคะ อันนี้คนที่นั่งห้องนี้อาจจะรู้สึกไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะยังไงทุกคนก็ต้องเดินผ่านโต๊ะเราค่ะ แหะๆ แต่ขอบอกว่า ห้องน้ำที่นี่สวยแหละ ชอบมาก โดยเฉพาะกลอนที่เป็นแบบเดือยยาวให้กดลงไปเพื่อล็อกนี่เก๋ดีค่ะ ไม่เคยเจอแฮะ (เชยเนาะ)
ฝรั่งเศสได้นำคํา Apothecaire (ภาษาอังกฤษ Apothecary) เมื่อค.ศ. 1920 เพื่อใหแ้ตกตา่งจาก พวก spicer ซึ่งขายเครื่องเทศและสมนุไพร บางครั้งก็ผสมยาด้วย ฝรั่งเศสออกกฎหมายให้ spicer ขายเครื่องเทศและสมนุไพรในสภาพธรรมชาติ แต่ง ผสมหรือเตรียมเป็นยาไม่ได้ เดิมคําว่า Apothecary หมายถึงผู้ดูแูลหอ้งเก็บของยโุรปสมัยกลาง หมายถึง ห้อเก็บเครื่องเทศและสมุนไพร สมัยต่อมาได้พัฒนาเป็นร้านยา ดังนั้นปัจจุบันยโุรปตะวันตกมักเรียกร้านยาว่า Apotec หรือ Apotheke (อเมริกาเรียก Drug Store ปัจจุบัน ใช้คำใหม่คือ Pharmacy ในออสเตรเลียและประเทศในเครือจักรภพนิยมใช้คำว่า Chemist หมายถึงร้านยา
ที่นั่งภายในร้านมีทั้งสิ้น 40 ที่นั่งนะคะ (รวมที่นั่ง 14 ที่ในห้องส่วนตัวแล้ว)
กระดาษรองจานของทุกที่นั่งค่ะ จะมีการอธิบายความหมายของชื่อร้านและคอนเซปต์ร้านด้วยค่ะ ส่วนเว็บไซต์ที่เห็นมุมขวาล่างนี่ยังทำไม่เรียบร้อยดีนะคะ แหะๆ รออีกสักพักค่ะ ตอนนี้ก็ไปที่เฟซบุ๊คของทางร้านแทนก่อนแล้วกันเนาะ
https://www.facebook.com/featherstonecafe
เมนูของทางร้านค่ะ ทำตัวอักษรและสไตล์ออกมาได้เข้ากับคอนเซปต์ร้านอยู่นะคะ
ตรงเคาน์เตอร์จะมีกล่องที่ใส่ขวดตัวอย่างชาไว้ให้ดมเพื่อเลือกกลิ่นด้วยค่ะ ราคาก็กาละ 195 บาทเอง (สำหรับสองท่าน) มีให้เลือกทั้งหมด 10 กลิ่นค่ะ มีหลายตัวมากที่หอมนะคะ อย่างสองตัวมุมขวาล่างนั่นก็เป็นสองตัวที่เราชอบหละค่ะ แต่ท้ายที่สุดก็เลือก Bohemia Indiana ค่ะ เพราะกลิ่นจะออกแนวเอิร์ลเกรย์หน่อย แฮ่...
แต่ข้อดีของที่นี่คือ ไม่ได้ใช้น้ำประปามาต้มค่ะ เพราะไม่ได้กลิ่นคลอรีนนะคะ (ร้านไหนเอาน้ำประปาโดยไม่ผ่านการกรองที่ดีมาต้มชานี่..จะทำเราเซ็งมาก)
เลยเอาข้อมูลของอุณหภูมิน้ำมาแปะให้คนอ่านเพิ่มเติมนะคะ ข้อมูลจาก http://www.senseteastudio.com/th/experience/experience-art-tea/secrets-tea-brewing/
ต่อไปค่ะ เป็นหนึ่งเค้กที่ยังไม่มีการวางขายในร้านตอนนี้นะคะ (จะมีในอนาคต) นั่นก็คือฟรุตเค้กสูตรของครอบครัวค่ะ จะเห็นว่าแค่หน้าตาก็แตกต่างจากฟรุตเค้กทั่วไปแล้วนะคะ แทบจะไม่เห็นเนื้อเค้กกันเลยทีเดียว ผลไม้มาแบบเต็มๆ มากค่ะ
ส่วนนี่คือเมนูตามลิสต์ที่วันนี้ทางร้านจะให้พวกเราชิมและช่วยคอมเม้นท์ค่ะ (แต่พอเอาเข้าจริง มีมานอกเหนือลิสต์เพิ่มอีกเพียบค่ะ เพราะงั้น รูปเยอะ เนื้อหาเยอะ ล้นบล็อกเช่นเคยนะคะ เหอๆ)
ซึ่งตรงนี้เราว่าเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของร้านนี้เลยนะคะ คือ นอกจากการตกแต่งร้านที่แสดงให้เห็นถึงความอาร์ต ความเอาใจใส่ในรายละเอียดแล้ว พรีเซนต์เตชั่นของอาหารแต่ละอย่างก็แสดงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยค่ะ ออกมาดูดี มีคอนเซปต์ และมีการมิกซ์ ผสมผสานอาหารหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างครีเอทมาก (เดี๋ยวจะยิ่งเห็นมากขึ้นในเมนูต่อไปค่ะ)
ส่วนรสชาตินะคะ ออกมามีกลิ่นดอกไม้พฤกษาๆ หน่อย มีความหนืดนิดๆ ของน้ำค่ะ เราว่าโอเคนะคะ สวยทั้งรูป จูบก็หอมหละ ชอบๆ
ต่อไปเป็นเครื่องดื่มของเหมียวค่ะ กับเมนู Peach Pie Moonshine 120 บาทเช่นกันค่ะ
ห้าตัวต่อไปนี้ก็ยังเป็นของเพื่อนร่วมโต๊ะเช่นเคยค่ะ (วันนั้นเรากินแต่ชาร้อนที่เลือกมาหละ จนกระทั่งเจ้าของร้านไปทำมาเพิ่มให้เอง นั่นก็คือ Toffee Coffee ค่ะ แต่เดี๋ยวไปดูแต่ละอันกันก่อนเนาะ
ซึ่งผลการลองดื่มไปทั่วมีดังนี้นะคะ ช็อกโกแลตร้อน เข้มข้นมากค่ะ และไม่หวาน วิปครีมอร้อย อร่อย ตัวเดอะลาสต์ราสพ์ หวานอมเปรี้ยว และผสมผสานระหว่างสองรสได้ดี คิดว่าน่าจะเป็นรสที่ผู้หญิงชอบ และได้กลิ่นน้ำผึ้งด้วยนะคะ ส่วนทอฟฟี่คอฟฟี่ หอมคาราเมล กาแฟนมรสละมุนดี เหมาะกับคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟเข้มมากนักอย่างเราค่ะ และวานิลาปั่น จะมาแบบหอมอ่อนๆ รสละมุนๆ นะคะ ส่วนกาแฟดำคุณอ้น เราไม่ได้ชิมแหละ ขอผ่านนะฮับ
ต่อไปเป็นอีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มค่ะกับ Cold Brew Ice Cube Latte 150 บาทค่ะ
เอาหละค่ะ หมวดเครื่องดื่มหมดไปแล้ว (สักที ฮา) ต่อไปมาเริ่มกันที่อาหารก่อนเลยค่ะ กับแอพพิไทเซอร์แรกเลย Homemade Liver Pate with Bread 180 บาทค่ะ
ซึ่งขอแนะนำให้ลองกินให้ครบทั้งสามเครื่องเคียงนะคะ เพราะจะได้ความอร่อยและรสชาติที่แตกต่างกันอย่างมากค่ะ อย่างเปลือกส้มก็จะหอม และเปรี้ยวอมหวานนิดๆ พอกินคู่กับพริกไทยก็หอมและเผ็ดนิดๆ พอเป็นแตงกวาดองก็สดชื่อและเปรี้ยวนิดๆ ค่ะ ซึ่งอร่อยคนละแบบแบบไม่น่าเชื่อ เป็นจานเปิดที่ทำให้เห็นว่า เจ้าของร้านน่าจะเป็นคนสรรกิน ช่างประยุกต์และรักอาหารพอสมควรเลยแหละ
เมนูนี้เป็นแอพพิไทเซอร์อีกตัวที่เก๋ไก๋มากค่ะกับ Chicken Skin With Mashed Potato 160 บาท
ต่อไปกับเมนูสลัดเมนูแรกค่ะ Young&Wild Mizuna Salad with Italian Sausages 250 บาทค่ะ
ต่อไปกับเมนูสลัดเมนูที่สองค่ะ Nicoise Salad 195 บาทนะคะ
ขอคั่นด้วยนามบัตรจากทางร้านหน่อยนะคะ นามบัตรยังเก๋เลย อาร์ทเชียวค่ะ
ต่อไปค่ะ กับซุปที่อยู่ในลิสต์นะคะ นั่นก็คือ Warm Hearty Pumpkin Soup 160 บาทค่ะ
ต่อไปเป็นซุปที่อยู่ในลิสต์เช่นกันค่ะกับ Caramalized Onion Soup ค่ะ ราคา 220 บาท
ต่อไปกับพิซซ่าถาดแรกค่ะ Miele 260 บาท ประกอบไปด้วยแอปเปิ้ล น้ำผึ้ง อัลมอนด์ บรีและมอสซาเรลล่าชีสนะคะ
แต่ตรงนี้พี่ต้นบอกว่า เค้าว่าชิ้นแอปเปิ้ลมันบางไปหน่อย ทำให้รสของแอปเปิ้ลมันไม่ชัด เลยโดนความหวานกลบค่ะ แต่เราโอเค เพราะปกติเราไม่ค่อยกินเปรี้ยว และไม่ชอบแอปเปิ้ลเขียว แหะๆ
ต่อไปเป็นเมนูพาสต้ากันบ้างค่ะ ตัวนี้เป็น Linguine AI Fruitti Di Mare 325 บาทนะคะ
มาหม่ำพาสต้ากันต่อค่ะ กับ Creamy Mushroom with Truffle Oil 220 บาทค่ะ
ต่อไปเป็นพิซซ่าอีกเมนูค่ะกับ Egg Bacon&Cheese 240 บาทค่ะ
อืมม์..สรุปแล้วเมนูพิซซ่าทั้งสองเมนูที่เราได้ชิมนี่...ไม่ค่อยโดนเรามากนักค่ะ
ต่อไปกับขนมปังกระเทียมค่ะ เราได้กินตอนเย็นแล้วน่ะค่ะ แต่หอมฉ่ำกระเทียมดีค่ะ ถ้าได้กินตอนร้อนๆ น่าจะฟินเฟร่อนะฮับ
น้องน่ารักทั้งคู่เลย และจากหลายๆ อย่างรู้สึกเลยว่าเป็นคนที่รักการเดินทางและรักการกิน (เหมือนใครแถวๆ นี้น้อ แหะๆ) ค่ะ
ต่อไปค่ะกับเมนดิชเมนูแรก Smokey Barbecued Pork Ribs 480 บาทค่ะ
ต่อไปเป็นอีกหนึ่งเมนูเมนดิชค่ะกับ Duck Confit with Rasberry Sauce 360 บาทค่ะ
ต่อไปเป็นเมนดิชจานสุดท้ายแล้วค่ะกับ Herbed Tenderloin Steak 590 บาทค่ะ
ตัวเนื้อชุ่มฉ่ำมากค่ะ นุ่มเลยแหละ กับราคาขนาดนี้ เราว่าโอเคอยู่นะคะ
หลังจากอิ่มของคาวทั้งหมดแล้วก็ถึงเวลาของหวานกันแล้วค่าา ทางร้านก็ยกกล่องชามาให้เลือกกันค่ะ ก็มีสองท่านที่ยังไม่ได้ชิมชาร้อนเลยเลือกไป น้องจ๊ะจ๋าเลือก Vanilla Vanille ส่วนพี่ต้นเลือกเบอร์ 9 Rare Red Ruby ค่ะ
ตัวชาวานิลา เวอนิล กลิ่นวานิลาสุดมาก ฟุ้งกำจาย แต่รอนานมากกว่าจะฟิวส์เช่นกันค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำอุณหภูมิไม่เหมาะหรือเปล่า แล้วเวลาดื่มก็..รสความเป็นชามันบางไปหน่อยน่ะค่ะ
ส่วนของพี่ต้น จะออกแนวฟรุ้ตตี้ๆ หน่อยค่ะ ซึ่งพอกินกับฟรุ้ตเค้ก พี่ต้นบอกว่า "คือมาก" เพราะงั้นลองแมทช์กันดูนะคะ
ต่อไปมาว่ากันที่ของหวานแต่ละเมนูนะคะ
เมนูแรกกับ Tiramisu 180 บาทค่ะ ตอนมาเสิร์ฟ คุณบันบอกว่า ขออภัยด้วยที่เซ็ตตัวยังไม่ดี แต่ทำไม่ทันแล้ว เทกซเจอร์คงไม่ได้ แต่ช่วยชิมรสชาติหน่อยนะครับ
ต่อไปเป็นครีมบูเล่ค่ะ ตัวนี้รสชาติจะออกแนวละมุนๆ หอม หวานนิดๆ จากที่เผาหน้าค่ะ อร่อยแบบละมุนๆ ค่ะ
ต่อไปเป็นเค้กช็อกหน้านิ่มค่ะ (นอกลิสต์อีกแล้ว ฮา ตอนเค้าเอามาเสิร์ฟนี่ เฮ้ย ด้วยความตกใจกันทั้งโต๊ะว่า มีอีกเรอะ)
ตัวนี้อร่อยนะคะ ใกล้เคียงกับร้านกัลปพฤกษ์เลย ช็อกโกแลตเข้มข้น เนื้อนุ่ม เบาๆ แต่แน่นค่ะ
อันนี้ของคุณอ้นค่ะ จำชื่อไม่ได้ เจ้าตัวกินแบบไม่ใช่ไซรัป ไม่ใส่น้ำตาลอะไรทั้งสิ้นค่ะ เราชิมไปหน่อย ซึ่งคนไม่กินกาแฟแบบเรา โอเคนะคะ เข้มดี แต่ไม่เวอร์เกิน แหะๆ
เราค่อนข้างประทับใจมากๆ กับความละเอียดอ่อน ความมีศิลปะหลายๆ อย่างทั้งตัวร้านและอาหารค่ะ เจ้าของร้านน่ารักทั้งคู่เลย และอย่างที่บอกว่า กินอาหารหลายๆ อย่างแล้วรู้สึกถึงความรักอาหารของเค้าค่ะ
แม้ว่าบางอย่างจะยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก (เราไปกินหลังจากเค้าเพิ่งซอฟท์โอเพิ่นนิ่งไม่กี่อาทิตย์น่ะนะ) แต่คิดว่าสักพักพออะไรๆ อยู่ตัวแล้วน่าจะเป็นร้านที่ดีร้านหนึ่งเลยค่ะ (จากในเฟซบุ๊คก็จะเห็นชาวต่างชาติไปให้คะแนนดีๆ เขียนชมเชยกันเยอะมากๆ)
ร้านนี้มีซ้ำแน่นอนค่ะ แล้วถ้าได้ไปกินอีก จะมารีวิวอีกทีนะคะ
張貼