更多
2012-02-10
93 瀏覽
วันนี้พอดีมาประชุมที่โรงแรม St. Regis โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่บนภนนราชดำริ โดยตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าราชดำริเลยครับ พอประชุมเสร็จ เลยมีโอกาสได้มากินมื้อใหญ่สุดหรูที่ร้านอาหารอิตตาเลียนที่ชื่อ Jojo ที่ชั้น 1 ของโรงแรมการตกแต่งของร้าน เป็นแบบ Lounge ที่มีความรู้สึกของความเป็น contemporary european โดยมีกลิ่นอายของความเป็น asian ในรายละเอียดเล็กๆ และการจัดแสงที่ออกสลัวๆ ทำให้เหมาะกับการมานั่งจิบไวน์พูดคุยไปกับคนรู้ใจ แต่พอดีวันนี้มากับนายครับ เยอะมากไม่ได้ Jojo เป็นร้านที่อิมพอร์ตเชฟและผู้จัดการร้านมาจากอิตาลีโดยตรง ทำให้รสชาติของอาหารถูกถ่ายทอดออกมาโดยคงความเป็นอิตาลีตอนล่างไว้ได้อย่างมีศิลปะ อาหารอิตาลีตอนล่าง
การตกแต่งของร้าน เป็นแบบ Lounge ที่มีความรู้สึกของความเป็น contemporary european โดยมีกลิ่นอายของความเป็น asian ในรายละเอียดเล็กๆ และการจัดแสงที่ออกสลัวๆ ทำให้เหมาะกับการมานั่งจิบไวน์พูดคุยไปกับคนรู้ใจ แต่พอดีวันนี้มากับนายครับ เยอะมากไม่ได้ Jojo เป็นร้านที่อิมพอร์ตเชฟและผู้จัดการร้านมาจากอิตาลีโดยตรง ทำให้รสชาติของอาหารถูกถ่ายทอดออกมาโดยคงความเป็นอิตาลีตอนล่างไว้ได้อย่างมีศิลปะ
อาหารอิตาลีตอนล่าง กลาง และเหนือ จะมีรสชาติไม่เหมือนกันครับ โดยทางตอนล่าง รสชาติจะค่อนข้างออกไปทางจืด เนื่องจากมีอากาศที่ค่อนข้างอุ่นกว่าตอนกลางและบน และส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นอาหารทะเล และส่วนประกอบหลักถูกสั่งตรงมาจากอิตาลีโดยตรง เริ่มแรกครับ ด้วย Complementary กับขนมปังและซาลามี่ ส่วนเมนูที่สั่ง เนื่องจากนายสั่งครับ สั่งตาม recommendation ของผู้จัดการร้าน เลยไม่รู้ราคาและชื่อเมนู และตอนแสิร์ฟ จะมีผู้จัดการร้านออกมาแนะนำเมนู แต่เนื่องจากรายละเอียดเยอะมาก เลยจำอะไรไม่ได้เลย เอาเป็นว่าบรรยายจากความรู้อันน้อยนิดละกันนะครับ เมนูแรกครับ เป็นชีสอะไรซักอย่าง ผู้จัดการแนะนำว่าเป็นเมนูชีสอย่างดีที่ส่งตรงมาจากอิตาลี เป็นชีสแผ่นที่เอามาทำเป็นถุงครับ หน้าตาดูน่าสนใจมาก วิธีการทำเดาไม่ถูกจริงๆ แต่อร่อยมาก รสนุ่มลิ้น กลิ่นติดเหลืออยู่ในปาก ขาดแต่ไวน์แดง ซึ่งคิดว่าน่าจะขับรสชาติของเมนูนี้ออกมาได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว และท่าทางแพงมากด้วยกัน เมนูที่สอง เป็นชุดสำหรับสี่คน ประกอบด้วยอาหาร cold dish แปดอย่าง เริ่มจากสลัดมะเขือเทศกับมอสซาเรล่าชีสกับผักร็อกเก็ต ออเดิร์ฟที่เรียกว่าเป็นพื้นฐานในอาหารอิตาลี ราดด้วยน้ำมันมะกอกกับพริกไทยดำ น้ำมันมะกอกที่ใช้เป็น Extra Virgin อย่างดีครับ ส่วนชีสก็ความนุ่มกำลังดี กลิ่นไม่หืน พร้อมกับมะเขือเทศที่ต้มอย่างได้ที่ ลอกเปลือกออกบางๆ ทำให้ไม่เละจนเกินไป เข้าปากแล้วแทบละลายไปเลยทีเดียว
ต่อด้วยสลัดหมึกยักษ์ราดน้ำมันมะกอกกับพริกไทยดำ ที่ต้มด้วยความร้อนสูงในเวลาสั้นๆ ทำให้ปลาหมึกออกมานิ่ม เสิร์ฟพร้อมกับผักร็อกเก็ต อันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารอิตาเลียน
ต่อมาคือซีฟู้ดสลัดครับ ประกอบด้วยกุ้งล็อบสเตอร์ ปลาหมึกกล้วย และ หอยแมลงภู่ มากับน้ำมันมะกอกและผักร็อคเก็ตกับพริกไทยดำอีกแล้ว
ตามมาด้วยบลูชีส เฮเซลนัท และผลไม้อบแห้ง อันนี้ไม่รู้จริงๆครับว่าผลอะไร แต่บลูชีสอร่อยมากครับ ไม่เหม็นหืน
ต่อไป กุ้งชุบแห้งทอดครับ เป็นกุ้งทะเล สดมาก เนื้อเด้ง หนึบ แป้งไม่อุ้มน้ำมัน ทำออกมาได้ดีมากครับ ไม่เลี่ยนเลย
อีกอันเป็นผัดผักไสตล์อิตาลีครับ ประกอบด้วยเห็ด พริกหวาน และแตงกวา เมนูนี้มักจะไม่ถูกปากคนไทยครับ เพราะเราชินกับการกินผัดผักใส่กระเทียม และเสิร์ฟมาร้อนๆ พอดีผมก็คนไทย เลยไม่ชอบ -_-"
สุดท้ายสำหรับเมนูนี้ครับ ปาร์มาแฮม อันนี้อร่อยมากๆ ไม่เค็มเกินไป กลิ่นหมักไม่แรง ไม่เหม็น ปกติกินกับเบียร์หรือไวน์แดงแล้วแจ่มเลย พอดีวันนี้ำำไม่กล้าสั่งไวน์ แต่ถ้าสั่งก็คงทำให้หนักใจ ว่าจะเลือกแกล้มกับไวน์แดงหรือไวน์ขาวดี เพราะอาหารทะเลเยอะเหลือเกิน ต่อไปคือ Al tartufo ครับ พิซซ่าขึ้นชื่อของ Jojo ซึ่งประกอบด้วยเห็นทรัฟเฟิล มันอบ มอนทาซิโอ หรือผักดอง (รสชาติเหมือนกานาฉ่าย และมอสซาเรล่าชีส) ราคา 600 บาท เมนูนี้อร่อยมากครับ แนะนำ แป้งอบออกมาได้กรอบและนิ่มกำลังดี ใช้ความร้อนไม่สูงเกินไป ทำให้ออกมาไม่กรอบแตกเลอะเทอะ และไม่นิ่มเละ รสชาติของหน้าพิซซ่าก็เข้ากันได้ดีมากครับ เลือกเห็ดทรัฟเฟิลเสริมกับกลิ่นชีสได้อย่างมีเสน่ห์ เน้นที่รสเค็มเป็นหลักครับ เมนูเซ็ตต่อไปเป็นพาสต้าครับ เริ่มจากสปาเก็ตตี้ครีมซอสที่มีลักษณะพิเศษอยู่ที่พริกเสปนที่ใส่ลงไป ทำให้เผ็ดจี๊ดที่ปลายลิ้น แต่ไม่เผ็ดร้อนแบบพริกไทย รสเผ็ดติดลิ้นไม่นานครับ ซึ่งทำให้ครีมซอสที่เสิร์ฟมากับพาสต้าไม่เลี่ยนจนเกินไป แน่นอน เส้นอย่างดีครับ ลวกเส้นออกมาแบบอันเดนเต้ หรือ ไม่ต้มออกมาจนสุก ตรงกลางยังแข็งกรอบอยู่นิดๆ
ตามมาด้วยมะเขีอม่วงอบมะเขือเทศ เน้นที่รสเปรี้ยวตามธรรมชาติของมะเขือเทศครับ เมนูนี้ไม่ได้โดดเด่นอะไร
ต่อไปเป็นมักกะโรนีครีมชีสครับ เค็มปานกลาง เส้นใช้ได้ อันนี้ก็ธรรมดา
สุดท้าย เป็นลาซานญ่าครับ อันนี้อร่อยมาก แต่ลืมตัวว่าตั้งใจจะเลิกทานเนื้อ (ลาซานญ่าพื้นฐานจะใช้เนื้อวัวสับเป็นส่วนประกอบ) ด้วยความที่เลิกทานเนื้อไปนานแล้ว แต่ก็เผลอเข้าปากไปหนึ่งคำ แป้งจับตัวกันกำลังดีครับ ไม่เละเป็นทราย แล้วก็ไม่ยุ่ยเป็นแป้ง มอสซาเรลล่าชีสอย่างดี ไม่เค็มเกินไป อร่อยมากครับ แนะนำเลย ปิดท้ายด้วยของหวาน 4 อย่าง แต่ถ่ายทันแค่สามอย่างเท่านั้น ประกอบด้วยช็อคโกแลตชั้นดี สั่งตรงจากอิตาลี เสิร์ฟกับสตรอเบอรี่และวานิลาซอส ตอนมาเสิร์ฟพนักงานเข็นรถมาเลยครับ เป็นช็อคโกแลตทรงปริซึมขนาดใหญ่ แล้วไสลซ์ออกมาเสิร์ฟหนึ่งซีก ราดวานิลาซอสแล้วกินกับสตรอเบอรี่ ละลายไปเลยครับ
อันต่อมาคือ Martini Tiramisu เป็นทิรามิสุที่เสิร์ฟมาในแก้วมาร์ตินี่ มี่กลิ่นหอมอ่อนๆของกาแฟ คลุ้งไปกับดรายมาร์ตินี่ โรยหน้าช็อคโกแลต texture อ่อนๆนุ่มลิ้น แต่ก็ไม่เละจนเลี่ยน หวานกำลังดี เมนูนี้รสชาติมีรสนิยมมากครับ แนะนำสุดๆ
รูปสุดท้ายคืออิตาเลียชีสเค้ก ที่เป็นคุกกี้แอนด์ครีม เสิร์ฟพร้อมสตรอเบอรี่สดฝานบางๆและซอร์เบทสตรอเบอรี่ อันนี้ก็ใช้ได้ครับ หวานอมเปรี้ยว แต่ไม่โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ
เมนูสุดท้ายแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เป็นรัมสปอนจ์เค้ก คือเป็นเค้กที่ชุ่มไปด้วยรัม เสิร์ฟกับซอร์เบทมะนาว กลิ่นรัมหนักมาก แต่กินกับซอร์เบทแล้วเหมือนโมฮีโตเลยครับ
ซักนิดนะครับ ร่วมแคมเปญจน์นิดหน่อย กับรูปคู่ซี้ Manager team ของเรา สรุปโดยรวมนะครับ เป็นมื้อหรูหราตามไสตล์อาหารอิตาลีชั้นดี รสชาติและบรรยากาศมีระดับมาก ขาดไวน์ไป เพราะไม่กล้าสั่ง ราคาครับ มั่นใจ ว่าเฉียดสองหมื่นแน่นอน สำหรับมื้อนี้กับ 6 คน มื้อค่ำ ถ้าจ่ายเองคงน้ำตาตกเลยทีเดียว
張貼