ครัวทะเลจันผา

營業中

休息中

ศรีราชาเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในเรื่องทัศนียภาพที่สวยงาม สะอาด มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเช่นเกาะสีชัง มีอาหารทะเลสดๆ ราคาถูก และมีร้านอาหารอร่อยตั้งเรียงรายอยู่ทั้งบนถนนเส้นหลัก และถนนเส้นเล็กปัจจุบันความเจริญได้เข้ามามาก ศรีราชากลายเป็นอดีตที่กำลังจะถูกลืมในเรื่องการท่องเที่ยว แต่ในด้านอาหารร้านอร่อยที่ศรีราชาหลายร้านก็ยังคงอยู่ให้บริการคนที่ผ่านไปผ่านมาวันนี้จะพาไปอร่อยที่ร้านที่เป็นตำนานของศรีราชาร้านหนึ่งครับ ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องร้านสวย วิวงาม และอาหารอร่อย โดยเฉพาอย่างยิ่งเมนูที่เป็นสูตรโบราณเช่น ปลาทูต้มเค็มหวานร้านอาหาร จันผาร้านนี้มาไม่ยากเลยครับ ตัวร้านตั้งอยู่ในซอยเดียวกับค่ายลูกเสือวชิราวุธครับ พอเข้าซอยมาแล้วก็มีป้ายบอกตลอดทางไม่มีหลงแน่ถ้าตั้งต้นจากถนนสุขุมวิท สายเก่านะครับก็วิ่งมุ่งหน้าศรีราชามาเรื่อยๆนะครับจนถึงค่ายลูกเสือวชิราวุธครับ จะเห็นป้ายบอกทางเลี่ยงไปพัทยา – ระยอง และป้ายบอกทางไปค่ายลูกเสือวชิราวุธ ก็เลี้ยวเข้าซอยข้างหน้าเลยครับ ปากซอยจะมีป้ายชื่อร้านอยู่ครับ พอเลี้ยวเข้าซอยก็ขับตรงมาเรื่อยๆ พอถึงทางแยกข้างหน้าจะมีป้ายบอกให้เลี้ยวซ้าย แล้วขับเลียบกำแพงไปเรื่อยๆ คราวนี้ขับตรงไปอย่างเดียวเลยนะครับ จะมีบ้ายบอกทางเป็นระยะๆครับ จะเห็นรั้วของร้านอยู่ทางขวามือก่อนถึงตัวร้านครับ ต้องขับไปอีกนิดถึงจะเจอทางเข้าร้านครับตัวร้านเป็นตึก 2 ชั้นดูสูงใหญ่ เพราะว่าตัวร้านสร้างติดกับเขา ตัวร้านจริงๆจะอยู่ที่ชั้นสองครับ บริเวณชั้นสองของร้านจะอยู่สูงเหนือระดับยอดไม้เพราะฉะนั้นก็จะสามารถมองวิวร้านได้ไกลไปถึงทะเล เห็นเกาะสีชังได้ในวันที่อากาศดีเลยครับร้านชั้นสองนี่จะแบ่งออกเป็นสามส่วนครับ ส่วนที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นเฉลียงโล่ง กว้าง ยาวไปตลอดตัวร้าน ตอนแดดร่มลมตกท่าทางจะบรรยากาศดีมากๆทีเดียว ยิ่งถ้ามานั่งตอนเย็นๆ ดูพระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้วจะยิ่งสวยมากเลยครับถัดมาเป็นโซนในร่ม ทางร้านจะจัดเป็นชุดโซฟาตัวใหญ่ๆ นุ่ม สบายๆ เอาไว้ต้อนรับ มุมนี้เอาไว้นั่งพักผ่อน กินข้าวสบายๆ รับลมเย็นๆ และโซนสุดท้ายเป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดไม่ใหญ่มาก อยู่สุดตัวร้านทางด้านหนึ่ง เป็นมุมส่วนตัวได้เลยทีเดียวนะครับ เจ้าของร้านบอกว่าร้านจันผาที่อยู่ตรงนี้เพิ่งย้ายร้านมาจากที่เดิมซึ่งอยู่ฝางตรงข้ามกับค่ายลูกเสือวชิราวุธครับ ยังมีลูกค้าเดิมทีหลงไปร้านเก่า ทางร้านก็เลยต้องตั้งป้ายบอกทางไปร้านใหม่เอาไว้ และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับร้านจันผาตรงเกษตร – นวมินทร์ หรือที่ร้านจันผาเขาใหญ่เลยครับ ชื่อซ้ำกันเฉยๆเราเลือกนั่งกันที่โซฟาสีปูนแห้ง สบายๆ ร้านนี้มีลมเย็นๆพัดมาตลอดเวลาจริงๆนะครับ ทำให้ไม่รู้สึกว่าร้อน ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ริมทะเล ผมว่าอย่างนี้ดีกว่าไปนั่งริมทะเลครับ เพราะเวลาไปนั่งริมทะเลมันจะมีไอทะเลพัดมาเกาะรู้สึกตัวเหนียวๆ ยังไงไม่รู้ครับวันนี้จัดเต็มครับ เพราะมีเพื่อนกินเยอะครับ เลยสั่งได้เดต็มที่ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนสั่งเหมือนกับเวลาที่ไปกัน 2 คนเมนูแรก หอยมะนาว เป็นเมนูกินเล่นๆ แซ่บๆ เรียกน้ำย่อยครับ ทางร้านใช้หอยแมลงภู่ไทยๆ สดๆ ตัวขนาดพอคำ นึ่งให้สุก แล้วราดน้ำปรุงรสแซ่บน้อยๆ รสชาติคล้ายน้ำยำ เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดนิดๆ ใส่กระเทียมสับละเอียดมาอย่างจุใจทีเดียวครับ เมนูนี้ตัวเนื้อหอยจะหวานหน่อยๆอยู่แล้วตามธรรมชาติของของทะเลสดๆ ได้น้ำยำเปรี้ยวๆ หวานๆ เค็มๆ มาช่วยชูรสอีกที และถ้าได้กินคู่กับใบสะระแหน่นมี่แนมมาให้ด้วยจะให้ความหอมขึ้นจมูกด้วยเรียกว่าอร่อยทั้งปากและหอมทั้งกลิ่นเลยครับเมนูที่สอง ยำผักกูด – กุ้งสดเมนูนี้เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านจันผาเลยครับ ยอดผักกูดสดๆ เอามาลวกแค่พอสุก ยอดผักกูดยังคงความกรอบ คลุกกับกุ้งสดลวกพอสุก และน้ำยำเปรี้ยวๆ หวานๆ แซ่บแค่ปลายลิ้น โดยถั่วลิสงคั่ว เป็นรสชาติของยำผักกูดที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนเลยครับ ส่วนใหญ่ที่เคยกินคือน้ำยำแบบแซ่บๆ เผ็ด เปรี้ยว หรือไม่ก็เป็นยำใส่กระทิ แต่น้ำยำรสนี้เพิ่งเคยทานที่ร้านนี้เลยครับ เป็นรสที่ทำให้ทานได้เรื่อยๆ นะครับ มีรสแซ่บๆนิดๆ ทำให้ไม่เบื่อดีด้วยครับ แล้วถั่วลิสงที่โรยมาก็ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเคี้ยว ทำให้เคี้ยวเพลินขึ้นไปอีกครับเมนูที่สาม หมูม้วนจันผาเมนูนี้สร้างความประหลาดใจมากครับ ตอนแรกนึกภาพไปว่าจะต้องเป็นหมูม้วนก้อนใหญ่ ตุ๋นในน้ำซอสอะไรซักอย่าง แต่เอาเข้าจริงจานนี้เป็นเมนูทานเล่นครับ มากันเป็นเซทเลยทีเดียว ลักษณะของหมูม้วนจันผาจะคล้ายๆสะเต๊ะครับ แต่มีกลิ่นที่แตกต่างออกไปไม่ได้มีแต่กลิ่นสะเต๊ะเท่านั้น ในโต๊ะก็เดากันยกใหญ่ว่ากลิ่นหอมๆที่แตกต่างจากกลิ่นสะเต๊ะนั้นคืออะไรก็ไม่มีใครทายถูกซักคน คุณแม่ของเจ้าของร้านเลยเฉลยให้ว่าเป็นกลิ่นของ “โป๊ยกั๊ก” ครับ มิน่าหอมคุ้นๆ แต่กลิ่นโป๊ยกั๊กในจานนี้ไม่ได้มีกลิ่นเหมือนพะโล้นะครับ คือกลิ่นมันหอมๆ คล้ายๆสะเต๊ะ ชวนหิวมากกกกกกก คุณแม่ของเจ้าของร้านบอกว่าจานนี้ต้องเสิร์ฟทั้งเซทครับ เครื่องเคียงก็มี ส้มตำปูม้า รสเปรี้ยวๆ หวานๆ แซ่บเล็กๆ มีปูม้าไข่ดองน้ำปลาซ่อนมาข้างใต้ ไว้กินแกล้มส้มตำ และที่ขาดไม่ได้สำหรับเมนูนี้ก็คือ ข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ ลองชิมแบบครบเครื่องดูแล้วอร่อยมากๆๆๆ ครับ ได้รสที่ครบทีเดียวครับ รสเค็มๆ หอมเครื่องเทศจากหมูม้วนจันผานุ่มๆ ผสมกับรสเปรี้ยวๆ หวานๆ แซ่บๆจากส้มตำ แล้วได้ข้าวเหนียวอุ่นๆตามเข้าไป สุดยอดครับเมนูนี้จานต่อไป ซี่โครงหมูอบจันผาเป็นกระดูกหมูตุ๋นในน้ำซอสจนเปื่อยนุ่ม น้ำซอสรสเข้มข้น รสหวาน เค็ม มีเปรี้ยวนิดๆแค่ติดปลาลิ้น เวลากินใช้แค่ช้อนกับส้อมเท่านั้นครับ แทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย กระดูกหมูก็เลือกใช้กระดูกหมูส่วนที่เป็นกระดูกอ่อน ตุ๋นในน้ำซอสคงจะนานพอดู เพราะน้ำซอสเข้มข้นมากๆ เห็นแล้วอยากเก็บเอาน้ำซอสมาจิ้มขนมปังกินตอนเช้าครับ อิอิอิเมนูนี้คุณแม่ของเจ้าของร้านบอกว่าจะต้องกินคู่กับยำผักกาดดอง ที่เสิร์ฟมาคู่กันครับ ยำผักกาดดองรสหวานนำ เค็มตาม มีรสเปรี้ยวๆนิดเดียว ไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเลยครับ ไม่น่าเชื่อนะครับ พอกินคู่กันแล้วมันเข้ากันได้ดีมากครับ รสเข้มข้นเค็ม หวาน ของน้ำซอส เข้ากันได้ดีกับรสสัมผัสที่กรุบกรอบ รสชาติหวานๆ เค็มๆ ของยำผักกาดดองได้ดีจริงๆครับจานต่อมาเป็น signature ของร้านจันผาเลยนะครับ ปลาทูต้มเค็มหวานเห็นจานนี้แทบจะร้องขอข้าวจานโตๆมาทานด้วยกันเลยครับปลาทูต้มรสเค็มๆ หวานๆ เปื่อยไปทั้งตัวแม้กระทั่งก้าง สามารถกินได้โดยไม่ต้องกลัวติดคอ คุณแม่ของเจ้าของร้านบอกให้ฟังว่า เมนูนี้มีต้นตำหรับมาจากในวังครับ คุณแม่เคยเป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลสมเด็จฯ ณ ศรีราชา เคยได้ไปช่วยงานห้องเครื่องจากในวังเมื่อครั้งที่พระบรมวงศ์ศานุวงศ์เสด็จมาประทับที่เรือนน้ำ โรงพยาบาลสมเด็จฯ ณ ศรีราชา ก็เลยจำเอาเคล็บลับในการทำเมนูนี้มาทำทานคุณแม่ยังบอกอีกว่าเมนูนี้ทำยาก เพราะว่าต้องใช้ปลาทูโป๊ะสดๆ เพราะว่าถ้าปลาไม่สดเวลาเอามาปรุงแล้วท้องปลาจะแตก แล้วยังต้องหาอ้อยมารองก้นหม้ออีก เพราะว่าเราไม่สามารถคนจนถึงก้นหม้อได้ เดี๋ยวปลาจะเละหมด แล้วก็จะต้องตั้งไฟอ่อนมากๆ เพราะถ้าน้ำเดือดแรงๆแล้วจะทำให้หนังปลาลอก กระดำกระด่าง ไม่สวย เมนูใช้เวลาปรุงถึง 2 วันทีเดียวนะครับ เจ้าของร้านบอกว่าเคยทำเมนูนี้ด้วยหม้อแรงดันเพื่อประหยัดเวลา แต่ไม่ work ครับ หนังปลาลอกหมด กระจัดกระจาย ไม่สวยเลย สุดท้ายก็ต้องมาใช้วิธีโบราณๆ แบบเดิมครับเคยมีคนบอกว่าเมนูปลาทูต้มเค็มหวาน เป็นเมนูพื้นบ้านของทางแถบภาคตะวันออกครับ จะต่างกับปลาทูซาเตี๊ยะของทางอัมพวา แม่กลอง ถึงหน้าตาจะคล้ายๆกัน แต่รสชาติจะไม่เหมือนกันเลยครับ เท่าที่ผมสังเกตได้คือรสชาติครับ ปลาทูต้มเค็มหวาน จะมีรสชาติที่ออกหวานๆ มากกว่าปลาทูซาเตี๊ยะซึ่งจะออกรสเค็มมากกว่า ที่สำคัญ ปลาทูต้มเค็มหวานจะไม่ใส่พริกแห้งลงไปด้วยเหมือนปลาทูซาเตี๊ยะครับเมนูนี้มีเครื่องเคียงอีกแล้วครับ เครื่องเคียงของเมนูนี้เป็นพริกขี้หนูซอย หอมแดงหัวเล็กๆซอย และมะนาวฝาน เอาปลาทูต้มเค็มหวานราดข้าวให้น้ำโชกๆ โรยพริกขี้หนูซอย หอมแดงหัวเล็กๆซอย แล้วบีบมะนาวลงไป รับรองว่ากินกันข้าวหมดหม้อเลยนะครับ รสชาติหวานๆ เค็มๆ ของปลาทู ตัดกับรสเผ็ดๆ ของพริกขี้หนูซอย หอมแดงหัวเล็กๆซอย ตัดรสเปรี้ยวด้วยมะนาว พูดถึงแล้วยังน้ำสายสออยู่เลยครับ อยากกินเมนูนี้อีกจังคับเมนูคาวทานจริงๆ เป็นเมนูของที่ร้านกำลังได้รับความนิยมจากลูกค้าครับ น้ำตกปลากะพงเมนูนี้เป็นปลากะพงทั้งตัวบั้งเป็นชิ้นๆ ทอดจนกรอบเกรียวไปทั้งตัว ราดน้ำยำแบบน้ำตกหมู ทำจากพริกป่น มะนาว น้ำปลา ข้าวคั่ว รสชาติเผ็ดๆ หวานๆ เค็มนิดเดียว หอมเครื่องสมุนไพรที่ใส่มาด้วยมีหอมแดงซอย ผักชีใบเลื่อยซอยละเอียด ต้นหอมซอยละเอียด โรยหน้าด้วยใบโหระพามาอย่างเต็มที่ ปลากะพงทอดกรอบๆ กินกับน้ำยำรสกลมกล่อมแบบเผ็ดน้อยๆ มีเปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ ตามด้วยเครื่องสมุนไพร หอมข้าวคั่วใหม่ๆมากครับ ยิ่งทานพร้อมกับใบสะระแหน่ที่จัดมาให้ยิ่งหอมอบอวนอยู่ในปากมากๆครับ แก้เผ็ดโดยผักเคียงที่จัดมาให้ ขอบอกว่าเมนูนี้มีคนทานปลาจนหัวก็แทบจะไม่เหลือครับ กรอบมาก อร่อยมากจริงๆครับเมนูสุดท้ายเป็น ปูม้านึ่งเมนูนี้รุ่งน้องบอกว่ามาร้านจันผาแล้วต้องสั่งปูม้านึ่งด้วยครับ คุณแม่ของเจ้าของร้านบอกว่าปูของที่ร้านจะได้จากชาวประมงพื้นบ้านที่จับมาขายวันต่อวันครับ เพราะฉะนั้นจะเป็นปูที่ยังเป็นๆอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ปูฟรีสเหมือนตามร้านทั่วไป ปูเนื้อแน่น มีความหวานตามธรรมชาติ ไม่โพรก เนื้อไม่หด ไม่ติด แค่ได้น้ำจิมซีฟู๊ดรสแซ่บๆ เปรี้ยวๆ เผ็ดๆ เท่านั้น อย่างอื่นไม่สำคัญแล้วคราบ เมนูสุดท้ายเป็นของหวานครับ โรตีกล้วยหอมเมนูล้างปากครับ เสร็จของความก็มาต่อของหวานกันนะครับ โรตีทอดกรอบเกรียว ราดซอสชอคโกกับนมข้นหวาน โรยหน้าด้วยไอซิ่งมาอย่างเต็มที่ ทานกับกล้วยหอม รสสัมผัสกรอบๆ ของโรตีตัดกับรสสัมผัสนุ่มๆ ของกล้วยหอม รสชาติหวานๆ มันๆ ช่วยล้างปากจากของคาวได้ดีจริงๆครับ อิอิอิวันนี้ขอบอกว่าเป็นมื้อที่อิ่ม และอร่อยมากๆจริงๆครับ แถมได้ความรู้ดีๆกลับบ้านอีกเยอะแยะเลย ขอบคุณรุ่นน้องที่พาไปอิ่ม ขอบคุณเจ้าของร้านจันผา และคุณแม่ด้วยนะครับ 繼續閱讀