2
0
0
เดิน 1-นาที จาก สถานี BTS ช่องนนทรี ทางออก 3
อ่านต่อ
เวลาเปิด-ปิด
จันทร์ - อาทิตย์
10:00 - 00:00
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
โว้ก เลาจน์ที่แรกของโลกกับบรรยากาศสุดหรูที่ออกแบบโดยนักออกแบบระดับโลกประดับตกแต่งไปด้วยผลงานสุดคลาสสิคของโว้ก มีที่นั่งทั้งด้านในและด้านนอกซึ่งมีแอร์ให้ด้วยกับการบริการระดับ 5 ดาว อาหารแนวพอดีคำผ่านการรังสรรค์โดยเชฟมิชลิน 3 ดาวไร้ที่ติเติมเต็มด้วยเครื่องดื่มเก๋ๆจากมิกซ์โซโลจิสท์ประสบการณ์ระดับโลกทั้งหมดในราคาหลักร้อยเท่านั้น!กับรีวิวฉบับเต็มเหนี่ยว 11 เมนู 8 เครื่องที่ควรรู้ก่อนไปโว้ก เลาจน์....รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/vogue-lounge-bangkok/รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/vogue-lounge-bangkok/
อ่านต่อ
สำหรับวันนี้จะพาไปอีทแอนด์ดริ๊งค์ ณ เล้าจน์สุดเอกซคลูซีฟ ณ อาคารมหานครคิวบ์ อาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารของเชฟที่ได้ดาวมิชลินมากที่สุด ที่เคยรีวิวมาแล้วสองครั้ง นั่นก็คือ L'atelier De Joel Robuchon นั่นเองค่ะส่วนวันนี้ก็เป็นการได้ไปแฮงค์เอาท์และได้พบประสบการณ์อันน่าประทับใจกับ Mixologist ชาวอิตาเลียน ซึ่งเพิ่งมาใหม่ได้ไม่นานค่ะ ใครสายดื่ม ใครชอบการสร้างสรรค์ ไอเดียเก๋ๆ ไม่อยากให้พลาดรีวิวนี้นะฮับ (เชียร์ออกนอกหน้า สุดตัวมาก เดี๋ยวมีคลิปให้ดูแล้วอ่านไปเรื่อยๆ จะเข้าใจว่าทำไมเราชม Mixologist คนนี้มากๆ นะคะ)สถานที่จริงแสงน้อยมาก พยายามถ่ายมาให้โอที่สุดเท่าที่สามารถแล้วนะคะสำหรับเจ้าของ Vogue Lounge แห่งนี้ก็คือคุณสรพจน์ เตชะไกรศรี ค่ะซึ่งที่ตั้งของโวคเล้าจน์แห่งนี้ ก็อย่างที่บอกเนาะว่าอยู่ที่อาคารมหานครคิวบ์นะคะวันนั้นเราก็เอารถไปจอดนะคะ นำบัตรจอดรถไปสแกนที่เล้าจน์ จอดฟรี 6 ชั่วโมงค่ะ จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ Vogue Lounge กันเลยค่าา อยู่ที่ชั้น 6 นะคะออกจากลิฟท์ก็จะเจอทางเข้าร้านตามภาพ ติดต่อที่เคาน์เตอร์ซ้ายมือได้เลยค่ะ วันนั้นฝนตก เลยไม่สามารถไปเก็บภาพเอาท์ดอร์ได้เลยค่ะ ถ่ายได้แต่พื้นที่ด้านในนะคะ ซึ่งการดีไซน์เรื่องของการตกแต่งทั้งหมดนี่ ดีไซน์นี่โดย เดวิด คอลลินส์ สตูดิโอนะคะวันนั้นที่นั่งของเราจะเป็นโซนด้านในนี้นะคะ จะอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์เลยค่ะ (แต่ถ้าใครชอบดื่ม แนะนำให้นั่งที่เคาน์เตอร์นะคะ)นอกจากนั้นก็ยังมีอีกสองโซนซ้าย-ขวา ขนาบข้างเคาน์เตอร์ด้วยค่ะ ขนาดเราไปกันเร็วแล้ว ยังมีคนมานั่งแล้วเลยแหละเซ็ตอัพบนโต๊ะค่ะ จะมีเมนูที่บริการในคืนนี้อยู่ด้านในด้วยนะคะ แต่ก็มีนอกเมนูด้วยค่ะ แฮร่...เอาเมนูทั่วไปของทางร้านมาให้ดูด้วยน่ะค่ะ เผื่อท่านใดจะลองไป จะได้ทราบราคาเนาะ เราว่าไม่แพงมากนะคะ คือ ตอนแรกคิดว่า Vogue น่าจะแพงปวดตับกว่านี้น่ะ แต่ราคาก็โออยู่ค่ะ ถือว่าเหมาะกับทำเลและแบรนด์นาตัวนี้จะเป็นเมนูที่จะมีการเปลี่ยนทุกสามเดือนนะคะ ท่านใดที่มาที่นี่สามารถนำเมนูกลับบ้านได้ด้วย (เก๋ปะหละ) แล้วก็จะเห็นลักษณะการทำว่าทำให้เป็นลักษณะของนิตยสารซึ่งก็จะล้อกับนิตยสารหัวเดียวกันแหละนะคะ ซึ่งข้างในนอกจากจะมีเมนูอาหารแล้วก็จะมีงานอีเวนท์ในช่วง 3 เดือนของช่วงนั้นๆ ด้วยค่ะ (เอารูปเมนูให้ดูแค่บางส่วนนะคะ ไม่ต้องหมดเนาะ ไม่งั้นจะเยอะเกิ๊น)ส่วนนี่ก็จะเป็นเมนูเครื่องดื่มค่ะ (คือในเมนูสวยๆ นั่นก็มีเครื่องดื่มด้วยนะคะ แต่เมนูนี้จะเป็นเครื่องดื่มที่ยืนพื้นมีตลอดค่ะ) ซึ่งก็มี Fashion Hour ซื้อ 1 แถม 1 ในช่วงเวลา 17.00-21.00 น. (สำหรับ Signature Cocktail และ Standard Drink) ด้วยนะคะเครื่องดื่มตัวแรกที่มาค่ะ Asian Spritz ราคาเครื่องดื่มทั้งหมดยังไม่มีนะคะ เพราะเป็นเมนูพิเศษที่ยังไม่ได้บรรจุลงในเมนูค่ะตัวนี้เด่นที่กลิ่นค่ะ หอมส้มเด่น แต่แอลกอฮอล์เด้งพอควรเลยค่ะ (แม้ว่า Mixologist จะบอกว่าเป็นตัวสตาร์ตเตอร์ก็ตาม) แต่ก็ไม่ได้หนักมากเกินไปนักค่ะซึ่งเครื่องดื่มนี้ก็จะมาพร้อมของกินเล่นตามนี้นะคะ เป็น complimentary ค่ะเอาคลิปตัวอย่างของการสร้างสรรค์เครื่องดื่มของ Mixologist ท่านนี้มาให้ชมค่ะ กับคุณ Moretti Francesco ชาวอิตาเลียน ซึ่งเป็น Mixologist at Vogue Lounge Bangkok คนใหม่ที่เพิ่งมาได้ไม่นาน (ณ วันที่เราไปนะคะ) เทคนิคแพรวพราวมาก เพลินมากค่ะส่วนนี่คือหน้าตาของเครื่องดื่มที่อยู่ในคลิปค่ะ ซึ่ง...ท้ายที่สุดเราก็ไม่ได้ดื่มแหละ พี่อีกคนเอาไปดื่มแทนค่ะ เลยไม่ได้ชิม และไม่ทราบชื่อด้วยง่ะ ขออภัยค่ะต่อไปกับอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่คุณ Moretti สร้างสรรค์ ณ ตรงนั้นเลยค่ะ ไม่มีในเมนุเลย Just Create กันสดๆ มาดูคลิปกันก่อนค่ะหน้าตาของเครื่องดื่มที่ว่าค่ะ เราได้ชิมไปหน่อยหนึ่งนะคะ รสไม่หนักมากค่ะ เบาๆ หอมจรุงอ่อนๆ นะคะจากนั้นก็จะเป็นอาหารเมนูแรกแล้วค่ะ กับ Marinated Salmon Cone 450 บาท นะคะเราชอบโคนของเมนูนี้มากเลย ด้านบนจะเป็นแซลมอนนะคะ แต่พอถึงช่วงโคน จะมีถั่วผสม อร่อย เหมาะกับการเป็นกับแกล้มเครื่องดื่มมาก จะเห็นว่าที่นี่จะทำอาหารไซส์เล็กๆ นะคะ ไม่ได้เน้นกินอิ่ม แต่ทำให้เราชิมกันได้หลายอย่างค่ะโดยอาหารทั้งหมดนี้ทำโดย เชฟวินเซนต์ เธียร์รี่ (Vincent Thierry) ซึ่งเป็นเชฟมิชลินสตาร์ 3 ดาวด้วยนะคะ เพราะฉะนั้น...เราถึงบอกว่า โดยราคาแล้วกับสิ่งที่ได้รับ เราถือว่าโอเคค่ะ ไม่ได้แพงนาต่อไปกับ Tomato gazpacho, basil-ricotta cream ราคา 390 บาทค่ะตัวนี้มีรสเปรี้ยวเจือหวานจางๆ ค่ะ ข้างล่างรสชาติออกนวลนิดๆ แต่มีความเผ็ดแซมมาด้วยนะคะซึ่งมาพร้อมเครื่องดื่มคือ Vogue Emerald นะคะตอนมาเสิร์ฟ คุณ Moretti เธอมาเผาไทม์ให้ที่โต๊ะเลยค่ะ แฮร่ส่วนรสชาตินี่แรงเลยค่ะตัวนี้ เหล้าเข้มพอควร และออกแนวหวานค่ะ เลยเหมือนกับสำหรับเราตัวอาหาร (โทเมโท่ฯ) เป็นของคาวแล้วก็ดื่มตัวนี้ล้างปากไปเลยค่ะจากนั้นนั่งสักพัก ก็เห็นคุณ Moretti เธอหยิบอุปกรณ์ตัวใหม่มาอีกแล้วค่าาา (ของเล่น เอ๊ย อุปกรณ์การทำงานเยอะมากกกกกกก ถึงบอกว่าถ้าใครชอบ อย่าลืมนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์นะคะ ดูเพลินแน่ๆ)ตัวนี้มีได้ชิมกันสามคนค่ะ คือ เรา น้องพีท (กินกับพีท) และน้องเพลินนะคะ เครื่องดื่มชื่อว่า Vogue No.5 ค่ะ ซึ่งขอบอกว่า มันหอมเหมือนน้ำหอมจริงๆ (คุณเค้าเล่นเรื่องกลิ่นเก่งอ้ะ ชอบจัง) และรสชาติก็เบาๆ กรุ่นๆ และที่สำคัญ เป็นเครื่องดื่มอุ่นค่ะคุณ ดื่มกันไปนี่ "อื้อหือ" กันทั้งสามคน รสเบานุ่มนวล และกลิ่นหอมที่อวลตอนที่ทำ (ซึ่งกลิ่นเหมือนน้ำหอมมากกกกกกก ถ้าดูในคลิปด้านล่าง เราจะบอกว่า อุ๊ยได้กลิ่น...นั่นคือ กลิ่นน้ำหอมของเครื่องดื่มนี้ค่ะ หอมมากหอมมายจริงๆ อ้ะ) กับตอนที่ดื่มนี่ก็คนละกลิ่นกันนะคะ ไม่รู้ว่าเค้าทำได้ไง สุดจะทึ่งอ้ะ มาค่ะ ไปดูคลิปกันFried Lopster Ravioli in Soup Pumpkin Gnocchi ราคา 590 บาทรสจะออกแนวตะวันตกหน่อยนะคะ เข้มข้น ครีมมี่นิดๆ และกลิ่นล็อบสเตอร์ค่อนข้างชัดค่ะ อร่อยนะคะ เห็นหลายคนก็ชอบเมนูนี้แหละกับอีกแก้วที่ชอบมากกกกกกค่ะ Oh Beautiful ค่ะตัวนี้ขอบอกว่า นับตั้งแต่ยกแก้วสัมผัสปาก ตัวริมฝีปากเราจะสัมผัสกับฟองนุ่มๆ ค่ะ แล้วก็มีกลิ่นหอมของผลไม้เบาบาง แต่ขณะเดียวกันก็มีความแรงของเหล้าแฝงอยู่นะคะ เราเขียนตอนลงเพจว่า เหมือนจูบแรกที่อ่อนหวานแต่ก็แฝงไปด้วยความร้อนแรงค่ะ เหมือนอย่างนั้นจริงๆ ชอบมากค่ะต่อไปเป็น Spicy Prawn Burger, Pickled Daikon 530 บาทตัวนี้แป้งเบอร์เกอร์ดีนะคะ เปลือกกรอบแต่เนื้อแน่นและนุ่มกำลังดีทำมาไซส์กำลังกิน (สำหรับหญิงสาวอย่างเรา)ถ้าใช้มือหยิบและกัดประมาณ 2-3 คำค่ะ หรือจะใช้มีดกับส้อมก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นเบอร์เกอร์ สำหรับเรามันเป็นฟิงเกอร์ฟู้ดอ้ะ แหะๆตัวไส้ข้างในที่เราได้กินเป็นกุ้งนะคะ กุ้งสดเนื้อแน่นดี รสชาติโดยรวมดีค่ะ อร่อยดีนะคะเครื่องดื่มอีกตัวค่ะ Spice Me Up ตัวนี้แนะนำให้หลังจากดูดเข้าไปแล้ว ให้ค้างน้ำไว้ในปาก จะมีกลิ่นอวลขึ้นจมูกค่ะ ผสมระหว่างแพสชั่นและกลิ่นคล้ายควันบางอย่าง และมีกลิ่นและรสที่คล้ายกับชา แต่คุณ Moretti เธอว่าเธอไม่ได้ใส่ชาค่ะ (เท่าที่จับความที่คุณ Moretti บอกได้ จะมีแอปเปิ้ล แพสชั่นฟรุต ซินนามอนและสไปซี่รัมค่ะ) เหล้าแรงพอควรนะคะ เป็นเครื่องดื่มที่ออกกึ่งนุ่มกึ่งแรงแหละต่อไปมาพร้อมกันสามอย่างเลยค่ะLamb Rack Skewers, Artichoke Barbajuan, Balsamic Pearls 1250 บาทแกะดีเลยค่ะ เนื้อทำมากำลังดี กลิ่นก็ไม่แรงเกินกิน อร่อยเลยค่ะBeef Skewers, Australian Tenderloin 1250 บาทตัวเนื้อนุ่มแต่เคี้ยวสู้ฟันมาก ซอสมีรสเข้มเจือหวานแฝง มีรสเปรี้ยวนิดๆ เนื้อยิ่งเคี้ยวกลิ่นยิ่งพุ่ง แต่ขณะเดียวกันก็มีรสเค็มนิดๆ ปลายๆ ค่ะTuna Skewers Herb Crusted, Spiced Tomato 850 บาทเนื้อกึ่งแน่นและไม่ยุ่ยเลยค่ะ หอมกลิ่นเครื่องเทศปลายๆ โอเคนะคะ อร่อยอยู่ค่ะ แต่โดยส่วนตัวชอบตัวเนื้อวัวกับแกะมากกว่านะคะ แฮร่...House Selection of Cold Cuts 1200 บาทตัวนี้จะมีโคลด์คัทที่หลากหลายมาในหนึ่งถาดไม้ (จะเรียกว่าเขียงก็เกรงใจ) นะคะ ตามภาพเลยชอบตัวเครื่องจิ้มที่เค้าแนมมาด้วยค่ะ จะมีรสเจือเปรี้ยวและหวาน ซึ่งทำให้กินกับโคลด์คัทบางตัวที่รสเค็มแล้วจะพอดีกันนะคะ อร่อยดีอยู่ค่ะถ้าใครอยากได้อาหารแกล้มดื่มเราว่าตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ จิ้มกินแกล้มเพลินได้เรื่อยๆ เลยค่ะCheese Board 1200 บาทเป็นเมนูที่รวบรวมชีสที่หลากหลายมากค่ะ ถ้าจะสั่งควรสั่งมาเป็นจานแรกๆ นะคะ จะได้ชิมรสและกลิ่นของชีสได้เต็มที่แนะนำให้กินไล่จากอ่อนไปแรง ถ้าจากภาพนี้ก็จากฝั่งขวาไปซ้ายค่ะบรีอร่อยแหละ (ลำเอียงเห็นๆ ฮา) ตัวอื่นๆ ก็ดีงามตามมาตรฐานะคะหมดคาวแล้ว ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย ห้องน้ำเค้ายังเก๋ค่ะคุณ ระหว่างทางก็สวยงาม เหมาะไปถ่ายพอร์ตเทรทมากกกกกกซึ่งในวันที่เราไปก็มีดีเจมาเปิดเพลงด้วยนะคะ เป็นดนตรีมิกซ์สไตล์ deep house, nu-disco and dance class โดยดีเจมาร์ติน เกอเธียร์ (Maarten Goetheer) ซึ่งจะมีเฉพาะอังคารถึงเสาร์ค่ะ (อาทิตย์กับจันทร์ไม่มี) โดยจะเริ่มเวลา 22.00 น.นะคะเครื่องดื่มปิดท้ายวันของวันนั้นค่ะBon Bon Espresso (Espresso Vodka amaretto Kahlua)มาพร้อมกับของหวานตัวนี้นะคะApple Tatin Tart, Bourbon Vanilla Ice Cream 180 บาทตัวเครื่องดื่มก่อนแล้วกันนะคะ เป็นเหล้าผสมกาแฟค่ะ รสเข้มมาก เพราะฉะนั้นถ้าถามเรา เราไม่แนะนำให้ดื่มก่อนกินของหวานนะคะ ให้กินหลังของหวาน เพราะไม่เช่นนั้นรสชาติของเครื่องดื่มตัวนี้จะค้างอยู่ที่ลิ้นและความที่รสมันเข้มข้นกว่า จะทำให้กินขนมแล้วรู้สึกว่าขนมรสอ่อนค่ะตัวขนม (เนื่องจากเราไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มก่อน เลยรับรสได้เต็มที่) รสชาติโดยรวมอร่อยมากค่ะ แต่ต้องกินทุกอย่างพร้อมกัน ทั้งเนื้อทาร์ต แอปเปิ้ลตาร์แตงและไอศกรีมวานิลาค่ะ รสชาติจะพอดิบพอดีกันมาก (เม้นท์นิดหนึ่ง เราว่าให้ปริมาณไอศกรีมมาไม่บาลานซ์กับตัวทาร์ตฯ เท่าไหร่ค่ะ ทำให้เรากินแล้วไอติมหมดก่อนทาร์ตง่ะ แฮร่...)ขนมปิดท้ายของมื้อนั้นค่ะMocchachino, Kalingo Chocolate Ice Cream 210 บาทสำหรับขนมตัวนี้ จะมีเนื้อทาร์ตอยู่ที่ก้นของถ้วยนะคะ รสจะเข้มกว่าขนมตัวแรกค่ะ มีทั้งรสของกาแฟและช็อคโกแลตแบบเข้มๆ อยู่นะคะตัวสัมผัส ด้านบนจะนุ่มๆ ส่วนด้านล่างจะเป็นความกรุบนิดๆ ของทาร์ตค่ะ และหอมเนยอ่อนๆเราว่าขนมของที่นี่ทั้งสองตัวอร่อยหมดเลยค่ะ แต่อร่อยคนละแบบ ตัวแรกจะออกแนวนุ่มนวลละมุนหน่อย ส่วนตัวหลังด้วยความที่รสเข้มข้นกว่า เราว่าเหมาะที่จะปิดท้ายมื้อค่ะ (ถ้าต้องการกินขนมทั้งสองอย่างก็แนะนำให้ไล่กินแบบนี้นะคะ เพราะถ้ากินตัวนี้ก่อน ตัวแรกรสชาติจะดูอ่อนไปค่ะ)สรุปสำหรับที่นี่นะคะเป็นเล้าจน์เอกซคลูซีฟที่มีหลายๆ องค์ประกอบที่ดีงามค่ะ สถานที่สวยงาม อาหารอร่อย เครื่องดื่มเลิศ (แนะนำอีกทีว่าให้นั่งที่เคาน์เตอร์เพื่อชม Mixologist รังสรรค์เครื่องดื่มแต่ละเมนูค่ะ ถ้าคุณเป็นสายดื่ม) ราคาอาจจะสูงกว่าที่อื่นๆ แต่ด้วยโปรไฟล์ของแต่ละองค์ประกอบก็ควรค่ากับราคาหละนะคะถ้าใครหาที่แฮงค์เอาท์ดีๆ เราว่าที่นี่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คุณควรไปค่ะ แล้วแต่ละช่วงเค้าก็จะมีอีเวนท์หรือธีมเก๋ๆ มาเสมอๆ ค่ะ อย่างวันที่ 11 สิงหาที่ผ่านมาก็มีธีมนี้แหละ แหม้..ถ้าป้ายังสาวๆ อยู่หละก็นะ...555
อ่านต่อ