อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2017-04-18
430 วิว
สำหรับวันนี้ก็จะมารีวิวอีกหนึ่งร้านไฟน์ไดนิ่งนะคะ โดยรอบนี้เป็นเนื้อโกเบกันบ้าง กับร้าน Yasuda นั่นเองค่ะ ซึ่งเราได้เวาเชอร์ 500 บาทมาสองใบ แต่ปรากฏว่า ถามทางร้านแล้วใช้ได้ครั้งละใบอะค่ะ ก็ตามนั้นเนาะ จากนั้นก็หาวันว่างไป สามารถใช้กูเกิ้ลแมพได้นะคะ หมุดปักไว้ตรงอยู่ค่ะ ที่ร้านมีที่จอดร้านทั้งที่หน้าร้านและด้านในเข้าไปอีกหน่อยค่ะ แต่ถ้าไปเร็วก็จะมีที่จอดอยู่ ร้านจะเปิดสองช่วงสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็นนะคะ เราไปมื้อเย็น ซึ่งเริ่มเปิดตอนห้าโมงเย็นค่ะเบอร์โทรทางร้าน02-258-2530, 062-058-3411 (For Japanese) ที่ตั้งร้านซอย สุขุมวิท 34 กรุงเทพมหานคร (BTS Thonglor สามารถโทรศัพท์ให้รถตุ๊กออกไปรับปากซอยสุขุมวิท 34ได้) ร้านนี้เปิดดำ
เบอร์โทรทางร้าน
02-258-2530, 062-058-3411 (For Japanese)
ที่ตั้งร้าน
ซอย สุขุมวิท 34 กรุงเทพมหานคร
(BTS Thonglor สามารถโทรศัพท์ให้รถตุ๊กออกไปรับปากซอยสุขุมวิท 34ได้) ร้านนี้เปิดดำเนินการโดยเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่นชื่อคุณ Yasuda Hidekazu ซึ่งเป็นร้าน Yakiniku แห่งที่ 5 โดย 4 สาขาแรกอยู่ในเมือง Fukuoka ประเทศญี่ปุ่นภายใต้ชื่อร้าน Ondoru (ดำเนินกิจการมาแล้วกว่า 30 ปี) ซึ่งวันนั้นตอนเราจอดรถก็เห็นคุณยาสุดะแว้บๆ หละ แต่พอตอนไปนั่งในร้านไม่เจอแล้ว เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยค่ะ แหะๆ
บรรยากาศของร้าน เป็นร้านที่ดัดแปลงมาจากบ้านสองชั้นออกแบบโดย Designer ชาวญี่ปุ่น ภายนอกร้านจะดูเหมือนบ้านขุนนางญี่ปุ่นโบราณ ส่วนภายในร้านนั้นออกแนวโมเดิร์นดูเรียบหรู มีโต๊ะที่นั่งทั้งแบบตะวันตก แบบนั่งห้อยขาสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงมีห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวด้วยค่ะ (เห็นห้องส่วนตัวอยู่ทางด้านหลังร้านนะคะ)
อย่างที่บอกว่าร้านนี้เปิดสองเวลานะคะ บรรยากาศภายในร้านค่ะ วันนั้นเราได้นั่งแบบสไตล์ญี่ปุ่นนะคะ มีที่ห้อยขาลงใต้โต๊ะตามภาพเลยค่ะ menu ค่ะ ราคาจะค่อนข้างสูงนะคะ เพราะที่นี่จะเป็นเนื้อโกเบวัวขนดำเกรดเอห้าทั้งหมดค่ะ และราคาที่เห็นนี่ยังมี ++ อีกนะคะ หลังจากพนักงานนำเมนูมาให้แล้ว ก็จะหายไปนะคะ เพื่อให้เรามีเวลาดูเมนูและเลือกค่ะ ถ้าต้องการสั่งเมื่อไหร่ก็กดปุ่มเรียกที่วางไว้บนโต๊ะนะคะ
เครื่องดื่มมาก่อนเลยค่ะ เราสั่งชาเขียวร้อน ราคา 80++ บาท ตัวนี้เป็นรีฟิลล์ด้วยนะคะ สำหรับอาหารเราเลือกเป็น Choice Rump Steak 1080++ แต่เพิ่มอีก 190 ให้เป็นเซ็ตค่ะ ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยสลัดนะคะ
สลัดเค้าจะให้น้ำสลัดมาสองอย่างค่ะ สีเข้มๆ นั่นคือน้ำสลัดสไตล์ญี่ปุ่นเลย ซึ่งเราชอบมากกว่าอีกตัวนะคะ ตัวสีขาวจะครีมมี่นิดๆ ค่ะ อร่อยเหมือนกัน แต่ชอบสไตล์ญี่ปุ่นมากกว่า ผักก็สดดีค่ะ จากนั้นก็เป็นอุปกรณ์สำหรับจานหลักค่ะ
จากนั้นทางร้านก็นำเนื้อที่จะนำไปทำเสต็กมาให้เราดูก่อนว่าหน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ แปลกดี เพิ่งเจอร้านนี้ทำแบบนี้เป็นร้านแรกเลยค่ะ แล้วก็ถามความสุกที่ต้องการ ซึ่งแน่นอนว่าเราสั่งมีเดียมแรร์นะคะ จากนั้นก็ขอชำระเงินสำหรับชุดนี้ก่อนค่ะ ใช้เวาเชอร์ลดไปห้าร้อย จ่ายเพิ่มอีกพันนิดๆ ค่ะ
ต่อไปจะเป็นซุปที่อยู่ในเซ็ตค่ะ รสออกหวานอ่อนๆ นะคะ แต่ไม่ได้เด่นมากค่ะตัวนี้ จากนั้นทางพนักงานก็นำแบบฟอร์มสมัครสมาชิกมาให้ค่ะ สมัครสมาชิกฟรีนะคะ (ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรากินถึงยอดหรือเปล่า หรือยังไงค่ะ ไม่ได้ถามง่ะ)
ซึ่งสิทธิประโยชน์ของสมาชิกก็คือในเดือนเกิด (จองล่วงหน้าสองวัน) ถ้าไปกินที่ร้านจะได้เค้กวันเกิด รวมทั้งเครื่องดื่มคนละหนึ่งดริ๊งค์ทั้งโต๊ะนะคะ และทำการสะสมคะแนนทุกๆ 100 บาทได้ 1 คะแนน ทุกๆ 5 คะแนนคือลด 5 บาทค่ะ
นอกจากนั้นทางร้านก็ให้คูปองให้เพื่อนที่จะไปกินที่ร้านยาสุดะด้วย (ถ้าใครต้องการแจ้งเราได้เลยนะคะ) ถ้าใครถือคูปองนี้ไปกินที่ร้าน ก็จะได้ไวน์หนึ่งขวดค่ะ ได้หนึ่งขวดต่อโต๊ะนะคะ (เพราะฉะนั้นต้องแยกไปค่ะ เรามีสามใบ) ส่วนเราในฐานะแนะนำเพื่อนก็จะได้พอยท์ 500 พอยท์นั่นเอง
สักพักเสต็กก็มาค่ะ เสต็กจะมาพร้อมกับสามเครื่องจิ้มนะคะ ได้แก่ วาซาบิสด เกลือ (ญี่ปุ่น) และน้ำจิ้มเสต็กค่ะ ซึ่งเราชอบแบบจิ้มเกลือสุดนะคะ ไม่กลบรสชาติเนื้อ แถมช่วยดึงรสชาติเนื้อออกมาได้อีกด้วยค่ะ ส่วนอีกสองอย่างก็อร่อยคนละแบบนะคะ อย่างตัวน้ำจิ้มก็จะเจือหวานนิดๆ ตัววาซาบิสดก็เพิ่มความซ่าฉุน (แต่ไม่แรงมาก) อีกหน่อยค่ะ กินสลับๆ กันก็ทำให้ไม่เลี่ยนดีนะคะ
สั่งเพิ่มมาอีกอย่างค่ะกับ Premium Kobe Beef Sashimi 690++ บาท ตอนแรกบอกเลยว่ากลัวคาวมากๆ แต่ปรากฏว่าไม่คาวเลยค่ะ เนื้อหวานลิ้นมากมาย แถมไม่ปวดท้องเลยอีกต่างหาก (คือเราเป็นคนที่ถ้ากินเนื้อหรือหมูดิบ ถ้าไม่สดจริงเราจะปวดท้องอะค่ะ (แต่กับปลาไม่เป็นไรนะ แปลกดี)) เค้าให้โซยุมาด้วย แต่เราชอบแบบกินกับวาซาบิสดมากกว่า ถ้าจะจิ้มโซยุ แนะนำให้จิ้มน้อยๆ ค่ะ ไม่งั้นรสเค็มจะกลบความหวานของเนื้อหมดนะคะ
ระหว่างกินอยู่ พนักงานก็เอาบัตรที่ไปรีจิสเตอร์เรียบร้อยแล้วกับคูปองที่เราจะแจกเพื่อนมาให้ค่ะ แฮร่...
อย่างที่บอกนะคะ ใครคิดจะไปกิน แจ้งเราได้เลยค่ะ win win ทั้งคู่อะนะ คนเอาคูปองไปใช้ได้ไวน์ ส่วนเราได้แต้ม...ซึ่งจะได้ไปใช้เมื่อไหร่ฟระ 555
ปิดท้ายด้วยของหวาน (รวมอยู่ในเซตสเต็กค่ะ เลือกได้นะคะ เราเลือกตัวนี้หละ) กับบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก (ถ้าสั่งแยก จะเป็นราคา 75++ บาทค่ะ)
ตัวนี้อร่อยตามมาตรฐานค่ะ ไม่ได้โดดเด่นไปจากที่อื่นนะคะ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรค่ะ ค่าเสียหายเพิ่มเติมสำหรับในส่วนของบีฟซาชิมินะคะ
สิ่งหนึ่งที่มาร้านนี้แล้วอยากให้ลองคือห้องน้ำค่ะ เป็นระบบเดียวกับที่ญี่ปุ่น (และห้างบางห้างของไทยเลย) คือ เปิดประตูห้องน้ำปุ๊บ ฝาโถสุขภัณฑ์จะเปิดให้อัตโนมัติ และมีปุ่มสำหรับชำระล้างต่างๆ เหมือนที่ญี่ปุ่นเป๊ะๆ ปิดท้ายด้วยภาพร้านตอนค่ำคืนกับรถที่ทางร้านใช้รับส่งระหว่างร้านกับ BTS นะคะ สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
เป็นร้านเนื้อเกรดพรีเมี่ยม โกเบเอห้า ที่น่าสนใจหละค่ะ เนื้อดีเลยทีเดียว แต่ราคาก็สมกับคุณภาพเนื้อหละนะคะ 555 ตัวร้านค่อนข้างสงบพอควร (แต่เราไปวันธรรมดาด้วยน่ะนะคะ) การบริการค่อนข้างโอเคนะคะ เอาใจใส่ดี แต่ก็ไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากเกินไปค่ะ ที่จอดรถมีพอควร แต่ถ้าไปช่วงแขกเยอะๆ จริงๆ ก็คงต้องไปจอดอีกที่อะนะคะ หน้าร้านไม่น่าจะเหลือที่จอดหละค่ะ
โพสต์