อาการเมา

เมาค้าง

แก้เมา

สาเหตุการเมาและเมาค้าง

เมื่อเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว  ตับจะทำการย่อยสลายแอลกอฮอล์เกิดเป็นสารที่มีชื่อว่า  อะเซตัลดีไฮด์ ขึ้น ซึ่งเป็นสารพิษและจะถูกจำกัดออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ด้วยแอลกลูต้าไธโอนที่ตับสามารถสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เมื่อแอลกอฮอล์ทื่ดื่มเข้าไปมีปริมาณมากเกินไป ทำให้ตับไม่สามารถผลิตแอลกลูต้าไธโอนได้ทัน  ทำให้สารพิษอะเซตัลดีไฮด์ที่กำจัดไม่หมด ไหลเวียนเข้าสู่กระแสเลือดไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้เกิดอาการกดประสาททำอะไรไปไม่รู้ตัว  ปวดหัว อาเจียน มีกลิ่นละมุดเน่าออกตามร่างกาย ทางผิวหนังและลมหายใจ

แก้เมาทำไง?

แอลกลูต้าไธโอน

แหล่งที่มาของกลูต้าไธโอน – สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกลูต้าไธโอนขั้นต่ำ 150 มก. ขึ้นไปที่มีขายตามท้องตลาด โดยให้เลือกผลิตภัณฑ์ตัวที่ได้รับอนุญาติจาก คณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.)  หรือ หาซื้อในร้านสะดวกซื้อส่วนของตู้เย็นเปิดโดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกลูต้าไธโอนอย่างน้อย 150 มก. ขึ้นไป ก็ใช้ได้เช่นกัน

กลูต้าฯ แก้เมา แก้แฮงค์

สำหรับคนคออ่อน  -   ให้ทานกลูต้าไธโอนเข้าร่างกายประมาณ  300-500  มก.  ก่อนดื่มแอลกอฮอล์  ในระหว่างดื่มเมื่อรู้สึกเริ่มเมา ให้ทานเพิ่มอีกครั้งละ  300 มก.   และ ตอนเลิกดื่มทานเพิ่มอีก 300-500 มก.  ถ้าต้องขับรถด้วยให้ดื่มน้ำประมาณ 1 ลิตรก่อนขับรถครึ่งชั่วโมง

สำหรับคนคอแข็ง  –  ให้ทานกลูต้าไธโอนเข้าร่างกายประมาณ  300 มก.  ทุกครั้งเมื่อเริ่มรู้สึกเหมือนจะเมา และ ตอนเลิกดื่มให้ทานเพิ่มอีก 300-500 มก.  ถ้าต้องขับรถด้วยให้ดิ่มน้ำประมาณ 1 ลิตรก่อนขับรถครึ่งชั่วโมง

ถ้ารักษาระดับกลูต้าไธโอนได้ตามข้อมูลข้างต้น จะทำให้ร่างกายสามารถกำจัดสารพิษอะเซตัลดีไฮด์ ออกจากร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง  ก่อนที่สารพิษอะเซตัลดีไฮด์จะซึมเข้าสู่ส่วนต่างๆของร่างกายตามกระแสเลือด  ทำให้เรามีโอกาสผ่านการทดสอบแอลกอฮอล์สูงมาก และ จะไม่มีอาการเมาค้าง อาเจียน หรือ ปวดหัว หลังตื่นนอนเลย แต่วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงอาการเมา ย่อมหนีไม่พ้น การดื่มเครื่องดื่มมึนเมาแค่พอประมาณ ไม่ดื่มมากเกินไป และที่สำคัญ ถ้าดื่มก็อย่าขับรถจะดีที่สุดนะคะ

เครดิตข้อมูล: wakietalkie.blogspot.com