Read full review
2015-11-17
183 views
Aston Dining Room & Bar ร้านอาหารสุดชิคในซอยสุขุมวิท 31 นี้เป็นของเชฟมือรางวัล- ศรา จิรารัตน์ ผู้จบจากสถาบัน Cordon Bleu และได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งใน top 20 best chefs in Bangkok ร้านนี้มีคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นในแง่ของการให้บริการอาหารแบบ Chef’s Table คือเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ชมการทำงานของเชฟและทีมงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้เห็นทุกขั้นตอนการปรุงออกมาเป็นอาหารแต่ละจาน โดยเชฟจะเป็นผู้อธิบายรายละเอียดอาหารเมื่อนำมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าลองมาสัมผัสดูจริงๆค่ะ**-บรรยากาศ-**ดีไซน์ของร้านนี้โดดเด่นสะดุดตาเห็นมาแต่ไกลด้วยตัวร้านที่ด้านนอกเป็นโครงปูนเปลือย ปลูกไม้เลื้อยเกาะพันจนครอบคลุมทั้งหมด
ดีไซน์ของร้านนี้โดดเด่นสะดุดตาเห็นมาแต่ไกลด้วยตัวร้านที่ด้านนอกเป็นโครงปูนเปลือย ปลูกไม้เลื้อยเกาะพันจนครอบคลุมทั้งหมด เท่ดีทีเดียวค่ะ ส่วนภายในร้านแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นล่างสุดจะเป็นบาร์เครื่องดื่ม ชั้น 2 จะเป็นห้องอาหารสำหรับ Chef’s Table ซึ่งตรงกลางจะมีลักษณะเป็นครัวเปิดโล่ง ล้อมรอบด้วยเคาน์เตอร์ซึ่งจัดเป็นที่รับประทานอาหารให้ได้ชมลีลาการทำอาหารกันแบบใกล้ชิด ส่วนชั้น 3 จะเป็น wine cellar ค่ะ เราชอบบรรยากาศและการตกแต่งของที่นี่มากทีเดียว คือดูเรียบเท่ มีรสนิยม ดู masculine หน่อยๆ แต่ก็อบอุ่นมีชีวิตชีวา และ cozy น่านั่งชิลล์ ไม่ได้หรูหราจนตัวเกร็งหรือฟรุ้งฟริ้งมากจนเกินงาม โดนใจแรงๆเลยล่ะค่ะ
**-ราคา-**
● Degustation Menu : 3,500++ บาท
สำหรับ Chef’s Table ที่นี่นั้นมีเฉพาะมื้อเย็นของทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ และไม่ได้ให้สั่งอาหารแบบ a la carte แต่จะเป็นเซ็ทอาหาร 6 คอร์ส ซึ่งสามารถดูเมนูได้ที่ website ของทางร้าน โดยหลักๆแล้วจะมีการปรับเปลี่ยนเมนูทุกๆ 6 เดือน แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆของแต่ละคอร์สก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้งบ้าง และเนื่องจากทางร้านต้องมีการจัดเตรียมล่วงหน้า จึงต้องจองโต๊ะไว้ก่อนไปทานค่ะ โดยโทร.จองได้ที่เบอร์ 084-551-5559 และ 02-102-2323 ถ้าใครมีข้อจำกัดเช่นแพ้อาหารประเภทไหน ก็สามารถแจ้งได้ตอนโทร.จองเลยค่ะ
● Wine Pairing : 2,000 ++ บาท
สำหรับคอไวน์ที่อยากมาทานแบบมี wine pairing ก็จ่ายเพิ่มอีก 2,000++บาท เชฟศรานั้นนอกจากจะเป็นเชฟทำอาหารแล้วยังมีดีกรีเป็น Certified Sommelier ด้วย ฉะนั้นฝีไม้ลายมือการจับคู่ไวน์ให้เข้ากับอาหารนี่น่าจะไว้ใจได้ ถ้าสนใจก็น่าลองจัดดูค่ะ
**-เมนู (ก.ค.-ธ.ค. 2558)-**
● Oyster (Addition 180 bht/ Pcs.) – เมนูนี้ไม่รวมอยู่ในเมนูหลัก ถ้าจะสั่งต้องจ่ายเพิ่มต่างหากค่ะ ทราบมาว่าจะเสิร์ฟมาเป็นหอยนางรมสดราดด้วยเจลลี่ Ponzu (ซอสเปรี้ยวพอนซึของญี่ปุ่น) แตงกวา และสาหร่าย sea grapes ซึ่งสำหรับตัวเองขอสารภาพว่าไม่ได้สั่ง เพราะไม่แน่ใจกับปริมาณของอาหารทั้งคอร์สว่ากระเพาะน้อยๆของเราจะรับไหวรึเปล่า เลยไม่อยากตัดกำลังซะตั้งแต่ต้นมื้อน่ะค่ะ แต่ขอบอกเลยว่าถ้าเป็นผู้ชายไปทานแบบท้องว่างๆก็สั่งได้เลยค่ะ น่าจะเอาอยู่แน่ๆ
● Snacks – คอร์สแรกของมื้อนี้จะเป็นเมนูที่อาจจะต่างกันไปในแต่ละวัน คือเป็น daily creation ค่ะ สำหรับวันที่เราไปได้มา 3 จานนี้
จานที่ 1 : หอยหลอดที่ปรุงมาด้วยซอสรสเดียวกับต้มข่า โดยตัว “ซอส”ที่ว่านั้นใช้เทคนิคทาง molecular gastronomy ทำให้มีลักษณะเป็นก้อนกลมเล็กๆละลายในปาก เสิร์ฟมาบนกระดองรองด้วยน้ำแข็ง จัดว่าทานได้เพลินๆเป็นการเริ่มต้นมื้อแบบเบาๆ
8 views
1 likes
0 comments
7 views
1 likes
0 comments
11 views
1 likes
0 comments
16 views
2 likes
0 comments
14 views
1 likes
0 comments
10 views
1 likes
0 comments
6 views
1 likes
0 comments
8 views
1 likes
0 comments
23 views
1 likes
0 comments
14 views
1 likes
0 comments
● Nom Yen – ของหวานชื่อน่ารักนี้คือไอศกรีมรสนมที่ท็อปมาด้วย sherbet รส strawberry yuzu เปรี้ยวๆ เสิร์ฟมาในขนาดจิ๋วๆแต่รสชาตินั้นยิ่งใหญ่ค่ะ ทั้งหอมและสดชื่นดีจริงๆ
10 views
1 likes
0 comments
14 views
1 likes
0 comments
7 views
2 likes
0 comments
9 views
2 likes
0 comments
Post