8
1
0
Introduction
Whale's Belly เป็นร้านอาหารยุโรป รสชาติดี มีคุณภาพ แต่ราคาค่อนข้างสูง ภายในร้านบรรยากาศดี โต๊ะอาหารมีความเป็นส่วนตัว เนื่องจากโต๊ะค่อนข้างห่างกัน ทางร้านมีที่จอดรถ continue reading
Good For
Business Dining
Casaul Dining
Special Occasion Dining / Party
Opening Hours
Mon - Sun
11:30 - 14:30
18:30 - 22:30
Payment Methods
Visa Master AMEX Cash
Other Info
Michelin Guide
Parking
Serves Liquors
Reservation
Tax Invoice
Restaurant Website
http://www.whales-belly.com/
Above information is for reference only. Please check details with the restaurant.
Signature Dishes
Duck & Beets Duck Leg "Confit" Lacquered Chilean Sea Bass Mustard-Herb Crusted Rack of Lamb Pan Fried Pacific Scallop
Review (9)
ในมื้อกลางวันทางร้านจะมีโปรโมชั่นอาหารชุด 3-coure menu ในราคา 590 บาทได้ทานท่ามกลางบรรยากาศที่หรูหรา การบริการระดับโรงแรมอาหารปริมาณดูดี วัตถุดิบคุณภาพ รสชาติเข้มข้นแถมหนึ่งในนั้นยังมีเมนูชนะเชฟกะทะเหล็กอีกด้วยราคาที่ตั้งกับสิ่งที่ได้โด้เชื่อว่าทุกท่านก็ตอบได้เหมือนกันว่าโปร.นี้คุ้มสุดครับ.รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/whale-belly-set-lunch/ รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/whale-belly-set-lunch/ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
           ร้าน Whale's Belly Restaurant & Bar มีConcept การออกแบบร้านมาจากการทานอาหารในท้องของปลาวาฬเพดานของร้านออกแบบเป็นระลอกคลื่นเหมือนซี่โครงของปลาวาฬตรงเพดานมีไฟ Led ดวงเล็กๆ ห้อยลงมา ยามค่ำคืนแสงไฟในห้องมืดลงแสงสว่างจากหลอดไฟ LED ให้ความรู้สึกเหมือนหมู่ดาวในท้องฟ้าเก้าอี้สีน้ำตาลอ่อนสื่อถึงผืนทราย ฝาผนังของร้านออกแบบเป็นสีน้ำเงินสวยงามสื่อถึงบรรยากาศแห่งท้องทะเล              Whale's Belly Restaurant & Bar เป็นร้านอาหารสไตล์ Unique Modernist European Seafood ...(อาหารยุโรปที่เน้นซีฟู้ดเป็นหลัก) โดยนำวัตถุดิบชั้นดีจากทั่วโลกมาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยและนำเสนอในรูปแบบทันสมัยหน้าตาของอาหารสวยและน่าทาน อาหารของที่นี่จะมีทั้ง A la Carte และ Set course                  อาหารทุกจานรังสรรโดย เชฟใหม่ อภิรวิต ชาวโพธิ์เอนซึ่งมีประสบการณ์ทำงานที่ห้องอาหาร นอร์มังดีมานานหลายปีรายการอาหาร1.    น้ำกระเจี๊ยบ รสเปรี้ยวและหวาน เรียกน้ำลายได้เป็นอย่างดีเป็น Welcome Drink ที่ยอดเยี่ยม2. ชาร์โคลเบรด ทางร้านจะนำขนมปังไปอุ่นให้ร้อนก่อนนำมาเสริฟเสริฟพร้อมบัตเตอร์และ ชิกเก้นรีเวอร์เทอรีนคอนยัคตัวขนมปังกรุบกรอบ มีกลิ่นหอมของชาร์โคล เม็ดทานตะวันช่วยเพิ่มรสชาติให้ขนมปังได้อย่างลงตัว3.    Amuse(ของทานเล่น) เป็นทาร์ตปลาแซลมอนยำ ทานคู่กับโยเกิร์ต รสเปรี้ยว(เมนูนี้จะเปลี่ยนทุกวัน)4. Yuzu Cold Capellini 650 ++ THBCapellini ต้มสุกเสริฟแบบโซบะเย็นสไตล์ญี่ปุ่นเสริฟพร้อมทูน่าญี่ปุ่นราดด้วยซอส Yuzu (ทำจากส้มญี่ปุ่น)ข้างใต้เป็นเนื้อปู ท็อปด้วยคาร์เวียร์และทรัฟเฟิลออยเส้น Capellini เหนียวนุ่ม มีรสเผ็ดอ่อนๆจาก Kochu ตัดกับความมันจากเนื้อของทูน่าและมีรสหวานจากเนื้อปู ช่วยชูรสให้จานนี้ครบเครื่องมากยิ่งขึ้น(เซอร์ไพรส์ตรงรสเผ็ด สำหรับจานนี้)5. Escagrot & Ricard 590++ THBราวิโอลลี่แป้งนุ่ม ไส้เอสคาร์โก้(หอยทากฝรั่งเศส)ท็อปด้วยพาร์เมซานโฟม เสริฟใน Herb Butter โดยนำไปตุ๋นในเหล้า Ricardกลิ่นคล้าย ลูกอมแฮคราวิโอลลี่สูตรแป้งนุ่มตัวไส้ทำจากหอยทากฝรั่งเศสโดยมีพาสลี่ครีมซอส กลิ่นหอมช่วยกลบความคาวของEscagrot ได้เป็นอย่างดี6. Hokkaido Scallop and Foie gras Agnilotti 650++ THBสแกลลอบ เซียร์แบบมีเดียมซึ่งยังคงความหวาน เสริฟพร้อมกับราวิโอลี่ไส้ฟรัวกราส์และ ซอสซึ่งทำมาจากแครอท, ยี่หร่า, เนยและน้ำผึ้ง นำไปเคี่ยวจนหอมกรุ่นหนังไก่เอาไปอบและรีดมันออกจนกรุบกรอบสแกลลอบสดและหวาน ทานคู่กับซอสแครอท กลิ่นหอม รสหวาน ให้ความรู้สึกเหมือนทานแกงมัสมั่น ทำให้สแกลลอบจานนี้ดูกลอมกล่อมมากขึ้นราวิโอลี่ไส้ฟรัวกราส์ราดด้วยแชมเปญซอสที่มีกลิ่นหอม ช่วยดับความคาวของฟรัวกราส์ได้เป็นอย่างดี7. Slow-Braised WagyuBeef Cheek 980 ++ THBแก้มวัววากิวตุ๋น 1 วันเต็ม โดยกรรมวิธีสโลวคุก(Sous-vide เป็นวิธีกาาปรุงอาหารแบบหนึ่งที่จะเอาของที่ต้องการปรุงใส่ถุงสุญญากาศแล้วเอาไปทำให้ค่อยๆสุกโดยควมคุมอุณหภูมิให้คงที่)ทานคู่กับ แบล็กเปปเปอร์ซอส ถั่วลันเตาหวานจากโครงการหลวง คัดเฉพาะเม็ดถั่วลันเตานำมาลวกในน้ำเนยบัสเตอร์แก้มวัวนุ่มมาก ตัวซอสมีรสเผ็ดอ่อนๆ และมีกลิ่นหอมตามสธรรมชาติของพริกไทยดำถั่วลันเตาหวานช่วยแก้เลี่ยนและเพิ่มรสให้อาหารจานนี้มีความลงตัวมากขึ้น มันบดเนื้อเนียนหอมเนยช่วยให้เจริญอาหารเป็นอย่างดี8. Panna Cotta 280 ++ THBราสเบอร์รี่ พานาคอตต้า เนื้อเหนียวเสริฟพร้อมไอศครีมราสเบอร์รี่รสเปรี้ยว ชูรสโดยโรสแมรี่ครัมเบิล ซึ่งมีกลิ่นหอม ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นของหวานปิดท้ายที่ลงตัวทีเดียวราคาอาหารยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและเซอร์วิสชาร์จ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
ขอประเดิมมื้อหรูบ้างนะครับ เพราะได้ยินว่าที่นี่มีเชฟใหญ่ฝีมือเยี่ยมประจำการอยู่ และล่าสุดเพิ่งจะชนะ Iron Chef Thailand มาด้วย ทางร้านจึงนำเมนูที่ชนะนี่ล่ะมาขายที่ร้านให้ลูกค้าได้มาติดตามกัน โดยเชฟมีชื่อว่า เชฟใหม่ อภิรวิต ชาวโพธิ์เอน วัยรุ่นไฟแรงแฝงประสบการณ์มากมาย คุมคุณภาพแบบจานต่อจานก่อนถึงโต๊ะภายใต้บรรยากาศชวนดื่มด่ำ สุดโรแมนติก กับอาหารฝรั่งเศส-ซีฟู้ด ใต้ท้องปลาวาฬ Whale’s Belly ที่ตั้ง 39Boulevard สุขุมวิท ซ.39 นั่นเองรายชื่อเมนูที่สามารถพิชิต Iron Chef มาได้มาแล้วครับจานแรก Unique tuna tartare เป็น ทูน่า ทาทาร์ คลุกเคล้ากับธัญพืช และเพิ่มสัมผัสความกรอบด้วยขนมปังกรอบ ทานคู่กับซอส horseradish red mustard คาเวียร์ จุดเด่นอีกที่อยู่ตรง เยลลี่แอปเปิ้ล กับ เยลลี่ซอสญี่ปุ่นให้รสสัมผัสนุ่มละมุน เปรี้ยวอมหวานจานที่สองเป็น Yuzu cold capellini คาเปลลินี จัดวางมาสวยงามด้วยเส้นที่นำไปคลุกน้ำมันทรัฟเฟิล และยูซุ หอมหวนสุดๆ วางมาบนเนื้อปูม้าชิ้นโต ด้านบนเป็นทูน่าและคาเวียร์ จานนี้มีรสเผ็ดอ่อนๆทำให้กินแล้วไม่เลี่ยนและสดชื่นมากๆถัดมาเป็น Verde กับการผสมผสานเครื่องเทศ 10 ชนิด ได้อย่างลงตัว ซอสสีเขียวสวยงามตัดกับสีแดงของเนื้อทูน่ามันวาว เพิ่มความกรอบด้วยหนังไก่ทอดที่ปาดมันออกจนหมด เป็นเทคนิคขั้นสูงที่หาทานได้ยาก ปิดท้ายด้วย Tuna Rossini ให้ได้ฟินกันกับเนื้อทูน่าชิ้นใหญ่ๆแน่นๆ เซียร์พอสุกด้านในยังคงความดิบไว้อย่างดี ท้อปอีกชั้นด้วยฟัวร์กราส์ชิ้นหนาสะใจ ไม่คาวและนุ่มมาก วางชิ้นทรัฟเฟิลมาทั้งแผ่นให้ได้กัดเคี้ยวและสูดความหอมไปพร้อมกัน พร้อมกับซอสมะม่วงเลมอน ที่เข้ากันดีจนต้องยกนิ้ว ระหว่างลิ้มอาหารรสเลิศแล้วก็แพริ่งไวน์ดีๆไปด้วยนี่มันคือความสุดยอดครบเครื่องความหรูกับค่ำคืนสุดพิเศษจริงๆครับ โดยทางร้านมีไวน์หลากชนิด รวมทั้งเบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากสูตรให้คอดื่มได้เปรมกันด้วย ก่อนกลับอย่าลืมสั่งของหวาน หรือชา กาแฟ ด้วยนะครับ จะได้จบมื้อนี้อย่างสมบูรณ์แบบ รับประกันเลยว่าฝีมือผู้ชนะ Iron Chef จะทำให้คุณติดใจ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
มีโอกาสได้ไปลองมื้อค่ำที่ร้าน whale's belly มาค่ะ ก้าวแรกที่เดินเข้าร้าน ขอบอกว่าแอบยืนตะลึงในความหรูและสวยของร้านมาก ภายในร้านจะเน้นตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม ไฟสลัวๆ โต๊ะถูกจัดไว้อย่างสวยงามconcept ร้านคือจำลองเหตุการณ์ที่ pinoccio ติดอยู่ในท้องปลาวาฬค่ะ ทางร้านมีห้อง vip ด้วยค่ะชื่อ pinoccio secret chamber แต่ต้องโทรแจ้งกับทางร้านก่อน จุดเด่นของร้านคือมองขึ้นไปบนเพดานจะเห็นเป็นคลื่นๆ คือท้องของปลาวาฬค่ะ ตามชื่อของร้านวันนี้เรามาทานแบบ 9 course menu ราคา 1950++ / ต่อคน หากใครต้องการ wine pairing จ่ายเพิ่ม 1200 บาท/ ต่อคนขนมปัง complementary จากทางร้าน เนื้อนุ่มเหนียว ทานคู่กับตับไก่ และเนย เนยเป็นเนยนำเข้าคุณภาพดี รสชาติและเนื้อละมุนมาก ชอบค่ะจานแรกคือ Chef's Amuse Bouche หรือ Creative Bite by Chef's stlyestarter วันนี้จะเป็นเนื้อเป็ดและทาร์ตผัดผักสไตล์ยุโรป โดยแต่ละวันเชฟจะเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ตามชื่อที่ได้กล่าวไว้ว่า คำที่สร้างสรรค์ในสไตล์์ของเชฟรสชาติจะออกแนวอ่อนๆ ทานง่าย ชอบอาหารยุโรปตรงที่ทำมาไซส์เล็กๆ ไม่เลี่ยน และมีดีเทล ทำให้ก่อนทานรู้สึกตื่นเต้นว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรปกติจานที่ 2 ทางร้านจะเสริฟเป็นHokkaido Scallop & Fresh Gazpacho แต่วันที่ไป scallop หมด จึงเปลี่ยนเป็นเนื้อปู ด้านบนเนื้อปูจัดเรียงด้วย caviar ที่เพิ่มความกรุบกรอบ ซอสสีเขียวทำจาก honeydew melon ตัวซอสจะใส่ส่วนผสมหลายอย่างซึ่งเป็นสูตรเฉพาะเชฟ ตัวซอสหอมรสหวานอ่อนๆ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยถนัด cold seafood โดยเฉพาะเมนูปูที่มีกลิ่นชัดเจน เราชอบทาน scallop มากกว่าจึงคิดว่า ถ้าเป็น scallop น่าจะลงตัวกับ melon มากกว่าค่ะ รสชาติของจานนี้จะเบาๆ สดชื่น เริ่มมื้อได้เป็นอย่างดี โดย 9 course menu จะเป็นการทานอาหารจากเบาไปหนักเพื่อให้ทานอาหารได้อย่าง smooth ค่ะ จานนี้ทานคู่กับ Sparkling Wine (ไม่รวมอยู่ใน set) ตัว Sparkling Wine จะเป็นแบบไม่หวาน ขมนิดๆค่ะ Volcano Bluefin TunaBluefin Tuna/ Avocado, Miso/ Orange/ Limeชอบ presentation มากค่ะ เชฟแต่งจานมาให้เหมือนชื่อคือ ภูเขาไฟ จานนี้จะมีดีเทลเยอะ ทางร้านแจ้งว่าใช้ปลาทูน่าพันธุ์ Bluefin สดๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆวางบนอโวคาโด ด้านบนเป็นโฟม Honey Lemon ใช้วิธีทำแบบ Molecular โรยด้วยผิวมะนาวเขียว ซอสสีส้มที่ใช้ราดจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่น โดยเน้นส่วนผสมของญี่ปุ่นเป็นหลัก เช่น Miso และ สาเก และเพิ่มน้ำส้มเข้าไป จึงทำให้ตัวซอสมีรส เปรี้ยว เค็ม หวานนิดๆ ส่วนตัวคิดว่าด้วยส่วนผสมของปลาทูน่าดิบ อโวคาโดและโฟม จานนี้จึงทำให้รสสัมผัสนุ่มละมุน ซอสกลมกล่อม รู้สึกสดชื่นจากรสและกลิ่นของมะนาว คิดไม่ถึงว่า miso จะเข้ากันได้ดีกับ lemon และน้ำส้ม เป็นรสชาติที่แปลกใหม่แต่ลงตัวมากค่ะ 62 Celcius Degree Onsen Egg1.5 hours Sous-vide egg, shiitake, bacon, Fleur de Franceไข่ที่ถูกนำไป Sous-vide ให้เนื้อสัมผัสแบบครีมมี่ ไข่แดงจะไม่เหลวแบบไข่ลวกปกติและจะไม่สุกแข็ง กลิ่นหอมๆของเบคอนและสาหร่ายย่าง และรสชาติที่มีเอกลักษณ์ของเห็ด shiitake ทานคู่กับซอส white wine ให้รสชาติที่กลมกล่อมและครีมมี่ กลิ่นและรสทำออกมาได้ดี ทานง่าย หลายๆคนน่าจะชอบค่ะMc'n Cheese Duo of Ravioli Herbs Chicken and Fresh cheese, Espagnole, Pamesan Cheeseจานนี้เป็น signature ของทางร้าน ตัวแป้งเป็นแบบ homemade ใช้วิธีการห่อด้วยเทคนิคพิเศษของเชฟโดยหนึ่งชิ้นจะมีสองไส้ คือไส้ไก่สมุนไพร และ ชีสสด ทานคู่กับซอสสองชนิดสีน้ำตาลจะเป็น Espagnole และสีขาวจะเป็น Pamesan Cheese เวลาทานทางร้านแนะนำให้ทานทั้งสองไส้พร้อมกันทีเดียวจะให้รสชาติลงตัวจานนี้จะออก cheesy และ creamy เพิ่มระดับความหนักของรสชาติกว่าจานก่อน ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นรสชาติที่ทานง่าย อร่อยมาตรฐาน แต่ยังไม่แปลกใหม่เท่าไหร่นัก เลยไม่ค่อยอินกับจานนี้ค่ะเบรคคั่นมื้อด้วย Refresher ที่ประกอบไปด้วย gua jelly, dragon fruit granita, frothรสชาติเปรี้ยวๆ อ่อนๆ ของผลไม้และกลิ่นของใบมินท์ ทำให้รู้สึกสดชื่น พร้อมที่จะไปต่อจานที่หนักขึ้นแล้วค่ะSlow Braise Wagyu Beef CheekBlack garlic, Radish, Pommes, Cognacเป็นการนำเนื้อส่วนแก้มของวากิวไปตุ๋นกับไวน์แดง เป็นเวลา 36 ชั่วโมง เสริฟคู่กับ ถั่ว หัวไช้เท้าดอง มันฝรั่ง ทานคู่กับซอสพริกไทยดำที่ sous-vide กับนมให้กลิ่นหอมและละมุนและเผ็ดน้อยกว่าซอสพริกไทยดำปกติ ส่วนตัวไม่ทานเนื้อจึงให้เพื่อนชิม เพื่อนบอกว่า เนื้อนุ่มมากค่ะ แต่เราแอบชิมถั่วและมันฝรั่งบด ถั่วกรอบมาก ข้างในกัดไปยังมีความชุ่มของน้ำ หวานมากๆ ส่วนมันฝรั่งบดทำมาได้เนื้อเนียนมาก แต่เค็มไปนิดนึงค่ะMile Pommes Confit Granny Smith, rosemary crumble, rasberry, madagascar vanila ice creamแอ๊บเปิ้ลเขียวนำไปตุ๋นกับน้ำผึ้งและชินนาบอนทานคู่กับไอศกรีมวนิลาจาก madagascar รสชาติจะไม่หวานมาก จานนี้จะออกเปรี้ยวปะแล่มๆหวานนิดๆ ไม่หนักเกินไปสำหรับขนมหวานหลังมื้ออาหาร จานนี้ทำได้ดีค่ะจบท้ายมื้อด้วย Mocca with Marsh Mellow ก็เป็นอันเสร็จสิ้นของการทานอาหาร 9 course menu ในบรรยากาศสุดหรูของค่ำคืนนี้ส่วนตัวแล้วประทับใจในสถานที่มากๆ ทางร้านตกแต่งได้หรู ใส่ใจในดีเทล แต่ไม่ให้ความรู้สึกอึดอัดแบบร้าน fine dining ที่ต้องใส่ชุดราตรีไปทาน เข้ากับ lifestlye คนเมืองสมัยใหม่ที่กำลังมองหาร้านอาหารกึ่ง fine dine กึ่ง casual และเน้นอาหารคุณภาพดี บริการดี และเป็นส่วนตัว หรือหากใครกำลังมองหาร้านสำหรับโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคุยธุรกิจ พาคนรู้ใจมาสวีทหรือเดท ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีค่ะ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
มาชิมอาหารที่จะเปิดตัวเดือนหน้าค่ะ เป็นเซต 9 courses ของเชฟที่ร้าน ที่ตั้งใจดีไซน์สุดๆบรรยากาศ โรแมนติกมากๆ ไม่ใช่แค่การตกแต่ง แต่แม้กระทั่งเพลง ก็ฟังแล้ว ชิลมากๆ หนุ่มๆ คนไหนลงทุนกับพีร้านนี้ เอาแค่บรรยากาศ ก็ให้ใจแล้วล่ะค่ะ !! 55555บริการ ทันใจ รวดเร็วและ เก๋ตรงคอยมาแนะนำอาหารว่าส่วนผสม เรื่องวัตถุดิบก็อธิบายละเอียด มากๆ รสชาติคือเยอะจานมาก !!!! ทั้งหมด 9 จาน ขออธิบายคร่าวๆ ละกันนะคะก่อนเริ่มคอร์ส เค้าจะมี welcome drink มาเสิร์ฟค่ะ แต่เค้าจะเปลี่ยนเมนูเรื่อยๆนะคะเริ่มตั้งแต่ นออเดิร์ฟที่จะเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ ตามวัตถุดิบ จะเป็นน้ำผลไม้ มาคู่กับเมนูที่ทานได้ใน 1 คำตามมาด้วยเนื้อหอยเชลล์ ความสุกระดับ Medium rare ด้านล่างเป็น Green apple ชิ้นเล็กๆ ทานคู่กับซอสมะเขือเทศที่ยังคงความหวานและสดชื่นอยู่ ตอนเสิร์ฟ พนักงานจะตัก Olive oil snow ลงไปผสมด้วย**จริงๆ จะมีเมนู Bluefin tuna ขั้น แต่เนื่องจากหาอโวคาโด้ที่ใช้เป็นวัตถุดิบไม่ได้ เลยเว้นค่ะOnsen egg ออกครีมมี่เลย ไม่ได้เจาะแล้วไหล แต่เป็นครีมมี่ข้นๆ ทำให้ตอนทานกับซอส จะครีมมี่สุดๆ นุ่มละมุนลิ้น หวาน ทานพร้อมกับเห็ด Shiitake และเบคอนCheese duo of Ravioli เป็นเหมือนเกี๊ยวคู่ แนะนำให้ทานพร้อมกัน เพราะชิ้นนึงจะเป็นไก่ที่ผสมสมุนไพร อีกชิ้นเป็นชีส 3 ชนิด มันนนๆ นุ่มนวลต่อมาเค้าจะให้ break รสชาติในปากด้วย granita ผลไม้รสเปรี้ยว เพื่อเตรียมลิ้นไว้ทานจานหลักแล้วค่ะจานหลักของคอร์สนี้เป็นแก้มหมูตุ๋น ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นส่วนที่นุ่มที่สุดของหมู ไม่ต้องใช้มีดเลยค่ะ แค่ส้อมก็แยกชิ้นได้เลย ทานคู่กับ Radish สีขาว และซอสกระเทียมสีดำ มาถึงของหวานกัน ด้านล่างเป็นแอปเปิ้ลคล้ายๆ เนื้อแอปเปิ้ลในพาย ทานคู่กับ ice cream วนิลาที่นำเข้ามา เนื้อเข้มข้นมาก รสด้วยซอสราสเบอร์รี่ และmango chip อร่อย เข้มข้น เข้ากันได้ดีสุดท้าย ล้างปากด้วย mocha ที่ใส่Marsh mallow มาให้ 2 ก้อนใหญ่ๆโดยส่วนตัวชอบค่ะ ตั้งแต่บรรยากาศละ ชิลมากๆ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)