Video
Read full review
2012-02-17
94 views
วันนี้ได้โอกาศไประลึกถึงความหลังกับร้านราเมงในดวงใจ ขวัญใจมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ร้านฮะจิบังราเมง หลังจากที่ช่วงน้ำท่วมต้องปิดกิจการไปอยู่ช่วงหนึ่ง นานจนเริ่มใจเสียว่าจะไม่ได้ทานราเมงอร่อยๆ ร้านนี้ไปซะแล้ว ช่วงนั้นเดินผ่านร้านทีไรได้รู้สึกเสียใจปนเสียดายทุกทีที่เห็นร้านที่เคยจอแจไปด้วยลูกค้าเต็มร้านต้องปิดไฟปิดประตูมืดๆพอได้ยินจากเพื่อนว่า Facebook Fan Page ของ ฮะจิบังมีประกาศว่าจะเริ่มทยอยเปิดบริการอีกครั้งช่วงปลายเดือนมกราคม ก็รู้สึกดีใจมาก คอยตามข่าวตลอดว่าเมื่อไหร่สาขาแถวบ้านจะเปิดสักที จนประมาณปลายสัปดาห์ที่แล้ว ได้ไปเดินเล่นที่ The mall ท่าพระ และเห็นว่าร้านได้เปิดแล้วก็ดีใจมาก รีบถ่ายรูปขึ้น Facebook เพื่อนๆ ที่ชอบร้านนี้เ
พอได้ยินจากเพื่อนว่า Facebook Fan Page ของ ฮะจิบังมีประกาศว่าจะเริ่มทยอยเปิดบริการอีกครั้งช่วงปลายเดือนมกราคม ก็รู้สึกดีใจมาก คอยตามข่าวตลอดว่าเมื่อไหร่สาขาแถวบ้านจะเปิดสักที จนประมาณปลายสัปดาห์ที่แล้ว ได้ไปเดินเล่นที่ The mall ท่าพระ และเห็นว่าร้านได้เปิดแล้วก็ดีใจมาก รีบถ่ายรูปขึ้น Facebook เพื่อนๆ ที่ชอบร้านนี้เหมือนกันก็มากด like กันใหญ่ แต่วันนั้นคนแน่นมาก (คิดว่าทุกคนก็ตั้งตารอให้ร้านเปิดเหมือนกัน) เลยยังไม่ได้ทาน อดใจรอต่อไปอีกนิด
วันนี้หลังเลิกงานหมายมั่นว่าต้องไปเยี่ยมชิมให้ได้ ก็ตรงดิ่งจากที่ทำงานไปที่ร้านสาขา 1 ซึ่งเป็นสาขาที่เปิดเป็นร้านแรกของ The mall ท่าพระ ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 เดินจากทางเข้าห้างเลี้ยวขวามา เลยร้าน KFC ก็เจอ
ขนาด 2 ทุ่มแล้ว คนยังต่อคิวอยู่หน้าร้านอีกเป็นจำนวนมาก ต้องจองคิวรออีก 10 กว่าคิวถึงจะได้เข้าร้าน
บรรยากาศร้านเรียบๆ ในแบบร้านราเมงปกติ ไม่ทำให้ดูหรูจนต้องมีคิดราคาลูกค้าเพิ่ม ความสะอาดก็ยังคงที่ในเกณฑ์ดีเช่นเดิม
ครัววันนี้ดูจะยุ่งกว่าทุกครั้งที่เคยมาตั้งแต่ก่อนจะน้ำท่วม ที่เห็นได้ชัดคือทางร้านรู้ว่าลูกค้าจะมาเยอะ จึงได้เตรียมพนักงานไว้เยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแน่นอน ว่าบริการก็ยังดีอยู่เช่นเดิม ไม่มีมาอารมณ์เสียใส่ลูกค้าเพราะลูกค้าเยอะให้เห็น
สิ่งแรกที่มาเสริฟก็เปลี่ยนไป นั่นคือน้ำเปล่ามาพร้อมขวดที่ประกาศชัดเจนว่าลดปริมาณพลาสติกลงไป 30% ทำให้ขวดบางลง แต่แน่นอนว่าไม่มีผลกระทบอะไรกับรสชาติของน้ำข้างใน รู้สึกดีด้วยซ้ำที่ช่วยลดโลกร้อน
นั่งรอไม่นาน ซารุราเมง ざるらーめん ขวัญใจจานแรกก็มาเสริฟ สำหรับคนที่ชอบเส้น แนะนำให้เพิ่มเส้นด้วย เพิ่มเงินอีก 15 บาทเอง ผมว่าคุ้มมาก เพราะเส้นที่นี่เหนียวนุ่มให้ความรู้สึกเป็นเส้นราเมงกว่าร้านคู่แข่งมาก อร่อยกว่าด้วย การลวกเส้นก็ทำได้พอเหมาะ ไม่แข็งหรือเละเกินไป น้ำจิ้มรสชาติเรียกว่าไม่ได้เปลี่ยนไปตามกระแสน้ำที่พัดผ่านเลย ผสมวาซาบิให้ฉุนๆ ขึ้นจมูกหน่อยๆ สูดเข้าปากแล้วความทรงจำเมื่อครั้งเพิ่งเคยชิมราเมงครั้งแรกในชีวิตก็หวนกลับมา ดีใจจนแทบน้ำตาซึม
ทานไปถ่ายรูปไปได้แค่ 2 คำ ชามถัดไปก็มาเสริฟ ไพตันเมง ぱいたん麺 (ภาษาญี่ปุ่นอ่านไพตันเมง แต่แปลเป็นไทยกลายเป็นไพตันราเมง) Menu นี้ถือเป็น Menu ที่ต้องสั่งทุกครั้ง เพราะเส้นที่ลวกพอดี ผักที่ลวกสุก แต่ยังคงความกรอบเอาไว้ได้ หน่อไม้ดองที่ทานกี่ครั้งก็ไม่เหมือนที่ไหน หอมกรอบถูกปากเหมือนทุกครั้ง หมูชาชูที่ถึงแม้ทุกวันนี้ดูจะเล็กลงกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังคงความอร่อย ไม่เหนียว ไม่นิ่มเกินไปน้ำซุปคราวนี้กลับพบความเปลี่ยนแปลง คือมีรสเค็มน้อยลง (นิดหน่อย) จะด้วยอะไรก็ตามแต่ ผมว่ามันดีนะ เพราะทานจนคำสุดท้ายไม่รู้สึกว่าเค็มเกินไป แต่ด้วยความคิดถึง + ดีใจ ยังไงก็เทใจให้อยู่แล้ว จบลงโดยไม่เหลือน้ำซุปก้นชามเหมือนเดิม
สุดท้ายเรื่องราคา ไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด ผมให้เป็นราเมงที่ราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับรสชาติที่ได้รับในนาทีนี้ บัตรสมาชิกที่เคยทำเอาไว้ก็ยังใช้ลดราคาได้เหมือนเดิม สำหรับเพื่อนๆ ที่ได้มีโอกาสผ่านสาขาที่เปิดแล้วก็แวะไปอุดหนุนเป็นกำลังใจให้เค้าหน่อยนะครับ จะได้ฟื้นตัวเร็ว มีโปรโมชั่นออก menu ใหม่ๆ มาให้ลองทานอีก
Post
