Video
Read full review
2013-01-10
52 views
ตามต่อความอร่อยของร้าน Only You กันค่ะส่วนท่านใดที่มาอ่านเอาตอนที่ 2 นี้ อาจจะงงๆว่าร้านนี้อยู่ที่ไหน ขออธิบายคร่าวๆว่าอยู่ในซอยนาราธิวาส24 โครงการนราเพลสค่ะ ส่วนแบบละเอียดๆหาอ่านได้ในตอนที่ 1 นะคะหลังจากที่ทานมังกรกันไปสองตัวแล้ว ก็ยังคงต่อด้วยเหลาซูชิทั้งหลายMaguro Temaki (180 บาท) ข้าวห่อสาหร่ายไส้มากุโร่แบบกรวยของพี่ชายค่ะผึ้งน้อยได้แค่มองรูปลักษณ์ภายนอกค่ะ เห็นว่าใส้เยอะน่าทานดี จากนั้นคุณพี่ชายซัดคำเดียวทั้งกรวย (กรวยใหญ่มากนะคะ แต่ดูเหมือนปากของคุณพี่ชายจะไม่ธรรมดา -_-‘) มาต่อกันที่เมนูน่าทาน และยังจัดว่าเป็น Best Seller ของทางร้านอีกเมนูนึงค่ะAburi Sushi Set B (500 บาท)ประกอบด้วย แซลม่อนอะบุริ,
ส่วนท่านใดที่มาอ่านเอาตอนที่ 2 นี้ อาจจะงงๆว่าร้านนี้อยู่ที่ไหน ขออธิบายคร่าวๆว่าอยู่ในซอยนาราธิวาส24 โครงการนราเพลสค่ะ ส่วนแบบละเอียดๆหาอ่านได้ในตอนที่ 1 นะคะ
หลังจากที่ทานมังกรกันไปสองตัวแล้ว ก็ยังคงต่อด้วยเหลาซูชิทั้งหลาย
Maguro Temaki (180 บาท)
ข้าวห่อสาหร่ายไส้มากุโร่แบบกรวยของพี่ชายค่ะผึ้งน้อยได้แค่มองรูปลักษณ์ภายนอกค่ะ เห็นว่าใส้เยอะน่าทานดี จากนั้นคุณพี่ชายซัดคำเดียวทั้งกรวย (กรวยใหญ่มากนะคะ แต่ดูเหมือนปากของคุณพี่ชายจะไม่ธรรมดา -_-‘)
มาต่อกันที่เมนูน่าทาน และยังจัดว่าเป็น Best Seller ของทางร้านอีกเมนูนึงค่ะ
Aburi Sushi Set B (500 บาท)
ประกอบด้วย แซลม่อนอะบุริ, มากุโร่อะบุริ, ฮามาจิอะบุริ, ซาบะอะบุริ, โฮตาเตะอะบุริ(หอยเชลล์), กุ้งชีสอะบุริอะบุริเซทจะมีเซท A กับเซท B ต่างกันตรงที่ เซท B จะราดมายองเนสแล้วแต่งด้วยต้นหอมยักษ์ซอยกับไข่ปลาแซลม่อน
ราคา...ถูกกว่าซื้อแยกชิ้น 50 บาทค่ะ
แซลม่อนยกให้นางพญาไปค่ะ ชิ้นที่ผึ้งน้อยแย่งชิงจนได้มาทานคือ ฮามาจิอะบุริ คำเดียว (T^T)
ว่ากันตามตรงคือยังชอบแบบ Saikyo ของร้าน Honmono กับ Tenyuu มากกว่าอะบุริเฉยๆ แต่ถ้าจะว่ากันเฉพาะแค่อะบุริแล้ว ฮามาจิก็ยังเป็นอันดับต้นๆที่ผึ้งน้อยว่าอร่อยอยู่ดี
ติเล็กๆที่วันนี้อะบุริจะออกสุกมากไปซักหน่อย ปกติแบบที่ผึ้งน้อยชอบคือ ดิบครึ่งที่ติดข้าว และสุกด้านโชว์ค่ะ
เนื่องจากว่าแย่งมาได้น้อย เลยต้องขอจัดเพิ่มซักหน่อย
ฮามาจิอะบุริ (130 บาท / คำ) – โฮตาเตะอะบุริ (140 บาท / คำ) – มากุโร่อะบุริ (100 บาท / คำ)
คราวนี้ผึ้งน้อยได้โฮตาเตะมาครองค่ะ หอยเชลล์นุ่มๆๆๆ ชอบมากๆมาแต่ไหนแต่ไร โดยส่วนตัวแล้วชอบแบบสดแล้วราดซอสมากกว่านิดหน่อย ^^และพิเศษของคุณป๋า หน้าตาแปลกกว่าใคร
Kani Salada Gunkan Sushi (135 บาท / คำ)
จำชื่อเป๊ะไม่ได้ เป็นซูชิแบบพันสาหร่ายราดหน้าด้วยเนื้อปูคลุกแบบสลัด ผึ้งน้อยแอบชิมเนื้อปูไปนิดนึง โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเนื้อแห้งไปหน่อยเลยไม่ปลื้มเท่าไร่ค่ะ
ว่าแล้วก็ตาม Gunkan อีกซักหน่อย
Ebi Salada Gunkan (50 บาท / คำ) และ Spicy Maguro Gunkan (50 บาท / คำ)
ปกติจะสั่งแนวๆ Spicy ทุกครั้งที่มาอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นเนื้อปลาอะไรเท่านั้นเอง มีแซลม่อน มากุโร่ และฮามาจิให้เลือก (ราคาต่างกันนะคะ) สั่งเลยค่ะอร่อยทุกอย่าง ^^ทางด้าน Ebi Salada คุณพี่ชายบอกว่าอร่อยกว่าปูของคุณป๋า (แถมยังถูกกว่า) ไว้ต้องลองบ้างซะแล้ว แต่ตอนนี้ขอเคลียร์โควต้าของตัวเองก่อนดีกว่า
Salmon Flower Roll (120 บาท)
เป็นข้าวที่พันรอบด้วยแซลม่อนซาชิมิชิ้นอวบลายสวย โป๊ะหน้าด้วยเอบิโกะ (ไข่กุ้ง) มาพูนๆเนื้อปลาสดๆ หวานมัน กับไข่กุ้งกรุบๆๆ เพลิดเพลินค่ะ ชอบมากๆ เป็นหนึงในเมนูใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาจากเมนูดั้งเดิมของร้าน
ลองเมนูใหม่อย่างต่อเนื่องค่ะ
Mix Maki (150 บาท)
จานนี้เป็นสารพัดปลาที่เอามาพันรวมกันโดยที่ไม่มีข้าวค่ะ (คุณน้องพนักงานผู้น่ารักแนะนำมา)คำนึงก็จะประกอบด้วย ปลาแซลม่อน ปลามากุโร่ ไข่ปลาแซลม่อน ปูอัด อะโวคาโด้ ผักสด
เป็นเมนูเบาๆที่ทานอร่อยค่ะ
ยังไม่หมดแต่เพียยงเท่านี้ค่ะ คราวนี้ทานกันหลากหลายมากๆ
ติดตามรีวิวซูชิสุดไฮโซ ของหวาน และของฟรี? ต่อในตอนที่ 3 นะคะ
สรุปความประทับจิต
บรรยากาศ – แม้ชั้นบนจะไม่ได้เห็นคุณเชฟโชว์ฝีไม้ลายมือ แต่ก็เป็นส่วนตัว แถมยังดูโปร่งด้วยที่กั้นกระจก
รสชาดอาหาร – อร่อยเสมอต้นเสมอปลาย วัตถุดิบคุณภาพดี
การบริการ – พนักงานหญิงที่มาบริการน่ารักมาก คุยเก่ง ขายเก่ง (จนอยากซื้อตัวไปจ้างเป็นเซลล์เลย^^)
Post
