Read full review
2016-05-26
479 views
Metro on Wireless – ห้องอาหารสุดชิคของโรงแรม Hotel Indigo Bangkok บนถนนวิทยุนี้นำเสนอคอนเซ็ปต์หลักคือการนำ Street food จากแต่ละภาคของไทยเรามายกระดับให้ดูประณีตน่ารับประทานยิ่งขึ้นด้วยรูปลักษณ์การนำเสนอที่เก๋ไก๋ทั้งภาชนะและการจัดวาง การคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีเลิศ และการปรุงอย่างพิถีพิถันภายใต้การดูแลของ Executive Chef จิมมี่ – จำลอง ปิวไธสงค์ – เชฟหนุ่ม (สาว?) สุดแซ่บอารมณ์ดีผู้สะสมประสบการณ์การเป็นเชฟอาหารไทยในห้องอาหารโรงแรมชั้นนำมาแล้วมากมายทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ อาหารส่วนใหญ่ของที่นี่จึงเป็นอาหารไทยแทบทั้งหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ลืมที่จะมีอาหารและขนมแบบตะวันตกไว้ให้ได้เลือกสั่งกันบ้างป
***-ทำเลที่ตั้ง/การเดินทาง-***
จากสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต เดินเข้าถนนวิทยุมาประมาณ 400 เมตร จะเห็นโรงแรม Hotel Indigo อยู่ทางด้านซ้ายมือ เลยสถานเอกอัครราชทูตเวียดนามไปนิดเดียว ห้องอาหาร Metro on Wireless จะอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม กดลิฟท์ขึ้นมาได้เลยค่ะ ***-เวลาทำการ-***
มื้อเช้า : 6.30-10.30
มื้อกลางวัน : 11.30 – 17.00 (last order 16.00) – มีทั้ง Business Lunch Set และเมนู a la carte ให้สั่งกันได้ค่ะ
มื้อเย็น : 18.00 – 23.00 (last order 22.00) – นอกจากสั่งอาหารแบบ a la carte แล้ว ยังมี Neighbourhood Dinner Set ให้เลือกด้วยนะคะ
***-เมนูที่ได้ลอง-***
สำหรับครั้งนี้เราได้ลองอาหารในส่วนของเมนู a la carte ไปหลายอย่าง ตามนี้เลยค่ะ ราคาอาหารที่ลงไว้ยังต้องบวก VAT 7% และ Service Charge 10% อีกนะคะ
[Complimentary Hors – d’oeuvre]
เช่นเดียวกับร้านอาหารฝรั่งที่มักมีของทานเล่นเล็กๆน้อยๆหรือขนมปังเสิร์ฟให้ทานฟรีก่อนเริ่มมื้ออาหาร ห้องอาหารที่เน้นอาหารไทยเป็นหลักอย่าง Metro on Wireless นี้ก็มี “น้ำพริก of the day” แบบไทยๆมาเสิร์ฟต้อนรับแขกที่มาทานอาหารที่นี่เช่นกัน โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมนูเป็นระยะๆเพื่อไม่ให้จำเจ สำหรับครั้งนี้เป็นน้ำพริกลงเรือพร้อมผักสด เสิร์ฟมาในปิ่นโตใบย่อมๆ 2 ชั้นเก๋ทีเดียว น้ำพริกปรุงมาได้มีรสมีชาติ จัดจ้านกำลังดีแต่ไม่เผ็ดจนเกินไป เหมาะกับการจิ้มกับผักทานเล่นเปล่าๆดีค่ะ นอกจากของว่างฟรีแล้ว ที่นี่ยังมีข้าวเปล่าเสิร์ฟให้ฟรีตลอดมื้อด้วย โดยมีให้เลือกทั้งข้าวหอมมะลิและข้าวสีนิล ขอเติมได้ตลอดนะคะ
135 views
0 likes
0 comments
152 views
0 likes
0 comments
147 views
0 likes
0 comments
●หอยจ๊อ (ราคา 270 บาท)– หอยจ๊อเนื้อนุ่มเด้ง ได้รสชาติเนื้อปูชัดเจน เสิร์ฟมาในตะกร้าหวายน่ารัก มีหมี่กรอบรองมาในตะกร้า ทานเล่นแกล้มกันไปได้เพลินๆ เป็นการเริ่มต้นมื้อแบบเบาๆ ดีงามใช้ได้เลย
฿270
113 views
0 likes
0 comments
฿390
91 views
0 likes
0 comments
- แหนมข้าวคั่ว – เมนูนี้เพิ่มความละเมียดละไมด้วยการนำแหนมข้าวคั่วมาห่อด้วยใบชะพลูได้ขนาดพอดีคำ ทั้งทานสะดวกและได้กลิ่นหอมใบชะพลูด้วย จัดว่ามีเอกลักษณ์ดีนะคะ
- ปอเปี๊ยะทอดไส้เป็ด – ยกระดับจากปอเปี๊ยะทอดข้างทางให้หรูหราขึ้นด้วยวัตถุดิบไฮโซอย่างเนื้อเป็ดหอมกรุ่นที่นำมายัดไส้แบบจัดเต็ม ทานจิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยหวานๆเพลินดีใช้ได้ค่ะ
- ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน – ทำเป็นไส้ผักและหมูยอหั่นมาพอดีคำ ทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มซึ่งทำจากแอ๊ปเปิ้ลเขียว จึงได้รสเปรี้ยวที่กลมกล่อมเป็นธรรมชาติ อย่างที่โบราณเรียกว่า “เปรี้ยวแบบผู้ดี” นั่นล่ะค่ะ
● หมูคลุกฝุ่น (ราคา 370 บาท) –เมนูยอดฮิตที่อยู่คู่ห้องอาหารนี้มานานเพราะแฟนประจำเรียกร้องกันเยอะ เป็นหมูทอดที่ใส่มาในขวดโหลเสิร์ฟคู่กับผักที่ใส่มาในปิ่นโต ก่อนจะทานเชฟจะมาเติมมะนาวและผงเครื่องปรุงที่มีข้าวคั่วกับพริกป่นลงในขวดโหลที่ใส่หมู จากนั้นก็ปิดฝา เขย่า เช้ค-เช้ค-เช้ค อย่างเมามันส์ ...พอเทออกมาคลุกเคล้ากับผักในปิ่นโตนี่คืออร่อยเป๊ะเลย เนื้อหมูนุ๊มนุ่มมีมันแทรกเล็กน้อย รสชาติแบบลาบที่ปรุงออกมาได้กำลังดีงาม (แซ่บน้อยกว่าลีลาเช้คของเชฟแค่นิดเดียวเท่านั้น..555) เด็ดจริงสมกับที่เป็นเมนูดังค่ะ
฿370
118 views
0 likes
0 comments
฿270
108 views
0 likes
0 comments
฿270
102 views
0 likes
0 comments
● ข้าวอบสับปะรด (ราคา 260 บาท) – ข้าวผัดรวนมาแห้งดี มีชิ้นสับปะรดกริลล์ให้หอมๆวางเคียงมาด้วย เครื่องที่ใส่มีทั้งหมูหยอง กุนเชียง ลูกเกด ถั่วลันเตา มะม่วงหิมพานต์ และไข่เจียวฝอย ผสมผสานกันออกมาได้รสชาติกลมกล่อมอร่อยทีเดียว ยิ่งเสริมทัพด้วยกุ้งตัวเป้งๆด้วยแล้ว ..แม้แต่คนที่ปกติแล้วไม่ชอบข้าวอบสับปะรดอย่างเราก็กลายเป็นทานได้อย่างเพลิดเพลินเลยล่ะค่ะ
฿260
130 views
0 likes
0 comments
฿240
120 views
0 likes
0 comments
฿690
87 views
0 likes
0 comments
฿290
81 views
0 likes
0 comments
● ขนมจีนแกงกะทิปู (ราคา 260 บาท) –เมนูยอดฮิตที่บอกได้เลยว่าเด็ดจริงจัง ..ขนมจีนปั้นก้อนมาให้ทานง่ายและแกงกะทิปูในโถดินเผาใบเล็ก จัดวางมาอย่างสวยงามในตะกร้าสานทรงสูงมีฝาปิดชิมดูแล้วได้รสเครื่องแกงเข้มข้นหอมแรง ปรุงรสได้เผ็ดไม่เกรงใจฝรั่ง แต่ก็สมดุลกันดีกับความหอมมันของกะทิ ที่สำคัญเนื้อปูให้เยอะมาเต็มสุดๆ ชอบมากมายค่ะ
฿260
105 views
0 likes
0 comments
฿260
127 views
0 likes
0 comments
฿720
145 views
0 likes
0 comments
฿370
113 views
0 likes
0 comments
฿320
84 views
0 likes
0 comments
สำหรับของหวานนั้นถ้าเป็นพวกขนมแบบฝรั่งก็จะมีเชฟหมวย – Pastry Chef ของที่นี่เป็นผู้ดูแลค่ะ ทราบมาว่าแต่ละเมนูใช้ความพิถีพิถันในการทำมากทีเดียว อย่างพวกเบอร์รี่กวนที่ใช้ประกอบในหลายๆเมนูนั้นก็เป็นของ homemade ที่ทำกันเองสดๆ ได้รสผลไม้แบบธรรมชาติแท้ๆ ทำให้ของหวานที่นี่อร่อยโดดเด่นไม่แพ้ของคาวเลยล่ะ
● Nougat Delight : ตังเมผลไม้รวม (ราคา 280 บาท) – ส่วนตัวแล้วชอบเมนูนี้มากที่สุดในบรรดาของหวานทั้งหมดเลยค่ะ ..เนื้อ nougat นุ่มเบาให้ความรู้สึกกึ่ง mousse ละลายในปาก มีชิ้นผิวส้มเล็กๆแทรกอยู่พอให้ได้กลิ่นหอม ผสมเหล้ารัมราดคาราเมลเข้ากันสุดๆ ทานคู่กับ crumble pie ที่รองด้านล่าง , Mixed Berry Sauce, และสตรอว์เบอร์รี่สดที่ท็อปมาด้านบนนี่.. อร่อยระเบิดระเบ้อ!
฿280
102 views
0 likes
0 comments
฿190
92 views
0 likes
0 comments
฿150
95 views
0 likes
0 comments
฿150
67 views
0 likes
0 comments
฿280
108 views
0 likes
0 comments
สำหรับเครื่องดื่มที่นี่มีให้เลือกเยอะทีเดียว เลยสั่งกันไปหลากหลายทั้งลิ้นจี่เชค โอวัลตินภูเขาไฟ ช็อคโกแลตเย็น...ฯลฯ ส่วนของเราลองไป 2 อย่างค่ะ
● Berry Milkshake (ราคา 150 บาท) – ได้รสมิลค์เชคหวานมันชัดเจนแทรกด้วยกลิ่นเบอร์รี่จากแยมที่เติมลงไป กับเมนูนี้เราแอบนึกอยากให้มีรสเปรี้ยวจากเบอร์รี่อีกนิดเพื่อให้รู้สึกสดชื่นนะคะ
฿150
53 views
0 likes
0 comments
฿150
58 views
0 likes
0 comments
฿110
67 views
0 likes
0 comments
Hotel Indigo นี้เป็น Boutique Hotel ที่ยึดหลักการออกแบบตกแต่งโดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้าพักและผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ท้องถิ่นหรือย่านชุมชนท้องถิ่นในบริเวณที่โรงแรมตั้งอยู่ สำหรับสาขากรุงเทพนี้เมื่อมาอยู่บนถนนวิทยุ - ถนนสายร่มรื่นปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่สวยงามที่สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2463 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุแห่งแรกของประเทศไทย รวมไปถึงเป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตต่างๆ และสวนลุมพินี ..จนกลายเป็นย่านธุรกิจสำคัญในปัจจุบัน – สไตล์การตกแต่งของโรงแรมจึงมุ่งถ่ายทอดเรื่องราวของถนนวิทยุออกมาได้อย่างโดดเด่นน่าสนใจ เริ่มต้นจากทางเข้าด้านหน้าโรงแรมที่เป็นกระจกใสบานใหญ่ทั้งหมดเพื่อให้ได้ชื่นชมกับทิวทัศน์ภายนอกได้เต็มตาทั้ง 2 ฝั่งถนน รถถีบสามล้อสีสันสดใสที่จอดอยู่หน้าล็อบบี้ ของตกแต่งแนววินเทจในหลายๆมุมของโรงแรม รวมไปถึงบริเวณหน้าลิฟท์ที่มีการจัดวางวิทยุโบราณหลากหลายแบบไว้อย่างเก๋ไก๋ ดูสวยงามน่าชมไปซะทุกมุมเลยค่ะ สำหรับในส่วนของห้องอาหาร Metro on Wireless นี้ก็ยึดแนวทางเดียวกับธีมหลักของโรงแรม เราจึงได้เห็นการตกแต่งที่ก้ำกึ่งระหว่างความร่วมสมัย แทรกอยู่ด้วยความเป็นไทยๆแบบดั้งเดิมได้อย่างสวยงามลงตัว ตัวห้องเน้นโทนสีสว่างดูอบอุ่น ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกแทบทั้งหมด ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย มีที่นั่งติดกระจกสำหรับคนที่ชอบทานอาหารแกล้มวิวภายนอก หรือถ้าใครอยากนั่งแบบ outdoor ไปเลย ที่ระเบียงด้านนอกก็มีเก้าอี้และโซฟาหวายกับเบาะนุ่มๆให้ได้นั่งชิลล์กันตามสะดวก แต่ถ้ามาตอนบ่ายๆร้อนๆกลัวแดดส่องก็นั่งด้านในเข้ามาจะดีกว่านะคะ ครัวที่นี่เป็น Open Kitchen เปิดให้ลูกค้าได้มองเหล่าเชฟเตรียมอาหารกันได้เพลินๆ ดูบรรยากาศแล้วจะมาทานเป็นครอบครัวก็เหมาะ จะจัดมื้อโรแมนติกก็ได้ จะพาแขกต่างชาติมาก็ยิ่งเก๋นั่นล่ะค่ะ อีกหนึ่งไฮไลท์ของโรงแรมก็คือสระว่ายน้ำบนชั้น 24 ที่สามารถมองเห็นวิวระฟ้าของกรุงเทพฯได้กว้างๆ 180 องศา เห็นแล้วบอกได้เลยว่า Bangkok skyline บ้านเรานี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆในโลกนะคะ โดยรวมแล้วก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากจัดมื้อเก๋ๆบรรยากาศดีๆ และชื่นชอบอาหารที่ทานง่ายๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความพิถีพิถัน หรือคนที่อยากพาแขกต่างชาติมาชิมอาหารไทย แต่เบื่อร้านแนวๆชาววังโบร่ำโบราณที่เห็นกันทั่วไป ก็น่าจะหาโอกาสมาลองที่นี่ดูซักมื้อค่ะ
Post