13
1
0
Level4
สวัสดีฮ่ะ (หายหัวไปนาน งานยุ่งขิง 555)เนื่องด้วยได้มีโอกาสไปงาน Exclusive OpenRicer Party กับ Openrice.com มาเมื่อวันที่ 26 เมษา ที่ผ่านมาตามที่ทางเว็บเองก็ได้ลงเรื่องไปแล้วตามลิงก์นี้เนาะ http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/article/detail.htm?article_id=906วันนี้ก็ได้เวลามารีวิวของตัวเองบ้างแระค่ะ (ใครอยากอ่านรีวิวของท่านอื่นๆ เชิญที่ลิงก์นี้เลยนะคะ http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/sr2.htm?shopid=373691ร้านอยู่ชั้น 37 ของโรงแรม Pullman สีลมค่ะ หลังจากขับรถหลงไปพักหนึ่ง เลยไปถึงซะคนสุดท้าย นัดหมายกันที่เวลา 18.30 น. ทว่า..ข้าพเจ้าก็ไปถึงซะเกือบหนึ่งทุ่ม (เซ็งเป็ดจริง
Read full review
สวัสดีฮ่ะ (หายหัวไปนาน งานยุ่งขิง 555)

เนื่องด้วยได้มีโอกาสไปงาน Exclusive OpenRicer Party กับ Openrice.com มาเมื่อวันที่ 26 เมษา ที่ผ่านมาตามที่ทางเว็บเองก็ได้ลงเรื่องไปแล้วตามลิงก์นี้เนาะ http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/article/detail.htm?article_id=906

วันนี้ก็ได้เวลามารีวิวของตัวเองบ้างแระค่ะ (ใครอยากอ่านรีวิวของท่านอื่นๆ เชิญที่ลิงก์นี้เลยนะคะ
http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/sr2.htm?shopid=373691

ร้านอยู่ชั้น 37 ของโรงแรม Pullman สีลมค่ะ หลังจากขับรถหลงไปพักหนึ่ง เลยไปถึงซะคนสุดท้าย นัดหมายกันที่เวลา 18.30 น. ทว่า..ข้าพเจ้าก็ไปถึงซะเกือบหนึ่งทุ่ม (เซ็งเป็ดจริงๆ) พอไปถึงปรากฏว่าคนอื่นมากันหมดแล้ว ก็เลยเก็บภาพอาหารแบบเต็มๆ ที่วันนี้จะมีให้ "ชิม" กันก่อนค่ะ (คือวันนี้จะได้ชิมอาหารจานหลัก (ที่จริงมันมีจานเรียกน้ำย่อยด้วยหละค่ะ) 6 อย่างแล้วก็ของหวาน 5 อย่าง) ซึ่งตัวของคาวนี่จะให้ชิมแบบอย่างละน้อยๆ นะคะ เพื่อให้ชิมครบ ส่วนของหวานมาเป็นจานปกติแล้วแบ่งๆ กันหม่ำค่ะ

ภาพเราจะเบลอๆ หน่อยนะคะ แบบว่าแสงน้อย แถมยังมือสั่น เลยได้ภาพมาไม่คมชัดเท่าไหร่ แหะๆ


มาดูบรรยากาศของทางร้านกันนะคะ ประมาณนี้เลย วิวก็สวยงามค่ะ ชอบเชียวแหละ
25 views
0 likes
0 comments
จานเริ่มต้นนะคะ ตัวนี้ลงภาพให้ทั้งฉบับจานเต็มๆ กรณีที่ไปสั่งรับประทาน กับฉบับที่ได้กินจริงๆ นะคะ จะได้เห็นว่าขนาดมันต่างกัน ไม่งั้นคงชิมกันครบขนาดนี้ไม่ไหว อิอิ

1. Sardines en Boite (Spanish imported sardines, toast and salted butter) - ปลาซาร์ดีนนำเข้าจากสเปน เสิร์ฟกับขนมปังปิ้ง และเนยเค็ม

ผลการหม่ำ - ตัวนี้ขอบอกว่า หน้าตาเหมือนจะธรรมดาและไม่มีอะไร แต่พอกินแล้ว รสชาติลงตัวแฮะ เหมาะสำหรับเรียกน้ำย่อยจริงๆ ค่ะ คือมันลงตัวระหว่างขนมปังที่ยืนพื้น มีความเค็มของเนยนิดหน่อย รวมกับปลา (ที่ไม่ยักคาวแฮะ) แล้ว มันทำให้รสกำลังดีค่ะ กินแล้วกระตุ้นอยากให้กินจานอื่นต่อค่ะ
21 views
0 likes
0 comments
2. ‘Oeuf poché en Meurette’ (Egg poached in Pinot Noir) – ไข่ลวกในซอสไวน์แดง

ตัวนี้เท่าที่จำได้เลาๆ เขาใช้เวลาในการลวก+ตุ๋นไข่ (ใช้ศัพท์ภาษาไทยถูกมั้ยหละนั่น) 12 ชั่วโมงค่ะ (อิฉันจำผิดมั้ยนี่ ทำไมของเพื่อนคนอื่นบอกว่าแค่ 1 ชั่วโมงฟระ ไม่ได้เอาสมุดจดไปด้วย 555) เพื่อให้ได้ไข่หน้าตาแบบนี้มา พร้อมกับไวน์แดงที่เคี่ยวจาก 12 ส่วนเหลือ 1 ส่วน ทำให้นึกถึงตอนไปกินไข่ลวกน้ำแร่ที่ระนอง เค้าก็ใช้วิธีเอาไข่ไปแช่ในน้ำแร่ 12 ชั่วโมงเหมือนกัน แล้วก็ได้ไข่คล้ายๆ หน้าตาแบบนี้มาเหมือนกัน แถมไม่คาวเลยเหมือนกันด้วย (แต่ที่ระนองกินกับซอสปรุงรสแล้วก็พริกไทย แต่ที่นี่มีไวน์แดงแอนด์ขนมปังกรุบกรอบเล็กๆ ให้ด้วยอะนะคะ)

ผลการหม่ำ – ไข่ไม่คาวเลยค่ะ นิ่มและนุ่มนวลมาก กินลื่นนนนซ้า... เราว่ารสลงตัวดีค่ะ แล้วก็เหมาะที่จะรองท้องก่อนจานหลักๆ ที่หนักกว่านี้จะมาด้วย ค่อนข้างเป็นอีกจานที่ประทับใจนะคะ
34 views
0 likes
0 comments
3. Quenelle de brochet gratinée - River Pike fish dumpling, Chardonnay sauce (ปลาไพก์เสิร์ฟในครีมซอสไวน์ขาว)

ผลการหม่ำ – สำหรับเรา ตัวนี้รสชาติไม่เด่นค่ะ แต่เด่นที่มันเซอร์ไพรซ์ว่าทำจากปลา และตัวกลิ่น (ซึ่งจะบรรยายต่อไป) คือ หน้าตารูปลักษณ์เหมือนไม่ใช่ปลาเลยค่ะ แล้ววิธีการทำก็ค่อนข้างพิถีพิถันพอสมควร (ที่เห็นหน้าไหม้ๆ ไม่ใช่การเอาไฟเผานะคะ แต่เป็นการรมด้วยไฟ (เรียกศัพท์เฉพาะไม่ถูก เง่อ...) เอาค่ะ กึ่งๆ แขวนแล้วอบอ้ะ ตัวรสจะออกแนวเรียบๆ หน่อยค่ะ แต่ว่าตัวกลิ่นนี่มันอวลขึ้นจมูกแล้วไปค้างอยู่สักพักเลยหละค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน (ไอ้เราก็กินเป็นอย่างเดียว ทำอาหารกะเค้าไม่เป็นอะนะ แฮ่...) ตัวเนื้อของปลาก็เนียนดีค่ะ แต่อย่างที่บอก รสชาติไม่เด่นค่ะ แต่กลิ่นโอเลย อวลดีค่ะ แถมไม่ใช่กลิ่นจากการดม แต่เป็นกลิ่นที่จะเกิดเวลาที่อาหารอยู่ในปากและเคี้ยวแล้วด้วยค่ะ

4. ‘Saint-Jacques d’Hokkaido’ - Grilled Scallops, truffle dressing (หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟพร้อมซอสเห็ดทรัฟเฟิล)

ผลการหม่ำ – หอยเชลล์หนึบแน่นดี (และตัวใหญ่ยักษ์มากกกกอ้ะ ขนาดจานทดลองยังใหญ่และหนาเลย) เป็นหอยนำเข้านะคะ (จำประเทศไม่ได้ วันหลังหนูจะไม่ลืมติดสมุดจดไปอีกแล้วค่า หนูขอโต้ด แง) ตัวนี้เรายังคงกินร่วมกับไวน์ขาวค่ะ ช่วยส่งรสกันดีค่ะ (ไวน์ขาวที่จำไม่ได้แล้วว่าเค้าเสิร์ฟอะไรอะนะคะ มีกลิ่นฝรั่งอวลๆ แล้วก็ตัว “ขา” มีเนื้อหนังในระดับหนึ่งค่ะ อร่อยดี ดื่มลื่นดีค่ะ) แต่ยังไม่ใช่จานที่ประทับใจสำหรับเรานะคะ ^^
13 views
0 likes
0 comments
5. ‘Cote d’agneau rotie au beurre pomme fondante’ - Roasted rack of lamb, butter braised potatoes - ซี่โครงแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบเนย

ตั้งแต่จานนี้มีเสิร์ฟไวน์แดงให้นะคะ แต่ไม่ได้ขอรายละเอียดเรื่องไวน์อีกเช่นกัน แต่เราว่า (ตามประสาไม่ใช่คอไวน์แท้นะคะ แฮ่..) สู้ตัวไวน์ขาวไม่ได้แฮะ ทั้งกลิ่น และความเป็นเนื้อเป็นหนัง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายนะคะ

ผลการหม่ำ – เนื่องด้วยข้าพเจ้ายังคงยกให้แกะที่ร้าน Restaurante Platao ณ เซนาโด้สแควร์ มาเก๊ายังเป็นร้านที่ทำแกะได้โปรดที่สุดอยู่ (แต่ก็ไปกินล่าสุดมาตั้งแต่สองปีที่แล้วนะคะ ไม่รู้ยังทำได้เหมือนเดิมป่าว แหะๆ) สำหรับที่นี่นะคะ เค้าเอาแกะสองส่วนมาทำเป็นเมนูนี้ค่ะ นั่นก็คือเนื้อหัวไหล่และสันใน ซึ่งเนื้อสันใจจะนุ่มกว่านะคะ แล้วก็เนื้อหัวไหล่จะมีลักษณะแน่นแต่เป็นเส้น คล้ายๆ เวลาที่เรากินเนื้อวัวตุ๋นในก๋วยเตี๋ยวอะค่ะ

ตัวนี้เราสามารถเลือกระดับความสุกได้นะคะ จะเอามากน้อย แต่วันนั้นที่เค้าเสิร์ฟมาจะเป็นสุกหน่อย ซึ่งเราชอบอยู่แล้ว ส่วนตัวกลิ่น ยังมีกลิ่นนิดๆ ค่ะ ตัวนี้ยังสู้ร้านที่มาเก๊าไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้สาปเหมือนร้านอื่นๆ ที่เคยกิน สรุปแล้วอยู่ในขั้นอร่อยค่ะ จานนี้เราชอบนะคะ

6. Combinaison de ‘Filet et de joue boeuf’ (Pan seared beef tenderloin, 12 hours braised beef cheek) - เนื้อสันในย่าง เสิร์ฟกับแก้มวัววากิวตุ๋น 12 ชม.

ผลการหม่ำ - จานนี้เชฟก็เอาเนื้อสองส่วนมาทำอีกเช่นกันค่ะ เป็นเนื้อแก้มและสันใน ตุ๋นนาน 16 ชั่วโมง ตัวนี้เราต้องขออนุญาตเจ้าแม่กวนอิมในการชิมแล้วก็เอามารีวิวเลยหละค่ะ แหะๆ (ที่จริงเราเป็นคนโปรดเนื้อวัวมากนะคะ แต่แม่มาขอตอนมอหก เพราะขอเรามาจากเจ้าแม่กวนอิม แล้วก็เห็นว่าเราโตพอแล้ว งดเนื้อวัวได้แล้ว เลยไม่ได้กินเลยตั้งแต่นั้นมาค่ะ) จานนี้ต้องกินเนื้อทั้งสองส่วนไปพร้อมๆ กันนะคะ (ไอ้ตอนแรกก็ไม่รู้ ลองชิมทีละส่วนก่อน จนคุณเมย์ – PR ของทางห้องอาหารแนะนำ แหะๆ) เวลาหม่ำสองอันเข้ากันแล้ว สัมผัสในปากจะสนุกมากค่ะ มันส่งรสและสัมผัสซึ่งกันและกันหละ แปลกดี สร้าง surprise ดีเลยหละค่ะ (เรารู้สึกว่าพ่อครัวท่านนี้ชอบทำอาหารที่มี gimmick ในการ surprise อะไรเล็กๆ น้อยๆ ในแทบทุกจานเลยแฮะ)
ตัวเนื้อสันในนุ่มมากกกก แทบไม่ต้องใช้มีดเลยค่ะ ส่วนตัวเนื้อแก้มก็แน่นดี เนื้อคุณภาพดีค่ะ เผลอกินไปสามคำเลย (จากที่ตั้งใจว่าจะกินแค่คำเดียว แหะๆ) กินครบสามคำปุ๊บ ต้องตัดใจอยู่นานว่า พอแระ แค่นี้ก็เขียนรีวิวได้แล้ว (มันอร่อยจริงๆ ค่ะจอร์จ) คิดว่าถ้าเป็นคนที่กินเนื้อวัวได้ อยากให้ลองมาหม่ำค่ะ น่าจะชอบเหมือนที่เราชอบ
20 views
0 likes
0 comments
ต่อไปเป็นเมนูของหวานบ้างเนาะ ซึ่งเค้าจะเสิร์ฟตามไซส์จริงแล้วหละค่ะ เริ่มด้วยสองจานนี้ก่อนค่ะ (ที่จริง รัมบาบามาก่อนนะคะ แต่เราเรียงรูปอย่างนี้ไปแล้ว แหะๆ)

1.Rum Baba (รัม บาบา)

เมนูนี้เป็นตัวที่คุณเมย์บอกเกริ่นตั้งแต่แรกแล้วค่ะว่า เป็นของหวานที่ไม่อร่อยแต่สนุก ฮา
แม้รูปลักษณ์จะออกมาน่าหม่ำมากก ดูน่ารัก เป็นกระปุกน้ำผึ้งแถมมีวิปครีมโปะมาด้วย ดูซิ...แต่เราขอตั้งว่ามันเป็นขนม “แอ๊บแบ๊ว” ค่ะ เพราะมัน “แสบ” กว่าที่คุณคิ้ด (กรุณาทำเสียงสูง) คือ มันดูน่ารัก แต่รสชาติ “แรง” มากมายค่ะ เพราะที่เป็นเหมือนน้ำผึ้งในกระปุกนั่นคือเหล้ารัมค่ะ แล้วตัวที่บวมๆ อยู่ข้างบนนั่น มันบวมพองด้วยการดูดเหล้ารัมเอาไว้ชุ่มเชียว ซึ่ง..เราไม่ชอบดื่มเหล้ารัม เลยแบบว่า..กินคำเดียว จบค่ะ เหอๆ ในโต๊ะเท่าที่ถามสาวๆ ก็ไม่มีใครชอบนะคะ

บอกแล้วว่ามันเป็นขนมแอ๊บแบ๊วค่ะ ทำมาซะน่ารักเชียว แต่รสชาติ “แวร้ง” ฮา เหมาะแก่การสั่งมาแกล้งเพื่อนเป็นอย่างยิ่งนะคะ เอิ๊กๆ

2.Granny Smith Apple Tart (ทาร์ตแอ๊ปเปิลแกรนนี่ สมิธ)

ตัวนี้มาพร้อมไอศกรีมโปะด้านบนค่ะ ตัวเนื้อทาร์ตนุ่มนวลในระดับหนึ่ง (แต่พอทิ้งไว้สักพัก เราว่าตัวเนื้อแฟบลงอะค่ะ เลยทำให้ขาดสัมผัสในปากไปนิดหนึ่งง่า) กินกับไอติมแล้วเข้ากั๊น เข้ากัน จานนี้อร่อยในระดับหนึ่งหละค่ะ แต่เรายังไม่ได้ชอบที่สุด แต่มีคนลงคะแนนชอบจานนี้ที่สุดในบรรดาของหวานนะคะ อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบเนาะ
14 views
0 likes
0 comments
3.Mille Feuille ‘Grands Augustins’ (มิลเฟย กรองด์ โตกุสตังน์) คือในรูปบนนะคะ

เมนูนี้ต้องราดซอสที่ให้มาเป็นถ้วยๆ นั่นด้วยนะคะ สำหรับเราตัวนี้ออกแนวเบาๆ ค่ะ เราชอบหละ แต่หนุ่มๆ เค้าว่ามันไม่ rich พอ เบาบางไปหน่อย แต่สำหรับสาวๆ เราว่าน่าจะพอดีนะคะ มันจะมีความกรอบของตัวเนื้อ ความหอมอ่อนๆ และนุ่มนวลทั้งจากชั้นครีมและซอสที่ราด เราว่ากินแล้วกำลังเบาๆ ดีค่ะ ถ้าใครอิ่มคาวมากๆ แล้วอยากได้ของหวานเบาๆ ตบท้าย จานนี้น่าจะเหมาะอยู่นะคะ ไม่หวานจัด (ปกติเราชอบกินหวานนะคะ แหะๆ แต่จานนี้ถึงไม่หวานก็อร่อยดี) เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบของหวานที่หวานจัดๆ ด้วยค่ะ

4.Grand Marnier ‘Soufflé’ (กรองด์ แมร์นิเย่ร์ ซูเฟล่)

ตัวนี้เนื้อข้างบนออกแนว sponge หน่อยค่ะ แต่ก็มีความแน่นและนุ่มนวลอยู่ พอใช้มีดตัดแบ่งออกมาแล้ว กลิ่นจะฟุ้งและพุ่งออกมาดีมากค่ะ ตัวซอสไม่หวานจัด กินเข้ากันดี แต่ยังไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรมากนะคะ คือ อร่อยแต่ไม่ถึงกับ “ว้าว” อ้ะ
24 views
0 likes
0 comments
5.Chocolate Fondant (ช๊อคโกแล็ต ฟองดองท์)
ตัวนี้ก็เหมือนช็อกโกแลตลาวา (ที่เราเรียกกันทั่วไปอะนะคะ) คือจะมีซอสช็อกโกแลตเหลวอยู่ข้างในแบบนี้ หม่ำกับไอติมอีกเช่นกัน ถ้าในบรรดาของหวานทั้งหมด ในเรื่องของรสชาติของของหวานที่นี่ เราชอบจานนี้ที่สุดค่ะ (แม้ว่า...จะมีที่อื่นที่ทำเมนูนี้อร่อยกว่าก็ตาม ฮา) เพียงแต่มันเป็นเมนูที่เหมือนจะหากินที่อื่นก็ได้อะนะคะ ถ้าเอาความพิเศษด้วย เลือก Mille Feuille ‘Grands Augustins’ น่าจะดีกว่าค่ะ

สรุปแล้วสำหรับการรับประทานที่นี่นะคะ เราค่อนข้างประทับใจในอาหารคาวหละค่ะ เนื่องด้วยคุณภาพอาหารดี ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิดด้วย (คือด้วยสถานที่ โลเคชั่น การบริการ กับการกินอาหารจากเชฟระดับ 2 ดาวมิชลินอย่างเชฟมานูเอล มาร์ติเน่ซ์แล้วเนี่ย มันน่าจะแพงกว่านี้อ้ะ) แต่สำหรับของหวาน ที่นี่ยังไม่โดดเด่นในความคิดเราค่ะ

แต่อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ สำหรับเรา ถ้ามีโอกาสก็คงพาใครสักคน (ใครดีหละ? ฮา) ไปหม่ำอีกหละค่ะ
18 views
0 likes
0 comments
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
Post
DETAILED RATING
Taste
Decor
Service
Hygiene
Value
Spending Per Head
฿1000
Recommended Dishes
  • Cote d’agneau rotie au beurre pomme fondante’ - Roasted rack of lamb
  • butter braised potatoes
  • ‘Saint-Jacques d’Hokkaido’ - Grilled Scallops
  • truffle dressing (หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟพร้อมซอสเห็ดทรัฟเฟิล)