Read full review
2014-03-06
82 views
Asama Cafe ร้านกาแฟอินดี้ที่ฝีมือไม่เป็นรองใคร ..ถือเป็น "ช้างเผือก" ในป่าใหญ่ก็ว่าได้ ที่เปรียบมาไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด เพราะร้านเล็กๆ แห่งนี้ ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ รั้วเดียวกับ "ครัวย่า" ร้านอาหารไทยชื่อดังของเมืองเชียงใหม่ ซึ่ง "น้องมุก" เจ้าของร้านแกเป็นลูกหลานของร้านครัวย่าแห่งนี้ แต่ไม่ใช่อยู่ในร้านครัวย่าแล้วจะอิงกระแส ขายกาแฟธรรมดาๆ อย่างหลายๆ ร้านชอบทำกัน .."น้องมุก"คนนี้ ฝีมือใช่ย่อย เพราะมีพรายกระซิบบอกว่าเธอมีดีกรีแชมป์ทางด้านกาแฟเหมือนกัน .. ตัวร้านที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีเคาน์เตอร์ใหญ่ๆ และบาร์ 4-5 ที่นั่ง คือบรรยากาศภายใน ส่วนภายนอกมีชิงช้า และโต๊ะประมาณ 3 ชุด ตั้งอยู่ริมน้ำที่เป็นบึงของหมู่บ้าน
แต่ไม่ใช่อยู่ในร้านครัวย่าแล้วจะอิงกระแส ขายกาแฟธรรมดาๆ อย่างหลายๆ ร้านชอบทำกัน .."น้องมุก"คนนี้ ฝีมือใช่ย่อย เพราะมีพรายกระซิบบอกว่าเธอมีดีกรีแชมป์ทางด้านกาแฟเหมือนกัน .. ตัวร้านที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีเคาน์เตอร์ใหญ่ๆ และบาร์ 4-5 ที่นั่ง คือบรรยากาศภายใน ส่วนภายนอกมีชิงช้า และโต๊ะประมาณ 3 ชุด ตั้งอยู่ริมน้ำที่เป็นบึงของหมู่บ้าน บรรยากาศดีมาก เย็นสบาย ดูผ่อนคลายไม่น้อย
ว่ากันที่จุดเด่นของร้านนี้อันดับแรกเลย ที่ใครมาเห็นเป็นต้อง"สะดุด" คือ เครื่องชงเอสเปรสโซ่ที่หน้าตาละม้ายคล้ายยานอวกาศ ถ้าเป็นบาริสต้าหรือคนในวงการกาแฟ เจ้าเครื่องนี้ถือเป็นเครื่องชงกาแฟในฝันของใครหลายๆ คน ด้วยราคาและประสิทธิภาพสุดยอด "Spirit Duette" มีค่าตัวประมาณรถอีโคคาร์คันหนึ่งเลยทีเดียว นั่นคือ "ห้าแสนบาท"
ใช่เครื่องชงจะแพงอย่างเดียว คุณภาพของเมล็ดกาแฟที่นี่ก็ดีพอกัน ด้วยความรักและหลงไหลในกาแฟ เจ้าของร้านจึงมีกาแฟเบลนด์ใหม่ๆ ต่างแบบต่างชนิด ทั้งของไทยและของนอก จากโรงคั่วต่างๆ มาให้ได้ลองอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เวลามาทานกาแฟที่นี่แล้วไม่รู้สึกเบื่อ โดยเฉพาะคนชอบกาแฟร้อนอย่างผม จะดื่มเมนูซ้ำๆ บ่อยๆ การได้ลองชิมเมล็ดกาแฟใหม่ๆ นับเป็นเรื่องสนุกและตื่นเต้นทุกครั้ง
จากทั้ง 3 ปัจจัย คือ ฝีมือ+เครื่องชง+เมล็ดกาแฟ และสุดท้าย "ใกล้บ้าน" ทำให้ร้านนี้กลายเป็นร้านกาแฟเบอร์หนึ่งในใจไปแล้ว .. เห็นอย่างนี้อย่านึกว่าจะแพง เพราะเขาขายราคาได้ถูกอย่างไม่น่าเชื่อหากเทียบกับคุณภาพ เพราะ espresso 1 ช็อต เพียง 55 บาท ส่วนกาแฟเย็น แก้วละประมาณ 60-75 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มสุดๆ
นอกจากนี้ทางร้านยังมีเค้กและของหวานอื่นๆ อีกด้วย แต่ที่อยากให้ลองชิม กาดอกจันไว้ใหญ่ๆ เลยคือ "Espresso Panna Cotta" ซึ่งทางร้านทำวันละ 4 ที่เท่านั้น เนื้อพันนาค็อตต้าเด้ง นุ่ม หวานมันกำลังดี ราดด้วยช็อตเอสเปรสโซ่ที่เข้มข้น และขมลงไป รสชาติเข้ากันไม่น้อย ยิ่งพอกินไปเรื่อยๆ น้ำกาแฟจะซึมเกาะผิวของพันนาค็อตต้า ฉ่ำ อร่อยมากครับ ไม่เสียดายตังค์ 79 บาทเลย
คงไม่มีอะไรบรรยายไปมากกว่านี้ นอกจากต้องยกนิ้วให้ และไปใช้บริการซ้ำๆ เพราะรสชาติของกาแฟทุกแก้ว จากที่ได้ลองชิมแล้วหลายๆ เมนู ถือว่า "ระดับเทพ" ..และคุณภาพเกินราคาจริงๆ
Post