ร้านอาหารใต้ในกรุงเทพฯ มีอยู่หลายร้าน
ส่วนมากจะเป็นร้านข้าวแกง แต่มีไม่มากนักที่เป็นร้านนั่งสบายๆ บรรยากาศดี เหมือนนั่งกินอยู่ที่บ้าน

ที่สำคัญ ร้านคั่วกลิ้ง ผักสด เขาทำอาหารจานต่อจาน เพื่อความสดใหม่
พร้อมกลิ่นหอมทะลุออกมาจากในครัว เป็นต้นว่ากลิ่นเครื่องแกงใต้นั้น หากได้มาเตะจมูกของเราแล้ว
น้ำย่อยก็จะเริ่มหลั่ง กระเพาะก็เริ่มทำงาน จนเราแทบจะรอให้อาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะไม่ไหวเลยทีเดีบว

สะตอผัดกุ้ง บางคนอาจจะเรียกว่า กุ้งผัดสะตอ ซึ่งก็แล้วแต่ใครจะเรียก
แต่ที่สังเกตมา คนใต้จริงๆมักจะเรียกว่าสะตอผัดกุ้ง ซึ่งร้านนี้ก็เขียนในเมนูว่าแบบนั้น
แต่ก็เอาน่ะ ขอให้รสชาติออกมาโอเป็นใช้ได้ ... ที่นี่เขาใช้สะตอพันธุ์ภาคใต้ซึ่งให้รสสัมผัสกรอบกรุบ
และมีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ของสะตอชัดเจน มีให้เลือกสองแบบ คือ แบบผัดกะปิ และผัดพริกแกงเขียว
ที่ผมลองทานเป็นแบบผัดกะปิ รสชาติออกแนว 4 รส เค็ม หวาน เปรี้ยว เผ็ดนิดๆ กลมกล่อมใช้ได้

ต่อไปเป็นแกงเหลืองปลากระพง รสชาติเข้มข้นแบบชาวใต้แท้ๆ ใครกินเผ็ดมากไม่ได้ แนะนำให้เตรียมเครื่องแก้เผ็ดไว้ใกล้มือ
หรือจะบอกให้ทางร้านลดความเผ็ดลงให้ก็ย่อมได้ ที่นี่แกงเหลืองเขาไม่ได้ใส่หน่อไม้ แต่ใส่เป็นยอดมะพร้าว
รสชาติใกล้เคียงกับที่เคยกินแถบนครศรีฯ แต่แถบนั้นเขาจะนิยมใส่สับปะรดลงไปด้วย ก็จะมีรสแฝงแน่นขึ้นไปตามลำดับ
แต่ผมก็ขอชมเชยว่าร้านนี้ทำแกงเหลืิองได้อร่อย จนอยากซื้อกลับไป แช่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อเวลาดึกๆ อยากกินของรสจัดๆขึ้นมา

ดาวเด่นอีกดวงที่ผมชอบมาก นั่นก็คือแกงปูใส่ใบชะพลู
เนื้อปูขาวเป็นก้อนๆ คัดเฉพาะเนื้อกรรเชียงอวบแน่นชิ้นโต ใส่มาให้เป็นจำนวนมาก
รสชาติออกแนวแกงคั่วกะทิแบบปักษ์ใต้ มีรสเผ็ดและซ่อนรสหวานหอมของน้ำตาลมะพร้าว
โดดเด่นด้วยกลิ่นของใบชะพลู กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรือเส้นหมี่ขาวที่ทางร้านเคียงมาให้ด้วย
อร่อยเด็ดจริงหนอ

อีกเมนูยอดนิยมที่คนนิยมสั่งกันก็คือ ใบเหลียงผัดไข่
ผัดมาหอมกระเทียมหน่อยๆ ใบเหลียงเคี้ยวเพลิน มีความมันนิดๆอยู่ในตัว

คั่วกลิ้งกระดูกอ่อน เมนูที่เป็นชื่อของร้านซะด้วย
กินเข้าไปคำแรก ผมกลับรู้สึกถึงแกงแพนงผัดแบบแห้ง เพราะผมว่ามันขาดกลิ่นของตะไคร้,ขมิ้น
และพริกไทยอ่อนไปหน่อย แต่ถ้าไม่คิดมาก มันก็อร่อยนะ
อาจจะเป็นเพราะว่าผมเคยเจอคั่วกลิ้งในดวงใจมาก่อนหน้านี้
เลยอาจทำให้คั่วกลิ้งของร้านนี้ดูเด็กเกินไปสักนิดนึง

ร้านนี้มีขนาดร้านค่อนข้างเล็ก กะเอาด้วยสายตาไม่น่าจะจุได้เกิน 30 ที่นั่ง
เปิดเป็นช่วงเวลา 11.00-14.00 และตอนเย็น 17.00-21.00
ดังนั้นควรทำการสำรองที่นั่ง หรือไปถึงร้านตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันความผิดหวัง

ร้านนี้เป็นร้านที่ผมทานมาตั้งแต่ยังเด็กๆ
และมีตำนานเล่ากันสนุกๆอยู่หลายเรื่อง เป็นต้นว่า

มีเพื่อนผมคนหนึ่ง เขานับถือศาสนาอิสลาม และเขาก็ไม่กินหมู อย่างที่รู้ๆกัน
บังเอิญวันนั้น ผมและเพื่อนคนอื่น ได้นัดกันไปกินก๋วยเตี๋ยวหมูรุ่งเรือง
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ก็มีคนตะโกนว่า เฮ้ย ไอ้(บัง) ... ปรากฏว่าเพื่อนอิสลาม มานั่งจ้วงกินก๋วยเตี๋ยวอยู่
แล้วมันก็สารภาพว่า ร้านนี้ทำให้ผมศีลแตก ยอมบาป ทำให้อิสลามยอมกินหมูได้ ขนาดนั้นเลย

เมื่อพูดถึงก๋วยเตี๋ยว ผมมักจะนึกถึงเส้นก๋วยเตี๋ยวก่อนเป็นอันดับแรก
คล้ายกับร้านข้าวแกง ผมจะนึกถึงข้าวก่อนเหมือนกัน
เพราะถ้าอาหารหลักอย่างเส้นก๋วยเตี๋ยว หรืออย่างข้าวสวย นั้นมีคุณภาพชั้นเยี่ยม
ต่อให้กับรสชาติธรรมดาอย่างไร ก็ยังไม่ขี้เหร่ กลับกัน ถ้ากับข้้าวอร่อย แกงอร่อย
แต่ข้าวหุงบานตะไทหักร่วนแห้งกรังแล้วล่ะก็ ต่อให้อาหารอร่อยแค่ไหน ผมจะไม่รู้สึกซาบซึ้งเท่าไรหรอก

เส้นเล็กของที่นี่ มีความเหนียวนุ่มหยุ่นฟันมาก และลวกสดๆก่อนนำมาเสิร์ฟทุกครั้ง ไม่มีลวกทิ้งไว้
ถ้าใครสังเกตก็จะสามารถนำไปใช้วิเคราะห์เส้นพาสต้าตามร้านอาหารอิตาเลี่ยนได้ด้วย
อาหารจำพวกแป้งถ้าลวกทิ้งไว้รอจนเย็น มันจะสูญเสียความเหนียวนุ่มไปอย่างกู่ไม่กลับ
ดังนั้น หากร้านใดมีความพิถีพิถันพอ เขาจะต้องลวกเส้นใหม่ทุกครั้ง เพื่อความสมบูรณ์แบบของรสชาติอาหาร

บะหมี่เหลืองก็เช่นกัน ของร้านรุ่งเรืองเขาใช้บะหมี่จีนเส้นเล็ก ไม่ใช่เส้นแบน
เส้นบะหมี่เขาจะมีกรุบแบบหนึบๆ เพราะเป็นเส้นบะหมี่ชั้นดี ผ่านการนวด สร้างกลูเตน จนเส้นเต้นได้ในปากเรา กินเพลินยิ่งนัก

เครื่องก๋วยเตี๋ยวที่ผมว่าเด่นที่สุดในบรรดาเครื่องที่เขามีให้เลือกที่ร้านมากมายไม่ว่าจะเป็นเครื่องใน ลูกชิ้น หลากชนิด ... ผมขอยกให้หมูสับ ....และ ใส้หมู แต่อาจจะเป็นความชอบส่วนตัวก็ได้นะ

ผมว่าหมูสับของร้านนี้มันทั้งนุ่ม เหนียว กินง่าย รสดี หอม อร่อย ไม่ได้หมักนวดจนกลายเป็นหมูเด้ง
แต่ก็ไม่ใส่หมูสับธรรมดา คือมันยังมีรสสัมผัสของเนื้อหมูสับอยู่ แต่มันก็มีรสชาติในตัวของมัน
อธิบายลำบากจริงๆ เอาเป็นว่าขอให้ไปลองกันดูละกัน

เครื่องในของที่นี่ เขาทำมาอย่างดี ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบ ไม่เหนียว เคี้ยวไม่ยาก
โดยเฉพาะไส้นี่จะไม่มีรสขม และก็มีความตึงอวบแน่นดี กินอร่อย

เวลาไปกินทีไรผมก็จะสั่งซ้ำไปซ้ำมาอยู่ไปกี่เมนู เวลากินแห้งก็มักจะสั่งน้ำซุปแยกมาต่างหาก
เพราะน้ำซุปของเขาก็ถือว่าเด็ดเลยทีเดียว ไม่ใช่ซุปน้ำใสสร้างภาพแอ๊บแบ๊ว
แต่ว่าเป็นน้ำซุปที่ดูขุ่นนิดๆเพราะต้มไฟแรง ให้ความหวานจากกระดูกหมูมันแตกตัวกระจายฟุ้งอยู่ในน้ำซุป ทำให้รสชาติหวานหอม ซดคล่องคอยิ่งนัก

จานที่เสิร์ฟมาก็เป็นชามทรงรี ได้อารมณ์ก๋วยเตี๋ยวหมูคลาสสิก ที่เปิดขายมานานแล้ว
ก็มันเรื่องจริงนี่นา ร้านเขาเปิดมานานแล้ว และก็คงความคลาสสิกมา จนถึงทุกวันนี้

ปล. มีสองร้าน ร้านเล็ก ร้านใหญ่ เป็นพี่น้องกัน เคยทะเลาะกัน แต่ปัจจุบันดีกันแล้ว
รสชาติไม่ต่างกัน แต่ถ้าอยากรู้ ก็ให้ลองชิมร้านละชาม อร่อยทั้งคู่

>>>>>> ขออนุญาติเพิ่มรูปหน่อยละกันครับ

>>>> ความเดิมจากรีวิวร้านนี้

ร้านนี้เขามีฟาร์มไก่บ้านเป็นของตัวเองอยู่ที่ราชบุรี
เกลือทะเลเขาก็นำเข้ามาจากอเมริกาใต้และอิตาลี
ถ่านก็เป็นถ่าน Binchotan นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น

ฟังดูแล้วร้านนี้มีแต่ ไก่ และ ไก่ และ ไก่ แต่ก็เป็นร้านอาหารที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องไก่
และทำอาหารจากไก่ออกมาได้รสชาติอร่อยสุดยอดทุกจาน ทุกแบบ ทุกสไตล์

เมนูที่อยากแนะนำก็คือ
สลัดฟักทอง, Chicken Liver Pate, ไก่ทอดกรอบ, ไก่เสียบไม้ย่างเกลือ หลากหลายส่วน แล้วแต่ชอบ
Tori Wasa (ไก่ดิบใน Ponzu และ Fresh Wasabi)

ส่วนของหวานที่รสชาติสุดยอดมากก็คือ Kinako Annin Tofu ผมเรียกมันง่ายๆว่า Panna Cotta แบบญี่ปุ่น
ทำมาจากเต้าหู้ โรยด้วยกากถั่วเหลือง น้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง รสชาติอร่อยจนผมฝันถึงไปหลายวัน

ร้านกิมโป้ เป็นร้านข้าวต้มปลาที่เปิดมานาน
โดยผมรู้จักร้านนี้จากพ่อของผม ที่ชอบออกไปแสวงหาของกินทั่วทุกถิ่น

ข้าวต้มปลาเจ้านี้อยู่ที่ตรอกจันทน์เดินทางไปไม่ยาก แต่ที่จอดรถอาจจะลำบากสักนิด
แต่ก็ไม่ลำบากเกินที่จะมาดื่มด่ำกับข้าวต้มปลา ที่ผมยกให้ว่าอร่อยจนไม่อยากไปกินที่อื่นอีกเลย

สำหรับปลาสดๆ ร้านนี้มีให้ตามที่หามาได้ในแต่ละวัน
โดยส่วนใหญ่จะมี ปลาเก๋า ปลากระพง และ ปลาช่อนทะเล ปลากุเลา
ยืนพื้น ตามด้วย เต๋าเต้ย ซึ่งมีเกือบทุกวัน
และ ปลาหมอทะเล ซึ่งแล้วแต่โชคดวง วาสนา และฤดูกาล

ตามหลักแล้ว ปลาทะเล ยิ่งตัวใหญ่ เนื้อจะยิ่งแน่น และเหมาะสำหรับทำข้าวต้มปลา
เพราะเราจะได้รสสัมผัสเนื้อหนานุ่มแน่นนิ่มนวล ซึ่งทางร้านเขาคงมาตรฐานด้วยการคัดเลือก
ขนาดปลาที่มีขนาดใหญ่จากทะเล เป็นประจำทุกวัน ดังนั้นจึงวางใจได้ว่า เนื้อปลาที่มีให้เลือกหม่ำในแต่นั้นสุดยอดจริงๆ

น้ำซุปกระดูกปลาหอมหวานธรรมชาติ ปรุงรสไม่เข้ม แต่รสชาตินั้นอัดแน่นอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว
ยิ่งซดก็ยิ่งให้ความรู้สึกดีๆ เหมือนแหวกว่ายอยู่กลางทะเล ประมาณนั้นเลย

น้ำจิ้มจะมีให้เลือกทั้งแบบเต้าเจี้ยวปรุงเสร็จแบบมีพริกขิงใส่ให้พร้อม
หรือแบบเต้าเจี้ยวล้วน บดเนียนๆ มีกลิ่นหอมและมีความเค็มแบบนวลนุ่มกำลังดี

ข้าวต้มปลาเต๋าเต้ย ของที่นี่ เนื้อปลาสีขาวนวลแน่นนุ่ม หั่นมาหนาๆ ไม่มีรอยแตกหักหรือลุ่ยเละ
ไร้กลิ่นคาวอย่างหมดจดเพราะปลาสดมาก ผสานกับฝีมือชั้นเซียน เป็นข้าวต้มปลาที่อร่อยและสมบูรณ์แบบ

บรรยากาศร้านมีไฟสว่าง สะอาดสะอ้าน ไม่มีกลิ่นคาวปลาลอยมาให้เสียอารมณ์
หน้าร้านมักจะมีปลาตัวใหญ่แขวนอยู่ สร้างมนต์ขลังให้ร้านและเน้นย้ำว่า ที่นี่คือสุดยอดข้าวต้มปลา
และเป็นตำนานที่หาผู้ใดเลียนแบบได้ยากยิ่งนัก

ร้านอาหารทะเล ในจังหวัดสมุทรสาคร มีอยู่หลายร้าน
ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีเมนูเด็ด เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
โดยเราจะสังเกตได้ว่า แต่ละโต๊ะจะสั่งอาหาร คล้ายๆกัน
เรียกว่าเป็นเมนูยอดฮิตประจำร้าน ประมาณว่าเมนูมีเกือบร้อยอย่าง
แต่เราจะสั่งแค่ 4-5 อย่าง วนไปวนมากันอยู่แค่นี้

สำหรับร้าน คุณตุ่ม เป็นร้านอาหารที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม ในหมู่คนลุ่มน้ำท่าจีน
เมนูที่ผมไปทีไรก็สั่งทุกทีก็คือ

"กุ้งผัดพริกขี้หนู"
เขาใช้พริกขี้หนูสวน เม็ดเล็กๆ จำนวนมาก มาผัดคู่กับเครื่องต่างๆ จนกลิ่นพริกนั้นหอมฟุ้ง
จนผมแอบแซวว่านี่แอบใส่ กลิ่นพริก เพิ่มลงไปหรือเปล่า ??
ผมคิดว่าจริงๆแล้วคงเป็นเพราะพริกขี้หนูสวนที่ปลูกแถบนี้ มันมีคุณภาพสูง มีกลิ่นหอม
เพราะผมเคยซื้อพริกขี้หนูสวนกลับบ้านจากตลาดสมุทรสงคราม ถัดจากร้านแดงอาหารทะเลไปหน่อย
มันเป็นพริกขี้หนูที่หอม เผ็ดกำลังดี และมีคุณภาพดีจริงๆครับ
กุ้งที่ใช้เป็นกุ้งแชบ๊วย นำไปทอดก่อนนำมาคั่วกับพริกขี้หนู
กุ้งแชบ๊วยเปลือกบางๆ ผมไม่แกะเปลือกออกให้เสียเวลา แต่กินมันทั้งเปลือกทั้งเนื้อแบบนั้นเลย
รสชาติของกุ้งมีอยู่มากที่เปลือก ยิ่งกินยิ่งอร่อยครับ

"แกงส้มปลาแป้น"
ก็เป็นอีกเมนูที่หากินไม่ง่าย
ร้านนี้เขาเลือกปลาแป้นตัวโตๆ มาทำแกงส้มทั้งตัว เนื้อปลาแป้นจะขาวนวลๆ ก้างน้อย
รสชาติของน้ำแกงส้มจะไม่หวาน แต่ออกเปรี้ยวและข้น เข้ากับปลาแป้นได้ดีมากเลยทีเดียว

"หอยพิมทอดน้ำปลา"
หอยพิมเป็นหอยที่มีเฉพาะฤดูกาลเท่านั้น เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม จนถึง มกราคม
ช่วงต้นฤดูหอยพิม อย่างเช่นเดือนตุลา หอยจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก ตามธรรมชาติของมัน
หอยจะตัวอวบอ้วนน่ากินอย่างมากในช่วงเดือนธันวาคม รสชาติของหอยพิมนั้นไม่เหมือนหอยชนิดใด
มันมีความหอมและรสสัมผัสสู้ฟันนิดๆ ผมชอบรับประทานมากครับ

เมนูดังอีกเมนูก็คือ ปูไข่ผัดพริกขี้หนู แต่ผมจะชอบกินปูนึ่งมากกว่าครับ