OpenRice Index
   Thai | English
Rawisuda
Member 4 First(s)
Reviews7 Review(s)
編輯推介數目0 Editor's Choice
Recommended0 Recommended
Popularity636 View(s)
Replies in Forum0 Comment(s)
Upload Photos95 Photo(s)
Upload Videos0 Video(s)
My Recommended Reviews0 Recommended Review(s)
My Restaurant8 My Restaurant(s)
Follow4 Following
粉絲7 Follower(s)
Rawisuda  Level 2
Follow Follow  Comment Leave a Message 
Sort By:  Date Smile Smile Cry Cry  Editor's Choice  Overall Score 
 
 
 
 
 
  Full View Full View   |   Map View Map View
Showing 1 to 5 of 7 Reviews in Thailand
Share on TwitterShare on Facebook
Categories : Thai food - general | Restaurant | Seafood

ร้านป้าเนียรเป็นร้านอาหารตามสั่งของแท้ จะกินต้องโทรสั่ง ไม่สั่งอดกิน ต้องถามว่าป้าวันนี้มีอะไรให้กินบ้าง บางครั้งป้าก็บอกได้ บางครั้งป้าก็ว่าโทรกลับมาอีกที ป้าส่งคนไปเช็คที่ตลาดก่อน เมนูร้านป้าถ้าใครไปครั้งแรกต้องมะโนเอา หรือทางที่ดีที่สุดก็ถามป้าว่าวันนี้มีอะไรกิน ป้าก็จะสาธยาย เมนูร้านป้ามีไม่มาก แต่ว่าแต่ละเมนูรสชาติถึงใจ
ป้าเนียรเคยแต่งงานแล้วไปอยู่ที่อังกฤษ ไปทำกับข้าวขั้นเทพให้คนที่นั่นติดใจมาหลายคนแล้ว ต่อมาสามีแกตายแกเลยอพยพกลับมาอยู่บ้านเกิดที่เมืองไทย เริ่มจากมาทำงานเป็นแม่ครัวร้านอาหารแถวนั้น ร้านข้างๆชื่อร้านเรือแลเลป้าก็เคยทำ ตอนหลังป้าเริ่มแก่ตัว อยากทำอะไรสบายๆแต่ยังรักการทำอาหารป้าก็ออกมาเปิดร้านเอง แบบเศรษฐกิจพอเพียง เอาเป็นว่าแกอยู่ได้ ลูกค้าอยู่ได้ก็พอ
ร้านอาหารบ้านๆ วิวริมทะเลพานอราม่า

ร้านอาหารบ้านๆ วิวริมทะเลพานอราม่า

 
ร้านป้าเนียรอยู่ใต้สะพานข้างร้านใหญ่ เรือแลเล เวลานั่งกินจะมีโต๊ะวางใต้สะพาน และบางครั้งถ้าดวงไม่ดี อาจมีหินตกมาจากร่องสะพาน อันนี้ต้องวัดดวง วิวหน้าร้านป้าใกล้กับท่าเรือ บางตะบูน วิวสวย บางครั้งมีคนมายืนตกปลาเป็นกลุ่มๆ เนื่องจากความพอเพียงของป้า ป้าไม่ซื้อของมาเก็บไว้ในตู้เย็น ป้าไม่มีตู้เย็น ป้าว่ามันไม่สด ดังนั้นจะกินต้องถามก่อน ป้าจะได้ส่งคนไปจัดมาให้ อยากกินปลาให้ถามปลา อยากกินกุ้งป้าก็จัดให้ได้
ร้านใต้สะพาน

ร้านใต้สะพาน

 
รู้จักร้านป้าเนียรเพราะป้าของเพื่อนเคยชิมฝีมือป้าเนียรสมัยอยู่ที่อังกฤษแล้วติดใจ พอรู้ว่าป้าเปิดร้านก็เลยตามมาเป็นลูกค้าประจำ พ่อของเพื่อนชอบร้านป้ามาก ผ่านไปยังไงก็ต้องแวะกิน

เมนูร้านป้าเนียรที่จำได้ติดตาติดใจและเป็นเมนู ยอดฮิตคือแกงคั่วปูทะเลใบชะคราม ถ้าสั่งจานนี้ป้าจะให้หลานวิ่งไปเก็บใบชะครามมาทำ แล้วป้าก็ไม่ใส่ใบชะครามแบบไก่กานะ ป้าใส่เครื่องแน่น น้ำพริกแกงคั่วป้าตำเอง เครื่องแกงเข้มข้นสะใจ รสชาติเข้ากันกับปูทะเลเนื้อ หวานมัน ป้าใส่ปูชามละหนึ่งตัวอัดมากับใบชะคราม ในน้ำเครื่องแกงข้นๆปรุงมาได้ที่ น้ำแกงแดงรสชาติติดหวานเล็กน้อย ป้าบอกว่านี่แหละแกงคั่วรสมือชาวบ้าน
ปูทะเลเนื้อแน่นมากับใบชะครามล้นถ้วยในน้ำแกงหวานหอม

ปูทะเลเนื้อแน่นมากับใบชะครามล้นถ้วยในน้ำแกงหวานหอม

 
เมนูเด็ดอีกอย่างของร้านป้าคือปูใบ้ อันนี้ก็ต้องถามเพราะปูอาจไม่ได้มีทุกวัน โชคดีได้
โชคร้ายอด ปูใบ้เป็นปูอาภัพกินได้แต่ก้ามปู ตัวมันเค้าไม่กินกัน ด้วยความที่ตัวเล็กไม่มีเนื้อแต่ก้ามใหญ่เหมือนนักมวย ก็เลยมีดีที่ก้าม ปูใบ้รสชาติต่างกับปูทะเลค่อนข้างมาก เนื้อแห้งกว่าแต่มันกว่า เป็นของพื้นที่แถวบางตะบูน ป้าเนียรจะเอาก้ามปูใบ้มานึ่งแล้วจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบ น้ำจิ้มของป้านั้นรสชาติอย่าบอกใคร คิดว่าถ้าจะสั่งก้ามปูใบ้ผัดผงกะหรี่ป้าก็น่าจะทำได้
ปูใบ้ที่กินได้แต่ก้าม

ปูใบ้ที่กินได้แต่ก้าม

 
แต่ทางที่ดีถามก่อนเมนูอื่นๆที่แอบจดมาจากร้านป้า ก็เช่น ปลากะพงทอดน้ำปลา ต้มส้มปลากะพง แกงหน่อไม้ปลา ปลาดุกทะเลผัดฉ่า ปูผัดผงกะหรี่ แล้วก็อาหารจำพวกหลน หลนปู หลนกุ้ง แต่ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่จะหาได้ ณ วันนั้น ส่วนใหญ่ร้านป้าจะเป็นเมนูบ้านๆ ไม่ใช่เมนูร้านอาหาร อย่างพวกทอดมัน อะไรพวกนี้ไม่ใช่แนวป้า แต่สำหรับพวกที่ไม่ใช่แฟนอาหารทะเล กระเพราไก่ป้าก็ทำให้ได้ แอบเห็น

 
แกงส้มเผ็ดจัดจ้านกับหน่อไม้ดองเปรี้ยว

แกงส้มเผ็ดจัดจ้านกับหน่อไม้ดองเปรี้ยว

 
ร้านป้าจะว่าไปก็หาง่ายและหายาก แต่วิธีลักไก่คือขับรถเข้าถนนทางลัดที่จะไปชะอำ ผ่านมาทางถนนพระรามสองเลยดอนหอยหลอดให้มองหาขวดน้ำปลาขนาดใหญ่ ข้างถนน ทางเข้าถนนทางลัดไปชะอำจะมีปั๊ม ปตทอยู่เลี้ยวซ้ายเข้าไป ขับไปตามทางเรื่อยๆ จะเห็นป้ายบอกร้านครัวคุณจ๋าเขายี่สาร ยังต้องเลยไปอีกเยอะ ว่าแต่ลักไก่ขับตามป้ายร้านเรือแลเลไปนั่นแหละ ร้านอยู่ข้างๆกัน เรือแลเลไปถึงแล้วเลี้ยวซ้ายลงสะพานไปเลี้ยวขวาอีกรอบ แต่ร้านป้าลอดสะพานไป แล้วจอดรถได้เลย
การโทรสั่งอาหารร้านป้าควรโทรสั่งตั้งแต่ออกจากกรุงเทพ ป้าจะได้เตรียมเครื่องทัน ในกรณีที่ป้าต้องไปสำรวจตลาด จะได้ไม่พลาด เบอร์โทรป้าเนียร คือ 087-1635934
ตอนนี้ป้าเนียรไม่ได้ทำกับข้าวเองและไม่ค่อยจะได้ออกมาร้านแล้วเนื่องจากสังขารร่วงโรย แต่ก็ยังมีคนที่ร้านทำอาหารด้วยแล้วแต่ฝีมือที่ถ่ายทอดมาจากป้านั่นแหละ ป้าจะออกมาร้านก็ต่อเมื่อป้ามีแขกเจ้าประจำและวีไอพีจริงๆ
ป้าถ่ายทอดฝีมือทุกกระบวนการให้หลานป้า หลานป้าก็ดำเนินการต่อ แต่ก็แตกอาชีพให้คนที่บ้านมีรายได้เสริมคือการแกะป้าขาย ดังนั้นเมนูในร้านที่อร่อย สดและสะดวกถูกใจคนกินอาหารทะเลแต่ขี้เกียจคือปูม้านึ่งเนื้อแน่นแบบไม่ต้องแกะเอง ปูม้าหวานสดแทะได้จากก้ามจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเปรี้ยวเผ็ดเด็ดจัดจ้าน อยากลองบ้างไหม
คนแม่กลองกับคนบางตะบูนทำกับข้าวรสมือคล้ายๆกันหมด เพื่อนที่เป็นคนดังเดิมแม่กลองมาทานร้านนี้แล้ว
ปูม้าสดเนื้อแน่น ไม่ต้องแกะเอง

ปูม้าสดเนื้อแน่น ไม่ต้องแกะเอง

 
บอกเลยว่ารสมือเหมือนกับข้าวแม่ที่บ้าน ถ้าแม่รู้ว่าดั้นด้นออกมาหาอะไรทานที่รสชาติเหมือนที่บ้านแบบนี้สงสัยโดนตีตาย
ร้านป้าเนียรให้ความรู้สึกพิเศษ เพราะอาหารที่แกทำให้ทานผ่านการคัดสรรและความใส่ใจ และที่สำคัญไม่ใช่อาหารที่หาทานที่ไหนก็ได้ถึงจะเป็นอาหารพื้นบ้านก็เถอะ จะว่าไปร้านอาหารทะเลแถวบางตะบูนก็มีเยอะแทบจะหลังคาชนหลังคา ร้านอื่นเมนูก็เยอะกว่า อยากทานอะไรก็ทานได้ ไม่ต้องรอเช็คสต็อค ไม่ต้องยุ่งยากโทรสั่งสองสามรอบ แต่ร้านป้าเนียรรสชาติไม่เหมือนใคร เป็นอาหารรสมือชาวบ้านแท้ๆ หาทานยากมากแล้ว แต่ก็นั่นแหละตามแต่ใครชอบ ไม่ว่ากัน

 
Recommended Dish(es):  แกงคั่วปูทะเลใบชะตรา
 
Table Wait Time: 1 minute(s)


Date of Visit: Oct 31, 2015 

Celebration:  Father's Day 

Spending per head: Approximately ฿300(มื้อเที่ยง)

Other Ratings:
Taste
 5  |  
Environment
 1  |  
Service
 4  |  
Clean
 3  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • Interesting

  • Touched

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
Recommend
0
Share on TwitterShare on Facebook
Categories : Thai food - general | Restaurant | Noodle | Casaul Dining

เส้นทางถนนราชพฤกษ์มีของอร่อยอยู่หลายร้าน เรียงรายอยู่สองข้างทาง แต่จะไม่กล่าวถึงร้านนี้ก็ดูเหมือนจะผิด ร้านนี้มีชื่อเรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ว่าเนื้อชิ้นโต เคี่ยวจนเปื่อยนุ่มและมีชนิดของเนื้อให้เลือกตามใจชอบสำหรับคนรักเนื้อ
ร้านนี้เดินทางไปไม่ยาก เมื่ออยู่บนถนนราชพฤกษ์แล้วจะอยู่ตรงทางแยกมุ่งถนนเพชรเกษม แลนด์มาร์คคืออยู่เยื้องๆกับเดอะเซอร์เคิลราชพฤกษ์ ทางเข้าจะเป็นร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอยู่ในบริเวณร้านอาหารปลาอยู่เย็น ขับรถผ่านรับรองไม่พลาด

 
นอกจากก๋วยเตี๋ยวเนื้อแล้วทำเลที่ตั้งร้านนี้ยังเป็นเหมือนฟู้ดคอร์ทขนาดย่อมๆ มีอาหารและขนมขายหลายอย่าง ขนมไทย ขนมจีนน้ำยา น้ำพริกต่างๆ เกาลัดคั่ว ไปจนถึงหมูสะเต๊ะ ร้านขึ้นชื่ออีกร้านในบริเวณเดียวกันคือก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ๊กสูง สำหรับจานขึ้นชื่อคือบะหมี่ทำเอง เป็นที่พูดถึงมานานแล้ว

 
มาว่ากันเรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้อต่อ อย่างที่เกริ่นมาว่าร้านนี้เป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อ เพราะมีประเภทของเนื้อให้สั่งได้ตามความนิยมหลายอย่าง เครื่องของก๋วยเตี๋ยวเนื้อ มีทั้งลูกชิ้น เนื้อสด ตับ ผ้าขี้ริ้ว เนื้อสดก็มีหลายแบบทั้งเนื้อสดลาย เนื้อเปื่อยลาย เนื้อโกเบซึ่งเป็นเนื้อเปื่อยต่างกับเนื้อลายเพราะไม่มีเอ็นแทรกอยู่ในเนื้อ ใครจะสั่งเนื้อแบบไหนก็ได้ตามแต่ชอบ
ร้านนี้ตุ๋นเนื้อจนเปื่อยนุ่ม น้ำซุปใส ทานแล้วไม่เลี่ยนและกลิ่นเนื้อไม่ฉุน เข้ากันกับผักกาดหอมและถั่วงอกที่ลวกใส่มากับก๋วยเตี๋ยว หรือถ้าใครไม่อยากทานเส้น เกาเหลาร้านนี้ก็อร่อยไม่เป็นรองใคร ทานกับข้าวสวยร้อนๆแล้วคิดไปก็น้ำลายหก

 
นอกจากก๋วยเตี๋ยวกับเกาเหลา ใครจะสั่งหม้อไฟก็ไม่ว่ากัน ร้านนี้มีหม้อไฟสองขนาดคือเล็กกับใหญ่ ขนาดเล็กน่าจะพอสำหรับทานคนเดียว เป็นหม้อไฟแบบสั่งเนื้อตามชอบใส่มา ราคาอยู่ที่ 140 บาท สำหรับขนาดใหญ่จะคิดราคาตามเครื่องที่สั่ง ตกอยู่จานละ 70 บาท ใส่อะไรก็ได้ตามแต่ชอบเหมือนทานสุกี้เอ็มเค ราคาก๋วยเตี๋ยวที่มีเส้นอยู่ที่ชามละ 50 บาท ถ้าเป็นเกาเหลา ชามละ 60 ราคาอาจจะฟังแล้วค่อนข้างสูง แต่ร้านนี้ใส่เครื่องให้จุใจ

 
ร้านนี้ไม่มีหมูขาย คาดว่าไม่ใช่งานถนัด คนที่จะทานร้านนี้ต้องเป็นคนรักเนื้อเท่านั้น แต่เชื่อเถอะว่าทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านนี้จะได้ความสะใจจากเนื้อชิ้นโตเคี้ยวได้เต็มๆคำ รสชาตินุ่มละลายในปาก ตามด้วยน้ำซุปร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใคร ที่สำคัญไม่มีกลิ่นคาวของเนื้อ นั่นคือปัจจัยหลักที่จะบอกว่าร้านมีความเชี่ยวชาญในการปรุงอาหารประเภทเนื้อแค่ไหน ร้านนี้บอกก่อนเลยว่าถ้าไม่ได้ติดรสชาติ ขนาดไม่เผ็ดต่อให้ตายก็ไม่กิน สามารถทานได้ไม่ต้องปรุง
ร้านนี้เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าเริ่มตั้งแต่แปดโมงครึ่งไปจนสี่โมงเย็น แต่ถ้ามาสายเครื่องบางอย่างเช่นเนื้อลายหรือเนื้อโกเบอาจจะหมด ต้องเสี่ยงดวงเอา และอย่าได้มาวันพุธเพราะร้านปิดทุกวันพุธ นอกจากร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อแล้วถ้ายังมีท้องเหลือก็ต้องลองก๋วยเตี๋ยวต้มยำ หรือขนมจีนร้านในบริเวณเดียวกัน รับรองว่าอร่อยจนคุณต้องกลับมาซ้ำ
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


Date of Visit: Oct 01, 2015 

Spending per head: Approximately ฿60(มื้อเที่ยง)

Other Ratings:
Taste
 5  |  
Environment
 3  |  
Service
 3  |  
Clean
 4  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • Interesting

  • Touched

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
Recommend
0
Swiss Europe Butcher Smile Nov 16, 2015   
Share on TwitterShare on Facebook
Categories : German | Buffet | Family Style Dining

เริ่มรู้จักร้านไส้กรอกร้านนี้เพราะเพื่อนของพ่อซื้อมาฝากจากหัวหิน แกไปหัวหินบ่อยเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและหามุมสงบอ่านหนังสือ ไปเจอของอร่อยก็ซื้อฝากคนชอบพอกัน
เนื่องจากที่บ้านชอบกินไส้กรอกกันทุกคนก็เลยตื่นเต้นและชอบของฝากแบบนี้เป็นพิเศษ ได้ไส้กรอกมาก็จะเอามาทำอาหารเย็น เอามาลวกหรือมาย่างทานกับมันบดทำเอง มันบดข้นๆ หอมครีมและเนย เข้ากันได้ดีกับไส้กรอกรสชาติยุโรปแท้
ร้าน Swiss Europe Butcher ที่หัวหินมีสองสาขา สาขาแรกอยู่หัวหินซอย 2 ใกล้ๆกับสนามบินหัวหิน อีกสาขาอยู่ซอยหัวหิน 102 ในหมู่บ้านคันทรีย์ฮิลล์ เห็นป้ายหมู่บ้านแล้วตรงเข้าไปเกือบสุดซอย ร้านนี้เป็นบ้านแต่เปิดหน้าร้านขายไส้กรอก ทั้งสองสาขาดำเนินการโดยคุณภรรยาเจ้าของร้าน

 
คนที่เป็นเจ้าของสูตรเป็นคนสวิส ทำงานอยู่บริษัทไส้กรอกที่สวิส และมีวันหยุดปีละหกเดือน แกชอบมาหัวหินก็เลยมาอยู่หัวหินปีละหกเดือน เริ่มจากแกทำไส้กรอกให้เพื่อนๆกินแล้วเพื่อนติดใจก็เลยคิดว่าจะทำขาย เริ่มจากร้านเล็กๆมีตู้แช่ตู้เดียว ตอนนี้มีเป็นสิบตู้ ร้านนี้คนขายออกตัวว่าเป็นกิจการครอบครัวเล็กๆ แต่รสชาติไม่เล็กเลย
ตู้แช่เต็มไปด้วยไส้กรอก

ตู้แช่เต็มไปด้วยไส้กรอก

 
เข้าไปถึงหน้าร้าน จะเป็นตู้แช่วางไว้สองตู้ใหญ่ ด้านในมีไส้กรอกหลายแบบไปจนถึงแฮม ตับบด เบคอนและชีสแบบต่างๆ ราคาไส้กรอกที่นี่ไม่แพงกิโลกรัมละ 280 บาท ถ้าเป็นไส้กรอกเนื้อวัวก็จะประมาณ 300 บาท ไส้กรอกมีหลายแบบ หลายรสชาติ หลายสไตล์ มีแบบสำหรับคนชอบทานเผ็ดก็มีไส้กรอกพริก สำหรับคนชอบทานไส้กรอกรมควันก็มี Vienna, Cervelat, Schweinewurst หรือ Schublig ซึ่งเป็นไส้กรอกผสมระหว่างเนื้อหมูกับเนื้อวัว คนไม่ทานเนื้อก็อดไปตามระเบียบ ไส้กรอกรมควันจะเป็นไส้กรอกหนังกรอบๆ เคี้ยวสนุกดี หรือถ้าคนชอบไส้กรอกสดก็มี Bratwurst ทั้งแบบธรรมดาหรือเป็น Olma Swiss Bratwurst ประเภทแฮมก็มีหลายอย่าง เช่น Smoked Rowham, Coppa หรือที่เป็นที่รู้จักมากหน่อยก็ Parma ham ซาลามี่ก็มีให้เลือกเช่น Mostblocki หรือซาลามี่ธรรมดา สรุปว่าเปิดตู้เย็นแล้วละลานตาไปหมด นอกจากนี้ยังมีตับบดสำหรับแฟนๆตับบด อันนี้ไส้กรอกไม่ได้มีแบบนี้หมดทุกอย่างทุกวัน บางครั้งบางอย่างก็หมด ถ้าต้องการแบบไหนเป็นพิเศษก็ควรโทรถามก่อน

 
ไส้กรอกที่ขายดีสำหรับชาวต่างชาติจะเป็น Vienna สำหรับคนไทยชอบความเผ็ดร้อนก็จะเป็นไส้กรอกพริกสด ลูกค้าจะเป็นทั้งคนไทยที่ซื้อกลับบ้านหรือเป็นชาวสวิส เยอรมัน ฝรั่งเศสหรือสวีเดนที่อาศัยอยู่ในหัวหิน ร้านนี้ไม่ได้ส่งตามโรงแรมแต่ส่งให้ร้านอาหารหลายร้านในกรุงเทพหรือขายให้ลูกค้าที่ซื้อไปขายตามสำนักงาน เรียกว่า ระบบขายเป็นแบบคนกันเอง
ไส้กรอกที่นี่นอกจากจะอร่อยได้รสชาติแบบยุโรปแท้ๆเพราะผลิตโดยคนไทยแต่เจ้าของสูตรเป็นชาวสวิส แล้วราคายังถูกเหลือเชื่อ เมื่อเทียบกับไส้กรอกตามซูเปอร์มาร์เกต เวลาซื้อก็เลือกได้ตามแพ็คซึ่งในแต่ละแพ็คจะบรรจุไส้กรอก 2-3 อันแล้วแต่ชนิด แต่ก็มีบ้างที่เป็นแพ็คใหญ่ถ้าเป็นไส้กรอกขนาดเล็กหรือพวก breakfast sausage พอเลือกไส้กรอกได้ครบ คนขายก็จะชั่งให้ ตามประเภทและราคาเดียวกันแล้วก็คิดเงินตามนั้น

 
นอกจากขายไส้กรอกให้ซื้อกลับบ้านแล้ว ที่นี่ยังจัดบุฟเฟ่ท์ไส้กรอกทุกวันอาทิตย์ที่สาขาหัวหินซอย 102 ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงบ่ายสองโมง ส่วนร้านที่หัวหินซอย 2 จะเปิดขายบุฟเฟ่ท์วันเสาร์ในเวลาเดียวกัน ว่ากันว่าวันที่มีบุฟเฟ่ท์ร้านนี้จะคลาคล่ำไปด้วยฝรั่งทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวหรือที่อาศัยอยู่ในหัวหิน และเป็นเหมือนสภากาแฟขนาดย่อมๆ อาหารที่มีเสริฟก็จะเป็นไส้กรอกประเภทต่างๆ ขนมปังสวิสสดใหม่สั่งตรงจากกรุงเทพ มันบดและมันผัดแบบสวิส เช่น Rosti ซึ่งเป็นมันเส้นนำมาผสมกับแฮมหรือเนยแข็งแล้วทอดเป็นแพแหลืองทองหมือนแป้งจี่บ้านเรา นอกจากนี้ยังมีสลัดผักและเครื่องดื่มที่รวมในบุฟเฟ่ท์ก็เช่นกาแฟหรือน้ำผลไม้ แต่เบียร์ที่เข้ากันได้ดีกับไส้กรอกน่ะมีขายต่างหาก

 
ร้านนี้สามารถเข้าไปชมเป็นน้ำจิ้มก่อนได้ที่ Facebook ของร้าน

https://www.facebook.com/pages/Swiss-Europe-Butcher/104021903024713?ref=ts&fref=ts

แต่บอกก่อนว่า Facebook ไม่ค่อยแอคทีฟเท่าไหร่เพราะโพสต์ครั้งสุดท้ายตั้งโน่นเมื่อปี 2013
ที่อยู่ของร้านก็คือ 136/254 หมู่บ้านคันทรีย์ฮิลล์ 1 ซอยหัวหิน 102 ถนนเพชรเกษม หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ เบอร์โทรศัพท์ 089-2573807 หรือ 085-177-2576 คุยได้กับคุณไก่ สาขานี้ถ้ามาจากกรุงเทพต้องไปกลับรถเพราะซอยจะอยู่อีกด้าน เข้าซอยแล้วต้องข้ามทางรถไฟจากกนั้นก็จะเจอทางเข้าหมู่บ้าน สาขาที่หัวหินซอย 2 จะอยู่ใกล้ๆกับสนามบินถ้ามาจากกรุงเทพก็ต้องกลับรถเหมือนกัน
ร้าน Swiss Europe Butcher เป็นจุดหมายสำคัญของคนกรุงเทพที่จะซื้อของฝาก นอกจากจะได้สินค้ารสชาติอร่อย ได้บรรยากาศคลาสสิคของยุโรปและราคาไม่แพง ยังได้ลองชิมอาหารที่ไม่เคยได้เห็นหรือลิ้มรส เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองของใหม่ เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ มันได้ความรู้สึกดีๆแบบไม่น่าเชื่อ
 
Takeaway Wait Time: 5 minute(s)


Date of Visit: Nov 08, 2014 

Spending per head: Approximately ฿200(มื้อเที่ยง)

Other Ratings:
Taste
 5  |  
Environment
 1  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • Interesting

  • Touched

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
Recommend
0
Share on TwitterShare on Facebook
Categories : Southern Thai | Rice / Made to order

ร้านข้าวแกงพี่โตอยู่คู่กับหมู่บ้านประชานิเวศน์มานาน ลูกค้าที่มาทานก็เป็นพวกคนทำงานหรือข้าราชการที่ทำงานใกล้ๆแถวนี้ หรือไม่ก็พวกที่ซื้อไปเป็นอาหารเย็นที่บ้าน
ร้านพี่โตเป็นร้านข้าวแกงสไตล์อาหารใต้ มีกับข้าวให้เลือกวันละนับสิบอย่าง รายการกับข้าวจะมีมากที่สุดทุกวันศุกร์เพราะพี่โตคาดว่าคนจะซื้อกลับไปใส่ตู้เย็นตุนไว้
ร้านอาหารในบ้าน

ร้านอาหารในบ้าน

 
คนทำอาหารเป็นแม่ยายของพี่โต พี่โตเป็นลูกเขยแต่เป็นเจ้าของกิจการ เริ่มจากพี่โตมาจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพแล้วมารู้จักกับลูกสาวคุณยาย อยู่ไปอยู่มาก็เลยแต่งงานย้ายเข้าไปอยู่บ้านคุณยาย ทีนี้คุณยายทำกับข้าวอร่อย พี่โตก็เลยคิดว่าน่าจะเปิดกิจการขายข้าวแกงก็เลยเป็นที่มาของร้านที่พี่โตเป็นเจ้าของแล้วคุณยายซึ่งเป็นแม่ยายเป็นคนทำ

 
อาหารร้านพี่โตมีหลายอย่าง ที่ขึ้นชื่อก็มีพวกแกงเหลือง แกงไตปลา แกงพริกกระดูกหมูแบบใต้ ไก่ต้มขมิ้นรสชาติเข้มข้น แล้วก็ยังมีพวกแกงเผ็ดลูกชิ้นปลากราย แกงเทโพ รวมไปถึงต้มกะทิสายบัว อาหารประเภทผัดก็มีหลายอย่างเช่นผัดเผ็ดปลาดุก ผัดกระเพราะและที่ไม่เคยขาดก็พวกผัดผักต่างๆ
แกงเหลืองเผ็ดเข้มข้น

แกงเหลืองเผ็ดเข้มข้น

 

 
แกงเหลืองกับแกงไตปลาร้านพี่โตรสชาติเข้มข้น หนักไปทางเผ็ดแต่ก็ไม่ได้เผ็ดมาก ขนาดที่กินไม่ได้หรือต้องกินไปอมน้ำแข็งไป กินกับข้าวสวยร้อนๆแล้วรสชาติกลมกล่อม แกงพริกกระดูกหมู คุณยายจะตุ๋นกระดูกหมูจนนิ่มน้ำแกงซึมเข้าเนื้อ อร่อยควบคู่กับน้ำแกงหอมๆถึงพริกถึงเครื่องที่คุณยายตำเอง
แกงเทโพร้านพี่โตรสชาติกลมกล่อม อย่างที่ว่าแกงพวกนี้และอีกอย่างหนึ่งคือแกงส้มนั้นไม่ใช่ใครจะทำก็ได้ทุกคน การปรุงให้แกงกลมกล่อมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แกงเทโพจะต้องอมเปรี้ยวจากน้ำมะขามร้านพี่โตก็ทำได้อร่อยกลมกล่อม
ต้มกะทิสายบัวของร้านนี้ น้ำแกงจะข้นและมันกะทิ ต้มมากับปลาทูตัวโต เนื้อหวานเข้ากันกับแกงสายบัวหวานมันและเนื้อสายบัวกรุบกรอบ
แกงไก่ก็เป็นแกงแบบพื้นๆ แต่รสชาติเข้มข้น ร้านพี่โตจะใช้ไก่เนื้อๆไม่ได้เป็นไก่ติดกระดูกให้เคี้ยวแล้วติดฟันเหมือนร้านอื่น แกงเผ็ดปรากรายนั้น รสชาติจะอ่อนกว่าแกงแบบใต้ที่ขาย เนื้อปลากรายจะเหนียวหนึบในน้ำแกงเข้มข้น
ของอร่อยอีกอย่างของร้านพี่โตคือไข่พะโล้ พี่โตจะใส่ขาหมูด้วยและก็มีไข่กับเต้าหู้ น้ำพะโล้จะอกรสหวานเป็นพะโล้แบบไทยๆเอามาตัดกับรสชาติเผ็ดของกับข้าวชนิดอื่น นอกจากแกงและผัดต่างๆแล้วร้านพี่โตก็ยังมีไก่ทอดกรอบๆ ปลาดุกทอดขมิ้นที่มากับกระเทียมกรอบๆเหลืองๆที่พี่เค้าตักให้แบบไม่อั้น ของทอดนี้ขายพร้อมๆกับหมูสามชั้นทอดแบบเอาใจคนไม่กลัวอ้วน

 
ราคาอาหารร้านพี่โตก็ค่อนข้างย่อมเยา แกงถุงหนึ่งก็ 40 บาท ถ้าเป็นพวกอาหารพิเศษเช่นต้มยำมีปลามาครึ่งตัวก็คิดตามราคาปลา ส่วนใหญ่แล้วถามราคาก่อนตักได้
อาหารร้านพี่โตค่อนข้างรสจัดแบบอาหารใต้ ส่วนใหญ่คนที่มาทานที่ร้านจะสั่งอาหารแบบจานมาแชร์กันแล้วสั่งข้าวเปล่ามากินด้วยกัน ล้อมวงกันกินแบบไทยๆ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ หรือจะเป็นข้าวแกงแบบตักกับข้าวราดบนข้าวพี่โตก็ขาย  กับข้าวถ้าหมดช่วงเที่ยงแล้วพี่โตจะตักกับข้าวใส่ถุงเอาใส่รถเข็นไปขายหน้าโรงเรียนประถมประชานิเวศน์ 1 ขายให้กับผู้ปกครองที่มารับเด็กๆตอนเลิกเรียน เป็นการระบายสินค้าให้หมดในแต่ละวัน เพื่อจะได้ขายสินค้าสดใหม่ในวันรุ่งขึ้น
ร้านข้าวแกงของพี่โตอยู่ได้แบบเศรษฐกิจพอเพียง กำไรพออยู่ได้ อาศัยว่าร้านไม่ต้องเช่าเพราะใช้พื้นที่บริเวณบ้าน แล้วต่อที่นั่งให้คนนั่งทานบริเวณโรงรถกับหลังบ้าน นอกจากหลังบ้านที่เป็นโต๊ะนั่งของลูกค้าตรงมุมหลังบ้านยังเป็นครัวเปิด เป็นจุดปฏิบัติการของคุณยาย
ร้านพี่โตเปิดขายเฉพาะวันจันทร์ถึงศุกร์ และปิดตามวันหยุดราชการคือวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเทศกาลต่างๆหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะไม่มีคนมาทำงาน ถ้าขายแล้วยอดขายอาจตก
ทางมาร้านพี่โต ถ้าไม่คุ้นเคยกับแถวนี้ก็ให้หาโรงเรียนประถมประชานิเวศน์ซึ่งฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าจะเป็น สน ประชาชื่น มาไม่ถูก ถามใครใครก็รู้จัก มาถึงโรงเรียนจะเป็นสามแยกแต่ไม่ต้องเลี้ยวให้ตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นหมู่บ้านที่เป็นทาวเฮาส์อยู่ขวามือ เริ่มชะลอรถ ร้านพี่โตอยู่ซอยสุดท้ายตรงหัวมุม สามารถจอดรถได้ตรงข้างทางถนนที่ขับมา
ร้านข้าวแกงพี่โตเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน เน้นการทำอาหารให้ลูกค้าทานเหมือนทานอาหารที่บ้าน ที่กระบวนการทำอาหารทุกกระบวนการเต็มไปด้วยความใส่ใจเหมือนทำให้คนในครอบครัวกิน ร้านพี่โตไม่มีป้ายชื่อร้านแต่มีรถเข็นใส่หม้อข้าวแกงจอดอยู่หน้าบ้านเป็นสัญลักษณ์ คนรู้จักต่อกันจากการบอกต่อ ความใส่ใจและการเลือกสรรวัตถุดิบเป็นปัจจัยหลักของร้านพี่โต ถ้าผ่านมาแถวนี้ ร้านนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งถ้าคุณไม่จำเป็นต้องนั่งทานอาหารเที่ยงในร้านติดแอร์ ถ้าต้องการซื้ออาหารกลับบ้านนั่นก็เป็นอีกทางเลือก ลองทานฝีมือคุณยายดูแล้วจะติดใจ
 
Takeaway Wait Time: 5 minute(s)


Date of Visit: Oct 06, 2015 

Spending per head: Approximately ฿50(มื้อเย็น)

Other Ratings:
Taste
 5  |  
Environment
 1  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • Interesting

  • Touched

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
Recommend
0
Share on TwitterShare on Facebook
Categories : Northern Thai | Restaurant

สมัยก่อนไม่มีใครไม่รู้จักโป๊กอิ๊ดโดยเฉพาะเด็กมอชอที่ชอบแสวงหาแหล่งของกินอร่อยและแปลก เดินทางตระเวนไปทั่วเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนเพื่อบรรเทาความหิว ที่อ้างว่าจากการอ่านหนังสือบ้างละ จากความเครียดของการเรียนบ้างละ น้องเอ๊ย เรียนหนังสือน่ะสบายที่สุดในโลกแล้ว อ่านหนังสือเสร็จก็ไปสอบ แข่งกับตัวเอง โลกของการทำงานมันไม่ใช่แบบนั้น ลูกค้าจะเอานี่ เจ้านายจะเอาโน่น ช่วงเรียนหนังสือมันคือสวรรค์ ออกมาแล้วจะรู้
กลางคืนเป็นเวลาสุขสรรค์ของคนชอบกินในเมืองเชียงใหม่ เมืองนี้มีของกินอร่อยเหลือเฟือสาธยายไม่หมด โรงหมูหรือที่เรียกกันในหมู่นักศึกษามอชอว่าโป๊กอิ๊ดก็เป็นหนึ่งในของอร่อย ของแปลกลำดับแรกๆ แต่มันแฝงด้วยความโหด โหดแบบคนขวัญอ่อนต้องยอมแพ้
เมื่อก่อนตอนก่อนที่โรงฆ่าสัตว์จะถูกย้ายไปที่อื่น โรงฆ่าสัตว์เดิมจะอยู่เลยสุสานช้างคลานมุ่งหน้าถนนเชียงใหม่- ลำพูน หน้าโรงฆ่าสัตว์จะเป็นแหล่งที่ตั้งของเหล่าภัตตาคารซาดิสม์ จะไม่ซาดิสม์ได้ไง คนกินก็นั่งกินไป ข้างในก็ฆ่าหมูกันไป ทุบหมูเสียงโป๊ก หมูร้องเสียงอิ๊ด นั่นคือที่มาของชื่อโป๊กอิ๊ด

 
เมื่อก่อนเหล่าภัตตาคารซาดิสม์ขายของเหมือนๆกันหมดคือเครื่องในหมูทอด เครื่องในทุกชนิด ข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกตาแดง น้ำพริกกะปิ ลาบคั่ว ส้มตำ แค่นั้นอย่างอื่นไม่มี จำได้ว่าเมนูโปรดของเพื่อนคือเครื่องในทอด ไส้กรอบแล้วเอาข้าวเหนียวมาจิ้มกับฟองน้ำมันที่ขอทางร้านมา กินไม่กลัวตายเลย สมัยเด็กขนาดนั้นมันไม่เคยคิดถึงโคเลสเตอรอล กินเอาอร่อยเท่านั้น
เดี๋ยวนี้พอโรงฆ่าสัตว์ย้ายไป ภัตตาคารซาดิสม์ก็กระจัดกระจายไป บ้างก็ล้มหายตายจาก เท่าที่ยังยืนยงคงกระพันอยู่ก็น่าจะเป็นร้านเนตรดวงดาวร้านนี้ จากกันไปเกือบยี่สิบปีตอนได้ข่าวจากเพื่อนว่าร้านนี้ยังอยู่ดีใจเกือบตาย เหมือนได้เจอพี่น้องที่พลัดพรากกันมานาน

 
ร้านเนตรดวงดาวย้ายจากหน้าโป๊กอิ๊ดมาอยู่ถนนกำแพงดิน ใกล้ๆกับร้านไก่ทอดเที่ยงคืนชื่อดัง ถ้าขับรถผ่านถนนศรีดอนไชย ผ่านสุริยวงศ์บุ๊คหรือโรงแรมแม่ปิงให้ชิดขวาเตรียมเลี้ยวขวาตรงแยกกำแพงดิน เลี้ยวเข้าไปประมาณ 150 เมตร ร้านเนตรดวงดาวจะอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือ
เมนูของทางร้านมีมากขึ้น ที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิมคือพวกไส้อั่ว หมูสามชั้นทอด คอหมูย่าง ไก่ทอด อะไรพวกนี้ สมัยอยู่หน้าโรงฆ่าสัตว์จะมีของสดๆลำเลียงออกมาจากโรงฆ่าสัตว์เพื่อคนซาดิสม์อย่างเราจะได้กินของสดเพิ่งตายไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มนุษย์นี่เป็นสัตว์โหดร้ายที่สุด
เมนูที่ยังขึ้นชื่อของร้านนี้คือไส้กรอบทอด ไส้หมูหั่นเป็นชิ้นทอดกรอบเหมือนกระดาษ ไม่มีกลิ่นของไส้เลยแม้แต่นิด เวลาทานจิ้มกับน้ำพริกหนุ่มหรือน้ำพริกตาแดงที่ทำมาเป็นน้ำจิ้ม ทานกับข้าวเหนียวอร่อยอย่าบอกใครในสามโลกใกล้ๆนี้ สมัยก่อนเมนูโปรดก็จะมีไส้กรอบกับจิ้นทอด นั่นก็เอาเนื้อหมูสดๆ มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วทอดให้แห้ง วิธีการไม่ยุ่งยากอะไรแต่ความพิเศษมันอยู่ที่ความสดของหมู ตอนนี้เมนูนี้หายไปแล้วเหลือแค่หมูสามชั้นทอดซึ่งมันก็ธรรมดา อย่างอื่นก็มีตับทอด กระเพาะหมูทอด ไส้ทอดและอื่นๆของเครื่องในทอด เวลาทานก็ถ้าไม่จิ้มน้ำพริกหนุ่มก็น้ำพริกตาแดง บางคนก็ชอบน้ำจิ้มกะปิ

 

 

 
ลาบคั่วร้านนี้ก็เป็นอีกอย่างที่มีชื่อ มีทั้งลาบดิบ ลาบสุก ลาบทางภาคเหนือจะใส่ขี้เพี้ย สีดำๆขมๆ แต่ว่าหอมเครื่องเทศโรยหน้าด้วยหอมทอด ไม่รู้สินะ ยังไงก็เป็นแฟนลาบอิสานมากกว่า มันเปรี้ยว มันเผ็ดสะใจดี
สมัยนี้ไม่รู้ว่ายังจะขอฟองน้ำมันได้อีกหรือเปล่า แต่อย่าเลยเกรงใจหมอกับเกรงใจสุขภาพ เดี๋ยวมันจะจุกอกตายก่อนวัยอันควร
ส้มตำเป็นอีกทางเลือกที่ทานสำหรับแก้เลี่ยน ส้มตำร้านนี้รสชาติจัดจ้าน ไม่ได้อร่อยโลกแตกแต่นำมาตัดเลี่ยนจากเนื้อสัตว์ทอดได้อย่างดี ส้มตำไทยใส่ปูเป็นตัวเลือกชั้นดี หรือถ้าจะตำใส่ปลาร้าก็ไม่ว่ากัน ส้มตำแกล้มด้วยไข่ต้มยางมะตูมหรือปลาทูทอดที่ทางร้านมีขายก็เป็นทางเลือกที่ใช้ได้

 
เดี๋ยวนี้ร้านนี้ล้ำหน้าขึ้น มีขายอาหารกึ่งอาหารอิสาน มีพวกต้มแซบทั้งเนื้อ ทั้งหมูและเอ็น ลบคอนเซ็ปท์โป๊กอิ๊ดหน้าโรงหมูไปเกือบหมด ตอนนี้กินไปฟังเสียงรถวิ่งไป ไม่มีอีกแล้วเสียงทุบหมู เสียงหมูร้อง นึกไปก็เสียดาย ก็เพราะโป๊กอิ๊ดเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของเชียงใหม่ ที่เมื่อญาติสนิมมิตรสหายที่ไหนมาเยี่ยมก็ต้องพาไป คิดว่า ณ บัดนี้ ต้องบอกว่า ลาก่อนโป๊กอิ๊ด เธอจะถูกจดจำ
 
Recommended Dish(es):  ไส้กรอบทอด
 
Table Wait Time: 5 minute(s)


Date of Visit: Jan 20, 2015 

Spending per head: Approximately ฿60(มื้อดึก)

Other Ratings:
Taste
 4  |  
Environment
 1  |  
Service
 2  |  
Clean
 2  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • Interesting

  • Touched

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
Recommend
0