แวะซื้อข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าดัง พิกัดอยู่เยื้องหน้าโรงแรม Hilton Hua Hin มาตอนสายๆ ท่านผู้สูงวัย ช่วยกันขาย พูดจาดี จะเลือกมะม่วงใหม่ให้ปอกก็ได้ หรือเอาที่เค้ากำลังปอกใส่กล่องก็ได้จ้า จัดไป 1 ชุด เดินเข้าไปนั่งทานในล็อบบี้โรงแรมเดี๋ยวนั้นเลย  มะม่วงหวานดีจัง ข้าวเหนียวนุ่ม กะทิราดฉ่ำๆ อือ หือ อร่อยจริงถูกใจ ติดใจถ้ามาหัวหินมีเวลาก็จะมาแวะซื้ออีกแน่นอนค่ะ

มาเที่ยวหัวหินรู้ว่ามีสาขาของร้าน the coffee club ไม่พลาดมาแวะค่ะ ร้านอยู่ติดกับโรงแรม hilton หัวหินเลยค่ะ ไม่มีที่จอดรถนะ อาศัยจอดโรงแรมแล้วเดินมา  ขนาดร้านกะทัดรัด ที่นั่งไม่เยอะ บริการดีเหมือนเดิม สั่งไป กาแฟดีแคฟปั่นหวานน้อย สดชื่นใจ วิปครีมอู้ฟู่ ยังไงก็ชอบแบรนด์นี้อยู่ทั้งรสชาติและการบริการ เป็นอันดับสองรองจากดาวเขียวเลยจ้า ถ้านึกถึงร้านกาแฟดีๆ

ร้านอาหารร้านต่อไปในหัวหินที่จะมาแนะนำเป็นร้านต่อไป ...... ใช้คำว่า “แนะนำ” คงไม่เหมาะ เพราะเป็นร้านเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากกกกก มีคนไปกินมาและทำรีวิวแล้วเยอะมากกกกกก เรียกว่าไปตามรอยกินถึงจะถูก ฮ่าๆๆๆๆๆ

ร้านนี้ถ้าเป็นกลางวันวันเสาร์ – อาทิตย์ ต้องรอคิวครับ มีอยู่ครั้งนึงที่ไปหัวหินวันพฤหัส ก็เลยรีบแจ้นไปร้านนี้ตั้งแต่ 11 โมงครับ อยากจะลองชิมซะเต็มประดา พอถึงร้านแล้วดีใจมากที่มาเป็นคนแรกๆ มีที่จอดรถ มีโต๊ะนั่งให้เลือกเยอะแยะครับ ได้กินซะทีร้านนี้

ส้มตำถนนตก ซอยหัวหิน 51

ส้มตำถนนตก ซอยหัวหิน 51 เดิมอยู่สุดซอยหัวหิน 51 ครับ ถ้าจะเข้าทางถนนแนบเคหาสน์ก็จะอยู่ตรงสี่แยกที่ตัดกับซอยหัวหิน 51 ตรงที่เป็น “รฤก หัวหิน” ครับ ร้านอยู่ตรงแยกพอดีทางที่เป็นทางลงทะเล ทางเดียวกับร้าน CoCo 51 และร้าน Green Gallery ครับ เลยไปนิดก็จะเป็นร้านอยู่เย็น เลยไปอีกทางนึงก็เป็นร้านครัวถั่วเย็น พุทธรักษารีสอร์ท ร้านดังๆที่อยู่บริเวณนั้นอีกร้านก็ร้านกู โรตีชาชักครับส้มตำถนนตก ซอยหัวหิน 51 ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเกือบๆจะตกถนนอยู่รอมร่อ เพราะว่าเดิมร้านอยู่บริเวณทางสาธารณะเพื่อลงชาดหาดหัวหินครับ ที่จอดรถเฉพาะร้านนี้ไม่มีนะครับ แต่จอดรถได้ตามข้างทางในซอยหัวหิน 51 และบนถนนแนบเคหาสน์ครับ เคยเห็นที่จอดรถแบบเสียเงินฝั่งตรงข้ามร้านส้มตำตกถนน ก่อนถึงร้าน CoCo 51 นะครับ ไม่แน่ใจว่าวันธรรมดาเค้าเปิดหรือเปล่านะครับ วันที่ไปวันพฤหัสเค้าไม่เปิดให้จอดครับ แต่ถ้าเป็นวันเสาร์ – อาทิตย์ เค้าจะเปิดให้จอดครับ

เมื่อวันหยุดปิยมหาราช 2558 ที่ผ่านมา บริเวณนั้นมีการขุดพื้นถนนเพื่อวางท่อระบายน้ำ ร้านส้มตำตกถนน หายไปซะแร๊ว เลยมาหาข้อมูลที่ตั้งร้านในอินเตอร์เนทปรากฏว่าเค้าย้ายร้านไปอยู่กลางๆซอยหัวหิน 51 ฝั่งเดียวกับ “รฤก หัวหิน” ครับ แต่ไม่มีที่จอดเฉพาะร้านเหมือนเดิม ต้องจอดแปะๆข้างถนนเหมือนเดิมครับ

เอารูปบรรยากาศร้านเก่าๆมาให้ดูนะครับ ที่ร้านเก่าก็ต้องนั่งก็ริมๆทางครับแต่ที่ร้านใหม่เป็นที่นั่งในตึกแถวครับ เจ้าของบล็อกว่าร้านเก่าได้บรรยากาศร้านส้มตำข้างทางดีนะครับ อิอิอิเมนูแรกที่สั่งมา ไก่ทอด ราคา 50 บาท


เมนูแรกไม่ประทับใจเรย ไก่ทอดมาดำมากกกกกกก เย็นชืดมากกกกกก ๆไม่กรอบเอาซะเรยยยยย นี่ขนาดมาคนแรกๆแล้วนะเนี่ยะ ยังดำ เย็นชืด และไม่กรอบเป็นอย่างแรก พาลให้คิดอกุศลไปว่า “เอาของเก่ามาขายหรือเปล่า” แค่คิดในทางที่ดีคงไม่ใช่ คงเพราะเค้าต้องทอดเตรียมเอาไว้เผื่อลูกค้ามาพร้อมๆกันเยอะๆ จะได้มีของขาย แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่ได้อธิบายว่า “ทำไมไก่ทอดถึงได้ดำซะขนาดนั้น” ฮ่าๆๆๆๆ สรุปว่าเจ้าของบล็อกไม่แตะไก่ทอดเลยครับ มันดำซะจนแตะไม่ลงครับเมนูที่สอง ส้มตำไข่เค็ม 40 บาท


เมนูนี้รสชาติดีครับ หวานๆ เปรี้ยวๆ เผ็ดน้อยๆ มะละกอก็ใช้วิธีสับๆ แล้วฝานเป็นเส้นบางๆ สั้นๆ น้ำส้มตำเข้าเนื้อมากๆ เสียอยู่อย่างที่เค้าไม่เอาไข่เค็มผ่าซีกควักเอาแต่เนื้อลงไปตำด้วย (อาจจะเอาลงไปตำด้วย แต่ไม่แหลกเท่าที่ควร) ก็เลยจะได้รสเค็มๆของไข่ขาว และรสมันๆของไข่แดงเฉพาะเวลาที่ตักส้มตำติดไข่เค็มครับเมนูที่สาม ส้มตำคอหมู ราคา 50 บาท


เมนูนี้เริ่มเผ็ดขึ้นมานิดนึงครับ เพราะที่ร้านส้มตำตกถนนเค้าใช้พริกขี้หนูแห้งเป็นส่วนประกอบในส้มตำครับ ตอนทานไปคำแรกๆจะยังไม่ค่อยรู้สึกว่าเป็ดครับ พอทานไปหลายๆคำถึงเริ่มรู้สึกว่าค่อยๆเผ็ดขึ้นตามลำดับครับ แต่ส้มตำคอหมูจานนี้รสขาติยังลอยๆอยู่ครับติดหวานๆ เผ็ดๆ เค็มๆ มากกว่า รสยังไม่กลมกล่อม ขาดรสเปรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด คอหมูที่ใส่มาในส้มตำก็เย็นชืด .... ไม่ได้หมายความว่าคอหมูจะต้องร้อนมาก แบบว่าย่างสุกใหม่ๆ แต่ว่ามันเย็นๆ ชืดๆ ยังไงไม่รู้ครับ เมนูนี้ก็เลยเหลือเยอะมากไปโดยปริยายครับเมนูที่สี่ หมูย่างน้ำตก ราคา 60 บาท


เมนูก็อย่างที่บอกไปในเมนูที่แล้วว่าหมูย่างเย็นๆ ชืดๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ ก็เลยทำให้น้ำตกหมูเมนูนี้เสียรสชาติไปเป็นอย่างแรงครับเมนูที่ 5 ลาบปลาหมึก ราคา 60 บาท


เมนูนี้ถูกใจครับ ปลาหมึกสดดีครับ รสชาติ เผ็ด เปรี้ยว เค็มนิดๆ อร่อยมากๆ เนื้อปลากหมึกค่อนข้างหนา เคี้ยวนุ่มๆ เหนียวหนึบๆ ถูกใจมากๆ หายากนะครับร้านที่ใช้ปลาหมึกค่อนข้างสดแบบนี้มาทำลาบปลาหมึกครับเมนูที่ 6 ยำแหนมสด ราคา 60 บาท

เริ่มมั่นใจว่าเจ้าของบล็อกจะต้องชอบเมนูยำของส้มตำถนนตก ครับ เพราะน้ำยำเค้าเด็ดมากๆ เปรี้ยวนำเผ็ด มีหวานๆ เค็มๆ ตามมาอย่างละเท่าๆกัน ยิ่งเป็นเมนูยำแหนมสดยิ่งออกรสเปรี้ยวเพิ่มมากขึ้นจากเนื้อแหนมยิ่งถูกใจเจ้าของบล็อกที่โปรดปรานรสเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ ครับ เมนูนี้ก็เลยถือเป็นเมนูที่รสชาติสุดยอดที่สุดในมื้อนี้ครับ

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

1

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

2

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

3

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

5

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

4

ยำแหนมสด - ยำแหนมสดรสแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด แอบหวานและเ ค็มเล็กๆ ... ฿ 60

มื้อนี้เราจ่ายไปทั้งหมดรวมข้าวเหนียว 2 ห่อ และน้ำดื่ม เจ้าของบล็อกจ่ายไป 372 บาท ครับ

Chubby Lawyer Café …………………………………. ร้านอร่อย ........ ตามใจฉัน

มาเที่ยวตลาดโต้รุ่งหัวหินทั้งทีก็ต้องมาหาอาหารทะเลทานซะหน่อย เพราะเห็นมีอยู่หลายร้านหลายเจ้าเรียงรายอยู่เต็มไปหมด แต่ละร้านก็โชว์กุ้ง-หอย-ปู-ปลา ตัวเป้งๆกันจะๆหน้าร้าน มีคนมาคอยร้องเรียกลูกค้าอยู่ตลอด แม้จะดูว่าบรรยากาศมันออกจะ touristy ไปซักหน่อย แต่ก็มีชีวิตชีวาดีค่ะ ยิ่งได้เห็นกุ้ง lobster ตัวเบิ้มๆนอนเรียงรายอยู่ในกะบะแทบทุกร้านงี้เราก็ยิ่งตื่นเต้ลลล...555+หลังจากเดินสำรวจตลาดอยู่พักหนึ่งเราก็เลือกร้านรถไฟซีฟู้ดนี้เพราะดูลักษณะร้านค่อนข้างใหญ่น่านั่งและดูสะอาดสะอ้านพอสมควร แถมดูป้ายราคาแล้ว lobster ราคา 900 บาท/กิโล เหมือนจะถูกกว่าร้านอื่นที่ขายกันโลละเกินพัน ..ปรากฏว่ามารู้ทีหลังว่า lobster ของร้านนี้ตัวใหญ่สุดแค่ 500 กรัม ราคาต่อกิโลก็เลยย่อมเยากว่าร้านที่ขาย lobster ไซส์ยักษ์น่ะค่ะ แต่อันนี้เป็นข้อมูลเฉพาะวันที่ไปทาน ซึ่งราคาก็คงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามราคาตลาด ส่วนขนาดของ lobster ก็คงแล้วแต่ทางร้านจะได้ของมานั่นล่ะ

**-เมนูที่สั่ง-**

พอสั่งไปว่าจะเอา lobster ขนาด 500 กรัม สองตัว ทางร้านก็จะให้เราเลือกว่าจะเอาไปปรุงแบบไหน ระหว่างอบเนย ผัดน้ำพริกเผา ทอดกระเทียมพริกไทย หรือย่างมาเฉยๆ ..นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูที่ดูเค้าภูมิใจนำเสนอม้ากมาก..ประมาณว่าเป็น signature menu ของเค้า เลยลงรูปซะเต็ม 1 หน้าเมนูดูแล้วอลังการ ก็คือเจ้า Lobster Thermidor ซึ่งเป็นเมนูอาหารฝรั่งเศสที่นำกุ้งล็อปสเตอร์มาปรุงกับไข่แดง เหล้า cognac โรยชีสเยิ้มๆ แล้วแต่งรสด้วยมัสตาร์ด ..เมนูนี้ไม่ขอเม้นต์ว่าทางร้านทำได้ตามสูตร original รึเปล่าเพราะว่าไม่กล้าลอง..555+ คืออันนี้มันเป็นทริคส่วนตัวของเราเวลาเข้าร้านอาหารทะเลที่ไม่รู้จักแถมอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวแบบนี้ ว่าจะพยายามไม่สั่งเมนูที่ต้องปรุงเยอะๆ ใช้เครื่องปรุงมากๆ เพราะเราคิดว่ายิ่งปรุงน้อยเท่าไหร่ ไม่มีรสของเครื่องปรุงมาช่วยกลบเกลื่อนคุณภาพของวัตถุดิบ ทางร้านก็จำเป็นจะต้องเลือกของที่สดใหม่ที่สุดมาเสิร์ฟไงคะ ว่าแล้วเราก็สั่งไปเป็น...

● กุ้งมังกรเผา – lobster ตัวเขื่อง สั่งแบบย่างมาเฉยๆแค่นี้ก็หอมได้ใจแล้ว กุ้งสดเด้ง เนื้อแน่นหวาน บีบมะนาวสดที่เค้าฝานให้มานิดหน่อยก็อร่อยฟินเฟร่อออ... ได้ดั่งใจจริงๆ..ปลื้มมม...ค่ะ● กุ้งมังกรทอดกระเทียมพริกไทย – ถึงจะไม่ชอบสั่งเมนูที่ต้องปรุงแต่งเยอะ แต่ครั้นจะสั่งแบบเผาซ้ำกันมา 2 ตัวก็จะจำเจยังไงอยู่ สำหรับ lobster ตัวที่สองนี้เราจึงสั่งเป็นแบบทอดกระเทียมพริกไทยค่ะ ..ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าทฤษฎีของเรามันใช่ เพราะเจ้า lobster ตัวนี้ความสดดูจะสู้จานแรกไม่ได้จริงๆ คือเทียบกันแล้วตัวแรกเนื้อแน่นกว่า เด้งกว่าแบบค่อนข้างชัดเจนน่ะค่ะ แต่โดยรวมแล้วจานนี้ก็ไม่ได้แย่นะ ฝีมือปรุงจัดว่าปานกลางตามมาตรฐานอาหารทอดกระเทียมพริกไทยทั่วๆไปน่ะค่ะ**-บรรยากาศ-**
ร้านนี้นอกจากจะกว้างขวางแล้วยังตกแต่งได้น่ารักน่านั่งประมาณนึงเลย โดยธีมการแต่งร้านจะเลียนแบบสถานีรถไฟ ผนังโดยรอบเป็นสีครีมสว่างตาตัดกับเสา/ขื่อสีแดงสดใส ประดับด้วยไม้ฉลุและรูปภาพมากมาย ดูแล้วย้อนยุคนิดๆ และไม่ลืมติดพัดลมซะหลายตัวเอาใจลูกค้าขี้ร้อนอีกด้วย
..ก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารทะเลในตลาดโต้รุ่งหัวหินที่น่าลองและนั่งสบายใช้ได้ค่ะ ถ้าไปเดินเที่ยวก็แวะจัดดูได้นะ

มาถึงซีรี่ย์ร้านอาหารที่หัวหินกันมั่งครับ ร้านอาหารในซีรีย์นี้ได้จากการไปหัวหินมาหลายๆครั้ง ครั้งละ 2 วัน 1 คืนบ้าง 3 วัน 2 คืนบ้าง ในการไปหัวหินแต่ละครั้งๆก็ไม่ได้ตั้งใจถ่ายรูปมาทำรีวิวนักเพราะเหตุผลบางอย่าง เช่น เอาน้ำปิงไปด้วยบ้างก็ไม่สะดวกทำรีวิวอาหารเนื่องจากในโต๊ะอาหารที่มีเด็กก็จะยุ่งพอดูอยู่แล้ว หรือหมดมุขหาร้านใหม่บ้าง ต้องซมซานกลับไปกินร้านเดิมๆ เมนูเดิมๆ ก็เลยไม่อยากถ่ายรูปแล้ว ฮ่าๆๆ (เยอะนะ ....เพิ่งรู้ตัว) คราวนี้ถือโอกาสเอารวบรวมอยู่ในซีรี่ย์เดียวกันซะเรยครับ

ห้องอาหารสายลม โรงแรมสายลม หัวหิน

การเดินทางมา ห้องอาหารสายลม โรงแรมสายลม หัวหิน มาไม่ยากเลยครับ โรงแรมสายลมอยู่ติดถนนเพชรเกษมฝั่งขาลงใต้ ขับรถผ่านกลางเมืองหัวหินมาทางเขาตะเกียบ ผ่าน Hua Hin Market Village ทางขวามือมาไม่ไกลครับ ผ่านโรงแรม Intercontinental และโรงแรม Casa de Mare ทางซ้ายมือ โรงแรมสายลมจะอยู่ถัดจากโรงแรม Casa de Mare เลยครับ สังเกตป้ายโรงแรมทำจากหินเอามาเรียงๆกันเป็นป้ายใหญ่ๆครับ เลี้ยวรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของโรงแรม เดินผ่าน lobby โรงแรมเข้าไปจนถึงริมทะเล ห้องอาหารสายลมตั้งอยู่ติดริมชายหาดเลยครับ

โรงแรมสายลมเป็นโรงแรมเก่าแก่คู่กับหาดหัวหินมานับสิบปีแล้วครับ ภายใรโรงแรมยังมีบรรยากาศเก่าๆ ให้เราได้สัผัสอย่างเช่น lobby โรงแรมทิ่อยู่ที่ชั้นหนึ่งที่เป็นโถงโล่งๆ ไม่ติดแอร์ ให้บรรกาศโรงแรมชายทะเลสมัยเมื่อหลายสิบปีที่แล้วจริงๆเลยครับ

ห้องอาหารของโรงแรมก็ดัดแปลงมาจากบ้านพักชายทะเลเก่า ให้ความรู้สึกโล่ง โปร่ง เย็นสบาย มีลมทะเลพัดมาเย็นๆ เบาๆ ตลอดเวลา โต๊ะที่นั่งทานอาหารส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณบนระเบียงโล่งในชายคา เพราะฉะนั่นทุกโต๊ะจะมองเห็นวิวทะเล มาก – น้อย แล้วแต่ทำเลครับ แต่ทุกโต๊ะสามารถมองเห็นทะเลได้ ถ้าเป็นตอนเย็นๆ แดดร่มลมตกจะไปนั่งที่โต๊ะริมทะเลที่ทางร้านจัดไว้ให้ได้ครับ ได้บรรยากาศริมทะเลไปอีกแบบครับ
เมนูของทางร้านก็เป็นเมนูอาหารทั่วๆไป แบ่งออกเป็นประเภทตามเนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงและวิธีการปรุง และยังมีเมนูขนมหวานไว้ให้เลือกมากมาย วันนี้เรามาชิมอาหารขึ้นชื่อของห้องอาหารสายลมกันครับ
เมนูแรกเป็นเมนูแนะนำของห้องอาหารสายลม โรงแรมสายลม หัวหินครับ ซี่โครงหมูอบ ราคา 180 บาท


กระดูกหมูติดกระดูกอ่อนๆเป็นส่วนมากตุ๋นกับน้ำซอสมาอย่างเปื่อยทีเดียว สามารถใช้ช้อนกับส้อมจัดการแกะเอาแต่เนื้อออกมาจากกระดูกได้อย่างง่ายดายโดยแทบไม่ต้องออกแรง น้ำซอสรสชาติกลมกล่อมออกฝรั่งนิดๆ แต่ไม่ลืมที่จะมีรสหวาน เค็ม เปรี้ยวติดปลายลิ้มแบบอาหารไทยแล้วก็ยังหอมกลิ่มเครื่องเทศกรุ่นๆอีกด้วย เสิร์ฟพร้อมกับผักลวกหลายๆสี ยิ่งช่วยให้อาหารจานนี้ดูน่ามอง น่ากินยิ่งขึ้นไปอีกครับเมนูที่สอง น้ำพริกกุ้งเสียบ ราคา 150 บาท


เมนูนี้เป็นอาหารใต้รสจัด (มากกกกก) เรียกได้ว่าเผ็ดจัดทีเดียว แต่ถ้าไม่เผ็ดก็คงตำหนิแม่ครัว พ่อครัว ว่าไม่ถึงใจ ถ้าอย่างนั้นขอเรียกว่า เผ็ดตามเชื้อชาติที่มาของเมนูนี้ก็แล้วกันครับ ผักที่จัดเสิร์ฟมาด้วยก็มีหลายหลายมากๆครับ ทั้งผักต้ม ผักทอด และผักสด ภาชนะทีทใช้ในการเสิร์ฟก็เกร๋ไกร๋มากๆครับ น้ำพริกจะใส่ครกดินเผาเล็กๆมาแค่พอเสิร์ฟ น่ารักดีครับเมนูที่สาม กุ้งผัดเปรี้ยวหวาน ราคา 220 บาท


เมนูนี้เป็นเมนูแก้เผ็ดจากเมนูที่แล้วครับ กุ้งตัวขนาดพอคำ นำไปชุบแป้งบางๆแล้วทอดให้กรอบ นำมาผัดกับซอสเปรี้ยวหวานและผักต่างๆ รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยวๆ หวานๆ ช่วยแก้ความเผ็ดจากเมนูที่แล้วเยอะเลยครับเมนูที่สี่ เป็นเมนูแนะนำของห้องอาหารสายลม โรงแรมสายลมครับ แกงป่าไก่ ราคา 130 บาท


เมนูนี้รสชาติจัดจ้านมากครับ เรียกว่าเผ็ดเลยทีเดียว แต่เป็นรสเผ็ดแบบอร่อยถึงใจมากๆ น้ำแกงเข้มข้น ไม่ใสจ๋องแจ๋ง ใส่ผักและสมุนไพรมาอย่างเต็มที่ทั้งมะเขือเปราะ มะเขืองพวง ใบมะกรูด กระชาย พริกไทยอ่อน ได้รีบเมนูนี้แล้วต้องเรียกเอาข้าวมาเสิร์ฟเร็วๆเลยคราบเมนูอาหารคาวเมนูสุดท้าย ข้าวผัดทะเลใต้ ราคา 160 บาท


เมนูข้าวผัดจานนี้เป็นข้าวผัดทะเลรวมมิตรครับ ใส่ทั้งกุ้ง หมึก และเนื้อปู ข้าวผัดก็ผัดมาแบบร่วนๆ แห้งๆ ตามมาตรฐานข้าวผัดตามร้านอาหาร รสชาติก็เป็นไปตามมาตรฐาน มีหวานๆ เค็มๆ ได้กลิ่นและรสพริกไทยป่นเล็กน้อย ได้ข้าวผัดจานนี้มารับรองว่าไม่ยอมแพ้อาหารจานเผ็ดๆ รสจัดๆเลยคราบเมนูของหวานเมนูแรก ไอศกรีมกะทิสด ราคา 60 บาท

เมนูนี้อร่อยตามมาตรฐานครับ ไอศกรีมมีกลิ่นมะพร้าวหอมๆ ที่สำคัญใส่ลูกชิดเชื่อมมาด้วย ไม่ได้กินลูกชิดเชื่อมมานานแล้วครับ มันช่างเข้ากับไอศกรีมมะพร้าวจริงๆ แล้วการที่เอาลูกเชอร์รี่สีแดงๆมาตกแต่งก็ช่างเข้ากับบรรยากาศริมทะเลเมื่อหลายสิบปีที่แล้วซะเหลือเกินครับเมนูสุดท้ายเป็นของหวานซึ่งเป็นเมนู signature ของห้องอาหารสายลม โรงแรมสายลมครับ กล้วยหอมทอด ราคา 120 บาท


กล้วยหอมหั่นมาพอดีๆคำ นำไปชุบแป้งสูตรพิเศษของทางโรงแรม แล้วทอดมาแบบกรอบนิดๆ เหลืองหน่อยๆ กล้วยข้างในสุกแบบกำลังดี เมนูจะมีรสหวานๆตามธรรมชาติของกล้วยสุกครับ เข้ากันกับแป้งที่ชุบทอดมากๆ เวลาจะทานให้ราดด้วยน้ำเชื่อมและโรยไอซิ่งที่เสิร์ฟมาด้วยกัน ชื่นใจ หายเผ็ดเรยคราบChubby Lawyer Café …………………………………. ร้านอร่อย ........ ตามใจฉัน

ห้องอาหารจีนให้บริการอาหารจีนและบุฟเฟ่ต์ติ่มซำหนึ่งเดียวของหัวหินที่สามารถชมวิวหัวหินได้ 360 องศา ก็ว่าได้ค่ะ เพราะตั้งอยู่ที่ ชั้น 17 Hilton Hua Hin Resort&Spa มาทานบุฟเฟ่ต์ติ่มซำมื้อกลางวัน ราคา 580 บาท ต่อท่าน มีให้สั่ง 27 รายการแบบไม่อั้นตามนี้เลยค่ะ รวมน้ำดื่มเป็นชา และเก๊กฮวย มาดูกันเลย ขนมจีบกุ้งฮ่องกง ขนมจีบปู ขนมจีบหมู ฮะเก๋ากุ้ง เยื่อไผ่นึ่ง สาหร่ายสอดไส้กุ้ง ปลาเก๋านึ่งซอสมะนาวอันนี้ชอบสั่งหลายรอบเลยค่ะ ก๋วยเตี๋ยวหลอดฮ่องกง ขนมผักกาด ขนมจีบไส้ผักรวม ฮะเก๋าไส้ผักรวม มาดูซาลาเปาบ้างค่ะ มีไส้ครีม ไส้หมูสับ และไส้หมูแดงชอบเป็นการส่วนตัว ต่อด้วยของทอด มีเผือกทอด ป่อเปี๊ยะทอด ป่อเปี๊ยะทอดเจ ทอดมันกุ้ง ฟองเต้าหู้ห่อผักเจี๋ยน เกี๊ยวทอด เยอะเริ่มปาดเหงื่อ อะใจสู้

ต่อด้วยซุปมี 3 อย่าง ซุปกระเพาะปลาเนื้อปู ซุปผักรวม และซุปเกี๊ยวกุ้งน้ำใส ไม่ไหวละขอบจบรายการด้วยขนมหวานค่ะ พุดดิ้งมะม่วงแบบเย็นชื่นใจ และกล้วยหอมทอดอุ่นๆ  ใครอยู่หัวหิน หรือแวะมาเที่ยวหัวหินอยากกินอาหารจีนหรือติ่มซำอร่อยๆก็แวะมาทานกันนะคะ และที่สำคัญวิวสวยสุดยอดค่ะ

มีโอกาสได้มา DECA Lounge&Bar ที่ Hilton Hua Hin Resort&Spa ก็นานแล้วค่ะพึ่งมีเวลามาเขียน Concept ห้องอาหารแบบนั่งชิล พบปะ พูดคุยกัน สังสรรค์กันได้แบบสบายๆ พร้อมเสียงเพลงเบาๆค่ะ มาร่วมงานที่นี่เค้าก็จะมีไวน์ให้ชิม และมีทาปาสคำเล็กๆ ค่ะ ใครผ่านมาเที่ยวก็ลองมานั่งชิลกันดูค่ะ เบอร์เกอร์คำเล็กๆ รสชาติดี ข้าวปั้น หรือจะเป็นข้าวเหนียวมะม่วงค่ะ

The Market ห้องอาหารเช้าบริเวณชั้น L บรรยากาศมีโต๊ะให้นั่งเยอะเลย มาดูไลน์อาหารกันค่ะ เริ่มจากแฮมและโบโลน่า พร้อมสลัดผักสด อีกฟากเป็นผลไม้และโยเกิร์ต  มุมคอร์นเฟล็ค และขนมปังต่างๆ  Bread pudding ก็มี น้ำผลไม้สดชื่นยามเช้า มุมก๋วยเตี๋ยวก็มีค่ะ ต่อด้วยซุปมิโสะ ข้าวปั้น ข้าวต้มและกับข้าว ปลาเปรี้ยวหวาน ไข่พะโล้เห็นแล้วต้องตักอ่ะ เส้นโซบะผัด ปาท่องโก๋  ไปต่ออีกมุมเป็นไข่สารพัด จะต้ม จะดาว จะม้วน จัดไปค่ะ เบคอน และไส้กรอกตรงนี้ค่ะ วาฟเฟิลและแพนเค้กพร้อมซอส ปิดท้ายด้วยผลไม้ค่ะ จัดกันไปเพิ่มพลังก่อนต้องพาเจ้าตัวเล็กไปเล่นน้ำอีกรอบค่ะ

Hua Hin Brewing Company เป็นส่วนหนึ่งของ Hilton Hua Hin Resort&Spa โดยอยู่ที่ส่วนหน้าโรงแรมเลยค่ะ เป็นสถานบันเทิงที่มีทั้งที่นั่งด้านนอกแบบ Restaurant และ Beer Street และมีด้านในแบบ Pub มีดนตรีสดสลับกับดีเจเปิดแผ่นให้ความสนุกครึกครื้นค่ะ จากด้านหน้าโดดเด่นมีถังเบียร์โชว์อยู่บนหลังคากันเลย ก่อนเดินเข้าไปเห็นป้ายมีโคโยตี้โชว์ด้วยเวลา 23.00 น. งี้พลาดได้ไง ระหว่างรอโคโยตี้เราก็ฟังดนตรีสดมันส์ๆกันไปก่อน ลองสั่งเบียร์มาดื่ม แน่นอนต้องชิมเบียร์ที่ทำเองของที่นี่เลยค่ะ 3 ตัว จัดมาอย่างละแก้ว เรียงลำดับเลย สีดำสุด Elephant tusk dark lager รสเข้มแบบเบียร์ดำ ต่อด้วยตัวกลาง Sabai Sabai wheat ale รสอ่อนสุด ซ่า ค่อนข้างดื่มง่ายที่สุดใน 3 ตัวนี้ค่ะ เหมาะสำหรับสุภาพสตรี และ Dancing Monkey Lager อันนี้รสเข้มและขมหน่อยๆ   ได้เวลา ดีเจเปิดแผ่น และดูโคโยตี้ ต้องยกย่องว่าเค้าเต้นสวย และอึดจริงๆ 30 นาทีแบบ non stop ดูเพลินมากจริงๆค่ะ ใครชอบบรรยากาศสนุกๆก็เข้ามาดื่มมาจอยกันที่นี่ได้ค่ะ

ครั้งนี้โดดงานมาเที่ยวปราญ เห็นเค้าว่ากันร้านนี้จัดว่าเด็ด ได้โอกาสต้องขอมาลองซักหน่อย เนื่องจากมากันแค่สองคนเลยสั่งมาแค่สี่อย่าง เรื่องขอวเรื่องคือกลัวกินไม่หมด บรรยากาศร้านก็แบบร้านอาหารริมทะเลทั่วๆไป ไม่ได้มีอะไรมาก





จานแรกจัดข้าวยำปูมาจ้า มันคือข้าวคลุกพริกน้ำปลาและเนื้อปูก้อนโตๆ ย้ำก้อนโตๆ รสชาติแซ่บมาก กินเพลินๆ หมดไม่รู้ตัว

จานที่สองสั่งออส่วน ทางร้านมีให้เลือกได้ว่าจะเอาแบบกรอบ หรือนุ่ม ตัวเราชอบแบบนุ่ม เลยจัดมาจานนึง รสชาติดีมาก หอยนางรมตัวใหญ่ให้เยอะ ชนิดที่ว่าแทบหาแป้งไม่เจอ 555



ต่อมาอยากกินอะไรแซ่บๆ เลยสั่งปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว แซ่บได้ใจมาก ไข่เป็นไข่

ท้ายสุดเป็นเนื้อปูผัดผงกะหรี่ จุดนี้แทบจุกเนื้อปู เยอะมากจริงๆ ให้มาไม่ยั้ง

หลังจากใช้แรงในการขึ้นไปเที่ยวยังถ้ำพระยานคร ขากลับสังเกตุฝั่งซ้ายมือ ป้ายยกซดซีฟู้ด บรรยากาศริมน้ำ ลมเย็นๆ บริการดี อาหารทะเลสด รสชาติดี ราคาถูกมากๆค่ะปูสด น้ำจิ้มแซ่บๆมากค่ะหมึกไข่นึ่งมะนาว (ที่นี่เสริ์ฟแบบใส่จาน เหมือนยำปลาหมึก ชอบแบบเสริร์ฟเป็นหม้อไฟมากกว่าค่ะ ได้ฟิวหมึกนึ่งมะนาว)ปลาทอดน้ำปลา เนื้อปลาหวานๆ ทอดกรอบเค็มๆนิดหน่อย ราดน้ำจิ้มมะม่วง อร่อยเว่อร์

ร้านชื่อดังร้านหนึ่งของหัวหินอยู่บน ถนนแนบคฤหาสน์ ของอ.หัวหินนะคะ หาไม่ยากเลย จอดรถแถวริมถนนหน้าร้านค่ะ หากไปวันหยุดอาจหาที่จอดยากหน่อยนะคะ แต่แถวนั้นใกล้ๆก็มีที่รับฝากรถนะคะร้านตกแต่งน่ารักดีค่ะ มีมุมเก๋ๆให้เราได้ถ่ายรูปอวดเพื่อนๆหลายมุม ใครผ่านมาก็มักจะต้องแวะมาทานเมนูทั้งคาวหวานของที่นี่ ต้องเน้นถั่วนะคะ ก็จะเป็นของหวานพวกน้ำแข็งไส ไอศกรีมค่ะ คนค่อนข้างเยอะหน่อยช่วงที่เราไปเที่ยงพอดี

แต่ก็โชคดีไม่ต้องรอนานกก็ได้โต๊ะค่ะ เลยสั่งเมนูของหวานอย่างไอซ์กัสจัง ถั่วแดง ลักษณะเป็นนำแข็งใสราดน้ำแดงใส่ถั่วค่ะ ทานก็เพลินดีอันที่สอง ไอศกรีมสตอเบอร์รี่ ถั่วแดง รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ มีถั่วแดงอยู่ด้่านล่างทานเข้ากันดี ใครผ่านมาหัวหินอย่าลืมแวะมาทานกันนะคะร้านเปิดทั้งวันนะคะตั้งแต่เช้าถึงค่ำเลย
เบอร์โทรของทางร้านค่ะ 032 512 693
https://www.facebook.com/baantuayen

อัล ฮัมรา (Al Hamra Restaurant)เป็นห้องอาหารที่อยู่ใน Marrakesh Hua Hin Resort & Spa ห้องอาหารนี้จะอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารปาล์ม ริมสระว่ายน้ำ มีที่นั่งทั้งในร่ม และกลางแจ้ง ด้านนอกห้องอาหารจะเป็นที่นั่งริมสระน้ำ วิวดีมองเห็นทั้งชายหาด และสระน้ำ ส่วนด้านในห้องอาหารก็สวยงามไม่แพ้ด้านนอก มีมุมที่นั่งหลากหลาย บนเพดานตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนมือ สีสันสดใส นำเข้ามาจากโมร๊อคโค

ห้องอาหารอัล ฮัมรา เปิดให้บริการตั้งแต่ 6.30 น. – 23.00 น. ช่วงเช้า 6.30 - 10.30 น.จะเปิดให้บริการเป็นบุฟเฟต์อาหารเช้า ส่วนช่วงกลางวัน เย็น และค่ำจะให้บริการ อาหารสไตล์นีโอโมร็อคโค และอาหารทะเลสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน เพื่อให้เข้าบรรยากาศที่พักสไตล์นีโอโมร็อคโค เราก็ไม่ควรพลาดที่จะลองชิมอาหารสไตล์นีโอโมเร็อคโคด้วยเช่นกันเริ่มเบา ๆ กันด้วย Signature Cocktail กันซักหน่อย
- Djinn ราคา 300++ บาท ค็อกเทลสีน้ำเงินที่มีส่วนผสมของเหล้ามิโดริที่ให้ความหวาน พีชบรั่นดี น้ำเชื่อมลิ้นจี่ น้ำสัปปะรด น้ำเชื่อมทับทิม น้ำมะนาว และน้ำเชื่อม ที่ไม่ว่าใครชิมต้องติดใจในรสชาติดั่งต้องมนต์- Prince of Persia ราคา 300++ บาท ค็อกเทลสีน้ำเงินที่มีส่วนผสมของ แอปโซลูทราสเบอร์รี่ เหล้าส้มคอนทรูต์จากฝรั่งเศส เหล้าบลูคูราโซ่ น้ำมะนาว และน้ำเชื่อม ที่ผสมกันได้อย่างลงตัว กลายมาเป็นค็อกเทลสีน้ำเงินรสชาติเปรี้ยวอมหวาน- Magic Carpet ราคา 300++ บาท ค็อกเทลที่เปรียบดังพรมวิเศษที่จะพานักดื่มท่องผจญภัยไปยังดินแดนใหม่
จากส่วนผสมของ น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำทับทิม น้ำเชื่อม แอบโซลูทแมนดาริน เหล้า triple sec ที่หมักจากเปลือกส้ม หอม หวาน สดชื่นดีค่ะ- Marrakesh Dream ราคา 300++ บาท ค็อกเทลสีชมพูที่มีส่วนผสมของวอดก้า มาลิบู น้ำสัปปะรด น้ำมะนาว และน้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รี่ ผสมชิ้นแอปเปิ้ล และสัปปะรดที่ลอยอยู่ในเครื่องดื่ม เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ชอบรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวแบบเบา ๆมาถึงอาหารจานเด่นสไตล์นีโอโมร็อคโคของที่นี่กันบ้าง
- Moroccan Chicken Tagine ราคา 550++ บาท อกไก่ตุ๋นเครื่องเทศสไตล์โมร็อกแคน เสิร์ฟพร้อมข้าวคูสคูส ภาชนะที่ใช้ในเมนูนี้เป็นภาชนะใส่อาหารที่สำคัญของชาวโมร็อคโคเรียกว่า "ทาจีน (Tagine)" มีฝาครอบทรงสูงเป็นรูปกรวยสลักลวดลายสวยงาม ตัวอกไก่ตุ๋นกับเครื่องเทศ ทานได้สบาย ๆ เพราะอาหารแนวโมร็อคโคกลิ่นเครื่องเทศจะไม่แรงแบบอินเดียนะคะ ส่วนข้าวคูสคูสเป็นอาหารประจำชาติโมร็อคโก รสชาติจะคล้าย ๆ โจ๊ก เราเคยทานที่อื่นจะออกแฉะ ๆ หน่อย แต่ของที่นี่ไม่แฉะนะ ร่วน ๆ ทานง่ายดี- Moroccan Lamb Tagine ราคา 550++ บาท เนื้อแกะตุ๋นเครื่องเทศสไตล์โมร็อกแคน เสิร์ฟพร้อมข้าวคูสคูส เนื้อแกะของที่นี่ทำมาดีค่ะ ไม่มีกลิ่นสาปแกะเลย เค้าเลือกใช้สันในแกะนำเข้าจากออสเตรเลีย หั่นชิ้นพอดีคำนำมาหมักเครื่องเทศ ตุ๋นนานกว่า 6 ชั่วโมงจนน้ำเคี่ยวข้นพอคลุกคลิก เนื้อแกะที่ได้จะนุ่มละลายในปาก จานนี้คนไม่ค่อยชอบกินแกะอย่างเราแนะนำเลยค่า- Salmon Oasis ราคา 680++ บาท ปลาแซลมอนหมักเครื่องเทศย่างกับผักโขมตุ๋น เสิร์ฟพร้อมข้าวคูสคูส แซลมอนชิ้นโต และผักโขมตุ๋นเครื่องเทศจนเปื่อยนิ่ม เป็นอีก 1 จานที่ทานกันเกลี้ยงไม่เหลือแม้กระทั่งผัก- Pork Scaloppine ราคา 450++ บาท หมูสันในย่างกับพาร์มาแฮม เสิร์ฟพร้อมมันบด หมูสันในย่างมาสุกกำลังดีทานคู่กับน้ำเกรวี่ที่เสิร์ฟมาคู่กัน อย่าลืมทานคู่กับมันบดด้วยนะคะ มันบดเค้าเนียนดีมาถึงของหวานกันบ้าง จัดไปหลายเมนูเลยทีเดียว
- เมนูใหม่ล่าสุดของที่นี่ Crispy Roti ราคา 250++ บาท เป็นเมนูแป้งโรตีทอดกรอบเสิร์ฟพร้อมซอสไวท์ช็อคโกแลต และซอสราสป์เบอร์รี่ แป้งทอดมากรอบมาก ไม่อมน้ำมันด้วย ใครชอบซอสเปรี้ยว ๆ ก็ทานคู่กับซอสราสป์เบอร์รี่ ส่วนใครที่ชอบทานแบบครีมมี่มัน ๆ นม ๆ ก็ทานคู่กับซอสไวท์ช็อคโกแลตเลยจ้า เมนูนี้ชอบ แนะนำเลย- ข้าวเหนียวมะม่วง ราคา 250++ บาท ข้าวเหนียวมูนทานคู่กับมะม่วงหวาน ๆ ราดด้วยน้ำกะทิอีกนิด ฟินเลย- ชีสเค้กมะม่วง ราคา 180++ บาท เป็นชีสเค้กแบบไม่อบ ตัวชีสเค้กเนียนดีนะ ทานคู่กับมะม่วงที่มีความหวานหอมก็เข้ากันได้ดี- เค้กมะพร้าวอ่อน ราคา 180++ บาท ตัวเค้กเป็นเนื้อชิฟฟ่อนสลับชั้นกับไส้มะพร้าวอ่อนและวิปครีม โรยหน้าด้วยเกล็ดมะพร้าวอ่อน เค้กเนื้อนุ่ม หอมมะพร้าวอ่อน รสไม่หวานมาก คนชอบทานเค้กมะพร้าวไม่ควรพลาดค่า- Tiramisu ราคา 280++ บาท เมนูนี้กรี๊ดมาก ชอบการ Display มาก ๆ เลย เมนูนี้เก๋ไก๋ด้วยการเสิร์ฟมาในรูปลักษณ์เหมือนกระถางต้นไม้ มีบัวรดน้ำที่บรรจุกาแฟไว้ด้านใน เวลาจะทานก็ราดกาแฟลงไปเสมือนกับการรดน้ำต้นไม้ ด้านในกระถางเป็นเค้กฉ่ำกาแฟสลับชั้นกับชีสมาสคาโปเน่ โรยหน้าด้วยครัมเบิ้ลกรุบกรอบและผงโกโก้ หอมทั้งกลิ่นกาแฟและเหล้านิด ๆ เป็นอีกเมนูที่ชอบค่า- Afternoon Tea Set ราคา 550++ บาท ถ้าใครอยากชิมขนมหลาย ๆ เมนู เราแนะนำเมนูนี้เลยค่ะ
ในเซ็ตก็จะมีขนม 9 ชนิดทั้งไทยและตะวันตก (ครัวซองค์แซนวิชไส้แซลมอนรมควัน/ปอเปี๊ยทอด/ซัมเมอร์พุดดิ้ง/เชอรี่ชีสเค้ก/ทาร์ตผลไม้รวม/สโคน/ข้าวเหนียวมะม่วง/ลูกชุบ/เค้กมะพร้าว) เสิร์ฟพร้อมกับชาในชุดน้ำชาสไตล์อาหรับ สำหรับชุด Afternoon Tea Set สามารถสั่งทานในห้องอัล ฮัมรา , อัล จันนา บีช บาร์ ริมหาด หรือมูฟมาทานริมสระน้ำ พร้อมกับชมวิวสวย ๆ ไปด้วย สุดแสนจะฟินจริง ๆ จ้าใครไม่ได้พักที่มาราเกช หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปาก็สามารถวอล์คอินเข้ามาลองทานได้นะคะ ส่วนใครพักที่นี่อยู่แล้ว ก็ไม่อยากให้พลาดค่า สำหรับพิกัดการเดินทางมาที่มาราเกช หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา อยู่บนถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าไปตลาดจักจั่น อยู่ระหว่าง ซ.หัวหิน 83/1 กับ 85 สังเกตผนังสีแดงอิฐไว้เลี้ยวเข้าไปเลย

อัล จันนา บีช บาร์ (Al Janna Beach Bar) ภาษาอาหรับแปลว่า “สรวงสวรรค์” เป็นบาร์ริมหาดที่อยู่ในรีสอร์ทหรูสไตล์นีโอโมร๊อคโค มาราเกซ หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปาที่ให้บริการทั้งอาหารจานหลัก อาหารว่าง และเครื่องดื่ม(มีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์)อาหารที่ห้องอาหารนี้เป็นอาหารแนวฟิวชั่นฟู้ดไทย-เมดิเตอร์เรเนียนสไตล์ซีฟู้ด บาร์เค้าเปิดตั้งแต่ 11.00 น. - ตี 2 จะแวะมาทานมื้อเที่ยง มื้อเย็น มื้อค่ำ หรือมานั่งจิบค๊อกเทลเบา ๆ ยามค่ำคืนก็ได้ บาร์ของที่นี่โดดเด่นตรงที่อยู่ริมหาด ถ้ามาทานมื้อเที่ยง-เย็นก็จะได้บรรยากาศสบาย ๆ ชิลล์ ๆ นั่งทานไปชมวิวริมชายหาดไป ช่วงเย็น ๆ ก็จะมีการวาง Bean Bag ที่สนามหญ้า พอค่ำ ๆ ก็จะเปิดไฟรอบ ๆ สระน้ำ อาคาร รวมไปถึงบาร์รูปกระโจม ถ้าใครมาวันศุกร์ และเสาร์ 20.00 - 23.00 น. เค้ามีวงดนตรีมาร้องเพลงขับกล่อมด้วยน้าสำหรับใครที่เป็นคอดริงค์ช่วง 17.00 น.-19.00 น. เค้ามีโปรโมชั่นสั่งค็อกเทลในเมนู Happy Hours 1 แก้วแถม 1 แก้วจ้า โปรคุ้มแบบนี้จัดไป อย่าพลาด

มาดูเมนูที่เราได้ลองกันดีกว่า เริ่มจากค๊อกเทล Signature ของมาราเกซ หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา แต่ละแก้วล้วนมีชื่อที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมทะเลทราย ชื่อก็จะเก๋ ๆ แบบอาหรับราตรี
- Mystic Lunar ราคา 300++ บาท เครื่องดื่มสีเข้ม จากแอบโซลูท ราสพ์เบอรร์รี่ เหล้ากลิ่นส้ม Triple Sec น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำมะนาว และน้ำเชื่อมทับทิม เครื่องดื่มสีเข้มแต่แฝงความเปรี้ยว ความลึกลับน่าค้นหา- Dessert Storm ราคา 300++ บาท ค็อกเทลสีทะเลทรายที่ภายนอกดูเรียบสงบ แต่แฝงไปด้วยอานุภาพร้อนแรงสมชื่อพายุทะเลทราย แก้วนี้สีอ่อน ๆ แต่รสไม่อ่อนนะคะ ส่วนผสมมีทั้งกอร์ดอน จิน บาคาร์ดี้ ไลท์ สเมอร์นอฟ วอดก้า เหล้าอะมาเร็ตโต้ และเตกีล่า เพิ่มความจี๊ดจ๊าดด้วยน้ำมะนาว เบรกรสให้กลมกล่อมด้วยน้ำเชื่อม- Al Janna Bliss ราคา 300++ บาท ค็อกเทลสีแดงสด ด้วยส่วนผสมหลักของผลไม้รสเปรี้ยวนานาชนิด ทั้งน้ำแครนเบอร์รี่ น้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รี่ น้ำมะนาว น้ำเชื่อม เหล้าแสงโสม สเมอร์นอฟ วอดก้า และพีชบรั่นดี รสอมเปรี้ยวอมหวานสีสดใสเหมาะกับสาว ๆ ค่ะแก้วนี้- Arabian Night ราคา 300++ บาท เครื่องดื่มสีเขียวรสเปรี้ยวอมหวานของผลไม้นานาชนิด ทั้งน้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำเชื่อม เพิ่มความเข้นข้นด้วยบลู คูราโซ่ และแอบโซลูท กลิ่นส้มแมนดาริน- Eye of The Tiger ราคา 300++ บาท เครื่องดื่มสีส้มที่มีส่วนผสมของแอบโซลูท กลิ่นส้มแมนดาริน, เตกีล่า โกลด์, น้ำส้ม, น้ำแครนเบอร์รี่, น้ำมะนาว, น้ำเชื่อม และน้ำทับทิม แก้วนี้ไม่แรงมาก อมเปรี้ยวอมหวานเช่นกัน สาว ๆ น่าจะชอบในส่วนของอาหารเริ่มสตาร์ทเบา ๆ ด้วยเมนู
- เชฟสลัด เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดมาราเกช 350++ บาท สลัดเค้าใช้ผักออแกนิคส์ ใส่อโวคาโด้ และบลูชีส ท๊อปด้านบนด้วย poached Egg น้ำสลัดเป็นแบบใสสูตรเฉพาะของมาราเกช ทานแล้วไม่เลี่ยนค่า- ส้มตำปูนิ่ม 280++ บาท ส้มตำไทยรสไม่จัด เผ็ดนิด ๆ ทานคู่กับปูนิ่มชุบแป้งทอดตัวโต ทอดมาไม่อมน้ำมันนะ- ปลาทูน่าดิบกับยำมะม่วง 380++ บาท ทูน่าชิ้นใหญ่ ทานคู่กับยำมะม่วงรสอมเปรี้ยวอมหวาน น่าจะถูกใจคนชอบทานยำไม่ใช่น้อย- ข้าวริซอตโต้ทอดยัดไส้กะเพราทะเล 280++ บาท ข้าวริซอตโต้กะเพราทะเลปั้นเป็นลูกกลม ๆ แล้วนำไปชุบเกล็ดขนมปังทอดได้อารมณ์ประมาณอาหารทานเล่น หยิบทานง่าย แต่อิ่มจริงจังค่า- พิซซ่าหน้ากะเพราทะเลและชีสมอสซาเรลล่า 450++ บาท พิซซ่าแป้งบางถาดโต สั่งมาถาดเดียวแบ่งทานได้หลายคนเลยนะ ซีฟู้ดที่ใส่มาก็จัดเต็มมาเลย ทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ , ปลาหมึก , กุ้ง- GM’s Collection Pastry 350++ บาท เซ็ตนี้สั่งมาชุดเดียวได้ชิมเค้กหลากชนิดเลย ชั้นล่างมีเค้ก 3 ชนิด เค้กมะพร้าวอ่อนเนื้อนุ่มหอมมะพร้าวรสไม่หวานมาก บลูเบอรี่ชีสเค้กชีสแน่นดี , ทาร์ตผลไม้รวม แป้งทาร์ตอร่อยกว่าที่คิด คัสตาร์ดก็ไม่หวานมาก ผลไม้ดูม ๆ ชั้นบนซ้ายเป็นบราวนี่เค้กราดกานาชโรยหน้าด้วยอัลมอนด์สไลด์+วอลนัท ขวาเป็นซัมเมอร์พุดดิ้ง ด้านนอกเป็นขนมปังฉ่ำซอสเบอรี่รสอมเปรี้ยวอมหวาน มีเนื้อเบอรี่ด้านในให้เคี้ยวเพลิน ๆ แนะนำให้ทานเป็นชิ้นสุดท้าย ตัดเลี่ยนได้ดีค่าใครมาหัวหินแล้วชอบบรรยากาศริมทะเลแบบนี้ อย่าลืมแวะมาลองสัมผัสด้วยตัวเองดูน้าพิกัด มาราเกช หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา อยู่บนถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าไปตลาดจักจั่น อยู่ระหว่าง ซ.หัวหิน 83/1 กับ 85 สังเกตผนังสีแดงอิฐไว้เลี้ยวเข้าไปเลย จอดรถแล้วเดินตรงเข้าไปสุดทางก็จะพบกับ อัล จันนา บีช บาร์ (Al Janna Beach Bar) อยู่ริมหาดค่ะ

เจ้นิ ไอศครีมโฮมเมด – ร้านไอศครีมติดอันดับ 1 ใน 5 ร้านดังประจำตลาดโต้รุ่งหัวหินที่ดูแล้วมีลูกค้าแวะกันเนืองแน่นไม่ขาดสายชวนให้แวะเข้าไปลองกับเค้ามั่ง พิกัดร้านตั้งอยู่บนถนนเดชานุชิตฝั่งเดียวกับตลาดฉัตรไชย โดยจะเปิดขายทุกวันตั้งแต่ 17.30 - 23.00 น. ค่ะ

**-ลักษณะร้าน-**

แม้ว่าตลาดโต้รุ่งหัวหินนั้นจะคลาคล่ำไปด้วยร้านรวงและผู้คนอยู่ตลอด รถเข็นขายไอศครีมก็มีอยู่ด้วยกันหลายเจ้า แต่ร้านเจ้นิเจ้าดังนี้ก็ดูโดดเด่นสะดุดตากว่าร้านอื่นๆ ถ้าตั้งใจมาชิมล่ะก็ไม่มีทางพลาดค่ะ (นอกจากวันนั้นจะบังเอิญว่าเจ้แกปิดร้านไปออกงานที่ไหน) รถเข็นไอศครีมของเจ้นิจะมีป้ายอันใหญ่สีเหลืองส้มสดใสติดชื่อร้านไว้ชัดเจน เคียงคู่มาด้วยรถเข็นอีกคันที่บรรจุสารพัดท็อปปิ้งสำหรับโรยหน้าไอศครีม (ใครจะมาว่าร้านเจ้เครื่องน้อยไม่ได้เป็นอันขาด.. ก็เจ้เล่นบรรจุมาทั้งคันรถ!) จุดที่เราชอบใจก็คือ เห็นเป็นรถเข็นงี้ก็เถอะ แต่ร้านเจ้นิมีโต๊ะ-เก้าอี้ตั้งไว้ประมาณ 10 ชุดให้นั่งทานกันสบายๆด้วย ไม่ต้องโต๋เต๋ถือเดินกินไปให้ลำบาก...(คุณครูสมัยประถมเคยสอนไว้ว่ากุลสตรีต้องไม่เดินไปกินไปจ้ะ มันเสียลุค..555+)**-ไอศครีม-**

ไอศครีมที่นี่ราคาถ้วยละ 30 บาท โดยใน 1 ถ้วยมีไอศครีม 3 ลูก เลือกท็อปปิ้งได้ 2 อย่าง โดยให้เดินไปสั่งไอศครีมที่รถเข็นคันแรกก่อน แล้วค่อยเอาไอศครีมไปเลือกท็อปปิ้งในรถเข็นอีกคันที่อยู่ข้างๆกันค่ะ

ไอศครีม : เท่าที่เห็นมีรสกะทิ วานิลลา ชาไทย rum raisin ชาเขียว และช็อคโกแลตค่ะ ส่วนรสผลไม้ตามฤดูกาลจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ นะ

Toppings : มีทั้งข้าวเหนียว ลูกชิด ลูกเกด มัน เผือก แตงไทย เม็ดบัว มะพร้าวกะทิ พุทราเชื่อม กล้วยเชื่อม มะม่วงเชื่อม เลือกกันจนตาลายทีเดียว

สำหรับครั้งนี้เราสั่งมาลอง 2 ถ้วยตามนี้ค่ะ

● ไอศครีมกะทิ + ข้าวเหนียว + เม็ดบัว – พอเห็นภาพลักษณ์เป็นไอศครีมโฮมเมดแบบไทยๆ ก็เลยอยากลองรสสุดคลาสสิคแบบกะทิก่อน ไอศครีมหวานมันใช้ได้ แต่เนื้อก็ยังเป็นแบบไอศครีมไทยๆที่เนื้อเบาๆ ไม่ได้ใส่นมเนยหนักแน่นแบบไอศครีมสมัยใหม่ จุดเด่นคงอยู่ที่ท็อปปิ้งที่ให้เยอะสมราคา ข้าวเหนียวนุ่มหนึบเข้ากับไอศครีมดี เม็ดบัวก็ใหม่กรอบดีทีเดียวค่ะ● ไอศครีม rum raisin + ลูกเกด + พุทราเชื่อม – ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ารสนี้สอบไม่ผ่าน เพราะรสชาติไอศครีม rum raisin นั้นเหมาะกับเนื้อไอศครีมที่เนื้อ creamy แบบฝรั่ง มากกว่าไอศครีมเนื้อเบาแบบไทยๆ เราเลยชอบถ้วยแรกมากกว่าค่ะ ส่วน toppings นั้นจัดเต็มเหมือนเดิมนะโดยรวมๆจะว่าไปแล้วเราว่ารสชาติไอศครีมเค้ากลางๆ ไม่ได้อร่อยโดดเด่นไปกว่าไอศครีมสไตล์ไทยๆแบบเดียวกันของเจ้าอื่นๆซักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้ร้านนี้น่าแวะ น่ามาลอง ก็คือมีท็อปปิ้งให้เลือกเยอะ ทุกอย่างใหม่สด ไม่มีเก่าไม่มีกลิ่นหืนใดๆเพราะร้านเค้าขายดีจนของหมดแทบทุกวัน ส่วนไอศครีมเองก็มีให้เลือกหลายรส แถมมีที่ให้นั่งทานสบายๆ เดินเที่ยวตลาดมาร้อนๆเหนื่อยๆหรืออิ่มของคาวมาจากร้านอื่นแล้วก็มาต่อไอศครีมหวานๆเย็นๆ นั่งพักขาสบายๆได้น่ะค่ะ