มาถึงหัวหินนอกจากร้านอาหารทะเลจะมีให้เลือกมากมายหลายเจ้าแล้ว พอนึกอยากทานอาหารฝรั่งขึ้นมา ในย่านถนนนเรศดำริห์ก็มีให้เลือกอยู่หลายเจ้าเลยทีเดียวค่ะ หนึ่งในนั้นก็คือร้าน Brasserie de Paris นี้นี่เอง...

**-บรรยากาศ-**

..ลักษณะของร้านนี้ถ้าดูเผินๆจากทางด้านประตูหน้าร้านแล้วไม่น่าดึงดูดให้เข้าไปนั่งเลยซักนิดเพราะดูเหมือนเป็นห้องแคบๆยาวๆอยู่ข้างบันได แต่พอขึ้นไปส่วนชั้น 2 จึงจะเห็นเป็นตัวร้านกว้างขวาง ตกแต่งเรียบง่ายไม่ได้เน้นดีไซน์อะไรมากนัก ทำเป็นแบบ open air รับลมทะเล ที่เด็ดคือถ้าได้นั่งติดระเบียงก็จะได้เห็นวิวทะเลเต็มๆสวยมากเลยล่ะค่ะ น่านั่งชิลล์สุดๆ**-อาหาร-**

ร้านนี้ถ้าเป็นมื้อเย็นก็จะมีภาพลักษณ์เป็นร้านแบบกิน-ดื่ม คือเน้นเครื่องดื่มพอๆกับอาหาร มี drink bar ตั้งอยู่เป็นเรื่องเป็นราว แต่มื้อกลางวันก็ดูเป็นร้านอาหารทั่วไปนี่เอง (ถ้าใครอยากจะนั่งดริ๊งค์กันกลางวันแสกๆทางร้านเค้าก็จัดให้นะคะ) ส่วนเมนูอาหารนั้นแม้ว่าชื่อร้านจะสื่อถึงอาหารฝรั่งเศส แต่ดูๆแล้วก็คืออาหารตะวันตกทั่วๆไป แถมดูจะมีการปรับสูตรเอาใจคนไทยอยู่มากทีเดียว เรียกว่าเป็นฟิวชั่นน่าจะเหมาะกว่า ของเราเลือกสั่งเป็น starters ไป 2 อย่าง ขอบอกเลยว่า starters ของที่นี่มาใน serving size ขนาดจานเดียวอิ่ม เล่นเอาแอบนึกดีใจที่ไม่ได้สั่ง main course มาด้วย..เดี๋ยวอิชั้นจุกตาย..555+

● ขนมปัง – เสิร์ฟ Baguette สไลซ์ใส่ตะกร้ามาให้เป็น complimentary ตามแบบฉบับร้านอาหารฝรั่ง เคียงมากับเนยสดที่เราว่าจืดไปนิด แต่ก็โอเคน่ะค่ะ● The famous crab of la Brasserie with market vegetables and lobster sauce (ราคา 450 บาท : 4/5 คะแนน) – เมนูนี้อ่านจากชื่อก็พอเดาได้ว่าเป็นเมนูดังของทางร้านที่เค้าภูมิใจนำเสนอ หน้าตาคล้ายๆปูจ๋าเสิร์ฟมาในกระดองปู 2 อันไม่ใหญ่นัก ส่วน lobster sauce ที่ราดมานั้นหอมกลิ่น lobster ชัดเจน รสชาติดี ทานเข้ากันกับปูอร่อยมากเลยทีเดียวค่ะ อันที่จริงรสชาติก็เป็นแบบอาหารฝรั่ง แต่มีรสชาติที่เข้มข้น และไม่เน้นกลิ่นเนยมากนัก เลยสามารถอร่อยได้ทั้งแบบทานเปล่าๆเหมือนฝรั่ง และแบบทานกับข้าวผัดสไตล์ไทยๆที่ใส่มาให้ในจานด้วย จัดเป็นการผสมผสานที่ลงตัว ส่วนผักที่เคียงมาด้วยนั้นก็ผัดมาคล้ายผัดผักไทยๆเราที่ปรับรสอ่อนลงนั่นล่ะค่ะ โดยรวมแล้วอร่อยเด็ดสมกับที่ร้านเค้าภาคภูมิใจนั่นล่ะ แต่แอบรู้สึกว่าราคาแรงไปนิดนึงนะ● Pan-fried scallops, julienne of papaya, lime and chili dressing (ราคา 350 บาท : 3/5 คะแนน) – เจอเมนูที่แล้วเข้าไป เจ้าเมนูหอยเชลล์นี้เลยหมองไปนิด.. อันที่จริงก็ทำออกมาได้ดีค่ะ หอยสด ไม่คาว มีมะละกอขูดรองมาข้างใต้เยอะ ปรุงรสจัดจ้านคล้ายๆยำของไทยๆเราเลย แต่ใช้พริกแบบฝรั่ง (คล้ายๆในอาหารอิตาเลียน) แทนพริกขี้หนู เบรครสชาติไว้ไม่ให้หลุดคอนเซ็ปท์ว่าเป็นร้านอาหารฝรั่งนะจ๊ะ เมนูนี้ก็มีข้าวผัดเสิร์ฟเคียงมาให้เช่นกัน ทานคู่กันได้เข้ากันดีค่ะ แต่ยังไงๆก็สู้ความหอมอร่อยของซอสล็อบสเตอร์ในเมนู famous crab..ไม่ได้น่ะนะ● น้ำส้ม – ไปตอนกลางวันร้อนๆ สั่งน้ำผลไม้นี่ล่ะดีที่สุด เราชอบที่น้ำส้มที่นี่เป็นน้ำส้มคั้น ไม่ใช่แบบสำเร็จรูปค่ะ แต่ก็ใส่น้ำแข็งมา พอละลายก็เลยจืดไป (ร้อนๆแบบบ้านเราละลายเร็วซะด้วย) ถ้าทำเป็นแบบน้ำส้มเพียวๆแช่เย็นมาจะประทับใจกว่านี้นะเท่าที่ได้ลองมาก็รู้สึกว่าร้านนี้รสชาติอาหารดี แต่ราคาแอบแรง ..แต่งร้านไม่ค่อยสวย แต่วิวทะเลแจ่มได้ใจ ..มีจุดที่อยากติงนิดนึงคือเกลือของที่นี่ใช้วิธีเทใส่จานแล้ววางไว้โล่งๆ ดูไม่ค่อยสะอาด เหมือนฝุ่นผงมันจะปลิวมาปนได้ง่ายๆ คิดว่าคงเป็นเพราะใช้เกลือทะเลเม็ดใหญ่เพื่อให้มีกลิ่นหอม ก็เลยใส่กระปุกแบบเจาะรูไม่ได้เพราะจะเทไม่ออก แต่น่าจะหาฝาปิดกันฝุ่นซักนิดน่ะค่ะในแง่ความประทับใจโดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน อยากไปทานซ้ำอีกถ้ามีโอกาส ถ้าใครไปหัวหิน ทานอาหารทะเลแบบไทยๆจนเบื่อแล้ว ก็เปลี่ยนบรรยากาศแวะทานอาหารฝรั่งร้านนี้ดูได้ค่ะ

มีโอกาสได้มาพักที่ มาราเกซ หัวหิน มื้อเย็นไม่อยากออกไปไหนเลยมาลองชิมอาหารเย็นของที่นี่กันค่ะ อัล จันนา บีช บาร์ (Al Janna Beach Bar) ในภาษาอาหรับแปลว่า “สรวงสวรรค์” นอกจากเมนูอาหารฟิวชั่น ทั้งไทย อินเตอร์ และซีฟู้ดแล้วยังให้บริการเครื่องดื่มหลายประเภทเลยค่ะ 
ตัวหน้าบาร์ของ อัล จันนา บีช บาร์ ตอนกลางคืนมีสีสันของไฟสลับสีเป็นบาร์ริมชายหาดสวยที่สุดแห่งหนึ่งในหัวหินก็ว่าได้เลยค่ะ ที่นั่งก็สุดชิคประมาณนี้  พอยามค่ำคืนก็จะมีไฟสวยงามค่ะ
มีนักร้องขับกล่อมเพลงฟังสบายๆ พร้อมกับฟังเสียงคลื่น สุดโรแมนติกเลยอันนี้เป็นเมนูซีฟู้ดและบาร์บีคิวค่ะ
เห็นมาตั้งโต๊ะแล้ว กั้ง และกุ้ง ตัวใหญ่ล่อใจซะเหลือเกิน จัดไปเริ่มด้วย Seafood Combination Platter (small set) 900 บาท
ประกอบด้วย กุ้งแชบ๊วย , ปลาหมึก , เนื้อปลา , ปูม้า , กั้ง , หอยแมลงภู่  ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ด
มาพร้อมบาร์บีคิวเนื้ออีก 1 ไม้ 120 บาท
ทุกอย่างสด ใหญ่ จุใจนะคะ กั้งและกุ้งตัวใหญ่ได้ใจมาก ถึงนี่จะเป็นจานไซด์เล็กแต่ปริมาณเยอะอยู่ ทานได้ 3-4 คนเลยทีเดียว Al Janna Pizza พิซซ่าหน้ากระเพราทะเล และชีสมอสซาเรลล่า 450 บาท พิซซ่าแป้งบางกรอบ หน้าชีสสะใจ รสชาติถูกใจกับท้อปปิ้งซีฟู้ดค่ะ  ถาดนี้ก็ทานได้ 3-4 คนเลยค่ะข้าวผัดทะเลหัวหิน  380 บาท อร่อยกลมกล่อม ชอบมากเพราะมีกุ้งสดตัวใหญ่วางมาอลังการ และมีเนื้อปลา และหอยเชลล์ด้วย จานนี้ก็แบ่งกันทานได้ 2-3 คนเลยค่ะปลาทูน่าดิบกับยำมะม่วง 380 บาท รสชาติจัดจ้านกำลังดี ทูน่าสดๆอยู่ใต้มะม่วงค่ะปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ 280 บาท จานนี้ก็อร่อยถูกใจ เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี ซอสเทอริยากิอร่อยเข้มข้นจ้ากั้งผัดพริกไทดำ 550 บาทกั้งสด ผัดพริกไทยดำมาแบบเผ็ดร้อน แต่ทานเพลินมากๆค่ะมาแล้วก็ต้องลองเครื่องดื่มค็อกเทลเก๋ๆ ของเค้าสักหน่อยค่ะ

Arabian Night cocktail  300บาท ส่วนผสมมี Absolut Mandarin, Blue Curacao, Orange Juice, Lime Juice, Syrup ทำให้รสชาติออกมาแนวเปรี้ยว มะนาว สดชื่นค่ะ ถูกใจแก้วนี้ที่สุดเลย
Djinn Cocktail 300 บาทจิน ค็อกเทลสีน้ำเงินที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ยักษ์จินนี่สีน้ำเงินร่างใหญ่ในตะเกียง มีเหล้ามิโดริ พีชบรั่นดี น้ำเชื่อมลิ้นจี่ น้ำสัปปะรด น้ำเชื่อมทับทิม น้ำมะนาว และน้ำเชื่อม อันนี้แนวหวานแบบลึกๆ หอม กลิ่นผลไม้ มีเสน่ห์ไปอีกแบบค่ะ
Sun Flower cocktail 250 บาท เครื่องดื่มที่ออกแบบโดย GM ของโรงแรมเลยค่ะ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากดอกทานตะวันที่แข็งแกร่ง กล้าหาญ สง่างาม แต่ยังแฝงไว้ด้วยความสดใส อ่อนหวาน มี amaretto, rum และน้ำผลไม้นานาชนิด ทั้งส้ม สัปปะรด มะนาว พีช และสตอเบอร์รี่  ทำให้มีรสชาติแนวผลไม้และมีรสส้มนำๆ สดชื่นดื่มง่ายดีค่ะมาดูของหวานกัน ไอศครีมทอดกับผลไม้เชื่อม 250 บาท เป็นไอศกรีมรสช็อคโกแลต เด็กๆ ชอบค่ะข้าวเหนียวมะม่วง 250 บาท (ไซด์เล็ก) ถึงกับอิ่มจุกเลยทีเดียวค่ะก็เป็นร้านอาหารอีกแห่งสำหรับใครมาเที่ยวหัวหินแล้วพักที่มาราเกซ หรือ พักที่อื่นก็ลองเข้ามาทานกันได้ค่ะ บรรยากาศรับลมริมทะเลดีสุดยอดไปเลย  อาหารอร่อย รสชาติดี ราคาถือว่าคุ้มค่าทั้งคุณภาพและปริมาณเลยค่ะ

ที่ มาราเกช หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา เค้ามีห้องอาหาร Al Hamra Restaurant เป็นห้องอาหารนานาชาติที่มีหลากหลายเมนูให้เลือกอร่อย รวมทั้งอาหารสไตล์โมร็อกโก หรือ ในช่วงมื้อเย็นบริการเสิร์ฟอาหารตามสั่งและสไตล์บุฟเฟ่ต์ สามารถเลือกได้ทั้งที่นั่งในร่ม และกลางแจ้งที่สามารถมองเห็นวิวชายหาดและสระว่ายน้ำ และยังมีห้องพาวิลเลียนสำหรับรับประทานอาหารในบรรยากาศส่วนตัวก็ได้ค่ะ สไตล์การตกแต่งก็เก๋สุดๆ เริ่มจาก ชื่อ อัล ฮัมรา มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า มาราเกช ซึ่งแปลว่า “เมืองสีแดง” สะท้อนออกมาผ่านบรรยากาศการตกแต่งของห้องอาหารและรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นผนัง ที่นั่ง พื้น หรือแม้แต่เพดานเป็นกระเบื้องเขียนมือสีสันสดใสทุกชิ้น คนที่ชอบงานอาร์ตก็ไม่ควรพลาดนะคะเนี่ย  มีโอกาสได้มาชิมมื้อกลางวันค่ะ เรามาดูตัวอย่างเมนูกันเลย  มาเริ่มที่เครื่องดื่มแนะนำ ค็อกเทลเก๋ๆ
Marrakesh Dream Cocktail  300 บาทแก้วสีส้ม รสชาติแนวเปรี้ยวหวานลงตัวและสดชื่น ด้วยน้ำสัปปะรด น้ำมะนาว และน้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รี่ ผสมชิ้นแอปเปิ้ล และสัปปะรด
Price of Persia  300 บาท แก้วสีน้ำเงิน ประหนึ่งเจ้าชายจ้าวเสน่ห์แห่งท้องทะเลคาบสมุทรเปอร์เซีย รสชาติเปรี้ยว หอม แบบมีเสน่ห์มากค่ะ ด้วยแอปโซลูทราสเบอร์รี่ เหล้าส้มคอนทรูต์จากฝรั่งเศส เหล้าบลูคูราโซ่ น้ำมะนาว และน้ำเชื่อม ที่ผสมกันได้อย่างลงตัว มาดูอาหารกัน เริ่มด้วย Classic Chef ’s Salad  350 บาท  เป็น poached egg ที่เสิร์ฟมากับผักสลัดสดๆ จากโครงการหลวง และชีส พร้อมน้ำสลัดมาราเกซ ซึ่งมีรสชาติเปรี้ยว และมีกลิ่นของเครื่องเทศอ่อนๆ ทานแล้วสดชื่นและได้ความรู้สึกว่าเรามาถึงมาราเกซ หัวหิน แล้วค่ะDuo of Tuna  350 บาท เป็นทูน่าทาร์ทาร์ และ ทูน่าย่าง เสิร์ฟพร้อมสลัดบัลซัมมิค จานนี้ก็สดชื่นได้สุขภาพ ไขมันต่ำด้วยค่ะ Fish fingers with chips 190 บาท เนื้อปลาชุปเกล็ดขนมปังทอดเสิร์ฟกับเฟรนช์ฟราย เมนูนี้ของเด็กค่ะ ปลากะพงชิ้นใหญ่ หนาๆ สองชิ้นเต็มๆ ทานได้ 2 คนเลยค่ะ  

มาแล้วต้องลองอาหารโมร็อกโกสักหน่อย
Salmon Oasis  680 บาท เลือกแซลมอนเพราะทานง่ายที่สุดแล้วค่ะ เป็นปลาแซลมอนหมักเครื่องเทศย่างกับผักโขมตุ๋น(อยู่ใต้ชิ้นแซลมอน) ได้รสชาติวัตถุดิบแบบ Original ทั้งปลาและผัก พร้อมกลิ่นเครื่องเทศนิดๆ
แน่นอนว่าเสิร์ฟพร้อมข้าวคูสคูสลักษณะเหมือนข้าวที่เป็นโจ๊กน่ะค่ะ ทานง่ายอยู่ค่ะอีกสักจานเป็น Moroccan Chicken Tagine  550 บาท อกไก่ตุ๋นเครื่องเทศสไตล์โมร็อกแคน เสิร์ฟพร้อมข้าวคูสคูสอันนี้ก็ทานไม่ยากค่ะ คล้ายๆ มัสมั่นไก่แต่รสชิตจะไม่จัดเหมือนอาหารไทย  ตัวอกไก่นุ่มอร่อยใช้ได้เลยค่ะ กลับมาที่เมนูอินเตอร์กันอีก Sun Moon Star  1,050 บาท
จานนี้ประกอบด้วย เนื้อสันในแองกัสย่าง, เนื้อลูกแกะอบสมุนไพร, กุ้งลายเสื้ออบ เสิร์ฟพร้อมซอส 3 ชนิดได้แก่ ซีฟู้ด , ซัลซ่า และ เกรวี่ จานนี้เลิศมากค่ะ เนื้อก็หอม นุ่ม  แกะก็อร่อย กุ้งก็สด ใหญ่ สุดยอด อิ่มแล้วจะสั่งของหวาน เจ้าหน้าที่แนะนำว่ามี Afternoon Tea Set  550 บาท พร้อมชา จัดไปค่ะ เซ็ตนี้สำหรับ 2 คน เริ่มจากเสิร์ฟชาร้อนมาพร้อมมะนาว, น้ำผึ้ง และใบมิ้นท์ ใส่กันตามชอบเลย
ส่วนในเซ็ตของว่างมาแล้ว
ประกอบด้วย ป่อเปี๊ยะทอด,คุกกี้, มินิพายแฮม , พายผลไม้, ผลไม้สด , ข้าวเหนียวมะม่วง, ลูกชุป, ช็อคบอล และเค้กมะพร้าว  เซ็ตนี้ก็อลังการ สวยงาม เหมาะกับจิบชายามบ่ายจริงๆค่ะก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับใครที่ไปเที่ยวหัวหินก็แวะเข้าไปทานได้ค่ะ อาหารเค้าคุณภาพ รสชาติดี โดยเฉพาะอาหารอินเตอร์รสชาติถูกใจ ส่วนใครอยากลองอาหารโมร็อกโก ก็ไม่ผิดหวังค่ะ รสชาติดี ทานไม่ยากเลยค่ะ

บ้านกาแฟหัวหิน ย้ายแล้วจ้า!!
หลายคนเคยติดใจเค้กมะพร้าวสุดเนียนนุ่ม หรือเค้กชาไทยหอม ๆ ของร้านบ้านกาแฟหัวหิน แต่เมื่อไปถึงที่ตั้งร้านเดิมบนถนนแนบเคหาสน์ ซอยหัวหิน 51 แล้วกลับไม่พบร้านโปรด ชวนให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้มีคำตอบให้จ้า
ร้านบ้านกาแฟหัวหิน ย้ายหนีความแออัดพลุกพล่านจากที่เดิม ไปอยู่ที่ใหม่ปไฉไลกว่าเก่า ณ อยู่เย็นการ์เด้น ขยับออกมานอกเมืองหัวหินนิดๆ ติดอำเภอชะอำ แถมยังใกล้ชิดติดทะเลหัวหินสวยๆ มีความเงียบสงบ บรรยากาศดี สมกับการเป็นรมณียสถานชายทะเล เหมาะแก่การจิบกาแฟพักผ่อน
การเดินทางก็ง่ายๆ ถ้าออกจากหัวหินวิ่งผ่านอุโมงค์สนามบินแล้วกลับรถ จากนั้นให้ชิดซ้ายทันทีเลี้ยวเข้าซอยที่มีแฟมิลี่มาร์ทตั้งอยู่ สังเกตป้าย “อยู่เย็นการ์เด้น” แล้วขับรถตามป้ายไปเลย แต่ถ้าหากมาจากชะอำก็ง่ายเลย เพียงขับเลยเวเนเซียที่อยู่ฝั่งขวามานิดเดียว โค้งสุดท้ายก่อนเข้าอุโมงค์สนามบิน เลี้ยวเข้าซอยโบทเฮ้าส์ สังเกตป้าย “อยู่เย็นการ์เด้น” แล้วตามป้ายเข้ามาเลย ชายทะเลหัวหินสวยๆ เค้กและกาแฟอร่อยๆ รอคุณอยู่

 

ไปหัวหินที่ไหน ไม่รู้ทำไมถึงต้องไปแวะร้านนี้ตลอด เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ต้องแวะไปทุกที (ฮ่าาา) ข้าวเหนียวมะม่วงที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าข้าวเหนียวมะม่วงร้านป้าเจือ  กินตั้งแต่ตอนราคา กล่องละ 50 บาท ตอนนี้ราคา 80 บาท  ตอนแรกที่ไปกิน อารมณ์แบบไม่ชอบแม่ค้าอย่างแรง หน้าตาดูหงุดหงิดตลอดเวลา(ในใจคิดว่าอยากจะขายไหมเนี่ย?์) นี่ถ้าเพื่อนไม่มาด้วย ป่านนี่เดินออกจากร้านไปแล้ว แต่สรุปว่า เฮ้ยป้าน่ารักมาก ดูแลและใส่ใจทุกรายละเอียดของสินค้ามาก อันไหนไม่ดีป้าแกก็บอกว่าไม่ดี ไม่โอเคก็บอกกันตรงๆ ไม่ยอมขายสินค้าแย่ๆ ให้ลูกค้าไป ชอบตรงนี้จริงๆ นั่นคือความประทับที่ทำให้เวลาอยากกินข้าวเหนียวมะม่วงจะนึกถึงร้านป้าเจือเสมอๆๆ 

ในช่วงเวลาบ่าย แดดจัด ๆ อยากนั่งกิน Seafood จิ้มจิ้ม น้ำรสจัด ในบรรยากาศทะเล
ร้าน Seafood เด่นๆ ที่นึกออกในหัว บริเวณโซนหัวหินก็มีอยู่ไม่กี่ร้าน
วันหยุดเสาร์ อาทิตย์แบบนี้ คนจะเยอะซะด้วยสิ
ครั้น คิดขึ้นมาว่าจะขับรถเลยไปกินที่ ปราณบุรี เลยดีมั้ย
ก็กลัวจะทนความหิวไม่ไหว
ผมเลยขับรถไปหาร้านบริเวณเขาตะเกียบ แล้วก็ไปเจอป้ายบอกทาง
ไปร้านที่ชื่อว่า ครัวบ้านครู
เลยตกลงกับ คนข้าง ๆ ว่าไปดูร้านนี้มั้ย ถ้าคนไม่เยอะ บรรยากาศไม่วุ่นวายมาก
ก็ปักหลักกันร้านนี้ ถ้าดูแล้วไม่ถูกใจ ค่อยมาแวะร้านที่พึ่งจะขับรถผ่านมาเมื่อกี้
น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
และแล้ว ผมก็มาปักหลักฝากท้องไว้ที่ “ครัวบ้านครู”
บรรยากาศ: เป็นร้านอาหาร Seafood ติดชายทะเล อ่าวตะเกียบ ร้านเป็นแบบเปิดโล่ง
ไม่ติดแอร์ สัมผัสและรับลมทะเลได้เต็ม ๆ มีที่จอดรถสะดวกสะบาย
พิกัด: หัวหิน บริเวณเขาตะเกียบ ร้านตั้งอยู่สุดซอยเขาตะเกียบ 5
ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ 77110
เวลาเปิดบริการ: 09:00 – 21.00กุ้งทะเลเผา ราคากิโลละ 1000.- บาท
จานนี้ ครึ่งกิโลราคา 500.- บาท
กุ้งสดดี เปลือกแกะง่าย เนื้อแน่น น้ำจิ้มซีฟู๊ดรสจัดสมใจอยาก
รสชาติน้ำจิ้มถือว่าผ่าน สำหรับคนชอบรสทานน้ำจิ้มรสจัดแบบผมปูทะเลนึ่ง ราคากิโลละ 800.- บาท
จานนี้ ครึ่งกิโลราคา 400.- บาท
ได้ปูมาตัวเล็กกว่าที่คิด แถมเนื้อปูไม่แน่น
ถ้าเทียบกับคนยังกับเป็นปูหุ่นลีนยังงัย ยังงั้น
ราวกับว่าปูสองตัวนี้ ได้ออกกำลังกายมาซะจนเนื้อลีนไปไหนซะหมด
นั่งแทะเนื้อจากกระดูกปู จนมือเลอะไปหมด
รู้สึกไม่เต็มอิ่มในอรรถรสของการกินปู
จนต้องบอกกับตัวเองว่า เดี๋ยวมื้อเย็นไปแวะกินที่คลองโคน อีกที
แก้มือ ที่มื้อนี้กินปูได้ไม่ถึงใจผมเก็บเมนู ราคาอาหารมาให้ทุกคนดูเป็นข้อมูลกันด้วย
ราคาก็ไม่ได้ถูกมากเท่าไหร่ เป็นราคาร้านอาหารทั่วไป
แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพวัตถุดิบในจานปูที่ผมได้ ทำให้รู้สึกว่าแพงไป
ส่วนคุณภาพของจานกุ้ง ผมถือว่าผ่าน แต่ก็ไม่ได้ถึงขึ้นติดใจ
ให้กลับไปทานอีกครั้ง

ร้านที่จะพาไปชิมในวันนี้เป็นร้านกาแฟสวยๆ ที่หัวหินครับ ร้านตั้งอยู่บนชานชาลาสถานีรถไฟหัวหินได้บรรยากาศแบบปริศนามากๆเลยครับ อิอิอิ

สถานีกาแฟ หัวหิน สถานีรถไฟหัวหิน

วิธีการเดินทางมาสถานีรถไฟหัวหินก็เดินทางมาไม่ยากครับ จากเส้นเพชรเกษมผ่านตลาดหัวหิน ผ่านตลาดฉัตรไชย ผ่านร้านกาแฟ Starbucks ที่อยู่กลางเมือง ผ่านหอนาฬิกาแล้วเตรียมตัวชิดขวาไว้ครับ เราจะเลี้ยวขวาตรงแยกซอยหัวหิน 61 ทางไปโรงแรมเซ็นทารา โรงแรมฮิลตั้น และทางลงหาดหัวหิน ครับ สังเกตง่ายๆว่าจะเป็นแยกใหญ่ๆ ทางขวามือตรงแยกเป็นสถานีตำรวจหัวหินครับ พอเลี้ยวขวาไปก็ขับตรงไปเรื่อยๆเลยครับ จะผ่าอนุสรณ์สถานโผน กิ่งเพชร นักมวยชื่อดังในอดีต พอสุดถนนจะเป็นสถานีรถไฟพอดี จะเป็นทางบังคับเลี้ยวซ้าย สามารถจอดรถหน้าสถานีรถไฟได้ครับสถานีกาแฟ หัวหิน จะตั้งอยู่ในชานชาลาสถานี ถ้าเดินเข้ามาจากทางเข้าสถานีก็ต้องผ่านตัวสถานีแล้วไปทางซ้าย (ฝั่งตรงข้ามพลับพลา) ตัวร้านสร้างเป็นร้านชั้นเดียว ยกพื้นสูง มีลักษณะคล้ายๆตัวสถานีครับ ทาสีก็สีเดียวกัน เน้นสีแดงและสีครีม ด้านหน้าเป็นเฉลียงกว้างๆ มีที่นั่ง แต่ถ้าต้องการแอร์เย็นๆให้เปิดประตูเข้าตัวร้านไปเลยครับภายในร้านดูกว้างขวางมาก มีเคาน์เตอร์กาแฟพร้อมกับตู้ขนมยาวตลอดกำแพงด้านหนึ่ง ตรงกลางร้านตั้งโชว์สินค้าที่ระลึกมากมายไปหมดครับ ส่วนโต๊ะที่นั่งในร้านตั้งอยู่รอบๆ ทุกโต๊ะเป็นโต๊ะโซฟาแบบเก่าทำให้เข้ากับบรรยากาศสมัยปริศนามากครับ มีโซฟาที่นั่งติดฝาด้านในของร้านทำคล้ายๆเก้าอี้ในรถไฟด้วยครับคุณชายสั่งชาร้อนมาดื่ม ราคา 50 บาท
ทางร้านใช้ชาลิปตั้นครับ มีให้เลือกหลายกลิ่นทีเดียว เวลายกมาเสิร์ฟก็จะยกมาเสิร์ฟทั้งกาใหญ่ๆเลยครับ เสียอยู่อย่างที่แก้วชาไม่มีหูครับ รินชาร้อนๆใส่แก้วแล้วไม่สามารถกินตอนที่ชายังร้อนๆได้ครับ ไม่สามารถยกแก้วร้อนได้ ต้องรอให้ชาเย็นลงหน่อยครับ แต่แก้วสวยดีนะครับ ถ้ามีหูซะหน่อยจะดีกว่านี้มากครับผมสั่งกาแฟลาเต้เย็น  ราคา  60 บาท

กาแฟเข้มข้นใช้ได้ครับ ชงมาเป็นแบบลาเต้หวานมันดีครับ แต่กินๆไปกลิ่นกับรสกาแฟมันเริ่มเปลี่ยนครับ คือรสกาแฟมันจะออกเปรี้ยวมากขึ้น เข้มมากขึ้นครับ เลยไม่ค่อยถูกปากซะอย่างนั้น

สั่งขนมมาทาน 2 อย่างครับ อย่างแรกเป็นมาการอง ราคาชิ้นละ 39 บาท (3 ชิ้น 100 บาท)
มาการองไม่ใช่ขนมโปรดของผมอยู่แล้วครับ (ถึงแม้จะชอบดื่มชา) ผมว่ามันมีรสหวานมากเกินไปครับ ไม่ได้ถามมาด้วยว่าเป็นมาการองรสอะไรบ้าง เลือกที่สีอย่างเดียวเลย ฮ่าๆๆๆ อันนี้ขอผ่านคอมเม้นท์นะครับ เพราะว่าถ้าไม่ชอบเสียแล้วก็คงคอมเม้นท์ให้ดูดีไม่ได้ครับขนมอีกอย่างที่สั่งมาคือ เค้กกาแฟเจนัวร์ ราคา 115 บาท
เป็นเค้กกาแฟสลับกับครีมกาแฟ โรยหน้าด้วยอัลมอนด์พาลีน เสียดายที่ตู้แช่เค้กคงจะเย็นมากไปหน่อยครับ เค้กก็เลยแข็งไปนิด แข็งทั้งครีม แข็งทั้งตัวเค้ก เลยไม่รู้เลยว่ารสชาติจริงๆของตัวเค้ก ของครีมเป็นยังไงนะครับ ตั้งทิ้งไว้สักครู่ตัวครีมก็คลายตัว แต่เนื้อเค้กยังเย็นอยู่มากครับสถานีกาแฟ หัวหิน เป็นร้านกาแฟน่านั่งอีกร้านหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการไปเที่ยวชมสถานีรถไฟหัวหิน หรือถ้าอยากจะไปทานกาแฟอย่างเดียวก็ได้นะครับ บรรยากาศน่านั่งชิล ชิล รอชมรถไฟที่วิ่งเข้ามาที่ชานชาลา ได้บรรยากาศแบบปริศนาดีจังครับ

ร้านที่ชวนไปชิมในวันนี้เป็นร้านอาหารจานเดียวที่มีชื่อเสียงของหัวหินครับ ตอนแรกๆก็หาร้านไม่เจอครับ ใช้เวลาในการไปหัวหินแล้วตามหาร้านนี้มาหลายครั้ง แล้วจู่ๆก็เจอร้านนี้ตอนที่จะไปกินเค้กที่ร้านบ้านใกล้วัง ..... ฮ่าๆๆๆ พอไปเที่ยวหัวหินครั้งต่อไปจึงจัดร้านนี้ไว้ในอันดับแรกๆที่จะไปกินเลยครับ

ก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูเจ๊เซี๊ยม ถนนแนบเคหาสน์ หัวหิน

ร้านก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูเจ๊เซี๊ยม หาไม่ยากครับ แต่ต้องตั้งใจหานิดนึง ถ้ามาจากกรุงเทพฯ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยหัวหิน 55 (ถนนชมสินธุ์) หรือสี่แยกจี้อันตึ๊งกลางเมืองหัวหิน พอเข้ามาในซอยหัวหิน 55 แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนแนบเคหาสน์ที่สี่แยกแรก วิ่งตรงไปเรื่อยๆ ผ่านอาคารนาวีภิรมย์ทางซ้ายมือ พุทธรักษารีสอร์ท ร้านบ้านถั่วเย็น ส้มตำตกถนน จะเจอสี่แยก ให้วิ่งตรงต่อไป ผ่านร้านอยู่เย็น ให้สังเกตร้านแสงไทยซีฟู๊ดทางซ้ายมือครับ พอเห็นป้ายร้านแสงไทยซีฟู๊ดให้หาที่จอดรถได้เลยครับ ร้านก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูเจ๊เซี๊ยมอยู่ด้านซ้ายมือติดกับร้านแสงไทยซีฟู๊ด ก่อนถึงร้านลุงบังหัวปลาหม้อไฟ ร้านสถานีหัวหิน และร้าน Eighteen Below อยู่เยื้องกับร้านเค้กบ้านใกล้วัง และร้านอิสระครับ

ลักษณะร้านเป็นอาหารโครงเหล็กแบบถาวร โล่งๆ โปร่ง พี้นเทปูนแล้วขัด ทาสีอย่างดี ภายในร้านสะอาดสะอ้าน มีโต๊ะนั่งจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเกือบๆ 20 กว่าโต๊ะ ด้านหน้าเป็นเค้าน์เตอร์ปรุงก๋วยเตี๋ยวยางเกือบๆตลอดหน้าร้าน มีป้ายชื่อร้านชัดเจน (แล้วทำไมมาตั้งหลายครั้งถึงหาไม่เจอว๊า อิอิอิ) กลิ่นน้ำซุปหอมเตะจมูกตั้งแต่ตอนที่เราเข้ามานั่งในร้านแล้วครับ เล่นเอาพยาธิในท้องตื่นขึ้นมาร้องกันกระจองอแง

เมนูร้านก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูเจ๊เซี๊ยมมีทั้งที่อยู่บนโต๊ะ แต่ถ้าใครอยากอ่านเมนูแผ่นใหญ่ๆ เค้าก็มีติดเอาในร้านเป็นระยะๆ ครับ

ของทานเล่นที่เราสั่งมาทานระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวซึ่งไม่ช้าเลยคือ ทอดมันปลาอินทรีย์ ราคา 30 บาท


เนื้อทอดมันเหนียวหนับในระดับหนึ่งครับ ไม่เหนียวมาก ไม่ทราบว่าเป็นธรรมชาติของเนื้อปลาอินทรีย์หรือเปล่า เครื่องแกงที่ผสมก็เผ็ดกำลังดี มีกลิ่นหอม 1 จาน 30 บาท มีทอดมันชิ้นพอดีๆคำ 15 ชิ้น ตกลิ้นละ 2 บาท คำณวนดูแล้วก็สมราคาดีครับ เมนูนี้ให้ผ่านแบบสวยๆเลยครับ .... ที่ไม่พูดถึงน้ำจิ้มเพราะว่าน้ำจิ้มเค้าธรรมดามากๆครับขอพูดถึงก๋วยเตี๋ยวแบบรวมๆนะครับ เพราะเราสั่งแต่ของขึ้นชื่อของร้านก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูเจ๊เซี๊ยมซึ่งก็คือก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมู เพียงแค่ว่าต่างกันที่เส้นก๋วยเตี๋ยวเท่านั้นครับ (ก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูตุ๋นเห็ดหอมชามละ 40 บาท เราสั่งเส้นบะหมี่ เส้นหมี่ และเกาเหลา)น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหอมมากครับ แล้วก็มีรสชาติเค็มๆ หวานๆ กำลังดี ถ้าใครไม่ชอบกินรสอื่นๆเช่น เปรี้ยว เผ็ด ไม่ชอบกินรสจัด หรือถ้าไม่ชอบปรุงก๋วยเตี๋ยว (เหมือนผม) รับรองได้เลยครับว่าก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูเจ๊เซี๊ยมรสอร่อย กำลังดี กำลังกินเลยทีเดียวครับส่วนเครื่องก๋วยเตี๋ยวก็ให้มาเยอะทีเดียวครับทั้งกระดูกหมูอ่อนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำที่เคี่ยวให้เปื่อยรสดี ไม่ต้องลำบากคายกระดูกเลยครับ เพราะทางร้านเค้าเลือกกระดูกหมูแก้วอย่างดีเอามาทำกระดูกหมูตุ๋น เป็นเนื้อติดกระดูกอ่อนๆเคี้ยวกร้วมๆไปได้เลยครับ ขนาดคุณชายผู้ซึ่งไม่ชอบเคี้ยวกระดูกหมูยังสามารถกินได้โดยไม่คายกระดูกเลยครับ นอกจากกระดูกหมูตุ๋นที่ให้มาอย่างเต็มที่ก็ยังมีเห็ดหอมอย่างดีดอกหนาๆ ใหญ่ๆ หั่นใส่มาจานละ 3-4 ชิ้นๆ เคี้ยวเห็ดหอมหนึบหนับๆ แล้วยังมีลูกชิ้นหมูอย่างดีใส่มาเป็นเครื่องก๋วยเตี๋ยวอีกด้วยนะครับร้านก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูเจ๊เซี๊ยม ถนนแนบเคหาสน์ หัวหิน เป็นร้านอาหารจานเดียวแบบด่วนๆ ที่คู่ควรกับการได้มาชิมมากครับ ด้วยความหอมจากน้ำซุป กระดูกหมูตุ๋นที่เปื่อยได้ที ที่สำคัญคือปริมาณไม่ขี้ริ้วเลยครับ รับรองว่าถ้าผ่านมาแถวนี้อีกต้องแวะ (รองท้อง) แน่ๆครับ

ร้านย้ายมาอยู่ตรงนี้แทนที่เดิม เน้นขายอาหารทะเล ราคาไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ของหัวหิน

ส้มตำปูม้า รสดีพอควรแต่ยังไม่เป๊ะ ชอบที่มีมะม่วงหิมพานต์ด้วย

หอยนางรมสดโอ แต่เราไม่ได้กินแบบทรงเครื่อง กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดซึ่งน้ำจิ้มใช้ได้ค่ะ อร่อย

ปลากระพงทอดน้ำปลาอร่อย ให้น้ำปลามาเยอะดี แม้จะทอดมาดำไปหน่อย

ต้มยำทะเล โดดมาแต่รสน้ำพริกเผา รสอย่างอื่นไม่มาเลย ร้านนี้ทำพวกน้ำๆ ไม่อร่อยนะเราว่า

ปลาหมึกไข่ย่าง ชอบที่เคยกินแบบย่างแห้งๆ กว่านี้มากกว่า รอบนี้แฉะไปหน่อย

ปลาหมึกผัดไข่เค็ม รสออกแปลกๆ ไม่ชอบรสแบบนี้

มาถึงหัวหินก็ต้องแวะไปร้านนี้ซิ

ร้าน บ้านใกล้วัง

ทีร้านอยู่ถนนแนบเคหาส์ เข้าซอยหัวหิน 51 เจอสี่แยกก็เลี้ยวซ้ายได้เลยคะ
แถวนั้นมีร้านเพียบเลย

ร้านมีเค้กหลายเมนูให้เลือกคะ ทั้งอาหารคาวก็มี
แต่เราไป ก็ต้องมีอีกมื้อใหญ่ที่รอไปกินอยู่ก็เลย กินแบบเบาเบา พอ

เลยสั่งเป็นเค้กดังสุดของเขา เค้กมะพร้าว มะพร้าวอ่อนมาก ชอบคะ มันหอมมะพร้าวดีส่วนเครื่องดื่มเป็น มอคค่า แก้วนี้ก็ธรรมดาคะ กาแฟเฉยๆๆๆบรรยากาศร้านดีมากเลยคะ ถ้ามีโอกาสก็แวะไปได้นะคะ

หลังจากเที่ยวเล่นในหัวหินก็มาแวะซื้อ ข้าวเหนียวมะม่วงกลับบ้านกันคะ
ไปหัวหินทุกครั้งก็แวะซื้อจากร้านนี้ทุกทีคะ

ร้าน แม่นงนุช (มีชัย)

ร้านตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมเลยคะ ตรงข้ามตลาดฉัตรไชย ก็จะเยื้องเยื้องกับตลาดโต้รุ่งหัวหินคะ

ที่ร้านมีขายหลายอย่าง เลยคะ ทั้งข้าวเหนียวมะม่วง หมี่กรอบ หม้อแกง หรือจะเป็นวุ้น มีให้เลือกเพียบส่วนที่ดังที่สุดก็เป็นข้าวเหนียวมะม่วง เราก็เลือกได้ว่าจะแบบ กินเลย หรือว่า จะเอากลับบ้านนะคะ
กินเลยเขาก็จะปอกมะม่วงให้เลยคะ ชุดนึงก็ 60 B

ส่วนเราวันนี้เอาไปเป็นของฝากคะ ชุดนึงก็ 100 บาท ก็จะได้ข้าวเหนียว กับมะม่วง 1 ลูก ใน แบบ อิ่มมากกำลังดีเลยคะข้าวเหนียวเขาสามารถอยู่นอกตู้เย็นได้ 2-3 วันเลยให้แช่แต่กะทิคะ ข้าวเหนียวนิ่มดีคะ
หอมใบเตยด้วย มะม่วงที่เราได้มาก็เปรี้ยวหวานกำลังดี เข้ากับข้าวเหนียวเลยอย่างอื่นเขาก็มีนะคะ ที่เราชอบมากมากอีกอย่าง เป็นขนมเทียน เขาขายเป็นชุด ชุดละ 100บาท
เป็นไส้เค็มคะ แป้งมันนุ่มมาก ไส้ก็ทะลักเลย ชอบขนมเทียนร้านนี้มากข้าวเหนียวตัดถั่วดำ กะทิเพียบเลย กินแล้วอลังการมาก ขนมเขาจะไม่หวานมาก แต่จะเค็ม มันๆ หอมกะทิคะ
ชอบอันสุดท้ายแม่เราชอบ คะ เป็น ขมหม้อแกงฟักทอง เผือก ขนมหม้อแกงเขาจะแข๊งกว่า ที่กันตามเมืองเพชร
อันนี้เฉยๆ เราชอบแบบหม้อแกงแบบเด้งเด้ง นิ่มนิ่มมากว่าขอโทษด้วยคะรูปประกอบแบบ กินไปแล้วบ้างอะไรบ้าง บางทีถ่ายไม่ทันกินเลย

ความเห็นนะคะ
เป็นร้านของฝากที่เอาติดไม้ติดมือมาได้หลายเมนูเลยคะ

เมื่อคราวไปเที่ยวหัวหินคราวก่อน มีโอกาสได้แวะร้านส้มตำถนนตกเพราะเพื่อนพาไป
พอดีเราไม่เชี่ยวร้านอาหารแถวหัวหินเท่าไหร่ ก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวอ่ะนะ
ส่วนเพื่อนเราไปบ่อย เพื่อนบอกว่าร้านนี้ดัง อ้าวดังก็จัดไปแถมเป็นร้านส้มตำซะด้วยไม่เกี่ยงอยู่แล้วเมนูมาเลือกกันเลยจ้า ส้มตำราคาเริ่มต้นที่ 30 บ.ไม่แพงเท่าไหร่
แต่พวกลาบ น้ำตก ยำ และต้มแซ่บ ราคาจานละ 60 บ. เราว่าแพงอยู่เหมือนกัน
เครื่องดื่มมีน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมเราไปกัน 4 คนก็จัดขนมจีนมา 2 ข้าวเหนียว 2 สั่งไก่ทอด กับคอหมูย่างไป
ไก่ทอดอมน้ำมันไปหน่อย แต่กรอบดี ไก่อร่อยดีน้ำจิ้มไม่ต้องกินเปล่า ๆ ได้เลย
ส่วนคอหมูย่างก็มันไม่เยอะ หมักหมูมาอร่อยดี ไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มอีกเช่นเคยยำมาม่าเส้นอืดและบานไปหน่อยยำปลาหมึกรสชาติจี๊ดจ๊าดพอประมาณจริง ๆ อยากกินลาบปลาหมึก
แต่พอดีเพื่อนสั่งลาบปลาดุกไปแล้วเลยเปลี่ยนเป็นยำแทน
น้ำตกหมู เป็นหมูติดมันนิด ๆ รสชาติมีทั้งเปรี้ยว เค็ม เผ็ดตำแตงปูปลาร้า แซ่บ ๆ ร้านนี้เค้าใส่พริกแห้งด้วย เผ็ดมากส้มตำปูปลาร้ารสแซ่บ แต่กลิ่นปลาร้าแรงไปหน่อย แอบชอบรสชาติส้มตำแถวที่ทำงานมากกว่าลาบปลาดุกร้านนี้ทำมาแห้ง ๆ ไม่แฉะ ก็โอเคดีนะเผ็ดด้วยโดยภาพรวมแล้วร้านนี้ก็โอเคนะ ไปหัวหินอีก ไปซ้ำอีกก็ได้อยู่
แต่ถ้าไปกินหน้าร้อนเพื่อน ๆ ก็เตรียมหมวกเตรียมพัดและแว่นกันแดดไปด้วยนะคะ
เพราะโต๊ะนั่งเป็นแบบกลางแจ้ง ร่มก็เอาไม่อยู่ค่ะ ทั้งอากาศร้อน และแดดส่องหน้า
ยิ่งมาเจออาหารรสจัดอีกด้วย เหงื่อท่วมตัวจ้า

มาหัวหินคราวนี้เพื่อนขอแวะร้านบ้านใกล้วังอีกแล้ว
ได้แวะเกือบทุกครั้งที่มาเลยแฮะ แต่บรรยากาศร้านดีไม่เป็นไรแวะได้จ้า
มาคราวนี้ไม่ได้สั่งเค้กมะพร้าวแล้วนะคะ อยากลองเมนูอื่นดูบ้าง
เพื่อนชอบเค้กส้มก็เลยจัดมา 1 ชิ้น ดูเนื้อแล้วน่าจะเป็นสปันจ์
ทานคู่กับซอสส้มรสอมเปรี้ยวอมหวานก็เข้ากันดีค่ะ แต่เราชอบเค้กชิฟฟ่อนมากกว่านะ ชิ้นนี้ 80 บ.ค่ะอีกชิ้นเป็นไอศครีมโรล 90 บ. ด้านนอกเป็นโรลเค้กรสช็อคโกแลต ด้านในเป็นไอศครีม
ราดด้วยซอสช็อคโกแลตอีกที ตัวไอศครีมก็ถือว่าใช้ได้แต่เค้กแข็งไปหน่อย ก็แน่อยู่แล้วแช่ช่องฟรีซเนื้อเลยกระด้างเราสั่งกาแฟเย็น 1 แก้ว หวานไปหน่อย ราคา 75 บ.เพื่อนเราสั่งเอสเปรโซ่เย็น 75 บ.เช่นกัน หน้าตาเหมือนโอเลี้ยงเลยเนอะเครื่องดื่มเฉย ๆ ค่ะ ขนมพอได้แต่ไม่ถึงกับเริ่ดอะไร มาร้านนี้ยังแนะนำเค้กมะพร้าวเหมือนเดิมค่ะ เมนูอื่นธรรมดา ๆ จ้า

ไปหัวหินมาครั้งล่าสุด (คือจำไม่ได้ว่าไปมาเมื่อไหร่ เลยเลี่ยงมาเขียนแบบนี้ อิอิอิ) เกิดหมดมุขเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากไปหัวหินบ่อยมาก เที่ยวมาหมดแล้วทุกที่ในหัวหิน ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนอีกดี ก็เลยจะหนักเรื่องที่กิน อิอิ จำได้ว่าหลังจากไปเที่ยวหว้ากอ คลองวาฬ มาเสร็จ ลับมาถึงหัวหินตอนบ่ายแก่ๆ ก็วนๆ เวียนๆ อยู่ในหัวหิน กะว่ากินข้าวเย็นเสร็จค่อยเข้าโรงแรมทีเดียวเลย แต่มันยังเหลือเวลาอีกตั้ง 3-4 ชั่วโมงกว่าจะเป็นเวลาอาหารเย็น คุณชายเลยออกไอเดียวว่าไปหลบร้อนกิน Afternoon Tea ที่ไหนซักที่ดีมั๊ย คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของ navigator ในการหาโรงแรมที่เสิร์ฟ Afternoon Tea ซิครับ พอดีก่อนไปหัวหินเห็นแว๊บๆว่าที่ Merrakesh มี Afternoon Tea ด้วย ก็เลยโทรไปจองที่ครับ

Afternoon Tea – Al hamra – The Merrakesh หัวหิน

โรงแรม The Merrakesh หัวหิน อยู่บนถนนเพชรเกษมขาลงใต้เลยคับ อยู่ค่อนไปทางเขาตะเกียบ เลย The Village ทางขวามือมา อยู่เลยโรงแรม Minitel โรงแรมรอยัลปรินเซส ไปครับ สังเกตง่ายๆเป้นอาคารสีแดงอิฐสไตล์แขกครับ

ห้อง Al hamra อยู่ในส่วนของโรงแรมครับ จะต้องเดินจากที่จอดรถผ่านส่วนของ Serviced apartment ซึ่งอยู่ติดถนนเข้าไปลึกพอสมควร แต่ไม่ต้องผ่านล็อบบี้ของโรงแรมนะครับ เพราะห้อง Al hamra อยู่บริเวณสระน้ำ ซึ่งเดินผ่านสวนด้านข้างไปได้เลยครับ ห้อง Al hamra อยู่ติดริมสระน้ำต่อไปถึงริมทะเลครับห้อง Al hamra มีที่นั่งทั้งในส่วนภายในและภายนอก แต่ตอนเย็นๆ แดดร่มลมตกอย่างนี้คนมักจะเลือกมานั่งริมสระน้ำมากกว่าที่จะไปนั่งด้านในห้องแอร์ครับ และเนื่องจากโรงแรมมีการตกแต่งเป็นสไตล์โมรอคโคห้อง Al hamra ก็ได้รับการตกแต่งสไตล์โมรอคโคไปด้วยครับ ผมว่าการตกแต่งภายในดูจะเป็นโมรอคโคมากกว่าภายนอกนะครับ เสียดายที่ตอนบ่ายแก่ๆอย่างนี้บรรยากาศด้านนอกดีกว่ามากๆครับ ก็เลยเลือกนั่งด้านนอกครับ ส่วนการตกแต่งด้านนอกก็เป็นสไตล์โมรอคกันนิดๆ โดยมีการกางเต้นท์สีแดง พร้อมทั้งโซฟาสีเดียวกันแต่ว่าหลายเฉดสีไว้ต้อนรับครับAfternoon tea ที่ ห้อง Al hamra โรงแรม The Merrakesh นี่เด่นที่ชาครับ จะเป็นชาแบบโมรอคกัน คือเป็นชาเข้มๆ แล้วมีน้ำผึ้ง มะนาวฝานบางๆ น้ำตาล และใบสะระแหน่ให้ใส่เพิ่ม ในทะเลทรายมีอากาศร้อนมากๆ คนที่อาศัยอยู่ในแถบนั้นนิยมจิบชาที่มีรสหวานมากๆ เพื่อแก้กระหายน้ำ จึงได้มีน้ำผึ้ง และน้ำตาลเสิร์ฟมาด้วย ส่วนมะนาวกับใบสะระแหน่จะช่วยเรื่องกลิ่นของชา และเพิ่มความสดชื่นเวลาทานชาด้วยผมไม่รู้ว่าเค้าใช้ชาอะไรนะครับ แต่ก็ไม่ไดเข้มมากอย่างที่คิดเอาไว้ แต่พอไปๆซักพักชาก็จะเข้มขึ้นนิดนึงจะรู้สึกเฝื่อนๆที่ปลายลิ้นครับ แต่ก็มีน้ำผึ้ง น้ำตาล มะนาวฝาน และใบสะระแหน่ช่วยทำให้ชารสดีขึ้นครับ

ส่วนขนมรสชาติมาตรฐานครับ ไม่ได้มีอะไรอร่อยเป็นพิเศษ แต่ผมว่าจะจะมีขนมแนวๆโมรอคกัน หรือขนมแบบแขกๆซักนิดจะช่วยให้ได้บรรยากาศมากกว่านี้เยอะเลยครับ ขนมที่เสิร์ฟมาใน Afternoon tea set ค่อนข้าง “จับฉ่าย” ครับ มีทั้งของคาว ของหวาน ขนมแบบ fusion และขนมที่ไม่น่าเสิร์ฟพร้อมกับชาในโรงแรม – คุกกี้ธรรมดาๆ

มาถึงร้านอาหารอีกร้านในทริปหัวหิน (ครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้) ที่เพิ่งไปมาล่าสุดครับ ร้านนี้ถือว่าอยู่ไกลรัศมีการทำการเมื่อไปเที่ยวหัวหินหน่อยนะครับ เป็นเพราะไปเที่ยวหัวหินบ่อยมากๆ สถานที่ท่องเที่ยวในหัวหินก็ไปมาจนหมด ก็เลยหมดมุขไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี ไอ้จะให้นั่งๆ นอนๆอยู่ในโรงแรมแรมกับระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ก็ดูเหมือนจะโหดไปนะครับ คุณชายเลยออกไอเดียว่าจะพาไปเที่ยว “หว้ากอ” ซึ่งอยู่เลยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปอีกครับ ไปเที่ยวกันตั้งแต่เช้าเสร็จจากหว้ากอก็เลยมาทานข้าวแถวๆคลองวาฬ เพราะดูจากในแผนที่ตอนที่วางแผนไปเที่ยวแล้วเห็นว่าอยู่ไม่ไกลกัน และหาข้อมูลมาจากคนที่เคยไปเที่ยวคลองวาฬมาแล้วเค้าว่ากันว่าอาหารทะเล สด อร่อย ถูก ครับ

ครัวฟ้าทะลายโจร คลองวาฬ ประจวบคีรีขันธ์

ถ้ามาจากหว้ากอแล้วจะมาง่ายมากๆครับ เพราะจะมีถนนเส้นข้างๆหว้ากอวิ่งย้อนกลับมาทางประจวบฯตรงมาจนถึงใจกลางอำเภอคลองวาฬเลยครับ เลยตลาดสดคลองวาฬมานิดเดียวก็จะเป็นสะพานปลา (เก่า) ของอำเภอคลองวาฬ ให้เลี้ยวขวาเข้าไป ชายทะเลตรงนั้นจะเป้นลานปูนกว้างๆเป็นที่จอดรถสำหรับร้านอาหารแถวๆนั้นที่มีอยู่หลายๆร้านครับ

ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจมาร้านครัวฟ้าทะลายโจรนะครับ เราตั้งใจไปร้านหลบมุม เพราะบรรยากาศแบบบ้านๆกว่าครับ แต่หาร้านหลบมุมไม่เจอ (กลับมาแล้วถึงได้รู้ว่าร้านหลบมุมเค้าย้ายร้านสาขา 1 ไปอยู่แถวๆสะพานปลาใหม่) แต่ว่ามาเจอร้านครัวฟ้าทะลายโจร แล้วในโพยในมือก็บอกเอาไว้ว่าเป็นร้านชื่อดังของคลองวาฬครับ ก็เลยตัดสินใจทิ่มรถจอดหน้าร้านนี้เลยครับ เพราะตอนนั้นเวลาก็เลยอาหารเที่ยงมาพอสมควรแล้ว

ครัวฟ้าทะลายโจร เป็นร้านอาหาร / รีสอร์ทที่มีชื่อเสียงของอำเภอคลองวาฬครับ ตัวร้านอาหารอยู่ที่ชั้นล่วงของอาคารตึกแถว 3-4 ชั้น ชั้นบนๆก็จะเป็นห้องพัก (ซึ่งมีคนบอกว่าสวย สะอาดทีเดียว) ตัวร้านเป้นร้านแบบเปิดโล่งครับ มีลมจากชายทะเลพัดมาตลอดเวลาทำให้ไม่รุ้สึกร้อนเลยถึงแม่เราจะเลือกนั่งโต๊ะในสุดของร้านก็ยังมีลม (แรงๆ) พัดมาตลอด น่าเอาหมอนนุ่มๆมากอดซักใบ ... รับรองว่าหลับยาวแน่ๆ อิอิ

โต๊ะที่วิวดีที่สุดเห็นจะเป็นโต๊ะในสวนเล็กๆที่อยู่ด้านหน้าสุดของร้านครับ เป็นโต๊ะที่อยู่นอกอาคาร ใกล้ทะเลที่สุด แต่อย่างที่บอกไปตอนต้นทะเลแถวนี้ลงเล่นน้ำไม่ได้ครับ เพราะเค้าเทปูน กั้นเป็นเขื่อนเพื่อทำอุตสาหกรรมประมง แต่บรรยากาศก็ยังดีมากๆ เพราะยังได้ยินเสียงคลื่นซัดเขื่อนปูนชัดเจน กินข้าวเคล้าเสียงคลื่นนี่มันช่างน่า “อภิรมย์” ยิ่งนักบริเวณโต๊ะที่เรานั่งก็เต็มไปด้วยใบประกาศ และรูปดาราที่เคยมาชิมร้านนี้เต็มไปหมด (แอบสังเกตว่า เป็นรูปซ้ำซะเยอะ อิอิอิ) พอนั่งโต๊ะก็กางเมนู แต่ก็กางไปอย่างนั้นแหละครับ เพราะทำการบ้านมาดี มีเมนูที่ใครหลายๆคนที่เคยมาชิมที่ร้านนี้แนะนำอยู่ในใจไว้แล้วครับเมนูแรก เขียวหวานทะเลแห้ง

เมนูนี้เป็นเมนูเก่าแก่ตั้งเดิมที่เป็นหน้าเป็นตาของร้านครัวฟ้าทะลายโจรมาตั้งแต่เริ่มเปิดบริการ มาเสิร์ฟอย่างอลังการงานสร้างเชียวครับ เอาเรื่องลักษณะของเมนูก่อนนะครับ เมนูนี้เป็นเครื่องทะเลเอามาผัดแบบแห้งๆกับน้ำพริกแกงเขียวหวานใส่นมข้นจืดเล็กน้อย ใส่มะเขือเปราะ ยอดมะพร้าวอ่อน พริกอ่อน โหระพา เหมือนกับเครื่องทะเลผัดน้ำพริกแกงเขียวหวานทั่วไป แต่ที่พิเศษก็คือเค้าจะเสิร์ฟมาบนไข่เจียวกลมๆ ใหญ่ๆ รสชาติของจานนี้ออกรสเผ็ดๆเลยนะครับ แต่เป็นรสเผ็ดที่ละมุนลิ้นมากๆ ไม่ได้เผ็ดแสบลิ้นอย่างยำ หรือน้ำตกรสจัดๆ กินคำแรกยังไม่เท่าไหร่ครับ ได้รสเผ็ดนิดๆ แต่พอกินต่อๆไปหลายๆคำถึงได้รู้สึกว่าเมนูนี้ถึงรู้สึกว่ารสจัดจริงๆ ดีที่ว่ามีนมข้นจืดกับไข่เจียวมาช่วยความเผ็ดเอาไว้ได้นิดนึงครับ

เมนูนี้มี “แต่” ครับ ครือว่าเครื่องทะเลที่ให้มามันช่างน้อยซะเหลือเกิน น้อยถึงน้อยมากที่สุด ที่นับได้ก็คือกุ้งตัวขนาดปกติทั่วไป 2 ตัว กับปลาหมึกไม่กี่ชิ้น มีเนื้อปลาชิ้นน้อยๆ แบบที่เรียกได้ว่า “ถ้าไม่สังเกตุคงไม่เห็น” มาอีก 1 ชิ้น เอิ่ม .... ที่นี่มันคลองวาฬไม่ใช่เหรอครับ เค้าว่ากันว่ากุ้ง หอย ปู ปลา สด ถูก มากๆ ทำไมจานนี้ถึงได้แห้งแล้งเครื่องทะเลแบบนี้ครับ แล้วยิ่งเป็นเมนูแนะนำเก่าแก่ที่เป็นหน้าเป็นตาของร้านด้วย แขกไปใครมาก็สั่งเมนูนี้กันทั้งนั้น .... ยืนนิ่งไว้อาลัยให้เขียวหวานทะเลแห้งแห่งร้านครัวฟ้าทะลายโจร 3 วินาทีครับเมนูที่สอง ปูนิ่มทอดกระเทียม


ปูนิ่มในเมนูนี้ถูกทอดมาอย่างกรอบเกรียวทีเดียวครับ แล้วก็ยังมีกระเทียมกรอบๆ ใส่มาอีกเยอะเชียว เพิ่มรสชาติให้กับปูนิ่มได้อีกเยอะเลยครับ ทานกับซอสพริกนะครับ ข้าวร้อนๆจานเดียวไม่พอเลยครับ เสียดายที่เมนูนี้ผ่านเกณฑ์ความอร่อยแค่มาตรฐานเท่านั้นครับเมนูที่สาม กุ้งผัดพริกเกลือ



เมนูนี้ใช้กุ้งทั้งตัวที่ตัดกรีออกแล้วจึงอร่อยได้โดยไม่ต้องกังวลว่ากรีกุ้งจะตำปากนะครับ แล้วเอาไปชุบแป้งบางๆ ทอดจนกรอบไปทั้งตัว สามารถกินได้ทั้งเปลือกทีเดียวครับ พอทอดเสร็จก็เอามาผัดกับพริกชีฟ้าสับละเอียด ปรุงรสให้เผ็ดๆเค็มๆ มีกลิ่นหอม เมนูนี้สามารถกู้หน้าเมนู “เขียวหวานทะเลแห้ง” ได้ดีเยี่ยมเชียวครับ สำหรับเมนูนี้ต้องร้องหาข้าวสวยร้อนๆเป็นจานที่สองครับเมนูที่สี่ ยอดมะพร้าวผัดกุ้ง



ตอนที่น้องเค้ายกมาเสิร์ฟนี่แทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นยอดมะพร้าวครับ แต่พอได้ชิมแล้วก็แน่ใจว่าเป็นยอดมะพร้าวจริงๆ แต่ว่าเป็นตรงส่วนใบมั๊งครับ ถึงได้เป็นเส้นๆบางๆ ไม่ได้เป็นท่อนๆกรุบๆกรอบๆ .... เอ .... ปกติไม่เคยกินตรงส่วนใบนะครับ เวลาไปซื้อที่ตลาดก็ไม่เคยเห็นเค้าขายส่วนใบด้วย ... หรือว่าจะหายาก .... ฮ่าๆๆๆ แต่รสชาติของผัดจานนี้โอเคเลยนะครับ หวานๆ มันๆ เค็มๆ ถือเป็นเมนูแก้เผ็ดได้ดีทีเดียวเมนูสุดท้ายยกให้เป็นเมนูแนะนำของร้านครัวฟ้าทะลายโจรเลยครับ แกงเหลืองปลากะพง


เป็นแกงเหลืองที่ใส่ผักมามากมายหลายอย่างต่างจากแกงเหลืองทั่วๆไป แต่รสชาติของแกงเหลืองหม้อนี้เด็ดมากๆครับ เผ็ดนำหน้า มีเปรี้ยวๆ เค็มๆ ตามมา แล้วมีรสหวานๆน้อยๆ คงหวานผักและเนื้อปลากระพงที่ใส่มานั่นแหละครับ น้ำแกงเค้าค่อนข้างข้นทำให้เมื่อชิมตอนแรกเมื่อผักยังไม่สุกรสค่อนข้างจัดครับ เมื่อผักต่างสุกแล้วจะคายน้ำในตัวออกมารสชาติของแกงจึงอ่อนลงนิดเดียวครับ สำหรับคนที่ชอบรสจัดๆ ทานเปล่าๆนี่ถือว่าเป็นโรคซาดิสเล็กๆครับ เพราน้ำแกงทั้งเผ็ดทั้งร้อน แต่มันหยุดกินไม่ได้คราบ อิอิอิอิสำหรับร้านครัวฟ้าทะลายโจรนี้ผมถือว่ารสชาติมาตรฐานนะครับ บางเมนูอาจจะตกมาตรฐานในเรื่องส่วนประกอบไปบ้าง แต่ถ้าพูดถึงรสชาติแล้วใช้ได้ครับ ถ้ามาคลองวาฬแล้วยังไม่รู้ว่าจะไปกินข้าวที่ไหน ก็แวะมาได้ที่ครัวฟ้าทะลายโจรนะครับ