การรู้จักเลือกรับประทานอาหารเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วนหรือต้องการควบคุมน้ำหนัก ของหวานเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยงให้ไกล เพราะว่าน้ำตาลเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากน้ำตาลสามารถเปลี่ยนเป็นแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตได้นั่นเอง ดังนั้นการรู้จักวิธีการกินของหวานและวิธีการปฎิบัติตัวอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรรู้เอาไว้เมื่อคุณอดใจไม่ไหวต้องการรับประทานของหวาน แต่ก็ไม่อยากอ้วนด้วย
1.รู้ปริมาณแคลอรี่ ก่อนกินควรอ่านปริมาณแคลอรี่ของขนม โดยดูจากฉลากแสดงข้อมูลโภชนาการข้างกล่อง หากเป็นไปได้ควรเลือกกิน หรือซื้อชนิดที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบน้อยที่สุด รวมทั้งเลือกซื้อขนมที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยที่สุดด้วย
2.ลดแคลอรี่ การตัดน้ำตาล ครีม ออกจากขนมก่อนกิน เช่น เกลี่ยน้ำตาลไอซิ่งที่โรยหน้าขนมปังออก หรือไม่ใส่กะทิในขนมหวาน จะลดพลังงานได้ถึง 81- 150 แคลอรี่ หรือเกลี่ยครีมหน้าขนมเค้กออก ลดพลังงานได้ถึง 160 แคลอรี่
3.ควบคุมสัดส่วนการกิน กินอย่างละนิดพอให้รู้รสชาติ เช่น คุกกี้ 1-2 ชิ้น เค้ก 1/4 ชิ้นเล็ก ไอศกรีม 1 ลูก คุณจะได้ชิมรสชาติขนมทั้งหมด โดยได้รับแคลอรี่เพียงครึ่งเดียว
4.ดื่มชาเขียวหรือกาแฟร้อนหลังมื้อขนม คาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ไม่ควรเติมน้ำตาลลงไป และหลังกินขนมหวานเสร็จอย่านั่งอยู่กับที่
5.ออกไปเดินเล่นประมาณ 15 นาที วิธีนี้นอกจากจะช่วยย่อยแล้ว ยังป้องกันไม่ให้ไขมันสะสมที่หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกได้อีกด้วย
6.หลังกินของหวาน 5 ชั่วโมงให้ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที เพื่อกำจัดแป้งและน้ำตาลก่อนกลายเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยก่อนและหลังออกกำลังกาย ควรดื่มชาเขียวร้อนหรือน้ำอุ่นเพื่อเสริมระบบเผาผลาญควบคู่ไปด้วย
7.งดแป้งและน้ำตาลในวันรุ่งขึ้น มื้อเช้าและกลางวันเน้นผัก 80% โปรตีน 20% ส่วนมื้อเย็นให้กินผักผลไม้สดและดื่มน้ำเปล่าทั้งวัน
หากรู้จักคำนึงถึงการเลือกกินและการปฎิบัติตัวก่อนและหลังกินของหวานแล้วล่ะก็ การลดความอ้วนก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปค่ะ แต่ก็ขอแนะนำผู้ที่กำลังลดความอ้วนว่า อย่างไรก็ตามน้ำตาลก็ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของการลดความอ้วน ดังนั้นหากเลี่ยงของหวานหรือน้ำตาลได้ในช่วงนี้การลดความอ้วนของคุณก็จะสำเร็จได้รวดเร็วขึ้นแน่นอนค่ะ
เครดิตภาพ : nestle, blogging, foodcookrecipe, skincare24hrs, thairath, unigang, women.upyim