ร้านชิคาลิเชียส เดสเสิด บาร์
เป็นร้านขนมหวานชื่อดังจากมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อนที่เมืองไทยจะได้เปิดแฟรนไชส์นั้น ต้องใช้ความพยายามและหมั่นฝึกฝนเพื่อพิสูจน์ตัวเองจนเชฟ Chika เจ้าของร้านChikaLicious
ยินยอมให้เปิดร้าน ChikaLicious Dessert Bar ที่ Central Embassy
ของหวานในรูปแบบ Fine Dinnig ที่ ChikaLicious Dessert Bar
บรรยากาศหน้าร้าน ChikaLicious Dessert Bar ที่ชั้น 5 Central Embassy
ภายในร้าน ChikaLicious Dessert Bar ตกแต่งอย่างสวยหรูด้วยโทนสีขาว มีหลายมุมให้เลือกนั่งตามความต้องการ
แต่ขอแนะนำให้นั่งหน้าเคาท์เตอร์บาร์ เพื่อดูเชฟขณะลงมือทำของหวานเป็นอาหารตา ก่อนจะถึงเวลาทานของหวานของจริง
เชฟหนามเตย-สมิตา ธนะโสภณ เจ้าของร้านขนมหวาน ChikaLicious
สำหรับร้าน ChikaLicious Dessert Bar ที่ Central Embassy เป็นของ 4 หุ้นส่วนผู้หลงใหลในรสชาติของหวานของร้าน ChikaLicious ที่นิวยอร์ก จนต้องขอซื้อแฟรนไชส์มาเปิดในเมืองไทย แลกกับเงื่อนไขที่ว่า ต้องมีหุ้นส่วนมาเรียนทำขนมและอบรมเรื่องมาตรฐาน เพื่อให้ ChikaLicious Dessert Bar ที่กรุงเทพฯ มีคุณภาพทัดเทียมกับนิวยอร์ก
นอกจากจะเป็นร้านขนมหวานขึ้นชื่อแล้ว ร้านชิคาลิเชียส เดสเสิด บาร์ ยังมีเครื่องดื่มที่น่าสนใจ เพื่อเติมเต็มมื้อของหวานให้อร่อยยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยชาหอมๆ ที่นำเข้าจากสิงคโปร์ ซึ่งมีหลากหลายกลิ่นที่เบลนด์ออกมาได้อย่างโดดเด่น ขอแนะนำ Gold Moscato (160++ บาท) ชาผสมผงทองกลิ่นองุ่นหอมราวกับลูกกวาด และ Nymph of the Nile (160++ บาท) ชากรุ่นกลิ่นเครื่องเทศเพิ่มความสดชื่นตัดรสชาติของหวานได้อย่างดีเยี่ยม
ในส่วนของเมนูหลักที่ OpenRice จะมาแนะนำคือ 3 Course Dessert Prix Fixe (400++ บาท) เสิร์ฟ 3 คอร์ส ประกอบด้วย Amuse ที่จะสับเปลี่ยนไปตามจานหลัก Choice Of Dessert จานหลักที่มี 5 เมนูให้เลือก และ Petits Fours ของหวานชิ้นเล็กๆ เพื่อปิดท้ายมื้อนี้ สำหรับคอร์สขนม 3 คอร์สนี้ ร้าน ChikaLicious Dessert Bar จะแนะนำให้ทานคู่กับไวน์เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อย (189++ บาท)
เริ่มด้วย Amuse โดยเมนูที่ OpenRice ได้ทานคือ Coconut Panna Cotta เสิร์ฟกับไอศกรีมน้อยหน่า พานาคอตต้าเนื้อนุ่มได้รสกะทิและกลิ่นน้ำมะพร้าวที่หอมตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัสกับลิ้น ส่วนไอศกรีมน้อยหน่าก็มีเนื้อน้อยหน่าเพิ่มรสสัมผัส รสนุ่มนวลละมุนแบบไทยๆ เป็นการเริ่มต้นเรียกน้ำย่อยได้ดี
มาถึงเมนูหลัก Today's Dessert Choices จะมี 5 เมนู โดยมีเมนูหลัก 2 รายการที่เป็น Signature Dish อีก 3 รายการ จะหมุนเวียนไปตามผลไม้แต่ละฤดูกาล เพื่อให้ได้รสชาติของวัตถุดิบที่ดีที่สุด
จานหลักเมนูแรกที่ต้องแนะนำ Fromage Blanc Island "Cheese cake" เมนูนี้ถูกแชะและแชร์ใน OpenSnap จนได้เป็น เมนูเค้กแปลก...สุดว้าว! สมกับตำแหน่ง Signature Dish
Fromage Blanc Island "Cheese cake" แนะนำให้ดื่มคู่กับไวน์ Casali Viticultri Lambrusco Amabile เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อย
เนื้อเค้กเบา เนียนนุ่ม หวานอมเปรี้ยวนิดๆ ตามสไตล์ชีสเค้ก โดยเลือกใช้ชีสสด Fromage Blanc แล้วราดรอบๆ ด้วยซอสครีม
อีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ที่ต้องลอง Warm Chocolate Tart with Pink Peppercorn Ice Cream เมนูนี้ก็เป็น Signature Dish ของร้าน ChikaLicious เช่นกัน
เข้ากันอย่างลงตัวทั้งช็อกโกแลตทาร์ตที่ฉ่ำเยิ้มไส้ช็อกโกแลตอยู่ภายใน และไอศกรีมพริกไทยชมพู กลิ่นพริกไทยชัดเจน ช่วยขับรสชาติเมนูนี้ให้เข้มข้นกว่าเมนูอื่นๆ เสิร์ฟกับซอสไวน์แดง ด้านล่างมีเม็ดโกโก้ดิบกรุบๆ เพิ่มรสสัมผัสให้เมนูนี้
Warm Chocolate Tart with Pink Peppercorn Ice Cream ควรดื่มคู่กับไวน์รสจัดจ้าน Osborne Tawny Port หรือจะเลือกจับคู่วิสกี้ก็ลงตัว Chivas Regal 18 Years
ใครที่ชอบเมนูเบาๆ ขอแนะนำ Basil Sorbet in Coconut Custard Soup with Brown Sugar Crispy Puff and Sweet Basil Agar Agar Cube
ไอศกรีมซอร์เบท์เบซิลเผยกลิ่นอ่อนๆ ในคัสตาร์ดซุปที่หอมนุ่มกลิ่นมะพร้าว ทานกับพัฟน้ำตาลทรายแดงและวุ้นเม็ดแมงลัก
Basil Sorbet in Coconut Custard Soup with Brown Sugar Crispy Puff and Sweet Basil Agar Agar Cube แนะนำให้ทานคู่ไวน์ขาวรสเปรี้ยวนิดๆ Lehmann Moscato เพิ่มความหวานละมุนให้กับของหวานเมนูนี้
ต่อด้วยเมนู Brown Sugar Panna Cotta with Granny Smith Apple Sorbet and Frosted Pistachio ความแตกต่างที่เข้ากันดี
พานาคอตต้าน้ำตาลทรายแดงหวานละมุน ทานกับไอศกรีมซอร์เบท์แอปเปิ้ลเขียวรสเปรี้ยวนิดๆ แถมยังมีถั่วพิสตาชิโอเพิ่มรสชาติอีกด้วย เมนูนี้ต้องทานกับไวน์รสเปรี้ยวอมหวานอย่าง Riveri Moscato Spumante หรือเลือกทานกับ Single Malt Whisky - Glenlivet 12 Years
จานหลักเมนูสุดท้าย Poached Pear with Pear-William Sabayon on Crispy Kataifi and Honey-Thyme Sorbet
ลูกแพร์ตุ๋นชุ่มฉ่ำรสชาติแต่กลับไม่หวานโดดแบบร้านอื่นๆ เหมาะที่จะทานคู่กับคาไทฟี่อบกรอบที่ลักษณะคล้ายกับหมี่กรอบ ราดด้วยซาบายองกลิ่นเหล้าแพร์วิลเลียม เสริมรสชาติด้วยไอศกรีมซอร์เบท์น้ำผึ้งกับใบไทม์
Poached Pear with Pear-William Sabayon on Crispy Kataifi and Honey-Thyme Sorbet ควรจะดื่มกับไวน์ Woodbridge White Zinfendel
จบด้วยคอร์สสุดท้าย Petits Fours ของหวาน 3 ชิ้นเล็กๆ เหมือนกับการทานของหวานเพื่อปิดท้าย Full Course
ชิ้นแรก Coconut Marshmallow มาชเมลโล่หยุ่นๆ หอมกลิ่นมะพร้าว
ชิ้นที่สอง Chocolate Macadamia nut ช็อกโกแลตเข้มข้นกับถั่วกรุบกรอบ
และชิ้นสุดท้าย Banana Rum Cake ขนาดพอดีคำ
นอกจาก 3 Course Dessert Prix Fixe ที่นี่ยังเป็นเจ้าแรกของเมนูลูกผสมโดนัทครัวซองค์ ลองลิ้มรส Dough'Ssant (95++ บาท) แล้วจะติดใจ
Dough'Ssant ของ ChikaLicious มีรสชาติหลักอยู่ 4 รส Brulee Flavor, Nutella Flavor, Oreo Flavor และ Matcha Green Tea Flavor และรสพิเศษ Special Flavor of the Month ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้คือ Sweet Potato Flavor
หน้าตาของ Dough'Ssant คล้ายโดนัท ด้านนอกกรอบ แต่เมื่อเคี้ยวเข้าไปแล้วจะพบกับเนื้อสัมผัสที่แน่นพร้อมไส้ท่วมท้น
Brulee Dough'Ssant หวานมันจริงๆ ไส้ข้างในทะลักของมาเข้มข้นสุดๆ
หากรักรสชาติของ Bread Pudding ไม่ควรพลาด Jack Daniel's Bread Pudding with Vanilla Bean Ice Cream (145++ บาท)
รสชาติกรุบกรอบด้านนอก เนื้อในนุ่มเด้ง ชวนเคลิบเคลิ้ม คนที่ชอบทาน Bread Pudding ต้องมาลองให้ได้
OpenRice ยังมีโอกาสได้ลอง Mint Ice Cream กับองุ่นที่แช่อยู่ในสาเก 2 วัน ทำให้รสชาติอร่อยขึ้น ต้องลองจับตาดูว่า 2 สิ่งนี้จะเข้าไปอยู่ในเมนูไหนหรือเปล่า
สัมผัสบรรยากาศสุดชิคและซึมซับความลึกซึ้งของรสชาติขนมหวานได้ที่ร้านชิคาลิเชียส เดสเสิด บาร์ (ChikaLicious Dessert Bar) ชั้น 5 Central Embassy อัพเดตโปรโมชั่นได้ที่ https://www.facebook.com/ChikaLiciousAsia
เติมความสุขให้ชีวิตเต็มไปด้วยความหวานที่ร้าน ChikaLicious Dessert Bar