8
1
0
เบอร์โทร.
02-207-4999
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
06:30 - 10:30
12:00 - 16:00
จันทร์ - อาทิตย์
06:30 - 10:30
12:00 - 16:00
วิธีจ่ายเงิน
วีซ่า มาสเตอร์ เงินสด
ข้อมูลอื่นๆ
Online Reservation
ที่จอดรถ
มีแอร์
เว็บไซต์ร้านอาหาร
http://www.facebook.com/indigobkk
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
รายละเอียดของรางวัล
รีวิว (11)
สวยงามกว้างขวางสูงโปร่งดูดีมีสไตล์มีระดับ การบริการระดับโรงแรมหมดห่วงอาหารวัตถุดิบคุณภาพ ปริมาณมาตรฐานที่ดี รสชาติถึงรสถึงเครื่องเข้มข้นชัดเจนดีมากๆราคาที่ตั้งส่วนใหญ่เกาะอยู่ที่สองร้อยกลางๆปลายๆเรียกว่าไม่ได้ต่างไปจากร้านดีๆข้างนอกหรือแม้กระทั่งร้านในห้างดีๆเลย แต่ได้บรรยากาศ การบริการ อาหารคุณภาพระดับโรงแรมใจกลางกรุงเทพแบบนี้ ส่วนตัวให้คำว่าน่าคบหาได้อย่างไม่ต้องคิดเลยครับ.รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/indigo-bangkok-metro-on-wireless/ชมคลิปรีวิว : อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
สำหรับวันนี้ก็จะไปชิมและชมอาหารสำหรับวันพิเศษๆ อย่างวันวาเลนไทน์กันนะคะ โดยเป็นการไปชิมเซ็ตอาหารวันวาเลนไทน์กันที่โรงแรมอินดิโก กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีจำหน่ายเฉพาะวันที่ 14 กุมภาพันธ์ปีนี้เท่านั้นค่าาาาสำหรับโรงแรมนี้ก็ตั้งอยู่บนถนนวิทยุนะคะ ถ้ามาจากทางสุขุมวิทก็เลยพลาซ่าแอททินีไปหน่อยหนึ่งค่ะสำหรับวันนี้อย่างที่บอกว่าเรามากินเซ็ตวาเลนไทน์ของโรงแรมอินดิโก ซึ่งแบ่งออกเป็นสองห้องอาหารค่ะคือ ห้องนี้ ส่วนอีกห้องอาหารคือ Char ซึ่งอยู่ที่ชั้น 25 ค่ะ สำหรับห้องอาหารนี้จะมีให้เลือกด้วยกันสองเซ็ตนะคะ (ดูรีวิวนี้ได้จากที่ห้องอาหารโน้นนะฮับ)Valentines Thai or Western Set Menu 5 Course2,000++ บาทต่อท่าน (เฉพาะเมนูอาหาร)2,900++ บาทต่อท่าน (เมนูอาหารและไวน์)ห้องอาหาร เมโทร ออน ไวร์เลส  : 18:00 – 22:00 น.หมายเหตุ สำหรับท่านที่เลือกเซ็ตของห้องอาหาร Metro on Wireless จะสามารถเลือกนั่งที่สระว่ายน้ำชั้น 24 ได้ด้วยนะคะ แต่มีที่นั่งแค่สำหรับ 9 คู่เท่านั้นค่ะ เพราะฉะนั้นแนะนำให้จองล่วงหน้านะฮับบบบThaiSeared Hokkaido Scallop with Aromatic Thai Herbs Spicy Akami Tuna with Sesame Powder Fresh Winter Roll with Crab Meat“Pitars, Cuvee Stella, Prosecco, Venezia – Italy”Smoked Duck Breast, Cucumber, Tomatoes, Spring Onion and Chili – Lime Dressing“Chateau de G, Sauvignon Blanc, Puente Austral – Chile”Spicy River Prawn with Thai Herbs, Mushroom and Chili Soup“Barbarians Gualta, Malbec, Michelini – Argentina”Grilled Australian Wagyu with Red Curry Sauce Seared Snow Fish with Spicy Mint Sauce, Steam Jasmine Rice Wok-Fried Green from Royal Project“Outback Jack, Berton Vineyard, Merlot, South Australia – Australia”Les Petit Fours Lemon Meringue Tart, Chocolate Fudge, Passion Fruit Sorbet and Raspberry Panna CottaWesternFresh Oyster with Neighbourhood Sauce (Fin de Claire)“Pitars, Cuvee Stella, Prosecco, Venezia – Italy”Pan-Seared Foie Gras with Brioche, Berries Sauce and Mache Salad“Cederberg, Bukettraube – South Africa”Perfect Lobster Bisque“Albeo Grechetto, La Carraia, Chardonnay, Umbria – Italy”Herbs – Crusted Rack of Lamb with Red Wine Sauce“Chatron La Fleur, Merlot/Carbernet Sauvignon, Bordeaux – France”Les Petit Fours Lemon Meringue Tart, Chocolate Fudge, Passion Fruit Sorbet and Raspberry Panna Cottaเซ็ตไทยหน้าตาตามนี้นะคะSeared Hokkaido Scallop with Aromatic Thai Herbs Spicy Akami Tuna with Sesame Powder Fresh Winter Roll with Crab Meatตัวนี้ได้กินแต่ตัวโรลนะคะ อร่อยแหละ อร่อยแบบไทยๆ รสชาติแอบจัดเล็กน้อย ผักก็สดดีค่ะ เป็นจานเรียกน้ำย่อยทีเดียวค่ะต่อด้วย Smoked Duck Breast, Cucumber, Tomatoes, Spring Onion and Chili – Lime Dressing นะคะ ตัวนี้จัดจานมาเก๋ๆ มากค่ะ แล้วก็มีมาราดน้ำจิ้มแจ่วทีหลังนะคะ น้ำจิ้มแจ่วคือเด็ดมากๆ รสจัดเปรี้ยวเผ็ดหวานแซมกำลังดีค่ะ อร่อยอีกแล้ว เมโทรฯ นี่ต้องยอมรับเรื่องอาหารไทยเขาจริงๆ ค่ะSpicy River Prawn with Thai Herbs, Mushroom and Chili Soupได้ชิมแต่น้ำซุปนะคะ รสชาติออกกลางๆ ค่ะ ไม่จี๊ดจ๊าดมากนักนะคะGrilled Australian Wagyu with Red Curry Sauce Seared Snow Fish with Spicy Mint Sauce, Steam Jasmine Rice Wok-Fried Green from Royal Projectเป็นแกงเนื้อออสเตรเลีย ปลาหิมะซอสมินท์ และข้าวหอมมะลินะคะ แกงรสชาติดีเลยค่ะ ออกหวานนิดๆ คิดว่าชาวต่างชาติก็ทานได้นะคะ ตัวเนื้อก็ดีเลยนะคะ นิ่มค่ะ กินกับแกงก็เข้ากันได้ดีค่ะLes Petit Fours Lemon Meringue Tart, Chocolate Fudge, Passion Fruit Sorbet and Raspberry Panna Cottaไม่ได้ชิมนะคะ เอาหน้าตามาให้ดูเฉยๆ เนาะ แหะๆต่อไปเป็นเซ็ตเวสเทิร์นของห้องอาหารเมโทรฯ กันบ้างนะคะFresh Oyster with Neighbourhood Sauce (Fin de Claire)มากับสามซอสนะคะ Pan-Seared Foie Gras with Brioche, Berries Sauce and Mache Saladตัวนี้ฟัวกราส์ทำมาได้ดีนะคะ ผิวกรอบ ข้างในยังฉ่ำอยู่ค่ะ เรากินแบบไม่จิ้มอะไรเลยก็ยังอร่อยนะคะPerfect Lobster Bisqueตัวนี้ก็แยกระหว่างซุปกับตัวเนื้อล็อบสเตอร์มาเช่นเดียวกันค่ะ รสยังคงเข้มข้นและอร่อยตามมาตรฐานของ Bisque ของเชฟท่านนี้นะคะHerbs – Crusted Rack of Lamb with Red Wine Sauceแกะเนื้อนุ่มมากค่ะ ทำมาสุกกำลังดีไม่สุกเกินไปจนทำให้เสียเนื้อนะคะ กลิ่นโอเค ไม่แรงเกินไปด้วยค่ะสรุปสำหรับที่นี่นะคะหากใครหาสถานที่สำหรับวันวาเลนไทน์อยู่ เราว่าที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีและมีความหลากหลายนะคะ ใครชอบอาหารไทยก็แนะนำให้เลือกเซ็ตไทยของห้องอาหารเมโทรฯ ค่ะ ส่วนเซ็ตของชาร์ก็ดีงามมากๆ นะคะ วันนั้นค่อนข้างประทับใจในหลายๆ เมนูเลยหละค่ะ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
ระดับ4 2016-06-29
270 วิว
รีวิวนี้ เป็นอีกครั้งที่ได้มาเยือนห้องอาหารMETRO ON WIRELESSโรงแรม hotel INDIGO ถนนวิทยุซึ่งครั้งนี้ ได้รับการทาบทามจากทางOpenrice Thailand ให้มาชิมแบบExclusive กันอีกครั้งครับ เพราะว่าตอนนี้ ทางห้องอาหารมีการเพิ่มเมนูใหม่หลายรายการที่เด็ด ๆ ทั้งนั้นและการมาครั้งนี้ ผมยังได้พบกับ Chef จิมมี่ที่ใน 2 ครั้งแรกที่ไปนั้น พลาดไม่ได้พบกับ Chefที่แสนจะสนุกและมีสไตล์เป็นตัวของตัวเองมาก ๆว่าแล้วเรามาชมและชิมอาหารไปพร้อม ๆ กันเลยเพราะ 2 ครั้งแรกนั้น อธิบายเกี่ยวกับห้องอาหารไปหมดแล้วครับ 555เนื่องจากเป็นช่วงบ่าย อากาศในห้องแอร์ก็ยังจะค่อนข้างร้อน เพราะห้องอาหารส่วนใหญ่เป็นกระจกเลยเลือกดื่มอะไรหวาน ๆ เย็น ๆ อย่างโอวัลตินภูเขาไฟแก้วนี้ กินหมดแก้วอร่อยแต่ก็เกือบจะอิ่มเลยครับจานแรกเป็น complimentary ของห้องอาหารซึ่งทาง Chef จิมมี่ จะเป็นคนจัดออกมาแต่ละวันไม่ซ้ำกัน อย่างวันที่ไปนั้น ก็จะเป็นน้ำพริกอ่องสีไม่แดงจัดอย่างทางภาคเหนือทั่วไป แต่รสชาติสะใจดีครับ กินกับผักแนมต่าง ๆ ก็เข้ากันมากเมนูต่อมา เป็นเมนูยอดฮิตตลอดกาลจน Chef จิมมี่ ไม่สามารถถอดออกจากเมนูเมื่อใดก็ตามที่ต้องการปรับเมนูครับเพราะลูกค้าจะถามหากันแทบทุกโต๊ะกับเมนู หมูคลุกฝุ่น รสชาติหมูทอดคลุกกับข้าวคั่ว พริกป่น และเครื่องปรุงรสจัดจ้าน กินกับผักอร่อยอีกแล้วดูลีลา Chef กันซะก่อนครับธรรมดาที่ไหนกันล่ะเนี่ย 555ต่อกันที่ หอยจ๊อ ด้านในเป็นเนื้อปูทอดมาร้อน ๆ หอม ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยหรือกินกับอาจาด ก็อร่อยเนื้อปูแน่นดีทอดมันหัวปลีคุณย่า มาแนวพืชผักผสมกับเนื้อปลานวดได้หนึบ รสชาติเครื่องแกงที่นำมานวดผสมกลมกล่อมดีครับเนเบอร์ฮูด ออเดิร์ฟ รวมเมนูกินเล่น 4 อย่าง4 สไตล์ ทั้ง ไก่สะเต๊ะ, ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน,หมูห่อใบชะพลู และเปาะเปี๊ยะทอดยำสามกรอบ เป็นขั้นกว่าของยำสามกรอบแน่นไปด้วยเครื่องทะเล ทั้งกุ้ง กระเพาะปลา เนื้อปลาที่นำไปคลุกแป้งบาง ๆ แล้วผ่านน้ำมันเดือดให้วัตถุดิบได้ความกรอบ จึงนำมาคลุกเคล้าเครื่องและน้ำยำรสชาติดียำถั่วพลูกุ้งสด หมูสับและไข่นกกระทาอร่อยมากจานนี้ ชิมแล้วติดใจจริง ๆ ขนมจีนแกงกะทิปู กินแล้วต้องร้องอู้หูเนื้อปูในแกงกะทิก็ค่อนข้างเยอะ ส่วนแกงกะทินั้นหอมละมุนมาก ๆ เผ็ดร้อนกำลังดีจริง ๆแกงเผ็ดเป็ดย่าง เมนูขึ้นชื่อของห้องอาหารอีกเมนูเป็ดย่างชิ้นใหญ่ ๆ กับน้ำแกงเผ็ดรสอร่อยยิ่งกินกับข้าวร้อน ๆ ยิ่งอร่อยครับข้าวหอมมะลิ กับ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่เติมได้ฟรีต่อเนื่องกันที่เมนูเด็ดประจำห้องอาหารอีก 1 เมนูกับ ซี่โครงแกะนิวซีแลนด์ย่างราดซอสกะเพราเนื้อแกะมาแบบมีเดียมแรร์ ผมล่ะชอบมากซอสกะเพรา ก็เข้มข้น ถึงรสถึงชาติความเป็นไทยเมนู ปลาทับทิมผัดคื่นช่าย เป็นอีก 1 เมนูใหม่เอาใจคนรักสุขภาพอีกสักนิดกับปลาทับทิมทอดกรอบแล้วนำไปผัดลักษณะการเจี๋ยนกับคื่นช่ายรสกลมกล่อมครับเพนเน่ ซีฟู๊ดเพสโต้ซอสจานนี้ เส้นเพนเน่แบบ al denteผัดมากับซอสเพสโต้ที่อร่อยไม่ใช่เล่นจะออกไปในแนวครีมมากกว่าปกติ รวมถึงการโรยชีสให้มาอย่างมากมาย ใส่หอยเชลล์ใหญ่หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และกุ้ง แถมยังใส่เมล็ดทานตะวันเพิ่มรสสัมผัสอีกด้วยสุดท้ายสำหรับของคาว กับ ข้าวอบสับปะรดของอร่อยที่ถูกสั่งประจำของห้องอาหารแต่ผมคงไม่สั่ง เพราะไม่ชอบกินสับปะรดครับสำหรับตัวนี้ ทุกคนที่ได้ลองกิน บอกว่าอร่อยครับขอจิบ จินเจอเอล สักนิดก่อนเข้าสู่โหมดของหวานครับของหวานจานแรก ตังเมผลไม้รวมหนึบหนับแบบหวาน ๆ กับน้ำตาลปั้นไอศกรีมและแยมผลไม้+สตอเบอร์รี่สดวนิลามิลเฟยมิลเฟยรสวนิลา รสเลิศมากครับเมนูนี้หลากหลายชนิด ทั้งไอศกรีม แยม หรือช็อคโกแล็ตที่ให้ได้กินไปกับมิลเฟยอย่างสนุกสนานเลยข้าวกระยาคู เป็นเมนูของหวานที่ใครมากินที่METRO ON WIRELESS แล้วไม่สั่งกินเหมือนมาไม่ถึงนะครับ อร่อย ติดใจทุกรอบปิดท้ายด้วย ซอฟเสิร์ฟ เจลาโต้มะพร้าวกับพวงเครื่องไอศกรีม 4 ชนิดข้าวเหนียว เผือก ข้าวโพดและลูกชิดหอมเนียนดีเลยครับสำหรับตัวซอฟเสิร์ฟสำหรับเมนูใหม่ ๆ ที่ Chef จิมมี่ นำเสนอนั้นจัดได้ว่าน่าสนใจไม่เบาเลยครับ รวมถึงเมนูยอดนิยมตลอดกาล ก็อร่อยจัดจ้านเป็นทุนเดิมบวกเพิ่มกับความสามารถของ Chef จิมมี่บรรยากาศของห้องอาหาร รวมถึงราคาที่จับต้องได้ถึงแม้จะอยู่ในโรงแรมหรูย่านถนนวิทยุก็เป็นอีกห้องอาหารไทยผสมนานาชาติที่น่าจับตาและน่าสนใจให้มาลิ้มลองรสชาติกันครับส่งท้ายรีวิวนี้ด้วย เอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อต กันครับสนใจสำรองโต๊ะหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร : 02 207 4999 https://facebook.com/indigobkk/ https://ihg.com/hotels/hotelindigo/us/en/hoteldetail/bkkinขอให้อิ่มอร่อยกับอาหารเมนูเด็ดของห้องอาหารMETRO ON WIRELESS กันนะครับ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
Metro on Wireless – ห้องอาหารสุดชิคของโรงแรม Hotel Indigo Bangkok บนถนนวิทยุนี้นำเสนอคอนเซ็ปต์หลักคือการนำ Street food จากแต่ละภาคของไทยเรามายกระดับให้ดูประณีตน่ารับประทานยิ่งขึ้นด้วยรูปลักษณ์การนำเสนอที่เก๋ไก๋ทั้งภาชนะและการจัดวาง การคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีเลิศ และการปรุงอย่างพิถีพิถันภายใต้การดูแลของ Executive Chef จิมมี่ – จำลอง ปิวไธสงค์ – เชฟหนุ่ม (สาว?) สุดแซ่บอารมณ์ดีผู้สะสมประสบการณ์การเป็นเชฟอาหารไทยในห้องอาหารโรงแรมชั้นนำมาแล้วมากมายทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ อาหารส่วนใหญ่ของที่นี่จึงเป็นอาหารไทยแทบทั้งหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ลืมที่จะมีอาหารและขนมแบบตะวันตกไว้ให้ได้เลือกสั่งกันบ้างประปรายเพื่อเพิ่มความหลากหลายอีกด้วย จัดเป็นห้องอาหารที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว น่าไปสัมผัสเป็นประสบการณ์ดูจริงๆค่ะ***-ทำเลที่ตั้ง/การเดินทาง-***จากสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต เดินเข้าถนนวิทยุมาประมาณ 400 เมตร จะเห็นโรงแรม Hotel Indigo อยู่ทางด้านซ้ายมือ เลยสถานเอกอัครราชทูตเวียดนามไปนิดเดียว ห้องอาหาร Metro on Wireless จะอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม กดลิฟท์ขึ้นมาได้เลยค่ะ***-เวลาทำการ-***มื้อเช้า : 6.30-10.30มื้อกลางวัน : 11.30 – 17.00 (last order 16.00) – มีทั้ง Business Lunch Set และเมนู a la carte ให้สั่งกันได้ค่ะมื้อเย็น : 18.00 – 23.00 (last order 22.00) – นอกจากสั่งอาหารแบบ a la carte แล้ว ยังมี Neighbourhood Dinner Set ให้เลือกด้วยนะคะ***-เมนูที่ได้ลอง-***สำหรับครั้งนี้เราได้ลองอาหารในส่วนของเมนู a la carte ไปหลายอย่าง ตามนี้เลยค่ะ ราคาอาหารที่ลงไว้ยังต้องบวก VAT 7% และ Service Charge 10% อีกนะคะเช่นเดียวกับร้านอาหารฝรั่งที่มักมีของทานเล่นเล็กๆน้อยๆหรือขนมปังเสิร์ฟให้ทานฟรีก่อนเริ่มมื้ออาหาร ห้องอาหารที่เน้นอาหารไทยเป็นหลักอย่าง Metro on Wireless นี้ก็มี “น้ำพริก of the day” แบบไทยๆมาเสิร์ฟต้อนรับแขกที่มาทานอาหารที่นี่เช่นกัน โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมนูเป็นระยะๆเพื่อไม่ให้จำเจ สำหรับครั้งนี้เป็นน้ำพริกลงเรือพร้อมผักสด เสิร์ฟมาในปิ่นโตใบย่อมๆ 2 ชั้นเก๋ทีเดียว น้ำพริกปรุงมาได้มีรสมีชาติ จัดจ้านกำลังดีแต่ไม่เผ็ดจนเกินไป เหมาะกับการจิ้มกับผักทานเล่นเปล่าๆดีค่ะ นอกจากของว่างฟรีแล้ว ที่นี่ยังมีข้าวเปล่าเสิร์ฟให้ฟรีตลอดมื้อด้วย โดยมีให้เลือกทั้งข้าวหอมมะลิและข้าวสีนิล ขอเติมได้ตลอดนะคะ●หอยจ๊อ (ราคา 270 บาท)– หอยจ๊อเนื้อนุ่มเด้ง ได้รสชาติเนื้อปูชัดเจน เสิร์ฟมาในตะกร้าหวายน่ารัก มีหมี่กรอบรองมาในตะกร้า ทานเล่นแกล้มกันไปได้เพลินๆ เป็นการเริ่มต้นมื้อแบบเบาๆ ดีงามใช้ได้เลย●Neighbourhood Hors – d’oeuvre (ราคา 390 บาท)– เป็นของว่าง 4 อย่างเสิร์ฟมาในเตาดินเผา เหมาะกับคนที่อยากลองโน่นนิดนี่หน่อยหลายๆอย่างดีค่ะ ประกอบไปด้วย..- ไก่สะเต๊ะ – ไก่เนื้อนุ่มหอมกลิ่นผงกะหรี่ปนกลิ่นย่างกำลังดี น้ำจิ้มเข้มข้นไม่หวานเกินไป โรยงามาเล็กน้อยพอให้หอม อร่อยสอบผ่านทีเดียวล่ะ- แหนมข้าวคั่ว – เมนูนี้เพิ่มความละเมียดละไมด้วยการนำแหนมข้าวคั่วมาห่อด้วยใบชะพลูได้ขนาดพอดีคำ ทั้งทานสะดวกและได้กลิ่นหอมใบชะพลูด้วย จัดว่ามีเอกลักษณ์ดีนะคะ- ปอเปี๊ยะทอดไส้เป็ด – ยกระดับจากปอเปี๊ยะทอดข้างทางให้หรูหราขึ้นด้วยวัตถุดิบไฮโซอย่างเนื้อเป็ดหอมกรุ่นที่นำมายัดไส้แบบจัดเต็ม ทานจิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยหวานๆเพลินดีใช้ได้ค่ะ- ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน – ทำเป็นไส้ผักและหมูยอหั่นมาพอดีคำ ทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มซึ่งทำจากแอ๊ปเปิ้ลเขียว จึงได้รสเปรี้ยวที่กลมกล่อมเป็นธรรมชาติ อย่างที่โบราณเรียกว่า “เปรี้ยวแบบผู้ดี” นั่นล่ะค่ะ● หมูคลุกฝุ่น (ราคา 370 บาท) –เมนูยอดฮิตที่อยู่คู่ห้องอาหารนี้มานานเพราะแฟนประจำเรียกร้องกันเยอะ เป็นหมูทอดที่ใส่มาในขวดโหลเสิร์ฟคู่กับผักที่ใส่มาในปิ่นโต ก่อนจะทานเชฟจะมาเติมมะนาวและผงเครื่องปรุงที่มีข้าวคั่วกับพริกป่นลงในขวดโหลที่ใส่หมู จากนั้นก็ปิดฝา เขย่า เช้ค-เช้ค-เช้ค อย่างเมามันส์ ...พอเทออกมาคลุกเคล้ากับผักในปิ่นโตนี่คืออร่อยเป๊ะเลย เนื้อหมูนุ๊มนุ่มมีมันแทรกเล็กน้อย รสชาติแบบลาบที่ปรุงออกมาได้กำลังดีงาม (แซ่บน้อยกว่าลีลาเช้คของเชฟแค่นิดเดียวเท่านั้น..555) เด็ดจริงสมกับที่เป็นเมนูดังค่ะ● ทอดมันหัวปลีคุณย่า (ราคา 270 บาท) – ได้ชื่อนี้มาเพราะเป็นทอดมันหัวปลีสูตรเด็ดของคุณย่าเชฟจิมมี่เองเลย เนื้อทอดมันเหนียวนุ่มหนึบกำลังทานเพลิน ชอบค่ะ● ข้าวอบสับปะรด (ราคา 260 บาท) – ข้าวผัดรวนมาแห้งดี มีชิ้นสับปะรดกริลล์ให้หอมๆวางเคียงมาด้วย เครื่องที่ใส่มีทั้งหมูหยอง กุนเชียง ลูกเกด ถั่วลันเตา มะม่วงหิมพานต์ และไข่เจียวฝอย ผสมผสานกันออกมาได้รสชาติกลมกล่อมอร่อยทีเดียว ยิ่งเสริมทัพด้วยกุ้งตัวเป้งๆด้วยแล้ว ..แม้แต่คนที่ปกติแล้วไม่ชอบข้าวอบสับปะรดอย่างเราก็กลายเป็นทานได้อย่างเพลิดเพลินเลยล่ะค่ะ● ยำถั่วพูกุ้งหมูสับและไข่นกกะทา (ราคา 240 บาท) – ยำมาได้อมหวานอมเปรี้ยวกำลังดี มีจุดเด่นที่คุณภาพของวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี ...ทั้งถั่วพูสดกรอบ กุ้งตัวโตเนื้ออวบแน่นเด้ง เสริมทัพด้วยหมูสับกับไข่นกกะทา อร่อยใช้ได้เลย● ปลาทับทิมผัดคึ่นฉ่าย (ราคา 690 บาท) – ปลาทับทิมตัวเขื่อง เนื้อหวาน - นุ่ม – แน่น ทอดมาแบบกรอบนอกนุ่มในกำลังดี ผัดกับใบคึ่นฉ่าย พริกหยวก และหอมใหญ่ ได้รสชาติอร่อยเป๊ะแบบไม่มีที่ติ ..ปลื้มสุดๆค่ะ เมนูนี้น่ารักตรงที่เสิร์ฟมาในจานเซรามิครูปปลาซะด้วย ทั้งรูปร่างและขนาดพอดีตัวปลาอย่างกับเสื้อสั่งตัด พิถีพิถันดีจริงๆ● ยำสามกรอบทะเล (ราคา 290 บาท) – ประกอบไปด้วยกุ้งตัวอวบๆชุบแป้งทอด ปลาสลิดที่กรอบกริ๊บแบบชิมแล้วรู้ว่าใช้ของเกรดดีใหม่กิ๊ก และแคบหมู ..ยำมาได้รสชาติจัดจ้านแบบกำลังดีทานเพลินทีเดียวค่ะ● ขนมจีนแกงกะทิปู (ราคา 260 บาท) –เมนูยอดฮิตที่บอกได้เลยว่าเด็ดจริงจัง ..ขนมจีนปั้นก้อนมาให้ทานง่ายและแกงกะทิปูในโถดินเผาใบเล็ก จัดวางมาอย่างสวยงามในตะกร้าสานทรงสูงมีฝาปิดชิมดูแล้วได้รสเครื่องแกงเข้มข้นหอมแรง ปรุงรสได้เผ็ดไม่เกรงใจฝรั่ง แต่ก็สมดุลกันดีกับความหอมมันของกะทิ ที่สำคัญเนื้อปูให้เยอะมาเต็มสุดๆ ชอบมากมายค่ะ● ซี่โครงแกะย่างจากนิวซีแลนด์ราดซอสกระเพรา (ราคา 720 บาท) – เมนูนี้ได้เชฟเอียน – พงศ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย แห่ง Issaya Siamese Club มาร่วมครีเอทให้ ..เนื้อแกะหมักจนนุ่มได้ที่ก่อนนำมาย่างจนหอม ผสมผสานกับกลิ่นรสเผ็ดร้อนของซอสกระเพราได้อย่างดีเลิศ เพียงแค่กัดคำแรกก็แทบเคลิ้ม ..อร่อยเป๊ะดีงามน้ำตาแทบไหลสมกับเป็นเมนูเด่น งานนี้คนรักเนื้อแกะอย่างเรานี่ฟินสุดๆ แต่ถ้าคนไม่ชอบกลิ่นแกะก็อาจไม่ปลื้มเท่าไหร่นะคะ● แกงเผ็ดเป็ดย่าง (ราคา 370 บาท) – เสิร์ฟมาในหม้อเคลือบสีน้ำเงินใบใหญ่ เนื้อเป็ดชิ้นนุ่มหนาให้มาเยอะ เครื่องปรุงในหม้อก็ไม่ธรรมดา ใส่มาทั้งแอ็ปเปิ้ลเขียว สับปะรด ลิ้นจี่ มะเขือเทศ เคี่ยวมากับน้ำแกงจนได้รสกลมกล่อม กับเมนูนี้ส่วนตัวยังไม่ปลื้มนักเพราะเราชอบแกงเผ็ดเป็ดย่างในแบบที่กลิ่นรสเครื่องแกงฉุนแรงกว่านี้ แต่ถ้ากับคนที่ชอบรสชาติอ่อนๆกลมกล่อมแบบชาววังอาจถูกใจนะคะ● Penne Seafood Pesto (ราคา 320 บาท) – เปลี่ยนมาลองอาหารฝรั่งกันบ้าง เส้น Penne ลวกมาได้สู้ฟันกำลังดี ใส่ทั้งกุ้งและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวเป้งๆ ซอส Pesto ของที่นี่ใส่ Parmesan Cheese มาแบบจัดเต็มจนทำให้ texture มีความครีมมี่หนักแน่นพอสมควร ชิมแล้วแอบนึกถึง Carbonara ขึ้นมาแว้บๆ ซึ่งก็เข้ากันกับกลิ่นรสเข้มข้นของโหระพาได้ดีอยู่ล่ะ อร่อยไปอีกแบบนะ แต่ถ้าทานมากๆเข้าก็มีเลี่ยนบ้างเหมือนกันค่ะสำหรับของหวานนั้นถ้าเป็นพวกขนมแบบฝรั่งก็จะมีเชฟหมวย – Pastry Chef ของที่นี่เป็นผู้ดูแลค่ะ ทราบมาว่าแต่ละเมนูใช้ความพิถีพิถันในการทำมากทีเดียว อย่างพวกเบอร์รี่กวนที่ใช้ประกอบในหลายๆเมนูนั้นก็เป็นของ homemade ที่ทำกันเองสดๆ ได้รสผลไม้แบบธรรมชาติแท้ๆ ทำให้ของหวานที่นี่อร่อยโดดเด่นไม่แพ้ของคาวเลยล่ะ● Nougat Delight : ตังเมผลไม้รวม (ราคา 280 บาท) – ส่วนตัวแล้วชอบเมนูนี้มากที่สุดในบรรดาของหวานทั้งหมดเลยค่ะ ..เนื้อ nougat นุ่มเบาให้ความรู้สึกกึ่ง mousse ละลายในปาก มีชิ้นผิวส้มเล็กๆแทรกอยู่พอให้ได้กลิ่นหอม ผสมเหล้ารัมราดคาราเมลเข้ากันสุดๆ ทานคู่กับ crumble pie ที่รองด้านล่าง , Mixed Berry Sauce, และสตรอว์เบอร์รี่สดที่ท็อปมาด้านบนนี่.. อร่อยระเบิดระเบ้อ!● ข้าวกระยาคู (ราคา 190 บาท) – ขนมโบราณชนิดนี้เป็นเมนูถนัดของเชฟจิมมี่ที่หาทานที่อื่นได้ยากมากๆ ฉะนั้นถ้ามาแล้วก็ควรต้องสั่งมาลองดูค่ะ เชฟจะทำสดๆวันต่อวัน เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูงใบโต เนื้อขนมแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นน้ำข้าวกับน้ำใบเตยที่ต้มด้วยน้ำลอยดอกมะลิกวนกับน้ำตาลจนได้เนื้อเนียนข้น รสหวานเล็กน้อยและได้กลิ่นใบเตยแบบธรรมชาติหอมชื่นใจ ชั้นบนเป็นหัวกะทิข้นมัน โรยด้วยลูกเดือย ลูกแปะก๊วย ชิ้นมะพร้าวอ่อนและขนุน อร่อยแบบไทยๆดีค่ะ● ซอฟท์เซิร์ฟเจลโต้มะพร้าว (ราคา 150 บาท) – gelato รสมะพร้าวเนื้อเบาแต่ยังไม่เนียนนุ่มเท่าไหร่ มาพร้อมเครื่องเคียงทั้งข้าวโพด เผือก ข้าวเหนียว ลูกชิด ใส่ถ้วยแยกมาให้ตักเติมกันได้ตามสบาย แม้จะไม่ถึงกับโดดเด่นโดนใจแต่ก็ทานได้เรื่อยๆเพลินๆนะ●Vanilla Mille Feuille (ราคา 280 บาท) – แป้งพายกรอบร่วนได้ใจ ไส้ครีมก็หอมวานิลลาชัดเจน เข้ากันเป็นอย่างดีกับไอศกรีมรสช็อกโกแลตกับ crumble กรุบกรอบและผลไม้กวนที่เคียงมาค่ะ[ เครื่องดื่ม ]สำหรับเครื่องดื่มที่นี่มีให้เลือกเยอะทีเดียว เลยสั่งกันไปหลากหลายทั้งลิ้นจี่เชค โอวัลตินภูเขาไฟ ช็อคโกแลตเย็น...ฯลฯ ส่วนของเราลองไป 2 อย่างค่ะ● Berry Milkshake (ราคา 150 บาท) – ได้รสมิลค์เชคหวานมันชัดเจนแทรกด้วยกลิ่นเบอร์รี่จากแยมที่เติมลงไป กับเมนูนี้เราแอบนึกอยากให้มีรสเปรี้ยวจากเบอร์รี่อีกนิดเพื่อให้รู้สึกสดชื่นนะคะ● Hot Americano (ราคา 110 บาท) – ที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟของแบรนด์ดอยช้าง เสิร์ฟแบบมีขนม macaroon ชิ้นจิ๋วเคียงมาให้ด้วย กาแฟชงมาเข้มปานกลาง จิบแกล้มของหวานก็โอเคค่ะ***-บรรยากาศ-***Hotel Indigo นี้เป็น Boutique Hotel ที่ยึดหลักการออกแบบตกแต่งโดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้าพักและผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ท้องถิ่นหรือย่านชุมชนท้องถิ่นในบริเวณที่โรงแรมตั้งอยู่ สำหรับสาขากรุงเทพนี้เมื่อมาอยู่บนถนนวิทยุ - ถนนสายร่มรื่นปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่สวยงามที่สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2463 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุแห่งแรกของประเทศไทย รวมไปถึงเป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตต่างๆ และสวนลุมพินี ..จนกลายเป็นย่านธุรกิจสำคัญในปัจจุบัน – สไตล์การตกแต่งของโรงแรมจึงมุ่งถ่ายทอดเรื่องราวของถนนวิทยุออกมาได้อย่างโดดเด่นน่าสนใจ เริ่มต้นจากทางเข้าด้านหน้าโรงแรมที่เป็นกระจกใสบานใหญ่ทั้งหมดเพื่อให้ได้ชื่นชมกับทิวทัศน์ภายนอกได้เต็มตาทั้ง 2 ฝั่งถนน รถถีบสามล้อสีสันสดใสที่จอดอยู่หน้าล็อบบี้ ของตกแต่งแนววินเทจในหลายๆมุมของโรงแรม รวมไปถึงบริเวณหน้าลิฟท์ที่มีการจัดวางวิทยุโบราณหลากหลายแบบไว้อย่างเก๋ไก๋ ดูสวยงามน่าชมไปซะทุกมุมเลยค่ะสำหรับในส่วนของห้องอาหาร Metro on Wireless นี้ก็ยึดแนวทางเดียวกับธีมหลักของโรงแรม เราจึงได้เห็นการตกแต่งที่ก้ำกึ่งระหว่างความร่วมสมัย แทรกอยู่ด้วยความเป็นไทยๆแบบดั้งเดิมได้อย่างสวยงามลงตัว ตัวห้องเน้นโทนสีสว่างดูอบอุ่น ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกแทบทั้งหมด ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย มีที่นั่งติดกระจกสำหรับคนที่ชอบทานอาหารแกล้มวิวภายนอก หรือถ้าใครอยากนั่งแบบ outdoor ไปเลย ที่ระเบียงด้านนอกก็มีเก้าอี้และโซฟาหวายกับเบาะนุ่มๆให้ได้นั่งชิลล์กันตามสะดวก แต่ถ้ามาตอนบ่ายๆร้อนๆกลัวแดดส่องก็นั่งด้านในเข้ามาจะดีกว่านะคะ ครัวที่นี่เป็น Open Kitchen เปิดให้ลูกค้าได้มองเหล่าเชฟเตรียมอาหารกันได้เพลินๆ ดูบรรยากาศแล้วจะมาทานเป็นครอบครัวก็เหมาะ จะจัดมื้อโรแมนติกก็ได้ จะพาแขกต่างชาติมาก็ยิ่งเก๋นั่นล่ะค่ะอีกหนึ่งไฮไลท์ของโรงแรมก็คือสระว่ายน้ำบนชั้น 24 ที่สามารถมองเห็นวิวระฟ้าของกรุงเทพฯได้กว้างๆ 180 องศา เห็นแล้วบอกได้เลยว่า Bangkok skyline บ้านเรานี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆในโลกนะคะโดยรวมแล้วก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากจัดมื้อเก๋ๆบรรยากาศดีๆ และชื่นชอบอาหารที่ทานง่ายๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความพิถีพิถัน หรือคนที่อยากพาแขกต่างชาติมาชิมอาหารไทย แต่เบื่อร้านแนวๆชาววังโบร่ำโบราณที่เห็นกันทั่วไป ก็น่าจะหาโอกาสมาลองที่นี่ดูซักมื้อค่ะ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
อาหารไทย ใครว่า Present ให้น่าสนใจ ไม่ได้ ให้ลองไปห้องอาหารนี้เลยคะ นอกจากจะเป็นอาหารไทยที่อร่อย แต่ภาชนะ การนำเสนอก็ทำให้อาหารอร่อยขึ้นมาอีกหลายเท่าเลย วันนี้เราไปดูร้านที่ยก street food บนโรงแรมร้าน Metro on Wireless Hotel Indigo Bangkok Wร้านตั้งอยู่ในโรงแรม Indigo Bangkok โรงแรม Indigo เป็นโรงแรมบูทีค ที่เรามีเอกลักษณ์ สุดของถนนวิทยุเลย โดยโรงแรมจะออกแบบโดยดึงเอาจุดเด่นของชุมชนออกมา ทางโรงแรมก็บอกว่า ถนนวิทยุเป็นถนนตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 6 แล้วปัจจุบันก็เป็น ถนนเศรษฐกิจ ไปแล้ว ทางโรงแรมก็เลยออกแบให้ออกวินเทจนิดๆที่เราชอบสุดคือด้วยความที่โรงแรมอยู่ตรงข้ามบ้านท่านทูต ที่เป็นพื้นที่สีเขียว โรงแรมเลยทำเป็นกระจกใหญ๋ เหมือนเป็นฉากวาดเลย ชอบเลยคะ ทางขึ้นลิฟท์ ก็สวย ทุกชั้นเลยมาถึงห้องอาหาร วันนี้เรามาห้องอาหาร Metro on Wireless ที่อยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม มีทั้งห้องอาหารที่เป็นส่วน indoor หรือ outdoor วันอากาศดีดี ก็น่าไปนั่งคะโดยจะแบ่งอาหารเป็นช่วงเวลา ช่วงเช้า ช่วงกลางวัน แล้วก็เย็นช่วงเช้า       6.30 -10.30ช่วงกลางวัน 11.50-17.00ช่วงเย็น      18.00 – 23.00โดยบรรยากาศร้านก็จะเปลี่ยนไปตาม ช่วงเวลา Lunch นี่เปิดให้ยาวเลย เกิดเราจะหิวตอน 14.00เราก็ยังเดินทางมาได้ตะห้องอาหาร จะเสริฟเป็นอาหารไทย 80% อาหารฝรั่ง 20 % โดยมีเชฟใหญ่ที่แสนแซ่บ คือ เชฟจิมมี่ของเรา เชฟเดินทางมาทัวโลก เชฟนอกจากทำอาหารอร่อย แต่ยังแซ่บ อีกต่างหาก ฟังเชฟอธิบายก็เพลินดีเหมือนกันเมนูอาหารไทยของเขาเป็นเมนูไทยที่ เมนูที่เชฟคิดค้นมาก เป็นเมนูต้นตำหรับด้วย หรืออาจจะดัดแปลงให้เป็นเมนูที่คิดค้นขึ้นเอง แต่ที่สำคัญที่นี่วัตถุดิบดี แล้วที่เราชอบมากๆๆ คือการนำเสนอ เชฟ จะใส่ภาชนะ หรือ ทำนู่นนี่ จนเป็นอาหารไทยที่น่าสนใจเลยส่วนอาหารฝรั่ง ก็เป็นพวกอาหารฝรั่งที่แบบง่ายๆ อย่างสปาเกตตี้ แฮมเบอร์เกอร์ อาหารจานด่วนที่ตั้งและการเดินทางโรงแรมตั้งอยู่ถนนวิทยุ ถ้าเรามารถไฟฟ้าก็ลงสถานี เพลินจิต แล้วเดินเข้ามาในถนนวิทยุประมาณ 400 เมตร โรงแรมจะอยู่ถัดไปจากร้าน วีรสุ เราขึ้นไป ชั้น 2 ได้เลยคะที่โรงแรมจัดเซต Lunch ด้วย คือ 1 เชต นี่อิ่มแน่นอนวันนี้เราได้ลองหลายอย่างแบบจัดเต็มเลย เป็นมื้ออาหาร ที่เพลิดเพลินใจ และเพลิดเพลินพุงด้วยระหว่างรออาหาร โรงแรม ก็เสริฟอาหารเรียกน้ำย่อยเป็นน้ำพริกกับผัก โดยน้ำพริกจะแตกต่างไปแต่ละวันวันที่ไปเป็น น้ำพริกลงเรือ กับผัก น้ำพริกไม่เผ็ดมาก กินได้เพลินๆ เลยAPPETISER หอยจ๊อ 270เสริฟมาตะกร้า หวาย กับหมี่กรอบรองมา โดยหอยจ๊อที่นี่เขาจะเป็นปูเน้นๆ เลย เราชอบที่แป้งเขาบางดี และไส้ก็มาเต็มดี การเสริฟก็น่ารักดีเนเบอร์ฮูด ออร์เดิร์ฟNeighborhood Hors-d’oeuvre390เป็นออร์เดิร์ฟที่ใครอยากกินหลายอย่าง ก็สั่งเมนูนี้เลน เสริฟมาใน เตาดินเผา เท่มากเลย โดยออเดริฟมี 4 อย่าง เป็นหมูสเต๊ะก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แหนมคลุกหมูเสต๊ะ คือเนื้อหมูแน่นๆเลย ไม่มีมันมาเจือปน น้ำจิ้มก็ไม่หวานมากดีก๋วยเตี๋ยวลุยสวย เขามีทีเด็ดตรงน้ำจิ้ม ที่เขาจะใช้ความเปรี้ยวได้จากแอ๊ปเปิ้ล ก็เลยจะเปรี้ยวแบบไม่ปแหลมมากแหนมคลุก จะเป็นแหนมคลุกธรรมดาได้ไง เขาเอาแหนมคลุก ที่ห่อมาในใบชะพลู กินก็แปลกๆดีคะ แต่เราอยากให้ไส้ข้างในรสจัดกว่านี้หน่อยหมูคลุกฝุ่นDusty Pork370เมนูที่ฮิตตลอด เราชอบการนำเสนอเขา เขาจะเสริฟมาในถาด ก็จะมีโถหมู ทอด แล้วก็มีถ้วยเล็กๆ เป็น พริก มะนาว น้ำปลา ข้าวคั่วพอเราได้แล้วก็ผสมทุกอย่างไปในโหล แล้วก็เขย่าโลดเลย อร่อยด้วยมือเราเอง แต่เครื่องปรุงที่ให้มา ก็ได้ตวงมาให้อร่อยแล้วคะหมูเขานิ่ม มาก ทอดมากรอบกำลังดีเลย แล้วที่ข้าวคั่วที่ให้มา ก็ทำให้หมูหอมเข้าไปใหญ่ทอดมันหัวปลีคุณย่า 290Banana Blossom Frittersเป็นอีกเมนูที่เราชอบ เพราะทอดมันเขาเหนียวแน่นหนึบ เสริฟมาในเตาขนมครก น่ารักดี การจัดจานทำให้อาหารดูน่ากินอีกเท่าหนึ่งสูตรนี้เป็นสูตรคุณย่าของเชฟเลย หากินยากแล้วตอนนี้มาดูเมนูใหม่ ของร้านกันนะคะ วันนี้เราโชคดีที่ได้เป็นกลุ่มแรกๆ ที่ชิมเมนูใหม่ของเขากันน้ำมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งกาแฟ โอวัลติลภูเขาไฟ หรือพวกน้ำผลไม้ปั่น ที่ มีให้เลือกหลายอย่างNEW SIGNATURE FLAVOURS ข้าวของที่นี่มีทั้งข้าวหอมมะลิ แล้วก็ข้าวหอมศรีนิล ที่จะเติมได้ตลอดเลย ฟรีคะข้าวอบสับปะรดBaked Rice with Prawns,Chinese Sausage and Pineapple260ปรกติเราเป็นคนไม่ค่อยปลื้มกับข้าวอบสับปะรดเลย เพราะรู้สึกมันเลี่ยนๆ ยิ่งแบบ อบแล้วใส่มาในสับประรด เรานี่เลิกเลยคะแต่อันนี้เขาทำมาแห้งๆ ไม่เลี่ยนเลย แล้วสับปะรดก็เอาไปย่างๆ นิด มันก็เลยแห้งๆ ถ้าใครกินข้าวสับปะรดแล้วเลี่ยน แนะนำมาที่นี่เลย กินได้แน่นอนยำถั่วพลูกุ้งหมูสับ 240และไข่นกกะทาWing Beans, Prawns, Pork Mincedยำถั่วพลู ที่รสชาติดีเลยคะ เสริฟมากับหมูสับกุ้ง แล้วก็มีไข่นกกะทา กุ้งเขาตัวใหญ่แล้วก็สดดีคะปลาทับทิมผัดคื่นฉ่าย 690Wok-fried Whole Ruby (500-600g)Celery and Soy Bean Pasteเมนูทุก คนชื่นชมเลย ปลาทับทิม ตัวใหญ่ เนื้อฟูนุ่ม เขาจะผัดคึ่นฉ่าย แล้วเอามาราดเลยทำให้ตัวปลายังกรอบอยู่ชอบกินเมนูนี้อยู่แล้ว เจอ เนื้อปลาแบบนี้ ยิ่งกินใหญ่เลยตะยำสามกรอบทะเล 320Crispy Seafood, Green Mango Saladยำ 3 กรอบเขาก็จะมีกุ้ง ปลาสลิด อีกอันจำไม่ได้ 555 กุ้ง ปลาสลิด เขาอลังการ ให้มาเป็นเนื้อเป็นหนังจริงจังโดยเขาจะเอาไปชุบแป้งทอดก่อน แล้วก็ราดน้ำยำ จานนี้เสริฟมาหม้อดิน รสอาจจะไม่ได้จัดมาก แต่กลมกล่อมดีคะมาถึงเมนูที่ฮอตฮิตขอร้านเขาALL TIME FAVOURITES ขนมจีนแกงกะทิปู 260Thai Rice Noodles,Crab Meat Curryตอนมาเสริฟเขาเสริฟมาน่ารักมากเป็น ปิ้นโตที่ทำจากหวาย 2 ชั้น ชั้นบนเป็นขนมจีนกับแกงกะทิปูที่ใส่หม้อดินมา ชั้นล่างเป็นผักแกล้ม น่ารักมากกก น่ากินด้วย น้ำยาปูที่นี่ไม่ได้ใส่ใบชะพลู รสชาติเข้มข้น ปูเป็นปู ไม่ได้เป็นเศษปูเลย แต่เราชอบแกงปูที่ใส่ใบชะพลูมากกว่า มันมีกลิ่นหอม แต่อันนี้กลิ่นจะไม่ได้ จี๊ด หอมเท่าไหร่ซี่โครงแกะย่าง 720จากนิวซีแลนด์ราดซอสกระเพราNew Zealand Lamp Chop, Thai Holy Basil Sauceเมนูฮิตฮออตของเขาอีกอย่าง อันนี้เป็ฯ lamp Chop ใครที่ไม่ชอบเนื้อแกะเพราะกลัวเรื่องกลิ่นก็อาจจะไม่ชอบ เพราะเราก็ไม่ได้ชอบกินแกะมาก ก็เลยว่ามีกลิ่นนิด เขาเป็น Lamp Chop ชื้นใหญ่เลย เขาผัดมาแบบ ผัดไทยๆ ประมาณผัดกระเพรา ใครชอบแกะ จานนี้หลงรักแน่นอนแกงเผ็ดเป็ดย่าง 370Roasted Duck, Red Curry,Tomatoes, Pineappleแกงเผ็ดเป็ดย่างเสริฟมาในหม้อแบบสมัยก่อน น่ารักเลย ชามนี้ รสชาติดีคะ แต่อยากให้มันเข้มข้นมากกว่านี้หน่อยเพนเน่ ซีฟู้ดเพสโตซอส 320Penne Seafood Pestoจานนี้เราเฉยๆ เป็นเพสโต้ซอส ที่ออกครีมๆ ไปหน่อย มันก็เลยเลี่ยนๆ นิด ๆ ชอบอาหารไทยขอที่นี่มากกว่าแต่ซีฟู้ดเขาให้มาไม่อั้นเลยหมดของคาว ก็มาถึงของหวาน ของหวานที่นี่มีทั้งแบบ ไทย แบบ ฝรั่ง เชฟบอก่าขนมที่นี่ ไม่ได้มาเล่นๆ ให้เยอะ และอร่อยแยะคะNEIGHBOURHOOD DESSERT ตังเมผลไม้รวม 280Nougat Delight เป็นเมนูที่สวยมาก และอร่อยมากด้วย เป็นตังเมแบบนิ่มที่เขาใส่ มะม่วง ไปด้วย มันเลยเปรี่ยวๆ นิด ข้างล่างรองด้วย ขนมปังกรอบบด แล้วราดด้วย ซอสอัลมอลล์ เมื่อกินรวมกัน ทุกคนชอบเมนูนี้กันมากข้าวกระยาคู 190Young Rice PuddingCoconut Milkชอบเมนูนี้มาก ขอสารภาพว่าเราไม่เคยได้ยินชื่อเมนูนี้เลย เป็นขนมไทยที่เราแทบไม่เห็นแล้ว ที่นี่ยกนิ้วให้เลยอร่อยมากก พุดดิ้งหอมใบเตย ส่วนมะพร้าว ที่ราดข้างหน้า นิ่มและหอมกะทิสุดๆ เชพใจดี สาธิตวีธีทำแล้วยังให้กลับบ้านอีก ที่บ้านแม่ปลื้มปริ่มมาก แกบอกไม่ได้กินมานาน อันนี้ หอมและไม่หวานแสบคอด้วยซอฟท์เซิร์ฟเจลโต้มะพร้าว 150Coconut Soft Serve Gelato,Thai Condimentsเป็นซอฟท์เสริฟ มะพร้าว ที่มีตัวมะพร้าวนิดๆ เขาจะเสริฟมาพร้อมพวกเครื่องปรุง ที่มีให้เลือกหลายอย่าง เหมือนเรากินไอติมกะทิ แต่อันนี้เป็นซอฟท์เสริฟ เรายังเฉยๆ กับไอศรีมอยู่นะคะ ถ้าไอศครีมหอมกะทิกว่านี้จะเลิศเลยวนิลลามิลเฟย 280Vanilla Mille Feuilleเป็นเมนูที่ปรกติเราชอบอยู่แล้ว แป้งพรายเขาบางกรอบ แล้วครีมก็เนียน เบาๆ ไม่หวานมากดี เป็นขนมที่อร่อยเลย กินกับ กาแฟร้อน ชานี่อร่อยเป็นมื้อที่อิ่มและสนุก ขอบการนำเสนอของเชฟทุกจานเลย อาหารไทยทำให้สนุกไม่ยากเลยคะ ถ้าใครที่แขกชาวต่างชาติหรือ จะมากินกันเอง แล้วอยากกิน อาหารไทยที่เป็นอาหารไทยจริงๆ แล้วก็ใช้วัตถุดิบดีดี แนะนำที่นี่เลย เราก็ต้อกลับไปอีกอย่างแน่นอน  อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)