ต่อไปเป็นการพาน้องผู้ทำหน้าที่สารถีไปกินกาแฟค่ะ (สัญญากับน้องว่าจะพาไปกินกาแฟดีๆ)

เลือกร้านนี้ให้น้อง เพราะใกล้สนามบินค่ะ น้องต้องบินกลับก่อนเราน่ะนะ




วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน 08:00 - 16:00
เบอร์โทร : 081-530-5388
พิกัด : ในหมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์
เมนูที่ได้ลอง : เอสเปรสโซ่พันนาคอตต้า / กราวิตี้


ร้านนี้อยู๋ในหมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ค่ะ ร้านอยู่ในบริเวณเดียวกับร้านครัวย่า (ที่มีขนมจีนน้ำพริกอร่อย แต่ไม่มีเวลาลอง แหะๆ) 


เป็นร้านเล็กๆ ที่นั่งน้อยมากค่ะ มีในห้องแอร์เป็นเคาน์เตอร์ยาวไม่กี่ที่ และโต๊ะแบบสองที่นั่งอีกโต๊ะ นอกนั้นอยู่ด้านนอก ซึ่งก็ไม่เยอะอีกเช่นกัน เพราะงั้น...ทำใจเผื่อไว้นะคะว่าจะไม่มีที่นั่ง
เวลาสั่งต้องไปสั่งที่เคาน์เตอร์แล้วก็จ่ายเงินก่อนเลยนะคะ แล้วทางร้านจะมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะนะคะ


วันนั้นเราลองสองเมนูนี้ค่ะ

กราวิตี้ (พนักงานแจ้งว่าห้ามคน กินได้เลย) - อร่อย หอมทั้งนมและท็อปปิ้งค่ะ ชอบรูปลักษณ์ด้วย สวยและเก๋แหละ

เอสเปรสโซพันนาคอตต้า - ดีงามมาก เอสเปรสโซเข้ม คลีน ต้องกินให้บาลานซ์กับพันนาคอตต้านะคะ อร่อย ชอบมาก

ของคนอื่นๆ เป็นชาเขียว น้องบอกนมเด่นกว่าชาเขียว / โกโก้ เพื่อนบอกเฉยๆ / กาแฟเย็น รู้สึกจะเป็นคาปุชิโน - น้องบอกไม่หวานดี

คือ ถ้าหวานปกติของร้านนี้คือไม่หวานนะคะ ถ้าชอบหวาน สั่งหวานมากละกันค่ะ แล้วก็เราว่ากาแฟร้านนี้เด่นกว่าเครื่องดื่มอย่างอื่นนะคะ ถ้าเอาจากที่ถามคนอื่นที่ดื่มอย่างอื่นน่ะ
การบริการ : ปกติค่ะ ทำได้ฉับไวดี แต่เนื่องด้วยเหมือนเป็นการสั่ง ได้รับ กิน มากกว่าจะมาดูแลอะไร เลยไม่เห็นบริการอย่างอื่นนะคะ

ราคา : จำได้ว่าหมดไปราวสองหรือสามร้อยกว่าบาทค่ะ ไม่แพงนะคะ กับทั้งหมด 5 เมนูค่ะ แต่ไม่รับบัตรเครดิตนะคะ


สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ


เราค่อนข้างเชียร์สำหรับคนรักกาแฟค่ะ สองเมนูที่เราสั่งมานี่ดีงามมาก นอกจากนั้นที่นี่ยังใช้เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อ "Spirit Duette" ที่ทางร้านใช้ ซึ่งมีคนบอกว่าเป็นเครื่องชงในฝันของบาริสต้าหลายท่านเลยค่ะ แต่เครื่องนี้นี่ราคาแพงสุดๆแต่ก็สมกับประสิทธิภาพในการดึงช็อตของกาแฟได้เยี่ยมหละค่ะ

หลังจากร้านที่แล้วก็ไปส่งน้องที่สนามบิน แล้วเราก็ใช้แอพเรียกแท็กซี่มาย่านนิมมานฯ ค่ะ

ตอนแรกจะไปทิชาทีรูมบายหาร์น ปรากฏว่า ปิดดดดดดดดดดดดดด แงๆๆๆๆ

ให้พี่แท็กซี่ไปอีกร้านในลิสต์คือ คุยซีนเดอการ์เด้น ปิดอี๊กกกกกกก (เปิดหลังลอยกระทงค่ะ) เลยไปแหมะที่ร้านนี้แทนค่ะ 


คั่วไก่นิมมาน  วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน 09:00 - 21:00
เบอร์โทร : 053-218-278, 082-180-1177
พิกัด : ซอยสายน้ำผึ้ง (ติดไอเบอร์รี่)
เมนูที่ได้ลอง : คั่วไก่อบไข่กระทะร้อน / น้ำอัญชันมะนาว



หน้าตาหน้าร้านนะคะ

เวลาเปิดปิดของทางร้านนะฮับ

มีทั้งห้องแอร์และเอาท์ดอร์นะคะ โต๊ะจัดติดๆ กันพอควร ถ้าคนเต็มร้านน่าจะแน่นน่าดูเหมือนกันค่ะ
menu นะคะ ราคาก็กลางๆ เนาะ ไม่ได้ถูกแต่ก็ไม่ได้แพงค่ะ

น้ำอัญชันมะนาว ดีค่ะ หวานและเปรี้ยวกำลังดี ชอบภาชนะที่ใส่มาให้ด้วยค่ะ 
น้ำดื่มมาพร้อมอุปกรณ์และซอสพริกตามภาพเลยฮับ



คั่วไก่อบไข่กระทะร้อน ไม่เด่นง่ะ เฉยๆ ไม่หอม ไม่อะไรทั้งสิ้นค่ะ แต่มาแบบร้อนๆ ควันพวยพุ่ง น่าถ่ายรูปเช็คอินค่ะ 555
ค่าเสียหายค่า คั่วไก่อบไข่กระทะร้อน 70 น้ำ 30 ถือว่าโอเคค่ะ ไม่แพงนะคะ
การบริการ : โอเคค่ะ รวดเร็ว ฉับไว ทั้งการรับออเดอร์ การทำอาหาร และการคิดเงิน



สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ


โดยรวมวันนั้นไม่ได้มีอะไรที่โดนใจเป็นพิเศษค่ะ คือ กินได้ แต่ก็ไม่ได้ว้าวง่ะนะ ข้อดีคือ เราว่าราคามันโอเคน่ะค่ะ สบายๆ กระเป๋า ร้านก็สวยพอควรเลย แต่ตอนไปรีวิวที่พันทิป ก็มีคนบอกว่าเมื่อก่อนอร่อยมาก ก็เลยไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนพ่อครัวหรือเปล่าง่ะนะ แหะๆ

หลังจากไปชิมที่คั่วไก่นิมมานแล้ว...ยังค่ะ
ยังไม่หมดคาว น้องซึ่งเป็นเพื่อนของน้องที่บินกลับไฟลท์เดียวกัน
ชวนไปกินร้านนี้ค่ะ เราก็เลยตามไปนะคะ เพราะยังไม่เคยกินร้านนี้เลย


ไก่ย่างเชิงดอย


วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน 11:00 - 20:00 (ปิดวันจันทร์)

เบอร์โทร : 084-040-6464 
พิกัด : ถนนสุขเกษม
(แยกจากถนนนิมมานเหมินทร์)

เมนูที่ได้ลอง : ไก่ย่าง / ลาบหมู / ส้มตำข้าวโพด / ต้มยำเห็ด

พิกัดร้านอยู่ในถนนสุขเกษมนะคะ
จะเป็นเหมือนซอยที่แยกไปจากถนนนิมมานเหมินทร์อีกทีค่ะ
ปากซอยมีป้ายบอกว่าร้านอยู่ด้านในตามภาพเลยนะคะ


จุตสังเกต ซอยนี้จะอยู่เยื้องๆ
กับธนาคารออมสินสีชมพูหวานนนนแห่งนี้นี่เองค่ะ


ร้านอยู่ในซอยเดินพอให้หัวใจได้เปลี่ยนจังหวะเต้นนิดๆ ค่ะ
ไม่เหนื่อยค่ะไม่เหนื่อย 555 บรรยากาศร้าน ร้านนี้ไม่มีห้องแอร์นะคะ เป็นบ้านไม้เก่าๆ
เอามาทำร้านอาหารหละ ชาวต่างชาติเยอะเชียว เหมาะมากินเย็นๆ ค่ะ
ถ้ามามื้อกลางวันน่าจะร้อนนา
ไปถึงน้องก็สั่งมาแล้วหน้าตาตามภาพค่ะ 555 ตำไทยพริกเม็ดเดียว menu นี้เป็นของน้องค่ะ น้องบอกรสชาติดี

ไก่ย่าง ย่างมาดีมาก หนังกรอบ แต่เนื้อยังฉ่ำ อร่อยค่ะ
น้ำจิ้มไก่ที่นี่หน้าตาแปลกดีค่ะ แต่อร่อยนะคะ หวานอมเปรี้ยว หอมนิดๆ
ด้วยค่ะ ลาบหมู - รสชาติดีเช่นกันค่ะ แต่ไม่เผ็ด เพราะสั่งให้น้องเช่นกัน 555
ต้มยำเห็ด - ไม่เผ็ด แต่รสดี ถ้าเผ็ดน่าจะยิ่งอร่อย
(น้องที่กินด้วยกินเผ็ดไม่ได้ง่ะ) จากนั้นน้องก็ถามว่า เราจะสั่งอะไรเพิ่มมั้ย ที่นี่เวลาสั่งก็ติ๊กๆ
ในใบแบบนี้ได้เลยนะคะ สำหรับน้ำแข็งที่นี่ต้องเติมบริการเองค่าา
รอสักพักสิ่งที่เราสั่งก็มานะคะ ส้มตำข้าวโพด อร่อยมาก รสจัด เผ็ด แบบที่สั่งและอยากได้เลย
ไอติมกะทิ เราไม่ได้ชิม น้องกินน้องบอกว่าปกติค่ะ ไม่ได้ว้าวไปจากที่อื่นง่ะ 
สงสัยที่นี่ชาวต่างชาติจะมาเยอะค่ะ มีป้ายภาษาอังกฤษด้วยอ้ะ
ค่าเสียหายค่ะ ราคาส้มตำอยู่ที่ 40-50 บาทค่ะ ไก่ย่าง 75 ต้มยำเห็ด
60 ลาบ 60 ราคาก็ไม่แพงนะคะ
แต่จานก็ไม่ได้ใหญ่นะ แต่ก็โอเคค่ะ การบริการ : ต้องให้เรียกอยู่บ้างค่ะ เป็นชาวอาเซียนบ้างบางคน ทำให้การสื่อสารต้องย้ำกันดีๆ หน่อยนะคะ


สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ

โดยรวมเราว่าทำอาหารออกมาได้รสชาติดีค่ะ
ขนาดอิ่มๆ ยังรู้สึกว่ารสชาติดีได้อ้ะ ยิ่งตัวตำข้าวโพดนี่แบบว่า
ได้อย่างใจอย่างที่สั่งม้ากมากเลยค่ะ หรืออย่างอื่นแม้จะไม่เผ็ด แต่รสชาติอื่นๆ
ก็ลงตัวดีมากค่ะ
เป็นอีกร้านที่ใครอยากกินอาหารอิสานที่เชียงใหม่ก็แนะนำให้ลองไปชิมดูนะคะ

มาถึงร้านสุดท้ายยยยยยยยย (สักที) สำหรับทริปนี้นะคะ หลังจากแยกกับน้อง (แล้วค่อยไปเจอที่สนามบินอีกที นัดกันที่เล้าจน์ของบางกอกแอร์เวย์หละค่ะ)

ตอนแรกจะไปหอมปากหอมคอค่ะ แต่ไม่ทันง่ะ ร้านปิดก่อน 
ไอศกรีมกดกริ่งก็ไม่ทัน เลยไปที่ร้านนี้แทนค่ะ



Fruiturday
วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน : 11:00 - 23:00
เบอร์โทร : 094-643-2643  พิกัด : ถนนนิมมาน อยุ่ระหว่างซอย 13 และ 15
เมนูที่ได้ลอง : Fruit Family



ร้านอยู่ริมถนนเลยนะคะ พิกัดร้านจะอยู่ตรงข้ามกับอาคารหลังนี้ค่ะ



ตอนแรกดูจากหน้าร้านเหมือนร้านจะเล็กๆ แคบๆ แต่ลึกเข้าไปด้านในก็มีที่นั่งอีกแหละค่ะ ร้านนี้มีไวไฟให้ฟรีนะคะ แต่ไม่ได้เร็วมากค่ะ แหะๆ สำหรับร้านนี้ ไปสั่งและจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ก่อนเลยนะคะ

ที่นั่งภายในร้านที่อยู่ด้านในค่ะ ที่นี่มีทั้งที่นั่งด้านนอกและห้องแอร์ค่ะ แม้จะเบียดไปหน่อย แต่สีของร้านที่ขาวๆ ทำให้ค่อนข้างไม่อึดอัดค่ะ
หลังจากนั้นก็มานั่งรอค่ะ จะมีป้ายที่เราสั่งมาให้ปักรอไว้ที่โต๊ะนะคะ น่ารักเชียวแหละ อิอิ
และแล้วที่เราสั่งก็มาค่าา รสชาติอร่อยมากๆๆ น้ำที่มากับพุดดิ้งนี่รสชาติกำลังดีมาก พุดดิ้งมีเนื้อมะพร้าวหน่อยๆ ด้วย อร่อย กินกับผลไม้ก็เข้ากัน ขนาดอิ่มมาก ยังกินได้หมดถ้วย เป็นการปิดท้ายทริปที่ดีงามมากค่ะ อยากกินไอติมหม้อไฟด้วย แต่คนเดียวง่ะ ไม่ไหวแล้ววว การบริการ : ดีมากค่ะ มีการแนะนำ พูดจายิ้มแย้ม อาหารก็เร็ว ดีค่ะ
ราคา : 99 บาท สำหรับเมนูนี้ ถือว่าโอเคค่ะ อร่อยน่ะนะ ราคานี้ก็รับได้ 555



สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ


สำหรับเมนูที่เรากินวันนั้นคือดีงามสยามประเทศมากค่ะ อร่อยสุด ถูกใจและประทับใจมากๆ อ้ะ ทั้งที่อิ่มแต่กลับยังรู้สึกอร่อย ไม่แน่ใจว่าเมนูอื่นเป็นไงบ้างนะคะ แต่กับเมนูนี้นี่เชียร์มากมายค่ะ 

Probably the best cafe in Chiang Mai !! We visited twice in our 5days of staying, the environment is cosy, staffs are very very nice And they r actually very funny too! I don't rmb exactly what we have ordered, flat white, cappuccino, latte, mocha ... all of them are very nice n looking good! They were like Art for us !! I would said they are gifted ! The cups are very unique as u can see. If we would go back to Chiang Mai, this cafe probably is one of the reason to attempt us to go back haha

เจ้าของร้านเป็นคนเกาหลีค่ะ จาจังมยอนอร่อยและเยอะมากค่ะ มานั่งที่โต๊ะปุ้ปก็จะมีเครื่องเขียงมาเสิร์ฟเลยค่ะ โดยรวมราคาคุ้มกับปริมาณและรสชาติค่ะ แต่ไก่ทอดเกาหลียังว่าเฉยๆอยู่นะคะ ชอบไก่ทอดเกาหลีของ Rawtruckr มากกว่า

เจ้าของร้านเป็นศิลปินนักร้องเก่า อาหารอร่อยค่ะ บางวันถ้าเขามาก็จะเล่นดนตรีสดให้ฟัง ราคาโอเคแต่ถ้าเทียบกับปริมาณก็จะน้อยใปหน่อยค่ะ ข้างเปล่าสั่งจานเดียวไม่เคยพอ เพราะข้าวให้มาน้อยค่ะ เมนูแนะนำ ไม่ใช่แกงส้ม ปลาหมึกผัดไข่เค็ม เนื้อแดดเดียว ซุปเปอร์ตีนไก่ ต้มแซ่บเนื้อตุ๋น ไข่ตุ๋นเนื้อละเอียดหอมกระเทียมเจียวมากค่ะ

ไปทานบ่อยค่ะ ใกล้มช. หารกับเพื่อนตกคนละ 100 กว่าบาท แหนมเนืองอร่อยแต่ผักที่ให้มาน้อยไปหน่อย เมนูขนมเบื้องญวน บางครั้งก็อร่อย บางครั้งก็น้ำมันเยอะเกินไป ชอบที่มีลอดช่องแถมให้ฟรีตบท้ายเป็นของหวานค่ะ

เมื่อก่อนไปทานบ่อย แต่เดี๋ยวนี้คุณภาพลดลงไปเยอะเลยค่ะ เกร็ดน้ำแข็งไม่นุ่มละมุนแบบเมื่อก่อนแล้ว เมนูของสาขาศิริมังคลาจารย์สั่งได้น้อย แต่ในเมนูมีหลายอย่างแต่จะวงกลมเขียนว่ามีเฉพาะสาขาอื่นๆ คิดว่าทางร้านมักง่ายเกินไป ควรทำเมนูแยกไปแต่ละสาขาดีกว่า เพราะจะสั่งแต่ละที อ่าว สาขานี้ไม่มี เปิดไปหูยน่ากิน อ่าว สาขานี้ไม่มีอีก ไปทานล่าสุด มิถุนายน 2017 หลังจากนั้นก็ไม่ไปอีกแล้วค่ะ

"กูโรตี"คือโรตีที่กูชอบกิน อร่อยคุ้มราคา "ชาชัก"ก็เช่นเดียวกัน แต่หาที่จอดรถลำบากหน่อยนะ คิดว่าจะมากินครั้งละเมนู จนกว่าจะครบทุกเมนู วันนี้สองเมนู

ถ้าพูดถึงไข่กระทะ มักจะเป็นที่นิยมกินกันในภาคอีสานไม่ว่าจะเป็น อุดร ขอนแก่น หนองคาย เลย ซึ่งไข่กระทะนั้นมีที่มาจากสมัยที่ฝรั่งเศสปกครองอินโดจีน ซึ่งรวมถึงประเทศเวียดนามด้วย สังเกตง่าย ๆ ที่มีการกินคู่กับขนมปังฝรั่งเศสด้วย สำหรับ “ไข่กระทะเลิศรส เชียงใหม่” นั้นเกิดจากการที่คุณเมย์-ปุณณภา ได้ไปร่ำเรียนสูตรมาจากจังหวัดอุดรธานี และนำมาปรับปรุงสูตรจนเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ความเด็ดของไข่กระทะที่นี่จะเป็นไข่กระทะทรงเครื่อง เป็นไข่ 2 ใบ ตอกในกระทะใบเล็ก ๆ ที่ใส่ทั้งหมูสับปรุงรส หมูยอ กุนเชียง โรยหน้าด้วยหอมเจียวทอดแบบร้อน ๆ สดใหม่ เพิ่มสีสันรสชาติและความหอม ร้าน “ไข่กระทะเลิศรส เชียงใหม่” ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ อยู่ข้าง ๆ วัดฟ้อนสร้อย ซึ่งถ้าขับรถมาให้จอดรถที่วัดได้ เสียค่าบริการจอดรถ 10 บาท ค่ะ ร้านเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึงบ่ายสาม ร้านเป็นแบบ 1 คูหา ภายในร้านตรงฝาผนังมีรูปสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่แปะอยู่ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว มีทั้งไทยและต่างชาติ เป็นร้านที่คงแนะนำผ่าน Tripadvisor มาด้วย เมนูอาหารมีทั้งแบบสั่งแยก หรือจะเลือกสั่งแบบเซตก็ได้ค่ะ สั่งแบบเซตจะประหยัดกว่านิดนึง เราเลือกสั่งเซต E (80 บาท) ในเซตจะมีไข่กระทะทรงเครื่อง ขนมปังซึ่งสามารถเลือกไส้ได้ค่ะ ถ้าราคาไส้ไหนแพงกว่าในเซตก็จะบวกเพิ่มไปตามราคาในเมนูค่ะ เราอยากลองชิม เลยเลือกไส้กุนเชียง กับไส้ไก่เห็ดหอม ขนมปังแบบฝรั่งเศสอุ่นมาร้อน ๆ ด้านในสอดไส้กุนเชียงรสหวาน ๆ กับไส่ไก่สับผัดกับเห็ดหอม กินเพลิน ๆ ดีค่ะ ชิ้นไม่ใหญ่มาก ขนาดกำลังพอกิน ในเซตจะมีน้ำส้มคั้นสด 1 แก้ว ซึ่งน้ำส้มคั้นสดที่นี่จะเป็นส้มแท้ ๆ คั้นแบบไม่ผสมเลยค่ะ ข้าวต้มหมูเห็ดหอม (40 บาท) เป็นข้าวต้มต้มมาแบบร้อน ๆ มีเนื้อหมูสับแบบเนียน ๆ เด้ง ๆ คล้าย ๆ หมูเด้ง กับเห็ดหอมหั่นซอย โรยด้วยคื่นฉ่าย น้ำซุปหอม ๆ ดีค่ะ เราต้องใส่ซอสแมกกี้เพิ่มอีกนิด โรยพริกไทยอีกหน่อย เพิ่มความเค็มและหอมกลิ่นพริกไทย โดยรวมอาหารรสชาติใช้ได้ค่ะ เครื่องเยอะดี ราคาก็เป็นมิตร ใช้เวลารออาหารไม่นานมาก เห็นว่าถ้ามาช่วงเช้า ๆ ช่วงพีคจะลูกค้าเยอะมาก ๆ ค่ะ แต่เรามาสายหน่อย ลูกค้าเลยไม่แน่นเท่าไรกำลังสบาย ๆ

"Rock Me Burger" ร้านเบอร์เกอร์น้องใหม่ชื่อดัง ย่านถนนลอยเคราะห์ ร้านนี้เกิดจากความชื่นชอบในการทำอาหารของคุณเบสท์-รัฐวิทย์ รัตนยงค์ไพโรจน์ มือกีตาร์แห่งวง Sonnet & Alcohol ซึ่งเช่าพื้นที่บางส่วนจากโรงแรมเรือนระมิงค์ ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว อาหารโปรดของคุณเบสท์คือแฮมเบอร์เกอร์ จึงเป็นที่มาของเมนูเด็ดของร้าน ซึ่งคุณเบสท์บอกว่ากว่าจะเปิดร้านนี้ได้คือลองกินเบอร์เกอร์มาเป็นร้อยอันแล้ว ด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ ขนมปังเบอร์เกอร์แบบโฮมเมด ควบคุมการผลิตเองทุกขั้นตอน กว่าจะได้สูตรขนมปังที่ลงตัว เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย ซอสที่ปรุงเอง แม้กระทั่งแตงกวาดองที่เสียบบนมีดก็ยังดองเอง ความอร่อยถึงขั้นฝรั่งยังชมว่าเป็นเบอร์เกอร์ที่อร่อย ติดอันดับใน tripadvisor สังเกตได้เลยว่าลูกค้าเป็นชาวต่างชาติเยอะมาก ๆ ร้านจะอยู่บนถนนลอยเคราะห์ หน้าโรงแรมเรือนระมิงค์ ที่จอดรถสามารถจอดได้ที่หน้าร้าน หรือถ้าไม่มีที่จอดสามารถจอดในโรงแรมเรือนระมิงค์ได้ด้วย ร้านตกแต่งสไตล์อเมริกัน รูปเครื่องดนตรีบ่งบอกถึงอีกอาชีพของเจ้าของร้าน นอกจากนี้ถ้ามาช่วงกลางคืนจะมีเล่นดนตรีเปิดเป็นสไตล์บาร์ด้วย แต่เรามาช่วงบ่าย ๆ จะเป็นร้านอาหารอย่างเดียว เบอร์เกอร์จะทำส่วนหน้าร้าน ซึ่งมีเคาน์เตอร์นั่ง ถ้าใครอยากเห็นตอนทำสด ๆ ก็นั่งหน้าร้านได้ค่ะ เมนูแรกคือเมนูแนะนำ Rocking on Heaven (190 บาท) ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าเป็นหมูหรือเนื้อ เราเลือกสั่งแบบหมูค่ะ จะเป็นเบอร์เกอร์โฮมเมด สอดไส้ด้วยหมูสับหมักเครื่องเทศหอมกลิ่นเครื่องปรุงอร่อยมาก ๆ ค่ะ เนื้อหมูสับมีความชุ่มฉ่ำดีมาก ๆ เลย ในเบอร์เกอร์สอดไส้ด้วย Cheddar Cheese, Scrambled Egg มะเขือเทศ เบคอน ผักกาดแก้ว ราดด้วยซอสมาโย ใครอยากจัดหนักต้องเมนูนี้เลยค่ะ ครบเครื่องจริง ๆ เสิร์ฟพร้อมหอมทอด และมั่นฝรั่งทอดมาแบบเหลืองกรอบ ร้อน ๆ เลย โรยเกลือนิด ๆ เสิร์ฟมาบนจานแบบเขียงไม้ มีมีดปักมาให้เบอร์เกอร์ไม่ขยับได้ เสียบบนแตงกวาดอง ตกแต่งมาดูเท่ห์ ๆ ดีค่ะ Pork for Me (150 บาท) เหมาะสำหรับคนไม่จัดหนักมากค่ะ จะคล้าย ๆ เมนูแรกเลย แต่เครื่องน้อยกว่า คือจะมีแค่โฮมเมดเบอร์เกอร์ สอดไส้ด้วยหมูสับปรุงรสหอมอร่อยมาก ๆ ค่ะ ขนาดหมูยังเด็ดขนาดนี้ ถ้าเป็นเนื้อที่ว่าขึ้นชื่อคงฟินไม่แพ้กันค่ะ ด้านในจะมี Cheddar Cheese, มะเขือเทศ ผักกาดแก้ว และซอสมาโย เสียบด้วยมีดบนแตงกวาดอง Blue Monster (65 บาท) เป็น Blue Lemon Syrup ผสมกับโซดาและมะนาวรสออกเปรี้ยว ๆ ซ่า ๆ ดีค่ะ เอาไว้ดื่มตัดเลี่ยน เบอร์เกอร์อร่อยสมกับที่ฝรั่งชมจริง ๆ ค่ะ ถ้ามาแบบหิวโซนี่จะดีมากค่ะ เพราะชิ้นใหญ่เครื่องแน่นมาก ๆ เรียกว่าอิ่มไปทั้งวันเลยหล่ะค่ะ

เคยประทับใจฉากในละครธรณีนี่นี้ใครครอง กับเรื่องตามรักคืนใจ ของพี่อาทิจกับน้องณี และนายสิงห์กับหนูนา เลยลองค้นมาว่าถ่ายทำกันที่บ้านม่อนม่วน เรามีโอกาสได้มาพักที่เชียงใหม่ เลยขอแวะบ้านม่อนม่วน ซึ่งอยู่ใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นทางที่ถึงก่อนจะขึ้นไปบนม่อนแจ่ม ร้านจะมีทั้งโซนร้านกาแฟ ซึ่งอยู่ด้านล่าง และส่วนร้านอาหารที่อยู่ด้านบน แต่สามารถสั่งเครื่องดื่มกาแฟมาที่ร้านอาหารได้เหมือนกัน ในโซนร้านอาหารมีส่วนที่เป็นห้องแบบลายไม้ฉลุให้ดูโปร่ง ๆ ซึ่งตรงนี้ใช้ถ่ายละครเป็นห้องอาหารของบ้านของนายสิงห์ ส่วนโซนระเบียงจะมองเห็นวิวเขาสุดลูกตา ซึ่งใช้เป็นสถานที่ถ่ายละครธรณีนี่นี้ใครครอง ซึ่งเป็นระเบียงคุณย่า บรรยากาศดีมาก ๆ ค่ะ อากาศเย็นสบายมีลมนิด ๆ ถ้ามาช่วงปลายปีอากาศคงจะหนาวน่าดู เลือกสั่งเมนูแนะนำอย่างสตอเบอร์รี่ปั่น (110 บาท) เป็นผลสตอเบอร์รี่สด ๆ ที่เก็บมาจากโครงการหลวงปั่นกับน้ำแข็ง ได้ความสดและเป็นสตอเบอร์รี่ 100% ไม่ผสมน้ำเชื่อมอร่อยชื่นใจมาก ๆ ค่ะ สปาเกตตี้ไส้อั่ว (150 บาท) เป็นเส้นสปาเกตตี้โฮลวีท ผัดกับใบมะกรูด ใบกระเพรา แครอท หอมหัวใหญ่ และไส้อั่ว ไส้อั่วรสชาติดีเข้มข้นอร่อยเพิ่มรสชาติ เส้นสปาเกตตี้เหนียวนุ่มดีค่ะ หอมกลิ่นใบมะกรูด แต่พอช่วงกินไปท้าย ๆ จะเริ่มเจอตรงน้ำมันเยอะไปนิดเลยเริ่มรู้สึกเลี่ยน ถ้าใส่น้ำมันลดลงอีกนิดคงจะดี สปาเกตตี้ขี้เมาหมู (110 บาท) เส้นสปาเกตตี้แบบโฮลวีทผัดกับใบกระเพรา พริกสด รสจัดจ้านเผ็ดก่าจานแรก ใส่กับเนื้อหมูชิ้น ก็อร่อยดีค่ะ แต่เราชอบจานแรกมากกว่า รองมาด้วยผักสลัดปลอดวารพิษ มะเขือเทศผักกรอบและสดมาก ๆ ค่ะ ราคาในเมนูยังไม่รวม service charge อีก 10% นะคะ อาการที่นี่วัตถุดิบสดใหม่ และปลอดสารพิษเพราะมาจากโครงการหลวงกินแล้วเพื่อสุขภาพดีค่ะ ส่วนบรรยากาศไม่ต้องพูดถึงกินขาดแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่ถ่ายละครหลายเรื่องหรอกค่ะ ผ่านมาแถวเชียงใหม่ต้องหาโอกาสแวะมาสักครั้งนะคะ

"ก๋วยเตี๋ยวเรือ ห้อยขา ริมปิง เชียงใหม่" ที่มาของชื่อร้านมาจากบรรยากาศของร้านที่อยู่ติดริมแม่น้ำปิง มีระเบียงริมน้ำเป็นโต๊ะนั่งกิน ซึ่งเวลานั่งกินต้องหอยขากิน ซึ่งจะมองเห็นวิวริมแม่น้ำปิง และฝั่งตรงข้ามเป็นท่าเรือวัดชัยมงคล จริง ๆ ร้านมีทั้งโซนอินดอร์ซึ่งก็ตกแต่งสวยงาม แต่ลูกค้าส่วนใหญ่มักเลือกนั่งริมแม่น้ำปิงเพราะได้นั่งห้อยขาดื่มด่ำบรรยากาศ มีรถสามล้อ รถจักรยานถีบตกแต่งทั่วร้าน มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเลยค่ะ ร้านอยู่บนเส้น 106 ถนนเชียงใหม่ - ลำพูน ร้านมีที่จอดรถ 10 กว่าคัน แต่ลูกค้าส่วนใหญ่จะขี่มอเตอร์ไซค์กันมากกว่า ตอนเดินเข้ามาในร้านจะมีพนักงานมาแนะนำวิธีการสั่งอาหารโดยเลือกสั่งได้ผ่าน tablet ดูทันสมัยดีมากค่ะ สั่งก๋วยเตี๋ยวเรือ เส้นหมี่และเส้นเล็กชิ้นสด (15 บาท) หมูหมักมานุ่มดีค่ะ ลูกชิ้นหอมกลิ่นพริกไทย เคี้ยวหนุบหนับดี แต่เราติดว่าน้ำซุปที่นี่รสยังไม่ค่อยโดนออกไปทางหวาน ถึงปรุงเพิ่มแล้วรสชาติยังไม่โดนใจเราเท่าไรค่ะ ให้ 3 ดาวค่ะ ลูกชิ้นหมูปิ้ง (ไม้ละ 10 บาท) ลูกชิ้นหมูที่นี่เค้าใช้ได้เลยค่ะ น้ำจิ้มรสชาติเข้มข้นน่าจะมีส่วนผสมของมะขามอร่อยดีค่ะ เกี๊ยวทอด (15 บาท)เป็นแผ่นเกี๊ยวบางๆ ไม่มีใส้ทอดมาแบบเหลืองกรอบ เคี้ยวเพลินดีค่ะ แคปหมู (10 บาท) แคปหมูกรุบกรอบใส่เพิ่มรสชาติในก๋วยเตี๋ยวเรือ ชามะนาว (30 บาท) ชามะนาวรสชาติดีค่ะ แต่เราชอบรสเปรี้ยวเลยรีเควทขอเพิ่มมะนาว ซึ่งพนักงานก็บริการดีจัดให้ด้วยความยิ้มแย้ม ร้านบรรยากาศดีน่านั่งมากค่ะ อาหารแล้วแต่เมนู กลาง ๆ บางเมนูก็ใช้ได้ ราคาไม่แรงแบบชางกรุงเทพ ว่าง ๆ ลองแวะมาชิมกันนะคะ

หน่อไม้ต้มสุกซอย ผัดกับน้ำพริกเผาและหมูชิ้น  รสชาติหวานจากน้ำพริกเผา เผ็ดนิดๆจากพริกแดง กลิ่นหอมจากใบมะกรูด อร่อย กลมกล่อมทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ นะ....บอกได้คำเดียว "อร่อย"