นักรีวิวร้านอาหาร

พอดีต้องไปทำธุระตรงแถวเหม่งจ๋าย ระหว่างรอเลยได้เดินหาอะไรทานแถบนั้น เลยได้เห็นร้านน้องใหม่ที่เพิ่งจะเปิดได้ไม่นานย่านนี้ เลยขอลองของใหม่กันสักนิด กับร้าน "ครัวบ้านคุณแม่" กะว่าต้องเป็นอาหารรสชาติแบบที่เราทานกันในครัวเรือน เมนูง่ายๆ ในบรรยากาศเป็นกันเอง - การเดินทาง - 
ครัวบ้านคุณแม่ ตั้งอยู่บนถนนประชาอุทิศ (เหม่งจ๋าย) หากมาจากถนนเลียบทางด่วนเลี้ยวเข้าตามทางถนนประชาอุทิศที่จะมุ่งหน้าไปแยกเหม่งจ๋ายได้เลยค่ะ ร้านจะอยู่ก่อนถึง B-Quik ทางขวามือ สังเกตจากซาวน่า Ten ก็ได้นะคะ เลยซาวน่าไปนิดเดียวค่ะ ... หากใครขับรถไปเอง จอดรถกันได้ริมทางนะคะ โดยเค้าจะมีฝั่งที่จอดได้ตามวันคู่และวันคี่ (อันนี้จำไม่ได้จริงๆค่ะ) - การตกแต่งร้าน - 
ร้านนี้เป็นห้องกระจก ติดแอร์ให้ความเย็นแบบเต็มที่ ขนาดเป็นช่วงกลางวันแดดแรงในร้านก็ยังนั่งได้แบบเย็นสบายค่ะ แต่ป้ายด้านนอกที่ติดแนะนำอาหาร ทำให้ครั้งแรกที่เห็นคิดว่าเป็นร้านขายสเต็ก แต่พอเข้าร้านไปดูเมนูเต็มๆ ถึงได้รู้ว่าเค้าเน้นอาหารพวกอาหารจานเดียวมากกว่าค่ะ แต่ก็มีสเต็กเป็นหนึ่งในหลายๆเมนูของทางร้าน ... ส่วนบรรยากาศในร้านก็สบายๆค่ะ ไม่ได้แต่งสวยสไตล์คาเฟ่ แต่ก็ดูสะอาดสอ้านกว่าร้านตามสั่งห้องแถวทั่วไป - อาหารที่ได้ชิม - 
ไปคนเดียว ลองคนเดียว เลยชิมได้แค่นี้นะคะ .. ข้าวจานนึง กับน้ำแก้วนึง เลยจะขอแนะนำเฉพาะส่วนที่ได้ชิมมานะคะ  ข้าวผัดมันกุ้ง (80 บาท) : ข้าวจานใหญ่พอสมควร ผัดมากับมันกุ้ง และตกแต่งมาด้วยกุ้งสดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จำนวน 3 ตัว เม็ดข้าวถือว่าดีสำหรับข้าวผัดนะคะเพราะไม่แฉะไม่เละ แต่รสชาติไม่ค่อยจัดเท่าไหร่ ติดจืดๆมากกว่า เลยต้องทานกับพริกน้ำปลาอีกนิด จานนี้ก็รสชาติดีขึ้นได้เลยค่ะ  น้ำมะนาวโซดา (60 บาท) : เครื่องดื่มสำหรับมื้อนี้ น้ำมะนาวเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด หวานหน่อยๆ ผสมกับโซดาซ่าๆ ทำให้เครือ่งดื่มแก้วนี้รสชาติดีเลยค่ะ ถึงจะไม่มีการตกแต่งสวยหรู แต่ถือว่าให้ผ่านค่ะ - การบริการ - 
เท่าที่เห็นร้านนี้น่าจะเป็นกิจการในครัวเรือน ทุกคนช่วยกันทำ ทุกคนเอาใจใส่ลูกค้าได้ดีเลยค่ะ แต่ที่ควรจะปรับปรุงสักหน่อยคือเรื่องการสื่อสารภายในกันเอง ... ไม่ใช่ว่าคุยกันไม่รู้เรื่องนะคะ แต่แบบพ่อว่าลูกเสียงดัง จนลูกค้าได้ยินกันทั้งร้าน ถึงคำที่ว่าจะไม่ได้หยาบคายก็เถอะค่ะ แต่ลูกค้าไม่ต้องร่วมชะตากรรมด้วยน่าจะดีกว่านะคะ 

โดยรวมถือว่าเป็นร้านที่รสชาติและการบริการผ่านอยู่ค่ะ แต่เมื่อเทียบกับร้านที่ถือว่าไม่ใช่ร้านแบรนด์หรือร้านในห้าง กับราคาข้าวผัด 80 บาท ก็ถือว่าราคาสูงพอสมควร ... แต่ในโซนนั้น ก็ถือว่าร้านนี้เป็นร้านห้องแอร์ที่นั่งสบายเกือบจะที่สุดแล้วนะคะ 

ร้านเล็กๆ น้องใหม่ในโครงการ The Scene ย่านทาวน์อินทาวน์ ... หากมาจากถนนเลียบทางด่วนเข้ามาถนนศรีวรา เส้นหน้าโรงแรมทาวน์อินทาวน์  จอดรถกันได้ริมทาง (ตามเวลาที่กำหนด) หรือจะเข้าไปจอดในโครงการก็ได้เลยค่ะ ร้าน Sarang ฺBingsu จะอยู่ชั้น 1 ของโครงการเลยค่ะ ใกล้กับร้านสตาร์บัคส์ (ถ้าจอดในโครงการอย่าลืมขอบิลจากทางร้านเพื่อแนบกับบัตรจอดรถที่ทางออกนะคะ จอดฟรีได้ 1 ชั่วโมง ถ้าไม่มีใบเสร็จ ค่าจอดชั่วโมงละ 50 บาทเลยน๊า) พื้นที่ร้านจะค่อนข้างเล็กกับโทนสีขาวและเฟอร์นิเจอร์ในร้านเป็นสีไม้อ่อนๆ ทำให้ดูแบบสไตล์เหมือนบ้่านอ่ะคะ แต่รองรับลูกค้าได้ไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ เพราะว่ามีโต๊ะแค่ 4 ชุดในร้านเอง แล้วก็มีด้านนอกอีก 2-3 ชุด ... เท่าที่ทราบเจ้าของเป็นคนเกาหลีแท้ๆเลยค่ะ รสชาติเราเลยว่าน่าจะออริจินัลพอสมควรบิงชู (Bingsu) หรือน้ำแข็งไสสไตล์เกาหลี ที่ทำมาจากนมไปแช่แข็งจนกลายมาเป็นเกล็ดนมละเอียดนุ่มนิ่ม ตอนที่มันกำลังโปรยปรายลงมาจากเครื่องนี่เหมือนหิมะเลยค่ะ แล้วพอเมื่อลงถ้วยดีแล้วก็ถูกราดด้วยนมข้น และเนื้อสตรอเบอรี่สดสีแดงสวยๆ ... จริงๆทางร้านยังมีรสชาติอื่นอีกนะคะ ทั้ืงเมล่อน มะม่วง เบอรี่ ช็อกโกแลต ฯลฯ มีให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาด (ถ้วยเล็ก & ถ้วยใหญ่) ราคาก็เริ่มต้นที่ 129 บาท จนไปถึง 300 กว่าบาทเลย โดยเมนูที่แพงที่สุดจะเป็นเมล่อนค่ะ ส่วนเราเลือกลองชิมรสสตรอเบอรี่ถ้วยเล็ก (ถ้วยนี้ก็ 169 บาท) ... รสชาติตัวเกล็ดนมอร่อยดีนะคะ ไม่หวานแหลมแสบคอ แต่ก้ไม่จืด หวานนิดๆ นุ่มๆ ลิ้นดีค่ะ แต่ให้สตรอเบอรี่สดไม่ค่อยเยอะมาก แถมถ้วยเล้กนี่คือเล็กจริงๆค่ะ น้อยแบบ 3-4 คำใหญ่ก็หมดถ้วยแล้ว เมื่อเทียบกับราคาเราเลยว่าแพงไปนิดนึง ถ้าเพิ่มปริมาณอีกนิด หรือว่าลดราคาอีกหน่อย น่าจะมีลูกค้าประจำได้แบบไม่ยากมากนัก แต่ราคานี้จะไปทานประจำสงสัยมีกระเป๋าฉีกอ่ะ (ส่วนน้ำดื่ม บริการฟรีค่ะ) ส่วนพนักงานมีหลายคนพอควรเลยค่ะ เท่าที่เห็นวันนั้นก็น 3-4 คน ซึ่งเมื่อเทียบกับขนาดของร้านถือว่าใช้พนักงานสิ้นเปลืองมาก และแต่ละคนยังดูไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ ระหว่างที่เราถ่ายรูปไปรอบๆร้าน พนักงานท่านนึงก็ถามเลยว่าถ่ายไปทำไม เพราะว่าเครื่องทำเกล็ดหิมะนี้ถือเป็นลิขสิทธิ์ แต่พอบอกว่าเอาไปเขียนรีวิว เค้าก็ทำหน้างงๆ แล้วก็ไม่ได้ต่อล้ออะไรกับเราแล้ว อิอิ.. เราก็เลยถ่ายต่อ 55+ โดยรวมเราว่าร้านนี้โอเคเลยนะคะ สำหรับวันที่อากาศร้อนๆ และร่างกายต้องการน้ำตาลอร่อยๆ ปรับเรื่องราคาอีกหน่อย น่าจะผูกใจรักสามัคคีกันได้นานค่ะ 

ได้มีโอกาสไปมาในช่วงกรุงเทพฯ อากาศเย็น ... พอได้เจอน้ำซุปร้อนๆ ทำให้ท้องอุ่นๆ นอนหลับสบายจริงๆ 555+ 

"เช้ง ก๋วยจั๊บสะท้านฟ้า" ร้านห้องแถว 1 คูหาแบบไม่มีแอร์นะคะ ตั้งอยู่บนถนนประชาอุทิศ ใกล้แยกเหม่งจ๋าย หากมาจากถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา เลี้ยวเข้ามาถนนประชาอุทิศตรงเลยผ่านแยกสถานทูตไปอีกนะคะ ตรงไปก่อนถึงแยกเหม่งจ๋าย เลยร้านแฟมิลี่มาร์ทไปนิดเดียว (ติดกับร้านบะหมี่คนแซ่ลีค่ะ) หากใครขับรถไปจอดรถกันได้ริมทางเลยค่ะ แต่ว่าอาจจะต้องดูวันคู่วันคี่กันนิดนึงนะคะ เดี๋ยวโดนใบสั่งจะไม่คุ้มกับค่าอาหาร .... ร้านเปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าเลยค่ะ แล้วไปปิดอีกครั้งตอนประมาณ 4 ทุ่ม มีเวลาเลือกทานกันได้เต็มที่ สะดวกตอนไหนไปตอนนั้นได้เลยค่ะ บรรยากาศในร้านเป็นห้องไม่แอร์นะคะ ร้านนั่งสไตล์ร้านอาหารทั่วไปค่ะ แต่ว่าสว่างและสะอาดค่ะ การบริการก็ดีนะคะ เดินเข้าไปพนักงานก็มาถามแล้วค่ะว่าจะรับอะไร น้ำเสียงไม่กรรโชกเราให้ตกใจ คุยกันได้แบบสบายๆค่ะ เมนูที่ทางร้านให้บริการ ได้แก่ ข้าวหมูกรอบ ข้าวหมูอบ ก๋วยจั๊บน้ำใส ข้าวต้ม และเกาเหลาเลือดหมู ... แต่แบบว่าเราไปทานแต่เกาเหลาเลือดหมู เลยไม่ขอพูดถึงเมนูอื่นเลยนะคะ - เกาเหลาเลือดหมู : ที่นี่ยังไม่ใช่แบบโบราณที่ใส่ผักจิงจูฉ่าย แต่เป็นผักกาดหอมแบบสมัยใหม่ (จริงๆเพราะจิงจูฉ่ายมันหายากและราคาสูงกว่ามากกว่า) แต่รสชาติดีเลยค่ะ เครื่องในล้างมาสะอาดและต้มแบบนิ่มกำลังดีเลย เลือดใส่ในชามมาให้ก้อนใหญ่เชียว ส่วนทีเด็ดอยู่ที่น้ำซุปเลยค่ะ ... พริกไทยใส่กันมาทั้งไร่ เผ็ดน้ำตาเล็ดเลยค่ะ  ซดไปซี้ดไป แต่ว่าดีนะคะ ท้องร้อนมาก ถ้าเป็นคุณแม่ให้นมอยู่ น่าจะเป็นอาหารเรียกน้ำนมได้ดีเลย (ราคาธรรมดาชามละ 50 บาท/ พิเศษ 60 บาท) หากกลัวไม่อยู่ท้องก็เพิ่มข้าวสวยอีกชาม 10 บาท รับรองว่าอยู่ท้องแน่นอนค่ะ ใครได้ผ่านมาแถวนี้แวะมาอุ่นท้องกันที่ร้านนี้ได้นะคะ เป็นอีกหนึ่งร้านแนะนำเลยค่ะ 

อีกหนึ่งร้านในโซน Food Truck ของโครงการ The Scene บนถนนศรีวรา (ทาวน์อินทาวน์) ... ร้านนี้ถึงจะอยู่ในโซน food truck แต่ว่าตัวร้านกลับทำเป็นห้องแอร์นะคะ กับโครงร้านสีดำและกระจกใสเพิ่มความโปร่งในการนั่งทาน ด้านในทางเดินก็จะเล็กๆ นิดนึง เพราะเค้าจัดที่นั่งไว้ค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับพื้นที่ร้าน ทำให้ทางเดินเหลือนิดเดียว บนโต๊ะมีฉลุลายโลโก้ไว้ด้วย สวยดีนะคะ แต่ว่ามันทำให้เวลาวางของแล้วดูหวาดเสียวชอบกล ส่วนเมนูนี่มีให้เลือกไม่เยอะเท่าไหร่ โดยมีของทานเล่นเป็นเกี๊ยวซ่า ที่เราสามารถเลือกได้ทั้งแบบนึ่งและทอด จานนึงมี 6 ชิ้น ราคาจานละ 59 บาทค่ะ ... เกี๊ยวซ่าที่นี่แป้งจะค่อนข้างหนาแข็งนิดนึงนะคะ 

- เกี๊ยวซ่าทอดจะเป็นแบบมีซอสเคลือบมาเรียบร้อย ไม่ต้องจิ้มอะไรอีกแล้ว รสชาติจะหวานๆหน่อยค่ะ (รสชาติแนวไก่กรอบของร้านพิซซ่าร้านนึงอ่ะคะ) - เกี๊ยวซ่านึ่ง จานนี้ค่อนข้่างทำให้รู้สึกชัดในสัมผัสเลยว่าแป้งหนา ไส้ไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ แต่รสชาติก็พอใช้ได้อยู่ ทานกับซอสเกี๊ยวซ่าเค็มๆหน่อย ก็ทำให้มีรสชาติขึ้นค่ะ มาถึงราเมนของร้าน มีให้เลือกด้วยกัน 3 แบบค่ะ ได้แก่ ราเมนซุปกระดูกหมู, ราเมนต้มยำ และราเมนซุปเนยข้าวโพด ... มีโอกาสได้มาลองกับเพื่อน 3 คน เลยจัดมาครบทั้ง 3 แบบเลยค่ะ 

- ราเมนซุปกระดูกหมู (79 บาท) : ราเมนในซุปเคี่ยวจากกระดูกหมูผสมซอสโชยุ ทำให้ได้ซุปที่มีความมัน สีน้ำตาลๆหน่อย (แต่ไม่มันเท่าร้านญี่ปุ่นจริงจังนะคะ) เพิ่มโปรตีนและคุณค่าทางอาหารด้วยไข่ต้ม หมูชาชู หมูสับผัดรสชาติเผ็ดนิดๆ และลูกชิ้นค่ะ - ราเมนซุปต้มยำ (ุ69 บาท) : ซุปต้มยำรสชาติแบบไทยๆ ไม่ชวนให้เลี่ยนแน่นอน รสชาติต้มยำติดหวานนำ (ถ้าใครไม่นิยมทานหวานอาจจะไม่ถูกปากนะคะ) มาครบทั้งตะไคร้ ใบมะกรูด เสิร์ฟมาพร้อมไข่ต้ม กุ้ง และหมูชาชู- ราเมนซุปเนยข้าวโพด (ึ79 บาท) : เมนูสุดท้ายของราเมนที่มีในร้าน ซุปใสรสชาติหวานนิดๆ แต่เพิ่มความมันด้วยเนยที่ใส่ลงไปในชามซุปค่ะ หลังจากที่คนเข้ากันแล้วจะทำให้ซุปรสชาติเค็มขึ้นนิดหน่อยแต่มันขึ้น พร้อมใส่ข้าวโพดหวานมาด้วย ไข่ต้ม แต่ชามนี้แตกต่างจากชามอื่นที่เปลี่ยนหมูชาชูเป็นหมูทอดแทน ชามนี้ก็ได้รสชาติแปลกๆอีกแบบดีค่ะ ลองดูกันนะถือว่าเป็นราคาเบากระเป๋าทีเดียว แต่คุณภาพเส้นและรสชาติก็เหมาะสมกับราคานะคะ เพราะเราว่าเส้นราเมนที่นี่ยังไม่ค่อยเหนียวนุ่ม มีติดแข็งอยู่บ้างอ่ะคะ 

ส่วนการบริการของทางร้านก็จะมีมึนๆงงๆ สับสน ก่งก๊ง กันบ้างในช่วงเวลาที่มีลูกค้าเยอะ ... แต่โดยปกติร้านก็ถือว่าโล่งๆค่ะ เข้าเมื่อไหร่ก็มีที่นั่ง อาหารรอไม่นาน ร้านสะอาดค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่เราฝากท้องได้อยู่

Je Poh หาลองเซิร์ชดูจาก IG ก็จะเจอร้านที่ขายอาหารที่เราสามารถสั่งให้เค้ามาส่งได้ ออกเสียงชื่อร้านนี้ง่าย ๆ ว่า "เจ๊โป๊ะ" ค่ะ .... แต่เดิมร้านนี้ไม่มีหน้าร้านนะคะ เลือกเมนูผ่านสื่อแล้วก็โทรสั่งมาส่งกันอย่างเดียว แต่คงด้วยลูกค้าที่มีเพิ่มขึ้นจนทางร้านมั่นใจในฝีมือ ตอนนี้เลยมีหน้าร้านสวยๆมาให้เราได้ตามไปชิมกันแบบง่ายขึ้น 

- ที่ตั้งร้าน - 
ร้านเจ๊โป๊ะตั้งอยู่ในโครงการ The Junction หาใช้เส้นทางถนนเกษตรฯ-นวมินทร์ (ฝั่งทางไปถนนนวมินทร์นะคะ) ตรงไปจนถึงทางแยกตรงข้ามโรงเรียนเลิศหล้า ซ้ายมือมีป้ายทางแยกไปถนนรามอินทรา เราก็โค้งซ้ายไปได้เลยค่ะ ตรงไปเรื่อยๆจะเจอสะพานข้ามแยก เราก็ข้ามสะพานได้เลย แต่พอลงมาต้องชิดซ้ายแล้วนะคะ โครงการอยู่ซ้ายมือด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้านบางกอก บูเลอวาร์ดเลยค่ะ - บรรยากาศร้าน - 
ร้านตกแต่งแบบเก๋ๆ โดยใช้ผนังจากตู้คอนเทนเนอร์สีแดงสดมาเป็นส่วนตกแต่ง และอีกด้านเป็นกำแพงอิฐเหมือนบ้านอเมริกัน และโทนสีแดง-ดำ-ขาว ที่เห็นด้านนอกครั้งแรกต้องบอกว่าไม่คิดเลยว่ามันคือร้านอาหารไทย (คิดว่าเป็นร้านกาแฟเก๋ๆมากกว่า) แต่ยังไม่ลืมเติมความสดชื่นจากต้นไม้ที่นำมาตกแต่งในบางพื้นที่ของร้าน  ทำให้ร้านดูมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ .... แถมมีโซนที่สามารถกั้นเป็นส่วนตัวได้ด้วยนะคะ ถ้าเรามากันหลายคน จองพื้นที่โซนนั้นทั้งโซนเลยก็ยังได้ เพราะว่ามีประตูแยกเข้าไปด้านในเลยค่ะ (ปาร์ตี้ย่อม ๆ สำหรับคนสัก 30 คนได้สบายๆเลย) - อาหารของทางร้าน - 
อาหารของทางร้านเจ๊โป๊ะเน้นที่ "ปู" เลยค่ะ ปูสด ๆ เป็นอะไรที่ทางร้านการันตีมาก ๆ ... ดังนั้นเลยมีหลายเมนูที่ใช้ปูเป็นส่วนประกอบ รสชาติก็ปรุงได้จัดจ้านตามฉบับอาหารไทย (จนบางเมนูเราว่าจัดไปหน่อยด้วยซ้ำ) 

ส่วนอาหารที่แนะนำก็จะเป็นอาหารที่เราทานนี่แหล่ะค่ะ ..... มาดูกันแต่ละเมนูเลยนะคะ ขนมจีนน้ำยาปู (250 บาท) : ขนมจีนน้ำยากะทิใส่เนื้อปูสด ๆ มากันเป็นก้อนค่ะ รสชาติเผ็ดกลางๆกำลังดี ทานกับผักเคียงที่จัดมาในชุดทั้งมะระลวก ใบแมงลัก ถั่วฝักยาว ผักบุ้งไทยลวก ถั่วงอก ผักดอง และไข่ต้มค่ะชุดหมูรวม+น้ำพริก+ข้าวเหนียว (300 บาท) : หมูเนื้อ ซี่โครง หมูก้อน เสิร์ฟมาในจานออเดิร์ฟทานคู่กับน้ำพริกและข้าวเหนียว หมูทอดเราว่ารสชาติเฉยๆ นะคะ น้ำพริกแดงเผ็ดใช้ได้เลย แต่จานนี้ราคาสูงอยู่ในความรู้สึกเพราะว่าแค่หมูอ่ะคะแกงส้มชะอมปู (400 บาท) : แกงส้มสีส้มน้ำตาล (ดูเข้มกว่าผักรวมทั่วไปนะคะ) รสชาติจัดจ้านทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ด น้ำซุปจะข้นนิดนึงเพราะมีไข่ปูผสมในนั้นด้วย แถมด้วยเนื้อปูก้อน ๆ เต็มชาม อร่อยสุดๆ ถึงราคาจะดูสูง แต่เมื่อเทียบกับปริมาณปู ถือว่ารับได้ค่ะ น้ำพริกไข่ปู (300 บาท) : อีกหนึ่งเมนูแนะนำสำหรับร้านนี้เลยค่ะ น้ำพริกรสชาติเปรี้ยวหวานแบบลงตั๊วลงตัว ตัวน้ำพริกข้นจากไข่ปูที่มีอยู่เป็นก้อน ๆผสมอยู่ในนั้น ทานคู่กับผักสดและข้าวสวยร้อนๆ  อร่อยสุด ๆ ลิ้นเป็นปลื้ม

ราคาอาหารที่นี่ถือว่าค่อนข้างสูงนะคะในแต่ละเมนู แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพ และปริมาณความเข้มข้นของวัตถุดิบ ถือว่ารับได้เลยค่ะ ถ้ามีโอกาสได้มาพื้นที่ทางนี้ก็ไม่อยากให้พลาดกันนะคะ อร่อยจริงๆค่ะ 

- การบริการ - 
เรื่องการบริหารจัดการของทางร้าน ต้องบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะ เพราะว่าเจ้าของดูแลลูกค้าด้วยตัวเอง ส่วนหนึ่งคือเพิ่งเปิดร้านเลยต้องรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ แต่ถ้าคงมาตรฐานได้แบบวันที่เราไป รับรองว่าลูกค้าติดใจแน่นอน