นักรีวิวร้านอาหาร

วันนี้เราอยากจะพามาที่ร้านอาหารเก่าแก่ ที่มีมานานกว่า 50 ปีแล้ว นั้นคือ
ร้านอาหารขวัญจิตร สถานที่ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน ไม่ไกลจากสี่แยกเกษตรนัก
ต้องบอกว่าเป็นร้านโปรดตั้งแต่สมัยเด็กๆ แต่ก่อนจะให้คุณแม่ซื้อไส้กรอกกลับมาทานที่บ้าน
(แต่ก่อนยังไม่เป็นร้านอาหารค่ะ) คราวนี้มีความยินดีจะพาทุกท่านมาชมการรีวิวของร้าน
เพราะเนื่องจากวันนี้ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกันฉลองที่พี่ชายตัวดีเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศและพอดีกับที่มาฉลองวันเกิดของพี่สาวพร้อมกัน ถือว่าเป็นวิธีประหยัดงบประมาณไปในตัวอย่างดีเลยค่ะ 55555

บรรยากาศภายในร้าน ก็แล้วแต่ความชอบของลูกค้า เพราะจะมีทั้งโซนด้านในห้องแอร์ สำหรับคนกลัวยุงและอากาศร้อน แต่ก็จะอึดอัดเล็กน้อยในวันที่แขกเยอะค่ะ ส่วนใครที่ต้องการรับบรรยากาศแบบโรแมนติกใต้แสงเทียนทางร้านก็มีโต๊ะจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยเช่นกันคะ

เมื่อมาถึงร้าน ทุกคนก็คว้าเมนูแล้วสั่งกันทันที รู้สึกตัวอีกทีอาหารมากมายก็ถูกวางเรียงอยู่บนโต๊ะซะแล้ว
จานแรกที่มาถึง จานเด็ดของร้านที่ขาดไม่ได้จริงๆ เมนูที่ใครๆหาโอกาสมาลิ้มลอง ก็คือ ไส้กรอกขวัญจิตร ไส้กรอกเนื้อแน่น ไม่ได้มีแต่แป้งแน่นอนค่ะ รับประกัน มีให้เลือกทั้ง ไส้กรอกเนื้อและหมู
ทางร้านจะทำการสอบถามทุกครั้งว่ารับประทานเนื้อได้ไหม?จานต่อไปคุณพ่อก็ขอลิ้มลองซุปเพิ่มความคล่องคอในการกิน คุณพ่อก็เลยเลือกสั่ง ซุปข้นกุ้ง ที่ต้องของบอกว่า กุ้งเป็นกุ้ง และเข้มข้นมากจริงๆค่ะ และจานเด็ดที่เราขอแนะนำมาทานกี่ครั้งก็ขาดไม่ได้ สปาเก็ตตี้ครีมปูอบชีส จานนี้เส้นสปาเก็ตตี้เส้นเล็กเหนี่ยวนุ่ม ผัดซอสครีมสูตรเด็ดของร้าน พร้อมผัดเข้ากับเนื้อปู เสร็จแล้วนำไปโรยชีสด้านหน้า แลเข้าเตาอบ น่าทานมากจริงๆ เห็นกี่ทีก็น้ำลายจะไหลจากนั้นอาหารอีกหลายจานก็ถูกเสิร์ฟตามกันมา ทั้งซุปเห็ด สเต็กหมูพริกไทยดำ ขาหมูเยอรมัน ฯลฯ
ต้องขอบอกว่ารสชาติระดับโรงแรมจริงๆ อร่อยทุกอย่างจริงๆค่ะนอกจากนั้นทางร้านยังมีเค้ก และไอศกรีมให้เลือกทานตบท้ายด้วยค่ะ

แต่เนื่องจากคุณพี่ชายตัวดีอร่อยมาก หลังจากทานขนมหวานเสร็จก็ขอคุณพ่อสั่งไส้กรอกขวัญจิตรทานอีกหนึ่งจานพร้อมหอบกลับบ้านไปด้วย

ถ้าใครที่ชอบรับประทานอาหารประเภทนี้ ต้องขอบอกว่าพลาดไม่ได้เลยจริงๆค่ะ เด็ดมากกก
ขอแนะนำจริงๆ ถ้ามาแล้วจะต้องอยากกลับมาอีกอย่างแน่นอน ยังไงก็อย่าลืมแวะมาชิมกันนะคะ


สรุป
รสชาติ : อร่อยและถูกปากมากกกกกก
บรรยากาศ : โรแมนติกดีค่ะ แต่ถ้าอยากถ่ายภาพแสงอาจจะมึดและสลัวไปสักหน่อยค่ะ
การบริการ : พนักงานทุกคนให้ความสนใจกับลูกค้ามาก และจะเข้ามาทันทีที่เราต้องการค่ะ
ราคา : ถ้าเทียบราคากับรสชาติอาหารแล้ว ขอบอกว่าโอเคเลยค่ะ ถือว่ายังอยู่ในระดับที่รับได้
เพราะวันนั้นสั่งไปเยอะมากจริงๆ แต่ก็ไม่แพงอย่างที่คิดไว้

วันนี้เกิดอยากกินอาหารญี่ปุ่นขึ้นมา เลยขับรถเรื่อยมาถึงที่ The nine พระราม9
เพราะมาทานกับญาติ ก็ขับเรื่อยๆมาเจอกันครึ่งทาง(ระหว่างแต่ละบ้าน)

เมื่อมาถึงสถานที่ก็เดินตรงขึ้นมาชั้นบน เพื่อเข้าไปใน AI Japanese Village
ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นมาให้คล้ายๆกับ Village ของอาหารญี่ปุ่นหลายๆชนิด
ภายใน Village จะมีร้านอาหารประมาณ 4 ร้าน ซึ่งเมื่อเราเข้าไปจะเลือกนั่งในส่วนของร้านไหนก็ได้
แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะสั่งจากร้านอื่นไม่ได้ ทางร้านจะให้เมนูของทุกร้านสามารถสั่งได้หมด

โดยควรเลือกจากสิ่งที่อยากทานที่สุด เช่น อยากทานประเภทชาบูก็ควรไปนั่งที่ร้านชาบูเพราะจะมีหม้อ
อยากทานโอโคโนมิยากิ ก็ควรไปนั่งฝั่งโอโคโนมิยากิ เพราะจะได้ผัดเองมีกะทะร้อน เป็นต้น

ในวันนี้เลือกนั่งในส่วนของ ร้านทงคัตสึ เพราะอยู่ใกล้สุดแล้วก็นั่งสบาย
เนื่องจากมากันเยอะจะนั่งส่วนโอโคโนมิยากิไม่พอค่ะวันนี้สั่งกันมั่วมากๆค่ะ 555 หลายอย่างมากๆ เริ่มตั้งแต่ ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด มาจานใหญ่มากๆ
กินกันไม่หมดเลย โดยส่วนตัวคิดว่าให้เยอะไปหน่อยค่ะ เห็นก็อิ่มแล้ว แต่ก็อร่อยค่ะ หมูกรอบมากๆ
ส่วนตัวแกงกระหรี่อยากให้รสชาติเผ็ดกว่านี้สักนิดค่ะ

เมื่อมีมานั่งส่วนทงคังตสึแล้วแน่นอนว่า ต่อไปก็เป็นทงคัตสึหมูค่ะ กรอบอร่อย หมูเมหือนในแกงกระหรี่ค่ะ
แล้วยังมีผักกระหล่ำฝอยมาให้ทานแก้เลี่ยนด้วยค่ะ

จานนั้นยังมี สลักปลาแซลมอนและไก่ทอดคาราเกะ มาไว้เป็นจานกลาง กรอบๆเค็มๆ อร่อยมากค่ะ ของทอด

นอกจากนี้ยังมีข้าวหน้าเนื้อ เนื้อสไลด์แผ่นบางๆโปะมาบนข้าวจานนี้เฉยๆค่ะ

และสุดท้าย สิ่งที่อยากทานมากๆ แต่ไปนั่งในโซนนั้นไม่ได้ โอโคโนมิยากิ วันนี้สั่งสองจาน
มีซีฟู้ด และแฮมกับชีสค่ะ อร่อยมากๆ หากนั่งในโซนนี้ทางร้านจะปรุงสุกใส่จานมาให้ค่ะ
ไม่สามารถทำเองได้ แต่ก็ดีที่พร้อมกินค่ะ อิอิมื้อนี้อิ่มมากๆค่ะ อร่อย แต่สงสัยสั่งเยอะเกินไป เหลือเยอะมากจนน่าตกใจ
แต่พอคิดเงินก็ตกใจอีกเช่นกัน เพราะราคาแพงมาก สงสัยสั่งเพลิน อิอิ

วันนี้มีนัดกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ หลังจากที่ปิดเทอมมาแล้วไม่ได้เจอกันร่วมสองเดือนได้
เนื่องจากเบื่อๆการนัดที่สยามแล้ว จึงลองหาที่ใหม่ๆ กันดู เลยมาสรุปที่แถวๆซอยอารีย์
หลังจากนั้นก็ต้องคิดต่อว่าร้านไหนดี แล้วมีเพื่อนเสนอร้าน 103+ factory มาค่ะ

ส่วนตัวยังไม่เคยมาร้านนี้ แต่เห็นรูปบ่อยๆตามเฟสบุคและอินสตาแกรมค่ะ เลยอยากลองดูสักครั้ง
การมาถึงร้าน เลี้ยวเข้ามาในซอยอารีย์เพียงเล็กน้อยก็จะเจอร้านแล้วค่ะ

เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักๆอยู่ติดถนนค่ะ จุดเด่นของร้านหากเจอภาพตามเฟสบุคที่เพื่อนๆแชร์
ก็คงต้องบอกว่าเป็นภาชนะที่ใส่ ถึงเป็นไม้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นถาด
ช้อน ส้อม หรือถ้วยค่ะ มองดูแล้วก็น่ารักดี แต่รสสัมผัสเอาตามตรงอาจจะไม่ดีเท่าช้อนปกติค่ะ
เพราะกินแล้วรู้สึกว่าช้อนมันหนาเกิน ทำให้แปลกๆค่ะ

วันนี้สั่งขนมมากินเป็น บานอฟฟี่ ส่วนตัวคิดว่ารสชาติโอเคค่ะ ฐานโอริโอ้กรอบกำลังดี
และกล้วยก้ไม่แฉะจนเกินไป หากจะให้ติ คงเป้นตัววิปครีมด้านบนทานแล้วรู้สึกจะหนาเกินไป
อาจเป็นเพราะว่าส่วนตัวไม่ชอบทานครีมด้วยค่ะจานต่อมาที่ได้เป็น ช็อคโกแลตลาวา ที่นี้จะเสิร์ฟมาให้ถ้วยให้ตักทานค่ะ ดีเลยไม่ต้องเสียเวลาแกะออก กันทรงไม่สวยค่ะ
มีไอศกรีมเสิร์ฟคู่กันมากับวิปครีมค่ะ รสชาติอร่อยดีค่ะ มีมาชแมลโลว์มาให้นิดหน่อยบนช็อคโกแลตลาวา
กินกับลาวาร้อนๆเข้ากันดีค่ะหากใครผ่านมาแถวอารีย์ ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่น่าสนใจนะคะ มานัดสังสรรค์กับเพื่อนถ่ายรูปลงน่ารักค่ะ
แต่หากตั้งใจจะมาทานเพราะอยากทานขนมอร่อยๆ คิดว่า เฉยๆค่ะ หากใกล้ก็โอเค แต่หากอยู่ไกลก็ไม่ได้อร่อยขนาดนั้นค่ะ
แต่ถ้ายังไม่เคยลอง ลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหลายค่ะ ต่างคนต่างชอบของแบบนี้

วันนี้มาเดินเที่ยวสยาม เซ็นเตอร์อีกครั้งหลังจากที่มาช่วงเปิดห้างแรกๆ
แล้วคนเยอะมากๆ แทบไม่ได้เดินดูอะไรเลย คนเยอะทุกร้าน โดยเฉพาะร้านอาหารเปิดใหม่
หลายๆร้าน น่ากินเยอะมากๆ แต่ทนรอไม่ไหว

วันนี้เลยเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มาลองชิม ไก่ทอด ร้านบอนชอน ชื่อดัง
ที่แต่ก่อนมีเฉพาะสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เคยได้ลองกินเล็กๆตอนมาเปิดบูธที่สยามพารากอน
วันนี้ลองมากินในร้านดูบ้าง ว่าจะมีอะไรน่าสนใจไหม

มาถึงพนักงานก็นำเมนูมาให้ กวาดสายตาเร็วๆ คิดในใจทำไมราคาสูงจัง
มากับเพื่อนๆ เลยตกลงกันสั่งเป็นชุดดีกว่า จำนวนคนที่มาวันนี้ 3 คนค่ะ
เลือกสั่งเป็นขนาดกลาง มีชิ้นเล้ก 6 ชิ้น และไก่น่องใหญ่ 2 ชิ้นค่ะ
วันนี้เลือกจุ่มซอสแบบ สองแบบเลยค่ะ ทั้งกระเทียมและ สไปซี่
โดยทางร้านจะแยกฝั่งมาให้นะคะ ไม่ต้องกลัวปน
โดยส่วนตัวคิดว่า รสสไปซี่จะรสออกไปทางหวานมากกว่าค่ะ

สำหรับไก่ทอดบอนชอน ก็คล้ายๆไก่ชุปแป้งทอดทั่วๆไปค่ะ เพียงแต่ทางร้านทำแป้งออกมาได้ฟูและกรอบอร่อยกว่าค่ะ
แล้วเมื่อทอดเสร็จทางร้านจะนำไก่ไปจุ่มซอสก่อนเสิร์ฟด้วยค่ะ ตัวแป้งจะซึมรสซอสเอาไว้ ส่วนตัวคิดว่าหวานไปนิดนึง
ทานกับข้าวสวยน่าจะโอเคค่ะ การสั่งเป็นชุกทางร้านจะมีเครื่องเคียงมาให้เลือกค่ะ มีข้าวสวย ข้าวเหนียวหรือกิมจิค่ะ

วันนี้กลัวไม่อิ่ม เลยสั่งเฟรนฟรายมาลองทานด้วยค่ะ สั่งเป็นโรยชีสด้วยนะคะ ชีสที่เสิร์ฟมาเป้นผงๆค่ะ
ส่วนตัวคิดว่าจานนี้ไม่ค่อยอร่อย เฟรนฟรายแข็งเกินไป ไม่มีรสนุ่มของมันฝรั่งเลยค่ะ
จานนี้เพื่อนที่หิวๆยังทานไม่หมดเลยค่ะ

โดยสรุป ไก่ อร่อยดีนะคะ แปลกไม่เหมือนที่ไหนด้วยค่ะ แต่หากหิวๆมา มากันสามคน สั่งไซส์กลางน่าจะไม่พออิ่มค่ะ
ยังไงใครผ่านมาอย่าลืมมาลองทานกันดูนะคะ

วันนี้มาเดินเที่ยวเซ็นทรัลลาดพร้าวอีกแล้วค่ะ เนื่องจากเพิ่งได้งานใหม่ เลยมาเดินเล่น
หาเสื้อผ้าสวยๆใส่ไปเพิ่มความโชคดีให้กับการทำงานวันแรกซะหน่อย
หลังจากเดินเลือกเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็แวะทานอาหารตามเดิม

วันนี้มาทานร้านอาหารที่ไม่ได้ทานซะนาน ที่ Black canyon ค่ะ
การตกแต่งร้านจะดูมึดๆครึบๆสักนิด เป็นร้านกาแฟที่มาอาหารด้วย
ทั้งอาหารฝรั่งและอาหารไทยค่ะ เลือกทานได้ตามใจชอบ

วันนี้มากับแม่สองคนเลยเลือกทานเป็นกับข้าวค่ะ แล้วก็สั่งข้าวเปล่ามาสองจาน

อย่างแรกเป็น แกงส้มชะอมกุ้ง รสชาติเข้ข้นอร่อยดีมากๆค่ะ แต่ออกเปรี้ยวไปสักนิด
เลยขอพริกน้ำปลาทางร้านมาใส่ค่ะ นอกจากกุ้งแล้วในแกงยังมีปลาชิ้นน้อยๆมาให้ด้วยค่ะ
สงสัยเพื่อเพ่ิมความเข้มข้นให้กับน้ำซุปค่ะจานที่สองเป็น ผัดสะบัดช่อค่ะ เป็นเมนูฮิตของร้านหนึ่งเมนู
รสชาติคล้ายๆผัดผงกะหรี่ค่ะ เพียงแต่ไม่ใส่คื่นไช่ ใส่เป็นโหรพาแทนค่ะ
จะเป็นเนื้อไก่และเนื้อกุ้งค่ะ มื้อนี้อิ่มมากๆค่ะ ทานไม่หมด เลยเลือกทานผัดให้หมด แล้วนำแกงส้มกลับบ้านค่ะ
เพราะนำไปต้มใส่ผักปรุงใหม่ ได้อร่อยต่ออีกมื้อค่ะ อิอิ
มองไปด้านข้าง ร้านยังมีขายขนมเป็นวาฟเฟิล ขนมปังเล็กๆน้อยๆ ทานกับกาแฟด้วยค่ะ