The Chocolate Factory
มาเที่ยววังน้ำเขียว แต่ในแพลนไม่พลาดที่จะต้องมีร้านนี้ เพราะหาโอกาสไปมานานคะ
ที่ตั้ง : ร้านตั้งอยู่เส้นทางไปเขาใหญ่คะ ซึ่งเส้นนี้เป็นเส้นที่ร้านอาหารเยอะอยู่พอสมควร ร้านสวยๆ ทั้งนั้นเลย ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับครัวเขาใหญ่คะ
บรรยากาศร้าน
ร้านแบ่งเป็น 2 โซน โซนคาเฟ่ และโซนร้านอาหาร ซึ่งโซนคาเฟ่จะเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้า
ส่วนโซนอาหารเปิด 10 โมงคะ
บรรยากาศภายในร้าน ตกแต่งด้วยชอคโกแลต รวมถึงมีของฝากเต็มเลยคะ ด้านในจะมีตู้ชอคโกแลตสด และเค้กนานาชนิด
วันนี้ได้ทานเค้กคะ
เมนู
-I Llove Chocolate 90 baht
ขอบอกว่าชิ้นนี้ดีมากเว่อๆๆ ชอคโกแลตเข้มข้นมาก เนื้อเค้กนี้เรียบกริบ ละเอียด ขมดี เหมาะสำหรับคนที่ชอบทายดาร์กชอคคะ ชิ้นนี้พาติดใจมากๆ อร่อยจริงๆ คะ เอาไป 10 ดาวเลย
- Coffee Cake ราคา 90 Baht
เมนูนี้เห็นว่าสวยเลยตั้งใจ สั่งมาถ่ายรูปด้วยคะ เมนูนี้หน้าตาดี รสชาติไม่ขมมาก ออกรสกาแฟไม่เยอะมาก แต่ได้กลิ่นหอมกาแฟ ไม่หวานเกิน- Chocolate Lava 180 baht
เมนูนี้ใช้เวลาทำประมาณ 20 นาทีคะ เสริฟมาชอคร้อนๆ เลย พอใช้ช้อนตัดนี่ลาวาทะลักเลยคะ ชอคโกแลตอบมาได้ดีเลย ชอคโกแตดีมาก ไม่หวานเกิน ตกแต่งมาสวยงาม- Banoffee Pie 75 baht
หน้าตาดีอีก 1 เมนู ส่วนตัวในเมนูนี้ชอบตัวพายมากๆ บดมาดี กลิ่นของพายหอม กรุบๆ ทานเข้ากับกล้วยและคาราเมลได้ดีจริงๆ- ส่วนของฝาก เอิร์นซื้อเป็น Soft Cookies มาฝากเพื่อนๆ คะ
โดย soft cookies จะมี 3 แบบ
Dark Chocolate soft cookies 125 baht
Double choc soft cookies 150 baht
White Choc soft cookies 125 baht
เป็น Package สวยงาม เหมาะกับมอบให้เป็นของฝากคะ ส่วนตัวได้ลองชิม ดับเบิ้ลชอค คือตัวคุกกี้นิ่มมาก แล้วชอคเป็นก้อนๆ กัดไปรู้สึกได้ถึงความเป็นชอคทุกคำ
การบริการ : ที่ร้านนี้เน้นการบริการตนเองคะ แต่พนักงานยิ้มแย้มเป็นกันเอง แนะนำดีคะ
สำหรับร้านนี้เหมาะมากกที่จะอพยพมาอยู่ กทม เพราะชอคโกแลตดีและถูกมากๆ ติดใจทุกเมนูเลยคะ เข้มข้นทุกเมนู

       เห็นในกรุงเทพฯ มีร้านบิงซูจากเกาหลีมาเปิดเยอะมากๆ  คนโคราชเห็นแล้วก็อิจฉา  ก็เมืองไทยน่ะเมืองร้อน และก็มี  4 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก ฤดูร้อนมากที่สุดและฤดูร้อนมากที่ซู้ดดดดดดด แต่คนกรุงเทพฯ ก็ต้องอิจฉาคนโคราชเหมือนกัน  เพราะร้านนี้มีเมนูน่ารักๆ  หรือแปลกก็ไม่แน่ใจ และจัดเต็มทุกเมนูเลย มาแล้วรับรองจะไม่เสียใจ ร้านนี้เป็นร้านแรกในโคราชที่มีเมนูบิงซู และได้นำเข้าเครื่องทำบิงซูจากประเทศเกาหลีโดยตรง ร้านนี้คือร้าน Chick'n Coffee 
       วิธีการเดินทางมาที่ร้านนี้คือ 
       มาจากในเมือง ให้ออกมาทางถนนมิตรภาพขาเข้า กทม. หรือทางจะไปเซฟวัน จากสะพานสีมาธานีขับตรงมาและให้เลี้ยวซ้ายออกทางคู่ขนานตรงอู่เชิดชัย ตรงมาเรื่อยๆ  ผ่านธ.กสิกรไทย ผ่านครัวสุวิมล ตรงมาผ่านสามแยกปัก จะเห็นป้อมตำรวจซึ่งจะอยู่ใต้สะพานข้ามแยกไปปักธงชัย ตรงมาอีกไม่มาก จะมองเห็นปั้มแก๊สแอลพีจีสีน้ำตาลส้มให้เลี้ยวเข้ามาในปั้มได้เลยค่ะ  ร้านอยู่ด้านในปั้มค่ะจอดรถได้ในบริเวณปั้มแก๊สเลยค่ะ ที่จอดรถมีเยอะพอสมควร ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดเลยค่ะ แต่ไม่มีที่จอดแบบร่มๆ นะคะ ร้านเป็นร้านเล็กๆ ด้วยเนื้อที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด และก่อนหน้านี้จะเป็นเจ้าของร้านทำกันเอง  2  คนพี่น้อง แต่ตอนนี้มีพนักงานเข้ามาช่วยแล้วค่ะ  ภายในร้านก็จะแบ่งออกเป็นโซนด้านในกับโซนด้านนอก จริงๆ  แล้วจะมีห้องแค่ห้องเดียวและเป็นโอเพ่นแอร์ด้านนอก พอลูกค้าเยอะขึ้นก็เลยทำเป็นห้องแอร์เพิ่มอีกหนึ่งห้องเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ด้วยความที่เป็นร้านเล็ก ถ้าลูกค้าเยอะจะทำให้รู้สึกแคบและอึดอัดไปหน่อยเมนูที่ร้านก็อย่างที่บอก เมนูเด็ดคือบิงซู วันที่เราไปเราสั่ง LOVE EARTH BINGSU เมนูนี้เป็นเมนูใหม่ของทางร้านเลย ราคา 239 บาท เมนูนี้มีความเก๋คือ ทำเหมือนมีกระถางปลูกผลไม้ ด้านบนเหมือนมีดิน มีหนอนซึ่งกินได้นะคะ เราว่าไอเดียดี มาร้านนี้ถ่ายรูปสนุกด้านบนกระถางจะมีโอริโอ้ป่น มีผลไม้ที่ควักเป็นลูกกลมๆ ทั้งแตงโม แคนตาลูป สตอเบอรี่ และเมล่อนมาดูด้านในค่ะ ตักขึ้นมา ด้านในก็จะพบกับบิงซูหรือนมเกร็ดหิมะ ซึ่งมีความละเอียดมาก และละลายช้าด้วย ยิ่งอยู่ในกระถางยิ่งช่วยเก็บความเย็นค่ะ ทางร้านจะไม่ทำบิงซูหวานมากนักนะคะ จะมีนมข้นหวานให้เติมได้ ทางร้านใส่มาในบัวรดน้ำเล็กๆ นอกจากนั้นก็จะมีบราวนี่ เวเฟอร์อยู่ด้านในเมนูเมล่อนบิงซูก็เด็ดค่ะ เห็นแทบจะทุกโต๊ะเลยที่สั่งเมนูนี้ เมล่อนฉ่ำหวานมากๆ นอกจากนี้ก็จะมีเครื่องดื่มและขนมปังปิ้งที่อร่อยค่ะ ร้านนี้เลือกวัตถุดิบอย่างดีมาให้กับลูกค้า อ่ออ..ลืมบอกไป ร้านนี้ไม่มีขนมเค้กและอาหารขายนะคะ แต่แค่บิงซูกับขนมปังและเครื่องดื่มที่มีอยู่ก็เยอะมากๆ ทางร้านมีเมนูพวก Rock เยอะมากๆ ค่ะ ทั้งอัญชัน กาแฟ ชาเขียว ชามะนาว โกโก้ เมนู Rock อัญชันลิ้นจี่โซดา เมนูใหม่ของทางร้าน แต่ก่อนจะเป็นอัญชันมะนาวโซดา ซึ่งได้รับความนิยมมากๆ เด็กๆ ทานได้ผู้ใหญ่ทานดี เป็นเมนู DIY เรียกว่าชอบเปรี้ยวหวานเติมเอาเอง ตามใจลูกค้า และเป็นการเรียนรู้ทางวิทยาศาตร์เล็กๆ  น้อยๆ ที่อัญชันจากสีม่วงๆ พอโดนน้ำมะนาวเปรี้ยวๆ ก็จะกลายเป็นสีออกแดงๆ 

เอาเป็นว่าอยากให้มาลองดูค่ะ ร้านเปิดบริการ อังคาร-ศุกร์:11.00-18.30 น. และ เสาร์-อาทิตย์: 10.30-18.30 น. หยุดทุกวันจันทร์จ้าา 

ก้ามทอง ร้านอาหารซีฟู้ดเจ้าดังประจำอำเภอปักธงชัยในจังหวัดโคราช จังหวัดนี้แม้จะไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่ร้านนี้ก็สามารถนำวัตถุดิบดีๆอย่างกุ้งตัวใหญ่อร่อยๆมาทำเป็นอาหารให้กับชาวโคราชและนักท่องเที่ยวได้ทานแล้วก็ติดใจไปตามๆกัน แล้วก็ไม่ใช่แค่เมนูกุ้งอย่างเดียวครับที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้ แต่เมนูปลาและปลาหมึกของทางร้านนั้นก็ถือว่าอร่อยไม่แพ้กันครับ
ผมมาเที่ยว Jim Thompson Farm ที่โคราชพอดี เพื่อนคนโคราชผมเลยแนะนำร้านนี้ให้มาลองแวะทาน ซึ่งตัวร้านนั้นอยู่ไม่ไกลจากฟาร์มพอดีครับ ได้มาลองวันนี้ผมเลยจัดเต็มเมนูกุ้งซึ่งเป็นเมนู Signature ของทางร้านมาลองอย่างเดียวเลย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ กุ้งของทางร้านสดมาก เนื้อหวานอร่อย ทำเมนูไหนๆออกมาก็ถูกใจผมวันนี้มากๆครับ
[วิธีการเดินทาง]
ร้านนี้ตั้งอยู่บนนถนนลำพระเพลิงในอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมาหรือโคราชนั่นเองครับ ถ้ามาเที่ยวจิมทอมป์สันฟาร์มเหมือนผมก็ให้ขับรถมุ่งหน้ามาฝั่งที่จะออกไปยังอำเภอปักธงชัย ร้านจะอยู่ทางขวามือก่อนถึงถนนทางหลวงหมายเลข 304 พอดีครับ หรือถ้าเข้ามาจากทางหลัก ร้านก็จะอยู่ด้านซ้ายมือเลยครับ ไม่ไกลจากเส้นหลักครับ จอดรถได้หน้าร้านหรือด้านในร้านก็ได้ มีที่จอดรถให้เยอะเลยครับ
[บรรยากาศ/การบริการ]
ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่ผมว่าดูดีระดับนึงเลยสำหรับร้านอาหารต่างจังหวัด ด้านหน้าร้านนั้นมีป้ายร้านเขียนชัดเจน มีที่นั่งค่อนข้างเยอะครับ แต่จะเป็นที่นั่งแบบไม่มีแอร์นะครับ โชคดีแถวนี้เป็นทุ่งโล่งๆ ลมเลยค่อนข้างเข้าตลอด ทำให้ระหว่างทางนั้นไม่ร้อนเกินไปครับ ลูกค้าในร้านนั้นแน่นเลยทีเดียวครับโดยเฉพาะช่วงเย็นๆ อย่างผมไปทานตั้งแต่ห้าโมงนิดๆ หกโมงกว่าๆออกจากร้านลูกค้าก็แน่นร้านแล้วครับ
การบริการของพนักงานผมว่ายังไม่ค่อยโอเคสักเท่าไรครับ พนักงานน้อยไปหน่อย เวลาจะเรียกใช้บริการทีต้องกวักมือแล้วกวักมืออีก กว่าจะมา เข้ามาถึงพนักงานก็เอาเมนูมาวางไว้ให้แผ่นเดียว เลือกอาหารที่จะสั่งเสร็จก็ต้องรอพนักงานเดินมาอีกถึงจะยื่นให้ได้ ถ้าเพิ่มพนักงานได้หรือให้พนักงานสนใจลูกค้าหน่อยน่าจะดีขึ้นกว่านี้ครับ อาหารที่สั่งไปนั้นมาเสิร์ฟไม่ช้าครับ
[รสชาติอาหาร/ความคุ้มค่า]
วันนี้ผมตั้งใจจะมาทานกุ้งร้านนี้โดยเฉพาะเพราะได้ข่าวว่าเด็ดมาก เลยจัดเต็มมาสี่เมนูกุ้งเลยครับ ได้ลองแล้วไม่ผิดหวังจริงๆเพราะกุ้งทางร้านตัวใหญ่ สดอร่อย ทำแต่ละเมนูออกมาได้แตกต่างอย่างลงตัวมากๆครับ
ทอดมันกุ้ง (155 บาท)
- ทอดมันกุ้งของทางร้านชิ้นใหญ่มากครับ เสิร์ฟมาร้อนๆพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วยไว้จิ้มทานคู่กัน ทอดมันของทางร้านนั้นแป้งน้อย กุ้งเยอะ ทานแล้วรู้รสชาติของกุ้งได้เลยจริงๆ อร่อยมากครับ (4/5)กุ้งผัดผงกะหรี่ (155 บาท)
- เมนูนี้เป็นกุ้งผัดกับผงกะหรี่ รสชาติของผงกระหรี่ร้านนี้นั้นแตกต่างจากหลายๆร้านที่ผมเคยทาน คือหอมกลิ่นผงกะหรี่ชัดเจน ทางร้านให้กุ้งมาถึงสี่ตัวใหญ่ๆ อร่อยอีกเช่นกันครับ (4/5)กุ้งนึ่งกระเทียม (155 บาท)
- เมนูนี้เป็นเมนูกุ้งนึ่งมาด้วยน้ำยำกระเทียม เป็นเมนูที่แซ่บมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ซดเข้าไปทีนี่จี๊ดอร่อยถูกใจมากครับ กุ้งของทางร้านนั้นแกะหัวมาให้แบบพร้อมทานได้ทั้งตัวเลย หัวกุ้งนั้นก็มันเยอะ เจอน้ำยำแซ่บๆเข้าไปนี่เปรี้ยวปากมากครับ จานนี้เสิร์ฟมา 5 ตัว ผมกินไปซะ 4 ตัว ฟินสุดๆครับ (5/5)กุ้งอบวุ้นเส้น (155 บาท)
- เมนูนี้เป็นกุ้งอบวุ้นเส้นเสิร์ฟมาในหม้อเลยครับ ทางร้านยังคงให้กุ้งตัวใหญ่มาเต็มๆถึงสี่ตัว ผมว่าวุ้นเส้นของทางร้านยังปรุงมาได้ไม่ค่อยลงตัวเท่าไร รู้สึกเหมือนว่าจะออกจืดไปหน่อย ส่วนกุ้งนั้นยังคงฟินเหมือนเดิมครับ (3/5)แต่ละเมนูของทางร้านนั้นสามารถเลือกได้ครับว่าอยากได้ไซส์เล็กหรือใหญ่ ไซส์เล็กก็จะเริ่มที่ราคา 155 บาท ใหญ่ก็จะเพิ่มราคาขึ้นมาเป็น 195 บาทครับ วันนี้ถือว่าคุ้มและอร่อยมากสำหรับเมนูกุ้งของทางร้าน เพื่อนผมบอกว่ากุ้งเผาร้านนี้ก็เด็ดมากเช่นกัน แต่ทานไม่ไหวแล้วขอยกไปเป็นโอกาสหน้าแทน ไม่พลาดแน่นอนครับ

วันนี้ตั้งใจมาทานอาหารที่เขาใหญ่ ร้านเปิดใหม่มีเยอะมากๆ อยากลองไปหมดทุกร้าน แต่คงจะไม่ไหว เลือกร้านเด่นๆ ก่อนก็แล้วกัน มาถึงเขาใหญ่ก็เกือบๆ เที่ยง แวะเข้าร้านลูกไก่ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอร์รองก่อนเลย เคยขับผ่านหลายครั้งแล้ว ร้านสวย น่าเข้าไปชมบรรยากาศและลิ้มลองอาหาร

การเดินทาง ให้ขับเข้ามาเส้นธนะรัชต์ ประมาณ กม. ที่ 3 เมื่อเห็นแมคโคร สาขาปากช่องแล้ว ให้เตรียมชิดซ้าย ร้านอยู่ไม่ไกลจากแมคโครมากนัก 
จอดรถไว้ด้านหน้า ซึ่งที่จอดรถก็มีไม่มากเท่าไหร่ หน้าร้านมีสวนตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เดินเข้ามาก็จะพบกับร้านสีฟ้าอ่อนๆ ตั้อยู่อย่างโดดเด่น ตกแต่งร้านเป็นสไตล์อเมริกันเดินเข้ามาในร้าน จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง เราเรียกว่า ฝั่งซ้ายกับฝั่งขวาแล้วกันนะคะ (หันหน้าเข้าหาร้าน) ด้านที่เราได้ไปนั่งจะเป็นฝั่งขวามือ บรรยากาศดูอบอุ่น มีที่นั่งอยู่ไม่มากนัก ดูไม่วุ่นวาย บนฝาผนังจะมีรูปวาดเกี่ยวกับการทำเกษตรกรรมอีกด้านหนึ่งจะเป็นโถงใหญ่กว่า ด้านนี้เราว่าเหมาะกับมากินเลี้ยงสังสรรค์กันเป็นหมู่คณะ หรือมากันเป็นครอบครัวใหญ่ เพราะจะเป็นโต๊ะยาว ซึ่งสามารถรองรับจำนวนคนได้เยอะกว่าฝั่งขวามือ ถ้ามางั้นน้อยคนและอยากจะให้มีความเป็นส่วนตัว แนะนำเลือกด้านขวามือ(หันหน้าเข้าร้าน)ค่ะตรงกลางของทางร้าน จะมีเคาน์เตอร์ขนม เบเกอรี่ ผลไม้ ไวน์ ไว้ให้ลูกค้าได้เลือกลิ้มรสเมนูของทางร้าน จะแยกเป็นเมนูของคาว ซึ่งอาหารก็จะมีทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง มีทั้งเป็นอาหารจานเดียวและที่เป็นกับข้าว กับเมนูเครื่องดื่มและเบเกอรี่เครื่องดื่มที่เราสั่งมาวันนี้คือ ชาเขียวโฮจิฉะปั่น ราคา 110 บาท เมนูถัดมาเป็นข้าวผัดต้มยำทะเล พร้อมกับน้ำซุป ใส่มาในกระทะเลยค่ะ จานใหญ่มากๆ ทานกันได้ 2 คนเลย ราคาอาจจะดูแพง แต่เราว่าเหมาะสม เพราะจานใหญ่ วัตถุดิบดีและสดมากๆ กุ้งกับหอยที่ใส้มาตัวใหญ่มากๆ เลยค่ะจานต่อไปมา ลองทานอาหารฝรั่งดูบ้าง เมนูที่สั่งคือ สเต็กหมู ไซส์ L  ติดมัน ราคา 390 บาท สเต็กชิ้นใหญ่และนุ่มกำลังดีค่ะ เสิร์ฟมาพร้อมกับผักลวกและเฟรนซ์ฟราย การบริการที่นี่ดีเลยค่ะ เอาใจใส่ลูกค้าดี ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านเมื่อมาเขาใหญ่แล้วก็ควรมาลองค่ะ ร้านนี้ไม่มีเซอร์วิจชาร์จ และไม่บวก vat  เพิ่มอีก 7% สุดท้ายทางร้านน่ารักมากๆ มีคุกกี้ให้มาพร้อมกับเงินทอนด้วย

มีแพลนไปพักผ่อนที่เขาใหญ่ค่ะ บุคร้านนี้เอาไว้เลย ร้าน The Mew ร้านอาหารน่ารัก ที่คาดว่าใครๆ ก็อยากแวะเมื่อมาถึงเขาใหญ่ ณ เวลานี้ ร้านน่าจะเปิดใหม่ได้ไม่นาน ซึ่งตอนนี้ก็มีกระแสแนะนำหลายเว็บไซด์เลยทีเดียว เมื่อมาถึงเขาใหญ่ เราเลือกเป็นอาหารมื้อแรกของวันเลยทีเดียวค่ะ 

ด้านหน้าทางเข้าตกแต่งได้น่ารักและเป็นเอกลักษณ์มากมาย ตอนเห็นในภาพคิดว่าเป็นร้านเล็กๆ แต่ที่ไหนได้ ร้านใหญ่มาก แถมใส่ใจทุกรายละเอียด ตกแต่งได้สวยตั้งแต่ทางเข้ายันไปถึงในร้าน มีที่จอดรถรองรับมากพอสมควรด้านนอกสวยแล้ว ด้านในก็สวยไม่แพ้กันแถมมีมุมน่ารักตกแต่งร้านด้วยสัญลักษณ์ตัวการ์ตูนของร้านด้วย น่ารักมาก เราไม่ได้ถามว่าเป็นรูปอะไร เดาว่าเป็นตัวหยดน้ำหรือเปล่าน้า?มีขายของที่ระลึกน่ารักด้วย เรารอโต๊ะประมาณ 10 นาที ระหว่างรอก็เดินถ่ายภาพรอบๆ ร้านไปด้วย น่ารักทุกมุมจริงๆ ค่ะที่นี่ใช้ไอแพดเป็นเมนูอาหาร ส่วนเมนูเครื่องดื่มจะเป็นเมนูไม้ วาดตุ๊กตาได้น่ารักมากๆน้ำเปล่าเสิร์ฟเป็นน้ำแร่ แถมตัวขวดก็เป็นเอกลักษณ์ของร้าน แก้วนี้ตกแต่งได้สวยงาม รสชาดเปรี้ยวหวานนิดๆ รสชาดน้ำแอปเปิ้ลเหมือนมีแอลกอฮอล์เลย อร่อยดีนะหน้าตาสวยงาม ผัดมาได้กลมกล่อมกำลังดี ไม่อมน้ำมัน ที่สำคัญรสชาดดีมาก เราชอบพาสต้าจานนี้นะ รสชาดอร่อยลงตัว รสนุ่มละมุนลิ้นดีค่ะเห็นในเว็บแนะนำให้สั่งเมนูนี้ ก็เลยสั่งมาลอง ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ลักษณะของแป้งเหมือนแป้งคุกกี้ โดยมีแยมให้เลือก 3 แบบ คือ ครีมเนย, เสาวรส, สตอร์เบอรี่ ส่วนตัวชอบแยมเสาวรสมากที่สุด อร่อยตัดกับขนมปังได้ลงตัว

ร้านนี้ราคาอาหารค่อนข้างสูงค่ะ เลยสั่งไม่ได้เยอะ มี Vat & service charge ด้วย แต่แลกกับบรรยากาศและความอร่อยของอาหาร ถือว่าคุ้มที่ตั้งใจมาทานที่ร้านนี้เลย แนะนำนะคะ ใครไปเขาใหญ่ ร้านนี้อยู่ตรงถ.ธนะรัชต์ หาง่ายค่ะ เพราะติดถนนเลย

หลังจากอิ่มมาจากครัวเขาใหญ่แล้ว ก็ไปหาของหวานกินกันบ้างค่ะ ไปแวะที่ช็อกโกแลตแฟคทอรี่กัน ซึ่งก็อยู่เยื้องๆ กับร้านครัวเขาใหญ่นั่นแล ตอนที่ไปเขายังทำหน้าร้านกันอยู่นะคะ ตามภาพเลยภายในร้านก็กว้างขวางอยู่ค่ะ มีโซนที่เป็นในส่วนของร้านอาหาร และโซนด้านในที่จำหน่ายช็อกโกแลตค่ะตรงโซนห้องอาหารนี่มีดนตรีเล่นให้ฟังด้วยนะคะ แต่น่าจะเฉพาะเสาร์-อาทิตย์อะค่ะมีช็อกโกแลตและอื่นๆ ให้เลือกมากมายนะคะ และมีการโชว์การทำช็อกโกแลตให้ดูด้วยค่ะมีจำหน่ายแบบเป็นกล่องแบบนี้ด้วยนะคะ แต่จำราคาไม่ได้แล้วค่ะ เลือกช็อกโกแลตได้ 12 ชิ้นค่ะถ้าซื้อแพ็คเก็จดังกล่าวก็จะมีใบให้ติ๊กเลือกว่าจะสั่งอะไรบ้าง เราก็เขียนจำนวนไปส่งให้เค้า เค้าก็จะใส่กล่องมาให้นะคะผลการชิม อร่อยทุกรสเลยค่ะ ชอบอ้ะ อร่อยคนละแบบ ใช้ช็อกโกแลตดีเลยหละค่ะ สมราคาอยู่นะคะสรุปแล้ว ถ้าใครรักช็อกโกแลตไม่ควรพลาดนะคะ มีช็อกโกแลตให้เลือกมากมายเลยค่ะ 

มาลองชมลองชิมร้านอาหารบรรยากาศดีวิวเขื่อนลำตะคองกับร้าน "สวนเมืองพร" การเดินทางแนะนำให้มาตาม Navigator นะ เราผ่านเขาใหญ่มาพอพ้นเขื่อนมาหน่อยนึงเลี้่ยวขวาเข้าซอย ซอยอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขื่อนนะคะ ขับเข้ามาไม่ไกล เห็นป้ายร้านชัดเจน จะอยู่ด้านขวามือคะ เรื่องที่จอดรถไม่ต้องห่วงนะคะ ที่จอดรถเยอะมากค่ะบรรยากาศร้านเห็นวิวเขื่อนลำตะคองแบบ Panorama View ส่วนร้านตกแต่งแบบง่าย ๆ โต๊ะไม้ แบบกลางแจ้งและในร่ม ร้านแบ่งเป็น 2 ส่วนส่วนร้านอาหารและส่วนของร้านกาแฟ ร้านกาแฟวิวเดียวกันแต่เป็นห้องกระจก ตอนเข้าไปเค้าไม่เปิดแอร์แอบร้อนนะเริ่มที่เมนูอาหารเมนูแรก "กุ้งทอดพริกแกง" กุ้งฝอยทอดกรอบทอดกับพริกแกงทอดกรอบมาก รสชาติไม่เผ็ดหอมกรอบกำลังดี "ทอดมันปลากราย" ทอดมันชิ้นใหญ่ รสชาติเข้มข้น เสริ์ฟมาร้อน ๆ จากเตา มาที่เมนูต้ม "ต้มแซ่บกระดูกหมู" ต้มแซ่บรสแซ่บ ให้กระดูกหมูเยอะมากกกก เมนูนี้เผ็ดทีเดียวต่อด้วย "แกงคั่วหอยขม" เป็นเมนูที่ทานไม่เป็น "ผัดหมี่โคราช" ที่หน้าตาเหมือนผัดไท โป๊ะด้วยไข่ทอดผักเคียงแบบผัดไทเลย จานใหญ่มากค่ะ เส้นเหนียวนุ่ม "หมูมะนาว" หมูชิ้นใหญ่ ๆ รสชาติเปรี๊ยวจี๊ด "ยำหอยแครง" หอยแครงลวกไม่สุกยังแดง ๆ อยู่เลย น้ำยำรสชาติเข้มข้น

"ครัวจันผา" ร้านอาหารอยู่บนถนนธนะรัชต์เลยปาลิโอประมาณ 2 กิโลกว่า มีลานจอดรถอยู่ด้านหน้า หน้าร้านดูบรรยากาศดีมีโซน Outdoor และ Indoor ตามสะดวกเมนูอาหารเริ่มด้วย "แกงส้มชะอมกุ้ง" รสชาติเข้มข้น กุ้งสด ไข่เจียวชะอมร้อน ๆ เปรี้ยว เผ็ดกำลังดี เมนูสลัดเบา ๆ "สลัดกุ้งทอด" ผักรวมสดหลาย ๆ แบบ ราดด้วยน้ำสลัดมายองเนส กุ้งทอดกรอบแป้งเยอะไปหน่อย"ยำเห็ดรวม" ยำเห็ดรสชาติเข้มข้น เปรี้ยว เผ็ด มีแต่เห็ด และเห็ดจริง ๆ ไม่มีการเจือปนของเนื้อสัตร์ใด ๆ เมนูเด็ดที่ต้องสั่ง "แม่ลาปลาเผา" มากับผักลวกและน้ำจิ้ม 3 แบบคือน้ำจิ้มซีฟู๊ด น้ำพริกและน้ำปลาหวาน(คิดเองล้วน ๆ) ปลาสดดีอร่อยเด็ดที่น้ำจิ้ม"ออส่วนกะทะร้อน" เป็นเมนูที่ไม่ควรสั่งเมื่อมาป่าอย่างยิ่ง บอกเลยว่าพลาด พลาด!! ออส่วนแป้งเยอะมว๊ากกจริง ๆ หอยนางรมตัวจิ๋วสุด ๆ เบบี๋หอยนางรมยังน้อยไปแถมยังไม่สดมีกลิ่นแปลก ๆ อีก "ยำไข่ดาว" คือจานที่มีปลาหมึก กุ้งอยู่เต็มหน้านั่นแหละ ไข่ดาวแอบซ่อนตัวอยู่ด้านล่างทานคู่กับน้ำยำ "ไก่ทอดเกลือ" สมชื่อเค็มสมชื่อกับที่ทอดกับเกลือ ไก่ไม่อมน้ำมันกรอบกำลังดี  "ข้าวผัดกุ้ง" จานใหญ่อีกต่างหากสั่งเป็นเมนูแรกได้สุดท้ายเลย จานใหญ่มากกกเกือบสั่ง 2 จานแล้ว ข้าวผัดอร่อย กุ้งตัวโตให้มาเต็มจาน

วิลลี่ วองก้า วิลลี่ วองก้า วิลลี่ วองก้า วิลลี่ วองก้า...กับ โรงงานช็อคโกแลต"The Chocolate Factory" โรงงานช็อคโกแลตสำหรับคนรักช็อคโกแลต ตั้งอยู่บน ถนนธนะรัชต์ ตรงข้ามครัวเขาใหญ่ ร้านเป็นรูปแบบ Glass House สวบยงาม มีทั้ง In door และ Out door ร้านอาหารที่ขายทั้งของฝากจากช็อคโกแลตและเบเกอร์รี่อื่น ๆ มากมาย ทุกอย่างจริง ๆ ช็อคโกแลต - ผักไฮโดรโปนิกส์การสั่งอาหารและของหวานสั่งอาหาร ชำระเงินที่เคาท์เตอร์แล้วรับอาหารมาที่โต๊ะได้เลยค่ะ ตอนช่วงที่ไปคนเยอะมาก รอนานพอสมควรเมนูรอบนี้ลองแต่ขนมล้วน ๆ เริ่มที่ "White Chocolate Mousse" ไวท์ช็อคโกแลตมูสเนื้อนุ่ม หอมไวท์ช็อคโกแลตรสชาติหวานหน่อย ๆ ชิ้นนี้รสชาติพอใช้"Raspberry Cream Mousse" ราสเบอร์รี่มูส เนื้อมูสนุ่มราสเบอร์รี่ มีฐานรองเป็นสปอนจ์เค้ก ตรงกลางเป็นใส้ช็อคโกแลตไว้ตัดรสเปรี้ยว หอมราสเบอร์รี่ เค้กดีไซน์เก๋ไก๋"I Love Chocolate" ชิ้นนี้รสชาติที่สุดของที่สุดเลยติดใจกันทั้งโต๊ะ ช็อคโกแลตเข้มข้นมาก เนื้อช็อคโกแลตเนียรนุ่ม รสชาติไม่หวานมาก"Macarons" 7 รสชาติ อย่างสีขาว รสมะนาวเปรี้ยวหวาน หอมกลิ่นมะนาวเลมอน เปรี้ยว ๆ ฝามาการองนุ่มChocolate Truffles (เริ่มจากบนลงล่าง)
- "Mint" รูปรถโบราญ ด้านนอกเป็นช็อคโกแลตเข้ม ๆ ไส้ด้านในเป็นมิ้นหอมเย็น
- "Coffee Bean" มีเมล็ดกาแฟแปะอยู่ด้านบน ชิ้นนี้หอมกาแฟดีแต่ขมไปหน่อย ช็อคโกแลตผสมกาแฟ
- "Caramel" ช็อคโกแลตสอดไส้คาราเมลหอมหวาน รสชาติตัดกับช็อคโกแลตกำลังดี
- "Rocher" ชิ้นนี้บอกตรง ๆ จำไม่ได้
- "Hazel Praline" ชิ้นนี้รสชาติหอมมันเฮเซลนัท
- "Soft Matcha" เหมือนนามะมัชฉะ แต่รสชาติมัชฉะไม่เข้มข้นเท่า ยังรักรอยซ์อยู่นะ
- "Raspberry Milk" ชิ้นที่เป็นรูปหัวใจ รสชาติเปรี้ยวกำลังดี เหมือนกินยาเลย ส่วนด้านล่างสีเหลี่ยมเป็น Soft Chocolate Milk นะเค้าวางซ้อนกันมา
- "Soft Chocolate Milk" มาแบบนามะช็อคโกแลตอีกแล้วแบบช็อคโกแลตนมรสชาติอ่อน ๆ ไม่เข้มและขมมากเนื้อนุ่มกำลังดี
- "Soft Dark Chocolate" ชิ้นนี้ก็อร่อยรสชาติดาร์กดี ช็อคโกแลตเข้ม

บล็อกนี้ขอแซงคิวร้านอาหารในทริปเมืองจันท์ซักนิดครับ เนื่องจากว่าประทับใจกับร้านนี้มากมายจนอดรนทนไม่ไหวต้องตากหน้ามาขอความเห็นใจจากแฟนๆบล็อกขอลัดคิวซักนิดนึง

อาทิตย์ก่อนหยุดยาวปีใหม่ๆได้มีโอกาสไปค้างคืนที่วิลล่าเขาแผงม้ามา 1 คืน เข้าไป check in ที่วิลล่าเขาแผงม้าเสร็จก็ออกไปเที่ยวที่วังน้ำเขียวทันทีครับ ขับรถวนไปวนมาอยู่หลายรอบเพิ่งจะรู้ว่าเส้นทางท่องเที่ยวที่วังน้ำเขียวมีเส้นหลักๆเส้นเดียวครับ ขับรถย้อนไปย้อนมาเท่านั้นเอง ตอนที่ขับรถย้อนไปย้อนมาตาก็อ่านป้ายข้างทางไปด้วยจะได้ดูร้านอาหารสำหรับตอนเย็นไปด้วย ตาก็ไปสะดุดกับป้ายๆหนึ่งที่อยู่ด้านล่างสุดของป้ายชื่อรีสอร์ทนับสิบอันที่ “ไทยสามัคคีซอย 5” ครับ อ่านป้ายดูแล้วท่าทางจะเป็นร้านกาแฟ ตอนนั้นเพิ่งจะบ่ายแก่ๆ แล้วเราก็ไม่รู้จะไปไหนกันดีก็เลยออกความเห็นว่าไปนั่งกินกาแฟกันก่อนดีกว่า ...... ไม่คิดเลยว่าการตัดสินในแวะร้านกาแฟในวันนั้นจะทำให้เจอร้านกาแฟเกร๋ๆ พร้อมกับประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงทีเดียว

โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว

โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว อยู่ที่ ไทยสามัคคีซอย 5 ถนนไทยสามัคคี ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

วิธีการไปโรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียวก็ไม่ง่ายไม่ยากครับ จากทางหลวงสาย 304 เลี้ยวเข้ามาทางไทยสามัคคีซึ่งเป็นเส้นทางหลักสำหรับที่พัก ที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารในวังน้ำเขียว (รับรองว่าไม่หลงแน่ๆ) ขับตรงๆมาเรื่อยๆครับ ผ่านทางเข้าบ้านบุไทร ขับต่อมาเรื่อยๆจะผ่านวัดไทยสามัคคีทางซ้ายมือให้เริ่มลดความเร็วลงได้ครับ พอผ่าน รพสต ไทยสามัคคีทางซ้ายมือก็ให้เริ่มนับซอยทางซ้ายมือไป 5 ซอย เรามาเลี้ยวซ้ายซอยที่ 5 ครับ ตรงปากซอยจะเห็นป้ายใหญ่ๆ สูงๆ ด้านบนเขียนไว้ว่า “ไทยสามัคคีซอย 5” แล้วก็จะมีป้ายชื่อรีสอร์ทต่างๆติดยาวลงมาเป็นสองฝั่งนับสิบป้าย ป้ายชื่อโรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียวจะอยู่ท้ายๆเรี่ยๆยอดหญ้ากันเลยคราบ อิอิอิ ระยะทางจากปากทางเข้าตำบาลไทยสามัคคีประมาณ 6.3 กิโลเมตรครับ

พอเลี้ยวเข้าซอย 5 ก็ขับตรงมาบนถนนคอนกรีตเสริมเหล็กเรื่อยๆนะครับจนเจอบึงทางขวามือ ข้างๆบึงจะมีถนนลูกรังอยู่ (ทางขวา) เลี้ยวขวาเข้าไปเลยครับ ขับตรงไปตามถนนเรื่อยๆครับจะลัดเลาะไปตามริมบึง แล้วก็จะผ่านไร่อะไรซักอย่างทางขวามือพอสุดไร่ก็จะเป็นถนนเล็กๆ เป็นสี่แยกก็ให้ตรงไปอีกครับ ทางขวาจะผ่านกำแพงบ้านสีขาวๆ ให้เล็งซ้ายมือเอาไว้จะเป็นโรงนามุงสังกะสีอยู่นั่นแหละครับ โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว


ที่โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียวเป็นร้านกาแฟแบบ stand alone ครับมีลักษณะเป็นอาคารเปิดโล่ง 3 ด้าน ด้านหน้าอาคารเป็นโต๊ะนั่งเป็นชุดๆ 3-4 ชุด มีส่วนเล็กๆจัดไว้เป็นที่โชว์สินค้า organic ต่างๆเช่นข้าวไรซ์เบอร์รี่ พืชผักจากฟาร์ม และเม็ดกาแฟคั่วใหม่จากที่ร้านเอง คุยกับน้องที่ร้านน้องเค้าบอกว่าที่นี่มีโรงคั่วกาแฟด้วย .... ตาโตเลยครับ เพราะเคยเห็นเค้าคั่วกาแฟกันแต่ในสารคดีที่โทรทัศน์ ไม่เคยเห็นเค้าคั่วกาแฟกันจริงๆซะทีน้องที่ร้านเอาเมนูมาให้ถึงได้เห็นว่านอกจากเมนูกาแฟแล้วที่ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว มีอาหารหนักๆด้วย เสียดายที่ไม่รู้มาก่อน ท้องยังเต็มมาจากที่อื่น อิอิอิ พอน้องเค้าบอกว่ามีอาหารขายด้วยถึงได้กวาดตามองไปทั่วๆถึงได้เห็นว่า โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว ทำซุ้มเป็นอาคารเปิดโล่งขนาดย่อมๆไว้อีก 2-3 หลัง กระจายอยู่ทั่วๆห่างๆกัน ในแต่ละซุ้มก็มีโต๊ะจัดเตรียมไว้ 3-4 โต๊ะทุกซุ้ม น้องที่ร้านยังบอกอีกว่าเมื่อคืนก่อนหน้าที่เราจะไปกันมีคนมานั่งทานอาหารกันกว่าจะเลิกตั้งดึกเชียว

น้องที่ร้านบอกกับเราอีกว่าเจ้าของร้านมีไร่กาแฟที่ลงทุนร่วมกับเพื่อนๆที่ดอยช้าง จังหวัดเชียงใหม่ เมล็ดกาแฟที่ชงที่ร้านนี้ก็เป็นกาแฟจากดอยช้าง แต่เอามาคั่วเอง ถ้าวันนี้โชคดีจะได้เห็นการคั่วกาแฟด้วย จากนั้นเราก็ปล่อยให้น้องที่ร้านไปทำหน้าที่ชงกาแฟครับ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกับน้องเค้าอีกเลยเพราะมีลูกค้าเข้ามากลุ่มใหญ่ๆถึง 2 กลุ่ม ต่างก็ไม่เคยมาร้านนี้มาก่อน ที่เข้ามาเพราะว่าชื่อ โรงคั่วกาแฟ เท่านั้นเอง อิอิอิ

ระหว่างที่รอกาแฟเสร็จ เจ้าของร้านก็กลับมาจากข้างนอก แล้วสั่งพนักงานอีกคนทำการคั่วกาแฟทันที เจ้าของบล็อกก็เลยไปจับจองที่ที่หน้าเครื่องคั่วกาแฟทันที น้องคนที่มีหน้าที่คั่วกาแฟเล่าให้ฟังว่าเมล็ดกาแฟตอนนี้ทั้งหมดนำมาจากไร่กาแฟที่ดอยช้าง จังหวัดเชียงใหม่ แต่ตอนนี้เจ้าของร้านเอาต้นพันธุ์กาแฟจากดอยช้าง จังหวัดเชียงใหม่ มาเริ่มทดลองปลูกที่วังน้ำเขียวนี่ พอถามว่าแล้วกาแฟเริ่มออกผลหรือยัง น้องพนักงานคั่วกาแฟบอกว่าเจ้าของร้านเอาใจใส่กับกาแฟมาก เมื่อกาแฟออกผม 4 ปีแรกจะเด็ดผลทิ้งหมด และเริ่มเก็บผลกาแฟในปีที่ 5 เป็นต้นไป ถามว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น น้องพนักงานคั่วกาแฟก็บอกว่า “ที่เด็ดทิ้งเพราะว่าเม็ดกาแฟยังไม่ได้อายุดี ชงก็ไม่อร่อย ไม่หอมเท่าที่ควร” เล่นเอาเจ้าของบล็อกอึ้งไปพักใหญ่ เพราะเพิ่งเคยรู้เรื่องพวกนี้ น้องพนักงานคั่วกาแฟบอกด้วยว่าต้นกาแฟที่ปลูกที่วังน้ำเขียวให้ผลในปีที่ 5 แล้ว แต่ว่ายังไม่ได้คั่ว ถ้ารสไม่เปลี่ยนไปจากเมล็ดกาแฟที่มาจากดอยช้าง เราจะได้ชิมกาแฟที่ปลูกที่วังน้ำเขียวกันครับ

สำหรับการคั่วกาแฟก็จะใส่เมล็ดกาแฟที่กะเทาะเปลือกออกจนหมดด้านบน แล้วเมล็ดกาแฟจะตกไปอยู่ในหม้อคั่วซึ่งอยู่ตอนกลางของเครื่อง คั่วด้วยความร้อนประมาณ 200 องศาเซลเซียส (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ อิอิอิ) เวลาที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้เมล็ดกาแฟมีความเข้มขนาดไหน ถ้าเป็น dark roast ก็คั่วนานสุดอันนี้เอาไว้ชง Espresso เข้มรองลงมาก็เอาไว้ชงลาเต้ และคั่วแบบอ่อนที่สุดจะเอาไว้ชงมอคค่า (อันนี้เจ้าของอธิบายให้ฟังครับ) เจ้าของร้านบอกว่าโรงคั่วกาแฟจะตั้งอยู่ในชุมชนไม่ได้ ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโรงคั่วกาแฟถึงตั้งอยู่ในชุมชนไม่ได้ แต่เมื่อเมล็ดกาแฟถูกคั่วไประยะหนึ่งถึงได้เข้าใจ เพราะผงเปลือกเมล็ดกาแฟเล็กๆ ที่ยังติดอยู่กับเมล็ดกาแฟดิบลอยออกมาตามปล่องตกลงบริเวณใกล้ไกลเต็มไปหมด นี่ถ้ามีลมแรงๆ เถ้าของเปลือกกาแฟก็จะถูกลมหอบไปตกที่อื่นๆตามแรงลม ดีที่ว่าเรายืนอยู่ภายใต้หลังคาแต่เรายื่นแขนออกไปก็สามารถจับเถ้าเมล็ดกาแฟได้เลยครับ

พอจวนจะได้เวลาเจ้าของร้านก็จะเอาเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วออกมาตรวจสอบดูว่าได้ที่หรือยัง เมื่อเห็นว่าได้ที่แล้วก็จะเทเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วลงในถาดที่มีที่พลิกเมล็ดกาแฟเพื่อให้กาแฟเย็นตัวลงก่อนจะผ่านไปขั้นตอนต่อไป น้องพนักงานคั่วกาแฟบอกว่าเวลาคั่วเมล็ดกาแฟแล้วเมล็ดกาแฟจะคายก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ออกมา เมื่อเมล็ดกาแฟเย็นลงแล้วจะต้องบ่มให้เมล็ดกาแฟหมดก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์เสียก่อนถึงจะบรรจุถุงได้กลับมาหาเมนูที่เราสั่งกันไปครับ

เมนูแรก กาแฟเอสเพรสโซ่ร้อน ราคา 40 บาท


น้องพนักงานชงกาแฟถามก่อนว่าจะทานสูตรของที่ร้านหรือเปล่า ตอนแรกก็งง ก็เลยถามว่าต่างกันอย่างไร น้องพนักงานชงกาแฟเลยอธิบายให้ฟังว่าถ้าเป็นสูตรของที่ร้านจะใส่นมนิดหน่อย หรือถ้าลูกค้าจะไม่ให้ใส่นมเลยก็ได้

พอจิบเข้าปากถึงได้รู้ว่าเหตุผลที่สูตรที่ร้านต้องใส่นมนิดหน่อยก็เพราะว่ากาแฟเข้มดีจริงๆ เข้มแล้วก็มีกลิ่นไหม้ๆอวลๆอยู่ในปากทั้งเมื่อจิบกาแฟและเมื่อกลืนกาแฟลงท้องไปแล้วก็ยังมีกลิ่นไหม้อวลๆอยู่ในปากด้วย แบบนี้เลยครับอย่างที่ชอบ เคยมีคนบอกว่าถ้าจะกินเอสเพรสโซ่ต้องกินให้หมดก่อน “คริสม่า” (คิดว่าได้ยินมาถูกนะ) ของกาแฟจะหมดไป เจ้า “คริสม่า” ของกาแฟก็คือฟองละเอียดๆด้านบนของเอสเพรสโซ่นี่แหละครับ ขอบอกว่า “คริสม่า” เยอะมากกกกกกก แล้วก็อยู่นานด้วย เคยไปกินร้านอื่นๆถ่ายรูปยังไม่เสร็จเจ้า “คริสม่า” ก็หายไปเกือบหมดแล้วอ่ะคราบ อิอิอิแก้วที่สองเป็น มอคค่าร้อน ราคา 40 บาท


แก้วนี้เป็นกาแฟที่คั่วอย่างอ่อนที่สุดชงผสมกับโก้โก้ใส่นมในปริมาณที่เยอะรสชาติของแก้วนี้จะนุ่มๆ หอมๆกลิ่นกาแฟอ่อนๆปนกับกลิ่นของโกโก้แก้วที่สาม ลาเต้ร้อน ราคา 40 บาท


เนื่องจากว่าติดใจเอสเพรสโซ่ครับ เลยไปถอยลาเต้ร้อนมากินอีก 1 แก้ว ทางร้านจะใช้กาแฟคั่วแบบกลางในการชงแก้วนี้นะครับ ความหอมกลิ่นไหม้ๆของกาแฟก็เลยจะไม่เท่าเอสเพรสโซ่ แต่เจ้าของบล็อกคิดว่าถึงเป็นกาแฟคั่วกลางของ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว ก็ยังเข้มกว่าร้านอื่นๆๆนะครับ เพราะฉะนั้นเรื่องความหอมกลิ่นกาแฟคั่วของ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว จะมากกว่าที่ร้านอื่นอยู่แล้วคราบ ลาเต้จะใส่ฟองนมมากกว่ากาแฟเอสเพรสโซ่เพราะฉะนั้นก็จะมีความนุ่มของฟองนมมากกว่าครับแก้วสุดท้ายเป็นของล้างปากครับ แดงโซดา ราคา 40 บาท


แก้วนี้อร่อยแบบมาตรฐานครับเจ้าของร้านยังชงชาหญ้าหวานสดผสมใบมินต์สดมาให้เราชิมฟรีๆอีกด้วย รสหวานปะแล่มๆของหญ้าหวานผสมกับกินหอมๆของใบมินต์ช่วยให้สดชื่นขึ้นมากเลยคราบขอขอบคุณฯทั้งเจ้าของร้าน โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว และน้องพนักงานชงกาแฟ กับน้องพนักงานคั่วกาแฟที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟอย่างไม่หวงวิชา และขอบคุณสำหรับกาแฟหอมๆ อร่อยๆ รับรองว่าจะหาโอกาสไปชิมอาหารและผักที่เจ้าของร้านโฆษณาว่าเป็นผักออร์แกนิคจากฟาร์มให้ได้เลยคราบ

ร้านที่จะมาแนะนำในวันนี้เป็นร้านสุดท้ายที่ได้ไปชิมมาในทริปเขาใหญ่ครับ เป็นร้านขนมชื่อดังของเขาใหญ่ครับ แต่ร้านไม่ได้หรูมาก เป็นร้านเค้กกับกาแฟธรรมดาๆ แต่ว่าขึ้นเป็นร้านขนมขึ้นชื่อแถวเขาใหญ่เลยครับ เรียกว่าแขกไปใครมาก็ต้องมาแวะทานขนมร้านนี้ทั้งนั้นเลยครับ

บ้านเค้ก เขาใหญ่

วิธีการมาร้านบ้านเค้ก เขาใหญ่ ใช้ถนนมิตรภาพ เลี้ยวเข้าถนนธนะรัชต์ ขับตรงมาประมาณที่กิโลเมตรที่ 14 ร้านบ้านเค้ก เขาใหญ่ จะอยู่ทางขวามือ ตรงปากทางเข้าภูวนาลี รีสอร์ท และทางเข้าบ้านใหม่สามัคคี หมู่ 2 ครับ จุดสังเกตก็คือตรงร้านบ้านเค้กเป็นอาคารแถวชั้นเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้า บ้านเค้ก เขาใหญ่ จะเป็นร้านแรกติดกับทางเข้าภูวนาลี รีสอร์ทครับ

ตัวร้านบ้านเค้ก เขาใหญ่ เป็นอาคารแถวชั้นเดียวอย่างที่บอกครับ ตรงหน้าร้านทำเป็นยกพื้นเพื่อเป็นเฉลียงหน้าร้านแบบไม่มีหลังคากว้างๆ มีโต๊ะนั่งขนาด 2-4 คนนั่งประมาณ 3-4 ชุด ตกแต่งคล้ายอยในสวนแบบอังกฤษหน่อยๆ สุดเฉลียงจะเป็นยกพื้น 1 step เป็นระเบียงหน้าร้านแบบมีหลังคาคลุม ด้านข้างมีโต๊ะนั่งอยู่ 2 ชุด แล้วถึงจะถึงตัวร้านซึ่งเป็นห้องโล่งๆ มีเค้าน์เตอร์ชงกาแฟ ตู้แช่เค้ก แล้วก็มีชุดโซฟารับแขก 3 ชุดเท่านั้น แต่เมือรวมโต๊ะทั้งหมดในร้านก็จะมีโต๊ะ 10 ชุด ก็รองรับลูกค้าได้ถึง 20 -30 คนได้ทีเดียวครับร้านบ้านเค้ก เขาใหญ่ เค้าดังเรื่องเค้กอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเค้กจะมีเต็มตู้ทุกวันครับ ก็จะมีเค้กส้มหน้านิ่ม ชอคหน้านิ่ม เค้กมะพร้าวอ่อน ประมาณนี้นะครับ แต่วันที่ไปก็จะมีเค้กให้เลือก 5-6 ชนิดครับเจ้าของร้านเชิญชวนให้ลอง กาแฟจ้ำบ๊ะเย็น ราคา 40 บาท
เป็นกาแฟเย็นใส่ฟองนมถึง 1/3 ของแก้ว คล้ายๆคาปูชิโน่แต่รสกาแฟเข้มกว่า ประมาณกาแฟโบราณแบบไทยๆนี่แหละครับ ใส่ใส่น้ำหวานสีแดงลงไปด้วย คือรสชาติของกาแฟก็เข้มข้นออกไปทางขมๆอยู่แล้วนะครับ มาเจอรสชาติของน้ำหวานสีแดงซึ่งหวานจัดๆเข้าไปอีก โดยส่วนตัวผมว่ารสชาติมันผะอืดผะอมอ่ะครับ มันเข้มไปหมดครับ ไม่อร่อยเลยเค้กที่สั่งมาเป็นเค้กสุดฮิตของ ร้านบ้านเค้ก เขาใหญ่ คือ เค้กมะพร้าวอ่อน ราคา 55 บาท


เอาส่วนที่ดีก่อนนะครับ คือเค้กแต่ละชิ้นการตัดเค้กดีมากครับ เป็นชิ้นสวยงาม ไม่เหมือนร้านบ้านใกล้วังที่ตัดเค้กแห่วงๆ เว้าๆ ครีมที่ปาดระหว่างชั้นก็ไม่หนาจนเกินไปนัก ..... จบข้อดีครับ

มาต่อส่วนที่ต้องติกันบ้าง ..... อย่างแรกหน้ามะพร้าวอ่อน ..... หน้าเค้กไม่ขาวสวย เป็นสีดำๆ คล้ำๆ ตุ่นๆ ครับ รสชาติก็เฉยๆนะครับ ไม่ได้อร่อยมาก (เฉพาะตัวหน้าเค้กนะครับ) มะพร้าวอ่อนที่ใส่ในหน้าเค้กก็มีปริมาณที่ธรรมดามากครับ

ส่วนของเนื้อเค้กบอกได้เลยครับว่าสอบตก เนื้อเค้กหยาบมากกกกกกกกกกกก ไม่มีนุ่ม ความหวาน หอม มันใดๆเลยครับ มีเพื่อนคนนึงบอกว่าเจ้าของร้านเค้าตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น ... แต่ผมไม่ค่อยเชื่อครับ เพราะไม่มีแม่ค้าเค้กที่มีจรรยาบรรณคนไหนปผล่อยให้เนื้อเค้กที่ขายแย่ขนาดนี้ครับ แล้วลองสังเกตดีๆนะครับ เค้กทำเป็น 2 ชั้น ใช้วิธีอบ 2 ก้อนแล้วนำมาซ้อนกัน แต่เค้าอบทั้ง 2 ก้อนแก่ไฟหรือใช้เวลานานจนเกินไปครับ เลยทำให้ทั้ง 2 ก้อนนั้นหน้าเข้มไปนิดครับ เข้มจนสังเกตได้เลยครับ และเนื่องจากเค้าแบ่งอบเป็น 2 ก้อน (ไม่ได้อบก้อนเดียวแล้วเอามาแบ่ง) พอหน้าและก้นเข้มเกินไปจึงไม่สามารถเฉือนส่วนที่เข้มได้ เพราะเค้กที่แบ่งอบ 2 ก้อนมีปริมาณเนื้อเค้กน้อยอยู่แล้วครับแต่ถ้าถามว่าจะกลับไปร้านนี้อีกมั๊ย .... ผมจะกลับไปชิมเค้กอื่นๆอีก และชิมกาแฟแบบธรรมดาๆทั่วๆไปอีกครั้งครับ เพราะด้วยชื่อเสียงของร้านผมเลยอยากจะลองแก้ตัวกับ ร้านบ้านเค้ก เขาใหญ่ อีกครั้งครับ

ที่เขาใหญ่นี่มีร้านขนมเยอะจริงๆนะครับ มีเยอะจนกินไม่หวาดไม่ไหว ขนาดว่าไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน ไปกินขนมแบบเป็นอาหารว่างๆ ไม่นับมื้อในอาหารหลักยังไปชิมมาไม่หมดเลยครับ Entry นี้ก็ยังเป็นร้านขนมเหมือนกันครับ แต่จะแตกต่างจากร้านอื่นๆยังไงไปติดตามกันเลยครับ ..... ขอกระซิบว่าไม่ได้มีบรรยากาศแบบอิตาลีเหมือนร้านอื่นๆด้วยนะคราบ

Clotted Cream, Thames Valley เขาใหญ่

การเดินทางมา Thames Valley เขาใหญ่ ก็ง่ายมากครับ จากถนนมิตรภาพเลี้ยวเข้าถนนธนะรัชต์ แล้วขับตรงมาเรื่อยๆ ตามแผนที่ของ Thames Valley เขาใหญ่ เค้าบอกว่าระยะทางจากถนนมิตรภาพมาถึง Thames Valley เขาใหญ่ ประมาณ 18 กิโลเมตรครับ Thames Valley เขาใหญ่ จะอยู่ทางขวามือ อยู่ก่อนถึง Palio กับโรงแรม Balios ครับ ร้าน Clotted Cream เป็นร้านขนมของ Thames Valley ตั้งอยู่ด้านหน้า Thames Valley หลังร้านอาหาร The Castle (ซึ่งจะพาไปชิมใน Entry ถัดไปครับ อิอิอิ)

Thames Valley เป็น Theme รีสอร์ทแห่งใหม่ของเขาใหญ่ครับ ท่าว่าคงจะเบื่อบรรยากาศแบบอิตาลี ก็เลยสร้างบรรยากาศให้เป็นแบบอังกรี๊ดดดดด อังกริดดดด โดยสมมุติให้รีสอร์ทเป็นเมืองเล็กๆในชนบทอยู่บนฝั่งแม่น้ำเล็กๆ ดูเผินๆแล้วคล้ายๆกับเมือง Stratford Upon Avon เลยครับ คิดว่าถ้าต้นไม้ต้นไร่โตกว่านี้ซักนิด คงจะคล้ายกว่านี้มากครับร้าน Clotted Cream เป็นร้านขนมกับร้านกาแฟอยู่ด้านหน้ารีสอร์ท แต่อยู่ด้านหลังร้าน The Castle ความที่ร้าน Clotted Cream อยู่ด้านหลังของร้าน The Castle ทำให้มีจุดเด่นมากๆ เพราะจากในร้าน Clotted Cream สามารถมองเห็นตัวรีสอร์ทได้ทั้งหมด ได้บรรยากาศแบบอังกรี๊ดดดดด อังกริดดดดดดด เลยครับภายในร้าน Clotted Cream ก็ตกแต่งสไตล์ชนบทอังกฤษ มีโน่นนิด นี่หน่อย ให้ได้กลิ่นอายอังกฤษน้อยๆ ไม่ใช่แต่งแบบเอาเหมือน (เพราะถ้าแต่งให้เหมือนเลยมันคงจะไม่เหมือนอยู่ดีแหละครับ) เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในร้านเป็นแบบ mix and match ทำให้ได้บรยากาศแบบอังกฤษดีมากๆเลยครับ แต่ในร้านก็ยังคุมโทนมีขาวๆ ฟ้าๆ ทำให้ดูสบายตามากครับ นั่งเพลินๆ จิบชาร้อนๆ กินขนมไปด้วย แหมมมม ... ช่างมีความสุขซะจริงๆเลยครับเราสมมุติให้เรามาปิกนิกแบบอังกฤษกันครับ (ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เป็นเพราะเพิ่งอิ่มอาหารเช้ามากันหยกๆ แล้วก็มารอพี่ที่รู้จักกันพาไปกินของอร่อยที่ร้าน The Castle นั้นแหละครับ ถึงได้กินอะไรมากไม่ได้ อิอิ) เราก็เลยสั่ง ชุดชา + สโคน ราคา 280 บาท มากินกันครับ ไม่ได้ถามราคาแยกกันนะครับเลยไม่รู้ว่าชาเท่าไหร่และสโคนเท่าไหร่สำหรับชาเป็นชายี่ห้อ TWG ชาสัญชาติสิงคโปร์ครับ เคยทานยี่ห้อนี้บ่อยพอๆกับ Twinnings เลยครับ ผมว่าชา TWG นี่เค้าจะเด่นชาที่เป็นชาดำ กลิ่นแบบผสมเครื่องเทศอ่ะครับ แต่สั่ง English Breakfast มาแทนเพราะไม่อยากกินชารสเข้มมากๆ เดี๋ยวก็ต้องไปกินอาหารมื้อหนักๆแล้วครับScone Set ครับ

ขอบอกว่า scone ที่ร้านนี้อร่อยมากๆจริงๆครับ scone ของร้าน Clotted Cream จะมีแต่ scone ธรรมดาเท่านั้นนะครับ รูปร่างก็สวยงาม เนื้อ scone ก็เนียนสวยมีรอยแตกตรงกลาง เนื้อสัมผัสของ scone ไม่ร่วน ไม่แห้งจนเกินไป สามารถกินเปล่าๆได้โดยไม่ติดคอ เนื้อสโคนชุ่มเนยมากครับที่ร้าน Clotted Cream เค้าจะเสิร์ฟ scone ได้อลังการมากๆครับ จะมีทั้งครีม clotted cream และแยมสตรอเบอรี่แบบโฮมเมดที่สตรอเบอรี่ลูกโตๆใส่มาด้วย ต่างจากร้านอื่นๆที่เคยไปทาน scone มาครับ เพราะบางร้านจะเสิร์ฟ scone กับเนยและแยมผลไม้ บางร้านก็เสิร์ฟ scone กับ clotted cream กับแยม แต่ในเมืองไทยหาร้านที่จะเสิร์ฟ scone กับ clotted ยากมากครับClotted cream ที่ร้านนี้ก็พิเศษกว่าร้านอื่นๆ เพราะเป็น clotted cream สีเหลืองๆ เนื้อ clotted cream นุ่ม มัน หอม หวานนิดๆ อร่อยมากเลยครับ

ร้าน Clotted cream เป็นร้านขนมในบรรยากาศแบบชนบทอังกฤษที่น่ามานั่งชิลล์ๆ จิบชาไป เล็ม scone ไป ชื่นชมกับทัศนียภาพของรีสอร์ทไป นับว่าเป็นความสุขอย่างนึงจริงๆนะครับ

วันนี้พักท้องจากของหนักๆมาเป็นของเบาๆ ในบรรยากาศดีๆ แบบอิตาลี๊ .... อิตาลี่ กันบ้างนะครับ พักนี้เค้าฮิตกันจังนะครับ บรรยากาศแอบอิตาลีนี่ ไม่รู้ว่าทำไม โดยส่วนตัวคิดว่าบรรยากาศแบบอิตาลีมันสวย มีสเน่ห์มากๆครับ วันนี้ก็จะพาไปจิบกาแฟแกล้มขนมอร่อยๆ ที่สถานที่ท่องเที่ยวแห่ง (เคย) ใหม่กันนะครับ

Primo Café, Primo Piazza เขาใหญ่

สถานที่ตั้งของ Primo Piazza เขาใหญ่ ก็ตั้งอยู่ที่เดียวกับ Promo Prosto ที่ปิดไปแล้วนั่นแหละครับ แต่ส่วนของ Primo Piazza เค้าสร้างขึ้นมาใหม่ครับ ตัวผมเองก็ไม่เคยไป Promo Prosto เหมือนกันครับ แต่การเดินทางไปไม่ยากเลยครับ จากถนนมิตรภาพเลี้ยวเข้าถนนธนะรัชต์ ขับตรงมาเรื่อยๆจนจวนๆถึงทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จุดสังเกตคือจะผ่านกรีนเนอรี่รีสอร์ททางขวามือ ให้เลี้ยวขวาตรงแยกไฟแดงไปทางเส้นผ่านศึก – กุดคล้า ขับตรงต่อไปอีกไม่ไกลครับ อีกประมาณ 4 กิโลเมตรก็จะถึง Primo Piazza อยู่ทางขวามือเลยครับ รับรองไม่หลงแน่ๆ เพราะมีป้ายใหญ่โตเลยครับ

แต่ว่าการจะเข้าไปเดินชม Pirmo Piazza นี่จะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 100 บาทนะครับ จำไม่ได้ว่าบัตรเข้าชมนำไปเป็นส่วนลดค่าอาหารได้หรือเปล่า (ไม่น่าจะได้นะครับ) ภายใน Primo Piazza ก็จะมีร้านอาหารและร้านกาแฟ 2-3 ร้าน มีตัวอัลปาก้าให้ดู และมีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะแยะเลยครับ

Pirmo Piazza ก็เช่นเดียวกับสถานที่ส่วนใหญ่ในเขาใหญ่ที่สร้างเลียนแบบเมืองเล็กๆในอิตาลี มีลานกว้างๆ หรือ ปิแอสซ่า (Piazza) ในภาษาอิตาเลียนมีร้านค้าต่างๆ ร้านกาแฟ ร้านอาหารอยู่รายรอบ ส่วยใหญ่จะสร้างด้วยอิฐสีน้ำตาลแดงๆ ทำให้ดูเก่าๆหน่อย จะได้คล้ายๆกับเมืองเล็กๆในอิตาลีมากยิ่งขึ้นครับ

Primo Café จะอยู่ทางขวามือใกล้กับทางเข้า Primo Piazza ครับ ทางเข้าร้าน Primo Café จะมี 2 ทางครับ คือเดินผ่านทางเข้า Primo Piazza แล้วเดินไปทางขวามือหรือว่าจะเดินไปจนสุดล็อกแรกทางขวามือก็จะมีทางเข้าอีกทางหนึงครับร้าน Primo Café เป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่ทีมีขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ มีที่นั่งเท่าที่นับๆดูทางด้านใน 10 กว่าโต๊ะ ไม่รวมกับโต๊ะที่อยู่ด้านนอกซึ่งเป็นบริเวณสำหรับซื้อกาแฟแบบ take away ครับ โต๊ะที่อยู่กลางแจ้งสำหรับ take away นี่มีไม่ต่ำกว่า 15 โต๊ะครับ

การตกแต่งภายในร้านก็เป็นแบบสบายๆ เหมือนทานกาแฟอยู่ในบ้านตัวเองครับ เฟอร์นิเจอร์ในร้านเป็นไม้สีอ่อนๆ (อันนี้ผมว่าขัดกับการตกแต่งภายนอกมากๆ เพราะการตกแต่งแบบอิตาเลียนรัสติกไม่ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนๆแน่ๆ เพราะฉะนั้นการตกแต่งจึงยังไม่ทำให้ผมเชื่อเท่าไหร่วาอยู่ในเมืองเล็กๆของอิตาลี) ตัวร้านมี 2 ชั้น แต่ชั้นบนของร้านสามารถขึ้นไปได้หรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับ เพราะอาคารแบบนี้ส่วนใหญ่ชั้น 2 ส่วนใหญ่มักจะทำหลอกๆเอาไว้เท่านั้นครับ พอดีไม่ได้เดินขึ้นไปดูซะด้วย อิอิอิ
หน้าร้านอีกทางด้านนึงมีขนมเค้กให้เลือกมากมายครับ ถัดเข้ามาในร้านก็จะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับชงกาแฟ ถัดเข้ามาในสุดก็จะเป็นที่นั่งสำหรับกาแฟรู้สึกว่าจะเป็นกาแฟของ illy นะครับ (ถ้าผิดท้วงได้นะครับ เพราะเมนูเหมือนกับที่ Vino Café ที่ Toscana Valley ครับ) รสชาติเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว (เสียแต่ว่าไม่ค่อยหอม) ครับ ผมเลือกสั่ง คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

1

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

1

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

1

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

1

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

1

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

1

คาปูชิโน่ร้อน (Hot cappuccino) ราคา 95 บาท - กาแฟอร่อยแบบม าตรฐาน แต่ไม่ค่อยหอม ...

สำหรับขนมผมเลือกมา 2 ชิ้นครับ
ชิ้นแรก พายมูสมะม่วง ราคา 110 บาท
อร่อยตามมาตรฐานครับ ไม่ได้อร่อยโดดเด่นอะไร จะมีดีก็ตรงที่มะม่วงเยอะเท่านั้นเองทั้งในเนื้อมูสและทั้งที่แต่งหน้ามา จนบางทีก็แอบสงสัยว่า “จะเยอะไปไหน”ชิ้นที่สอง พายชอคโกแลตกล้วย ราคา 120 บาท
ชิ้นนี้ถูกปากมากครับ ชั้นล่างสุดเป็นพายครัสต์กรอบๆ ไม่หนามาก ชั้นตรงกลางเป็นไส้ชอคโกแลตเข้มๆ เนื้อเหนียวหนุบหนับกำลังดี ชั้นบนเป็นกล้วยหอมสไลด์ให้มาอย่างเต็มที่เลยครับ แล้วยังราดซอสชอคโกแลตมาให้อีกตอนเสิร์ฟครับ เรียกได้ว่าเอาใจ chocolate lovers กันเต็มๆเลยครับร้านกาแฟ Primo Café เป็นร้านกาแฟที่อยู่ใน Primo Piazza ร้านก็สวย บรรยากาศก็ดี ขนมและกาแฟเค้าก็ใช้ได้นะครับ นั่งจิบกาแฟแล้วดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบอิตาลี ก็เกร๋ดีไม่หยอกนะครับ

Chubby Lawyer’s Café’ ………………………………… ร้านอร่อย ....... ตามใจฉัน