อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2014-11-06
1417 วิว
บางตะบูน ชื่อนี้อาจะไม่คุ้นหูกันนัก อาจจะถามต่อว่าบางตะบูนเนี่ยะมันอยู่ที่ไหนภายหลังจากที่ได้ยินชื่อ แต่บางตะบูนคงไม่ใช่คำแปลกใหม่สำหรับคนที่รักการทานอาหารทะเล เพราะบางตะบูนเป็นแหล่งอาหารทะเลแห่งใหม่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก เนื่องจากบางตะบูนเป็นแหล่งการประมงน้ำตื้น แหล่งการทำฟาร์มหอยแครง หอยนางรม และหอยแมลงภู่ จึงทำให้บางตะบูนเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยของทะเล กุ้ง หอย ปู ปลา สดๆ ใหม่ๆ สามารถหาร้านขายอาหารทะเลราคาถูก รสชาติแบบบ้านๆทานได้ไม่ยากครับ ความจริงอาหารทะเลที่บางตะบูนก็มีชื่อเสียงมานานแล้วนะครับ แต่การเดินทางไปบางตะบูนเพื่อไปกินอาหารทะเลยังยากลำบากอยู่ เพราะถนนทางเข้าบางตะบูนที่แยกจากถนนพระร
เราได้ยินชื่อบางตะบูนมาพักใหญ่ๆ ก่อนจะได้ไปชิมอาหารทะเลที่บางตะบูนกัน พยายามจะวางแผนไปกินกลางวันระหว่างทางขาไป หรือขากลับมาจากหัวหินแต่ก็มีอันให้พลาดทุกที วันอาทิตย์ก่อนโน้นไม่มีอะไรทำจึงชวนคุณชายขับรถจากนนท์ ไปบางตะบูน เพื่อจะไปกินอาหารทะเลเป็นการเฉพาะเลยครับ เรามีร้านอาหารในใจหลายร้าน แต่เนื่องจากว่าเป็นครั้งแรกที่เรามาบางตะบูนจึงไม่กล้าที่จะไปลองร้านอื่นๆ เราพยายามยึดติดกับร้านที่มีชื่อเสียง และมีคนมารีวิวแล้วครับ ร้านที่เราเลือกไปในวันนั้นมีร้านครัวคุณจ๋า เขายี่สาร (ร้านนี้เราขับเลยไปครับ เลยขี้เกียจย้อนกลับมา – จนถึงทุกวันนี้ที่ไปกินอาหารทะเลที่บางตะบูนเป็นว่าเล่นเกือบสิบครั้งแล้วก็ยังไม่เคยได้กลับไปทานอาหารร้านคุณจ๋าเลย อิอิอิ) ร้าน ครัวบางตะบูน (ลุงญา) (ร้านนี้คนเยอะมากกกกกกก ร้านก็เล็กๆ ต้องรอต่อคิวกันยาวเลย) และเรือแลแล เป็นต้น
ครัวริมอ่าว บางตะบูน เพชรบุรี
การเดินทางมาร้านครัวริมอ่าว บางตะบูนก็มาไม่ยากเลยครับ ใช้ถนนพระรามสอง มุ่งหน้าเพชรบุรี ขับผ่านทางแยกเข้าสมุทรสงคราม ผ่านดอนหอยหลอด ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ผ่านร้านอาหารริมเขื่อน ร้านเคียงน้ำทางซ้ายมือ ก็เริ่มลดความเร็วชิดซ้ายเอาไว้ พอเห็นปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่อยู่ทางซ้ายมือข้างหน้าก็เตรียมตัวเลี้ยวซ้ายได้ครับ พอสุดปั๊มก็จะเป็นถนนทางเข้าบางตะบูนพอดีครับ (เป็นทางเดียวที่จะลัดไปปึกเตียน ชะอำครับ) พอเลี้ยวซ้ายเข้าซอยมาจะเป็นถนนสวนกัน 2 เลน ก็ขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านทางแยกซ้ายเข้าคลองโคน ถนนช่วงนี้จะคดเคี้ยวไปๆมาๆหน่อยครับ ตัดผ่านป่าโกงกาง นากุ้ง ขับตรงไปเรื่อยๆนะครับ ผ่านทางแยกขวาเข้ายี่สาร ผ่านวัดปากลัดทางขวามือ ผ่านร้านอาหารครัวบางตะบูน (ครัวลุงญา) ทางขวามือ แล้วจะข้ามสะพานบางตะบูนข้ามแม่น้ำบางตะบูนที่ปากอ่าว พอลงสะพานก็เปิดไปเลี้ยวขวาเอาไว้ครับ พอถึงเชิงสะพานก็เลี้ยวขวาเข้าซอยที่อยู่ระหว่างวัดปากอ่าว กับโรงเรียนวัดปากอ่าวจะเป็นถนนที่เล็กมากๆนะครับ พอสุดเขตวัดก็จะเป็นเห็นป้ายบอกทางไปร้านครัวริมอ่าวอยู่ทางขวามือเลยครับ ต้องใช้วิทยายุทธในการหาที่จอดรถเองนะครับ เพราะทางร้านไม่ได้เตรียมที่จอดรถไว้ให้ แล้วเดินไปทางริมฝั่งแม่น้ำครับ
ร้านครัวริมอ่าวนี่ก็เป็นร้านขึ้นชื่อของบางตะบูนเช่นกันครับ เห็นรีวิวโดยนักชิมหลายๆท่านแล้วครับ ตัวร้านเป็นร้านริมน้ำครับ แต่ร้านไม่ได้สวยสะอะไร บรรยากาศบ้านมากๆครับ อารมณ์ไปกินข้าวบ้านเพื่อนที่อยู่ริมน้ำเลยครับ ตัวร้านที่เป็นที่นั่งจะต้องเดินผ่านครัวเข้าไป ในร้านมีโต๊ะซัก 4 – 6 โต๊ะครับ ถ้ามากันกลุ่มใหญ่ๆ เค้าก็ต้องยุบรวมโต๊ะ ทำให้โต๊ะทีเหลือน้อยไปอีก อ้อๆ ..... ถ้ามีสมาชิกเป็นเด็กเล็กๆก็ไม่แนะนำร้านครัวริมอ่าวนะครับ เพราะด้านที่ติดน้ำมีลูกกรงกั้นไม่ตลอดครับ จะมีบางส่วนที่ปล่อยว่าง กลัวว่าเจ้าตัวเล็กๆจะซุกซนจนหล่นน้ำไปครับ ขอบอกว่าเมนูที่สั่งทุกเมนูเป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านครัวริมอ่าวทุกเมนูเลยครับ อาหารทานเล่นอย่างแรกที่สั่งไป ปลาทูทอดน้ำปลา ราคา 100 บาท
เมนูนี้เป็นปลาทูสดแล่คลุกน้ำปลาแล้วเอาไปทอดให้กรอบกินได้ทั้งก้างเลย รสชาติเค็มนิดๆครับ จะเอามาทานกันข้าว ราดน้ำปลาพริกก็อร่อย หรือจะสั่งมากินแกล้มเบียร์วุ้นเย็นๆ ก็เริ่ด เป็นเมนูแรกแล้วโดนใจมากๆครับ ชอบตรงที่เค้าทอดมาแบบกินหัวกินก้างด้วยได้ครับ กินสนุกมากๆ กรอบๆ กร้วมๆ เปลืองข้าวมากๆ ฮ่าๆๆๆ เมนูที่สอง ปลากระเบนเนื้อดำแดดเดียว ราคา 100 บาท
ปลากระเบนเนื้อดำแดดเดียวเป็นของขึ้นชื่อของบางตะบูนครับ เคยดูรายการตลาดสดสนามเป้าเมื่อนานมาแล้วเรื่องเกี่ยวกับ “ป้าหู้ แห่งอำเภอบ้านแหลม” ป้าหู้เป็นมือหนึ่งในการทำกระเบนเนื้อดำแดดเดียวแห่งอำเภอบ้านแหลม จ.เพชรบุรี เลยฝังใจมานานว่าจะต้องหาปลากระเบนเนื้อดำแดดเดียวมากินให้ได้ พอเห็นเมนูนี้ก็เลยตาลุกวาว ต้องสั่งมาชิมซะหน่อยครับ
ตอนแรกคิดว่าเนื้อปลากระเบนดำจะมีกลิ่นคาวมากและพอเอามาทำแดดเดียวแล้วเนื้อจะค่อนข้างเหนียว แต่สิ่งที่คิดมาทั้งหมดนั้นผิดไปอย่างที่สุดครับ เพราะกระเบนดำแดดเดียวเมนูนี้ไม่เหม็นคาว ไม่เหนียวแม้แต่นิดเดียว จะมีกลิ่นเหมือนกับเครื่องปรุงน้ำปลา น้ำตาล ซีอิ๊วขาวที่ใช้หมักเนื้อปลากระเบนดำก่อนเอาไปตากแดดเพื่อทำกระเบนแดดเดียวเท่านั้นเองครับ และเนื้อกระเบนก็ไม่เหนียวมาก ความเหนียวจะเทียบได้กับความเหนียวของหมูแดดเดียวเท่านั้นเองครับ เค้าทอดมาแบบไม่แห้งมากครับ เวลาทานก็จิ้งซอสซักนิดหนึ่งเพื่อให้ชูรสเผ็ดขึ้นมานิดนึงครับ จะได้ไม่น่าเบื่อ รสชาติของเนื้อปลากระเบนดำก็กลมกล่อมมากๆครับ หวานๆ เค็มๆ กินปลากระเบนดำแดดเดียวไป กินข้าวไป รับรองว่าข้าวสวยหมดจานไม่รู้ตัวจริงๆครับ ปลาดุกทะเลผัดฉ่า ราคา 150 บาท
จานนี้แอบกรี๊ดเล็กๆ ตอนที่พนักงานเสิร์ฟของร้านยกจานปลาดุกทะเลผัดฉ่ามาเสิร์ฟที่โต๊ะ เป็นคนชอบผัดฉ่าน้ำผัดเยอะๆประมาณนี้เพราะจะได้เอามาคลุกข้าวสวยกินตอนปิดงาน (ถ้าใครตักน้ำผัดฉ่ากินหมดจะโกรธมาก อิอิอิ) ปลาดุกทะเลผัดฉ่าร้านนี้ใช้พริกกระเทียมตำค่อนข้างละเอียด ใส่เครื่องสมุนไพรมาอย่างสะใจทั้งกระชาย พริกไทยอ่อน พริกชี้ฟ้า และใบโหระพา หอมมเครื่องสมุนไพรมาแต่ไกลเลยทีเดียว เนื้อปลาดุกทะเลก็ถือว่าสมราคาครับไม่มากไม่น้อยจนเกินไป รสชาติก็เผ็ดนำมาเลยครับ แล้วก็เค็มแล้วมีหวานนิดๆตบท้ายครับ ชอบจริงๆเลยครับเมนูนี้ มากินข้าวแถวๆบางตะบูนต้องไม่พลาดเมนูที่ทำจาก “ชะคราม” ครับ เป็นพืชพื้นถิ่นของที่นี่ เราอยากกินน้ำพริกกะปิกับผักชะครามลวก แต่ร้านนี้ไม่มีครับเลยสั่ง แกงคั่วใบชะครามกับเนื้อปู ราคา 150 บาท
เมนูนี้ตอนยกมาตกใจในขนาดมากเลยครับ เมนูประเภทแกงคั่วกระทิไม่จำเป็นต้องใส่หม้อไฟขนาดใหญ่มาก็ได้แต่ที่ร้านครัวริมอ่าวสั่งแกงคั่วใบชะครามใส่เนื้อปูไปยกเสิร์ฟกันทั้งหม้อไฟขนาดใหญ่ๆ ร้อนๆ ไฟลุกท่วมกันเลยครับ แล้วเชื้อไฟที่ใส่มาก็ดีซะด้วยครับ กินกันไปเรื่อยๆจนขอดหม้อไฟแล้วไฟยังลุกอยู่เลยครับ ฮ่าๆๆๆ
แกงคั่วเป็นแบบข้นๆมาเลยนะครับรสดีมากคับ เป็นแบบบ้านๆ คือออกรสเผ็ดๆแล้วก็หวานๆรสกะทิ แล้วมีรสเค็มๆตาม แต่เป็นรสเค็มๆกร่อยๆ ของ “ใบชะคราม” นะครับ ไม่ใช้รสเค็มของน้ำปลา จานนี้ปกติเค้าจะใส่ปูมาเป็นชิ้นๆ แต่เราขี้เกียจแกะปูครับขอใส้แต่เนื้อ อร่อยมากๆทีเดียวครับ พอเมนูนี้ยกมาก็แทบจะสั่งข้าวเพิ่มเลยครับ เมนูถัดมา ปลากระบอกต้มส้ม ราคา 150 บาท
ต้มส้มปลากระบอกรสดีมากครับ แต่เป็นรสของต้มส้มของชาวเพชรบุรีนะครับคือออกปรี้ยวๆ หวานๆ คิอเปรี้ยวๆ หวานๆ ตามรสของน้ำมะขาม แล้วใส่น้ำตาลโตนดให้รสหวานเท่ากับรสเปรี้ยว ถ้าจะเทียบกับรสของต้มส้มในถิ่นอื่นๆจะเห็นว่ารสของต้มส้มของเมืองเพชรจะออกหวานมากว่า แต่ไม่ได้เปรี้ยว หวานอย่างเดียวนะรับจะมีรสเผ็ดจากพริกไทยและขิงซอยที่ใส่มาอย่างเต็มที่ รสเค็มจากกระปิที่ใช้ตำเครื่องต้มส้ม มีกลิ่นของหอมแดงเพิ่มมาด้วย ซดเข้าไปคำแรกถูกใจมากๆ เพราะมันย้อนกลับไปเมื่อตอนเด็กๆ ตอนนั้นพี่สาวยังเป็นแฟนกับพี่เขยอยู่ พี่เขยเป็นคนเมืองเพชร มาเที่ยวเมืองเพชรและได้พาไปกินข้าวได้กินต้มส้มรสชาติเมืองเพชรครั้งแรก และครั้งเดียว รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ของต้มส้มยังติดลิ้นอยู่จนถึงทุกวันนี้เลยครับ แต่ ....... ติดใจอยู่นิดดดดดดด เดียว ผมว่าเนื้อปลากระบอกไม่สดเท่าที่ควรอ่ะครับ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมเน้นซดน้ำอยู่แล้ววววว อิอิอิ เมนูไฮไลท์สำหรับวันนี้ ปูม้านึ่งแกะ 1 กิโล ราคา 480 บาท
ปกติเวลากินอาหารทะเลกันสองคนกับคุณชายไม่เคยเล้ยยยยยที่สะสั่งปูมากิน เหตุเพราะว่าขี้เกียจแกะปูทั้งคู่ (ลองดูได้จากรีวิวเก่าๆว่าไม่เคยสั่งปูเป็นตัวๆเลย อิอิอิ) ที่กล้าสั่งปูที่ร้านนี้เพราะเห็นมาจากรีวิวร้านอาหารแถวบางตะบูนแล้วเค้าจะแกะปูให้ทุกร้านเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นปูม้าหรือปูทะเลคราวนี้ก็เลยลองสั่งมาทานครับ แต่ว่าเค้าไม่แบ่งขายครับ เราจะต้องสั่งเป็นทั้งกิโลเลยครับ
ปูม้าสดๆ เอามานึ่งให้สุก แล้วแกะเอาแต่เนื้อมาเสริฟ์กับน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเปรี้ยว เผ็ดนำรสหวาน ที่เด็ดสุดสำหรับเราเห็นจะเป็นกรรเชียงปูครับ เพราะติดเนื้อๆ เน้นๆ มาเยอะทีเดียว เรียกได้ว่าเนื้อเป็นยวงๆเลยคราบบบ ส่วนอื่นๆของปูยังไม่ถูกใจของเรานักเพราะว่าก้ามปูม้าไม่ได้แกะมาแค่ทุบให้แตกๆเฉยๆ ส่วนเนื้อปูที่ติดขาปูก็ยังไม่เยอะเท่าเนื้อปูที่ติดมากับกรรเชียงปูครับ เมนูนี้นับว่าถูกใจเราทั้งสองคนมากๆๆๆๆ เพราะไม่ต้องลงทุนแกะปูเอง แต่ก็ได้อร่อยกับเนื้อปูสดๆ หวานๆ เนื้อแน่นๆ ครับ ร้านครัวริมอ่าว บางตะบูน จังหวัดเพชรบุรี นับว่าเป็นร้านอาหรทะเลที่ถูกใจมากๆ ทั้งรสชาติ ปริมาณ และราคาก็กันเองมากๆ การบริการและวิวร้านอาหารอาจจะไม่ได้ดีมาก เพราะเป็นร้านแบบบ้านๆแต่ก็ไม่ได้แย่จนรับไม่ได้ครับ ลองดูนะครับว่า courtesy แบบบ้านๆของชาวเพชรบุรีจะถูกใจกันหรือเปล่าสำหรับผมผมว่าน่ารักดีครับ ดูจริงใจดีครับ แล้งยิ่งมาได้อาหารอร่อยๆ สดๆ ถูกๆ ผมว่าผมพอใจ ... มากกกกกกกก ..... ทีเดียวครับ
Chubby Lawyer’s Café’ ………………………………… ร้านอร่อย ....... ตามใจฉัน
โพสต์