ร้านทางเลือก เพื่อสุขภาพเป็นร้านอาหารริมทะเล อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือปากบารา นั่งรถมาประมาณ 10 - 15 นาทีก็ถึงร้าน หาไม่ยากค่ะร้านอยู่ริมถนนเลยบรรยากาศในร้านเป็นแบบโอเพ่นแอร์ ที่นั่งในร้านจะมีโซนด้านในร้านกับโซนริมทะเล ตอนเราไปถึงที่ร้านโซนริมทะเลมีคนนั่งอยู่บ้างแล้ว ส่วนใหญ่มุมนี้จะเต็มเร็วเพราะเห็นวิวทะเล ส่วนเราไปกันกรุ๊ปใหญ่ทางร้านเลยจัดให้นั่งด้านในร้านค่ะเห็นชื่อร้านทางเลือก เพื่อสุขภาพ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นร้านอาหารแนวมังสวิรัติหรือไรนะคะ ร้านเค้าเป็นร้านอาหารทะเลนี่แหละ เมนูอาหารเยอะมาก
แต่เห็นมีเมนูเพื่อสุขภาพอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสลัดผัก หรือน้ำผลไม้ปั่น เมนูอาหารก็จะมี 2 แบบทั้งแบบมีรูปประกอบ และแบบที่มีชื่อและราคาอาหารส่วนนึงทางททท.สั่งไว้ให้แล้ว (ทริปนี้ไปกับททท.ฮับ) อีกส่วนให้สั่งเพิ่มได้ เราไม่กล้าสั่งนะกลัวต้องรับผิดชอบ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นต้องรับผิดชอบร่วม 555
จานแรกคือปลากระพงทอดน้ำปลา เสิร์ฟมากับยำมะม่วง ปลาของที่ร้านทานง่ายดีเพราะแกะเนื้อมาให้เป็นชิ้น ๆ เรียบร้อย เนื้อเยอะดี สดด้วย ทอดมากกรอบนอกนุ่มในปูนิ่มทอดกระเทียม ทอดมากรอบนอกนุ่มใน เพลินดีเพราะเคี้ยวได้ทั้งตัว จานนี้กินไปเยอะมากต้มยำรวมมิตร ทำมารสชาติกลาง ๆ ไม่เผ็ดไม่จี๊ดเท่าไหร่ แต่กุ้ง หอย ปลา ปลาหมึกที่ใส่มาสดเด้งดีนะข้าวผัดกรรเชียงปูผัดมาแบบร่วน ๆ ไม่แฉะ ปูให้มาเยอะ และเป็นชิ้น ๆ ไม่เป็นเศษ ๆกุ้งราดซอสมะขาม กุ้งตัวใหญ่เนื้อแน่นเด้ง สดหวาน ซอสมะขามเข้มข้นดี แต่หวานไปนิดยำไข่แมงดา เมนูนี้ไม่ได้กินนานละไข่ตรึม มัน ๆ เคี้ยวเพลินกรรเชียงปู แกะมาให้แต่เนื้อ ๆ เลย เริ่ดมากกินง่ายดี ปูเนื้อสด หวาน น้ำจิ้มแม้จะไม่จี๊ดมากแต่โอเคอยู่ค่ะหอยตะเภาหาทานได้ในแถบจ.ตรัง-สตูล-กระบี่ มีให้ทานเป็นบางช่วงนะคะ ไม่ได้มีตลอดทั้งปี เนื้อหนึบ ๆปลากระพงสมุนไพร จานนี้คล้าย ๆ จานแรก ต่างตรงที่เครื่องเท่านั้นสำหรับร้านนี้นะคะอาหารทะเลสดมาก ๆ วัตถุดิบดีเลยทีเดียว แต่เรื่องรสชาติจะปรุงรสมากลาง ๆ หน่อย ไม่จัดจ้านเท่าไหร่ ไม่แน่ใจว่าเค้าเห็นว่าเรามาจากกทม.รึเปล่าเลยไม่กล้าทำเผ็ดมั้ง ใครชอบทานรสจัด ยังไงก็แจ้งทางร้านเค้าหน่อยละกันค่า

อ้อ สำหรับร้านนี้อาหารจะเสิร์ฟช้านิดนึง น่าจะเป็นเพราะมีลูกค้าไปทานเยอะนะ แนะนำว่าถ้าไปทานควรสั่งให้จบหมดในรวดเดียวไม่งั้นขาดช่วงค่า

เป็นหนึ่งร้านที่ไปเพราะมีคนแนะนำสองคน คนแรกบอกว่าร้านนี้ใหญ่และสวย ส่วนอีกคนบอกว่าเป็นร้านรับแขกบ้านแขกเมือง แต่อาหารธรรมดานะ ก็เลยต้องไปพิสูจน์หน่อยค่ะ ร้านอยู่ถนนเส้นใหญ่ๆ ไม่แน่ใจว่าซุปเปอร์ไฮเวย์แบบเชียงใหม่หรือเปล่านะคะ แต่ใช้กูเกิ้ลแมพไปอีกเช่นเคยค่ะ เราไปถึงเร็ว เลยยังมีที่จอดรถหน้าร้านอยู่ค่ะภายในร้านมีที่นั่งทั้งเอาท์ดอร์และห้องแอร์ รวมทั้งมีห้องคาราโอเกะด้วยค่ะ ที่เก๋คือ มีที่นั่งแบบอยู่ในสระน้ำด้วยนะคะ ชอบเชียว แต่มันสำหรับหลายคน เลยเลือกนั่งข้างบ่อปลาคาร์ฟแทนค่ะ แหะๆเปิดดูรีวิวแล้วเลยสั่งเมนูตามที่เค้าแนะนำๆ กันมานะคะ
ยำร่มไม้ใหญ่ มันคือการยำหลายๆ อย่างนั่นเองค่ะ รสชาติดี จัดจ้าน ตัววัตถุดิบที่เป็นทะเลทั้งมวลก็ไม่ขี้เหร่ค่ะ สดประมาณหนึ่งเลย แต่เราชอบเวลากินไข่เยี่ยวม้าที่สุดค่ะ อร่อย แอปเปิ้ลก็เพิ่มเทกซเจอร์และตัดรสได้ดีค่ะ เมนูนี้อร่อยปลากะพงทอดราดน้ำปลา เหมือนชุบแป้งทอดมาเลย ซึ่งเราไม่ชอบเลยยย แถมให้น้ำปลามาน้อยมาก เซ็งมากมายค่ะ กินไม่กี่คำก็ห่อกลับมาให้น้องที่รร.ค่ะอีกเมนูหนึ่งกับน้ำพริกเห็ดออรินจิ คล้ายน้ำพริกหนุ่มค่ะ แต่เราชอบเผ็ดกว่านี้อ้ะ เลยไม่ค่อยโดนเท่าไหร่เช่นกันที่สำคัญคือ แมลงวันเยอะมาก และขอให้พนักงานช่วยเหลือด้วยการเปิดพัดลม น้องเปิดให้ แต่สู้แมลงวันไม่ได้ค่ะ เลยบอกให้น้องไปขอภาชนะอะไรมาครอบให้หน่อย น้องบอกไม่มี...ค่ะ อิชั้นก็เลยต้องนั่งโบกจนมืดแมลงวันไม่มีก็ถึงได้กินอย่างปกติสุข เซ็งมากมายค่ะ ณ จุดนี้
ที่นี่ถ้ากิน 500 ขึ้นไป รับบัตรเครดิตนะคะ
ดนตรีเพราะดีค่ะ ช่วงเย็นๆ หัวค่ำๆ เป็นเพลงไทยรุ่นเซเว่นตี้ เอทตี้เลยค่ะ นอสตราเจียดี อิอิ 

เป็นหนึ่งร้านของแพร่ที่คนและรีวิวต่างๆ แนะนำกันเยอะ เมื่อก่อนต้องรอกินที่ตลาดกลางคืนโต้รุ่งประตูชัย แต่ตอนนี้มีเปิดร้านแล้วที่ตรงข้ามเยื้องๆ ร.พ.แพร่คริสเตียนค่ะ อยู่ติดกับเซเว่นตามภาพนะคะ ถามน้องเค้า เค้าแนะนำไอติมที่ร้านทำเอง แล้วก็เลือกได้ว่าเอาแบบเปียก คือผสมหวานเย็นไปเลยหรือแบบแห้ง เอาแต่เครื่องไม่ต้องใส่น้ำกะทิน้ำเชื่อม เราเลยเอาแบบเปียก
มาเป็นไอติมพร้อมรวมมิตรตามภาพค่ะ อร่อยดีอ้ะ ไอติมเนื้อเหนียวเข้มข้น (ไอติมแพร่นี่อร่อยหลายร้านเลยค่ะ) กินกับรวมมิตรก็แปลกดีเสียดายไปคนเดียว ถ้าไปหลายคนคงได้ลองหลายเมนูค่ะ
อ้อ ร้านนี้ไม่มีแอร์นะคะ 

ร้านนี้เดินไปจากร้านจิงเจอร์เบรดได้ค่ะ ห่างกันราว 6 ห้องแถวแค่นั้นเอง เดินย้อนกลับไปทางถนนข้างๆ จิงเจอร์เบรดนะคะ ไม่ใช่ด้านหน้า
ร้านข้าวเหนียวมูนเจ้านี้ ไม่ได้ขายตลอดทั้งปีนะคะ จะขายเฉพาะช่วงฤดูร้อน ไม่มีกำหนดวันที่แน่นอนค่ะ เป็นซุ้มเล็กๆ ภายในร้านขายอุปกรณ์กีฬาชื่อร้านพร้อมภัณฑ์ค่ะ ถ้าวันไหนมีขาย ทางร้านก็จะเอาป้ายว่ามีข้าวเหนียวมะม่วงตั้งไว้ที่หน้าร้านนะคะตัวข้าวเหนียวมูน พี่เจ้าของร้านได้สูตรมาจากร้านที่ตัวเองชอบที่เชียงรายค่ะ (เจ้าของร้านเป็นคนเชียงรายแต่มาแต่งงานกับคนแพร่..แหนะ รู้ขนาดนั้น 555) แล้วมาอยู่แพร่ก็หาข้าวเหนียวมูนรสชาติที่ถูกปากแบบที่เคยกินไม่เจอ จนกระทั่งไปทราบข่าวว่าคนที่ขายข้าวเหนียวมูนเจ้าประจำที่เชียงรายป่วยหนัก ซึ่งก่อนหน้านี้แกเคยให้พี่คนนี้ขายข้าวเหนียวที่หน้าร้านแกได้ฟรีโดยไม่คิดตังค์พี่เค้าก็เลยให้สูตรมาค่ะตอนก่อนขายแกบอกได้ว่ามะม่วงช่วงนี้จะเปรี้ยวหน่อยนะไม่หวานจัดซึ่งถือว่าซื่อสัตย์กับลูกค้ามากเลยค่ะ แต่ถ้าใครจะไม่กินกับมะม่วงแกก็มีสังขยาและปลาแห้งซึ่งแกทำเองเหมือนกันขายนะคะเราสั่งข้าวเหนียวมะม่วงหนึ่งชุดราคา 60 บาทเอง ข้าวเหนียวอร่อยมากหวานไม่จัดแต่หวานมันกำลังดี เม็ดสวยแต่ไม่แข็งกำลังกินเลยค่ะ มะม่วงเปรี้ยวนิดหน่อยไม่ได้แย่มากนะคะอร่อยเลยแหละเรียกว่าถูกปากเราค่ะเราชอบก็ทักใครไปแพร่ในช่วงฤดูนี้ก็ลองเช็คละกันนะคะว่าแกขายหรือเปล่าถ้าขายก็ไม่ควรพลาดค่ะเพราะไม่ได้มีกันตลอดนะคะ 
ราคาตกจานละ 60 บาทค่ะ (ที่จริงที่นี่มีโต๊ะแค่โต๊ะเดียวนะคะ ส่วนใหญ่จะซื้อกลับกันมากกว่า) ซึ่งจะซื้อเฉพาะข้าวเหนียวก็ขายนะคะ ไม่จำเป็นต้องซื้อคู่มะม่วงหรืออื่นๆ ค่ะ

คราวนี้จะพาไปที่อำเภอลองกันบ้างค่ะ เพื่อจะไปลองขนมจีนน้ำย้อยกันบ้าง (คือที่จริงมีขนมจีนน้ำย้อยเปิดที่ในเมืองแพร่แล้วค่ะ แต่เราเห็นว่ามันเป็นทางผ่านระหว่างแพร่กับลำปางได้ - คือระหว่างแพร่กับลำปางนี่จะวิ่งเส้นที่ผ่านอ.ลองก็ได้ หรือจะวิ่งทางเส้นเด่นชัยที่ผ่านวัดพระธาตุสุโทนฯ ก็ได้น่ะนะคะ - ก็เลยไปกินที่ต้นตำรับดีกว่า) โดยตอนแรกเราจะไปที่ร้านขนมจีนน้ำย้อยอาหวัง ตามที่ททท.แพร่แนะนำมา ก็โทร.ไปถามทางร้าน ร้านบอกให้ไปที่ ซอย เทศบาล 3 ซอย 4 ตำบล ห้วยอ้อ อำเภอ ลอง แพร่ 54150 ประเทศไทย (ลองเซิร์ชหาด้วยที่อยู่นี้แล้วกันค่ะ) ก็ขับไปจากวัดสุโทนฯ ก็ใช้เวลาราวๆ 45 นาทีค่ะ
พอวิ่งไปถึงใกล้ๆ ก็จะมีวัดดอนมูนอยู่ที่ปากซอยเทศบาล 3 นะคะ เราก็วิ่งเข้าไปจนเจอเทศบาล 3 ซอย 4 ตามภาพก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปค่ะ

โดยต้องไปจอดรถสามารถจอดรถในวัดดอนมูลแล้วเดินเอาค่ะ ร้านป้ารัตน์จะอยู่ห่างจากวัดประมาณสี่ร้อยเมตรได้นะคะลักษณะร้านคือเอาใต้ถุนบ้านมาทำเป็นร้านค่ะ มีที่นั่งไม่เยอะมากนักนะคะ ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้เผื่อใครจะโทร.ไปถามทางเนาะคะ แหะๆ
ส่วนนี่คือบริเวณที่ใช้ทำเส้นขนมจีนค่ะ ต้องทำแบบสดๆ เส้นถึงจะเปียกๆ เอามาคลุกกับน้ำพริกน้ำย้อยแล้วมันถึงจะคละเคล้าได้ทั่วถึงนะคะสำหรับการกิน พี่เค้าเห็นเราเก้ๆ กังๆ เลยมาทำให้ดูเลยค่ะ เราก็ถ่ายวีดิโอไว้ตั้งแต่ทำเส้นจนกระทั่งคลุกเลย (คนแพร่ใจดีมากๆ ) เดี๋ยวจะแปะคลิปตอนท้ายนะคะ สำหรับรสชาติมันนัวมันอร่อยมากค่ะ แต่ต้องกินแกล้มกับให้ครบคือ แคปหมูแบบไม่มีมันติด และถั่วฝักยาวต้ม (ที่จริงพี่เค้าบอกว่าขาดซุปอีกอย่างด้วยนะคะ) มันอร่อยเข้ากันมากมายค่ะ
ส่วนน้ำดื่มที่นี่ก็บริการตัวเองเช่นกันนะคะ มีทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมค่ะกินไม่หมด ทางร้านเสนอห่อให้กลับด้วยอะค่ะ น่ารักมากๆ คนแพร่ใจดีอ้ะเอาหละค่ะ ครบถ้วนทุกร้านแล้วสำหรับร้านขนมจีนหรือขนมเส้นของเมืองแพร่ที่เราได้ไปลองกินนะคะ สำหรับเรา แต่ละร้านก็มีจุดขายที่แตกต่างกันน่ะค่ะ มีความประทับใจในทุกๆ ร้านที่ได้ไปกินนะคะ แต่ในจุดที่แตกต่างกันเช่นกัน ถ้าใครไปแพร่ ก็ไม่อยากให้พลาดในการลองกินอาหารที่มีเฉพาะที่แพร่นี้นะคะ

ชื่อร้านขนมเส้นดวงเนตร (เก๋ากึ้ก) - บางคนก็จะเรียกว่าร้านเก๋ากึ้กเฉยๆ นะคะ
ร้านนี้เป็นร้านขนมจีนหรือขนมเส้นเก่าแก่สืบต่อกันมาตั้งแต่รุ่นคุณทวดนะคะ สำหรับนักท่องเที่ยวอาจจะไม่รู้จักกันเท่าไหร่ แต่นี่เป็นร้านหนึ่งที่คนท้องถิ่นแนะนำมาค่ะ เส้นทางไป เราใช้กู้เกิ้ลแมพเช่นเคย หาด้วยคำว่าขนมจีนดวงเนตรนะคะ สำหรับที่จอดรถ ถ้าไม่จอดที่หน้าร้านข้างทาง ก็มีที่จอดรถอยู่ติดกับร้านเลยค่ะ แต่ต้องตีวงหน่อยเพื่อจะขึ้นไปจอดนะคะภายในร้านค่ะ ไม่มีห้องแอร์อีกเช่นกันนะคะที่นี่รับทำตัวน้ำเงี้ยวแพร่ด้วยค่ะ แต่ต้องสั่งก่อน แล้วก็น้ำดื่มบริการตัวเองนะฮับ แล้วดูราคาค่ะ..สุดจะเป็นมิตรอ้ะ (แต่ขนมจีนร้านนี้ก็ถ้วยเล็กตามราคานะคะ)ให้ดูภาพรวมของที่สั่งมาทั้งหมดก่อนนะคะ แฮ่...ข้าวส้มของร้านนี้เท่าที่กินมา จะค่อนข้างมีรสมีชาติกว่าร้านอื่นนะคะ เพราะใช้มะเขือเทศแท้ๆ ในการทำ (พี่คนขายเล่าว่า เอามะเขือเทศสดๆ มานึ่งเกลือ เคี่ยวให้งวดแล้วค่อยเอามาคลุกกับข้าว ไม่ได้ใช้ซอสมะเขือเทศเหมือนบางที่นะคะ) ไม่ได้ใช้ซอสมะเขือเทศในการผัดข้าวค่ะ ถ้าอยากลองกินข้าวส้มอร่อยๆ เราว่าลองมากินที่ร้านนี้ก็ได้ค่ะสำหรับขนมเส้นน้ำเงี้ยวแพร่ ร้านนี้จะไม่ได้ใช้หมูสับค่ะ ใช้หมูติดกระดูก ซึ่งให้รสชาติที่อร่อยไปอีกแบบ ตัวน้ำซุปของที่นี่ละมุนและหอมมาก ตัวเส้นจะใหญ่กว่าของป้าดานิดหนึ่งนะคะ ไฮไลท์คือสามารถสั่งตัวกระดูกหมูราคา 50 บาท (ขนมเส้นน้ำหมู กับข้าวส้มราคาอย่างละ 15 บาทค่ะ) มากินได้ด้วย ตัวกระดูกหมูเปื่อยนุ่มกินง่ายมาก แต่รสจะเค็มนำนิดหนึ่ง แล้วกะหล่ำปลีที่ทางร้านให้มาแกล้มก็มาแบบเย็นๆ ค่ะ กินแกล้มแล้วมันฟินมากกกกช่วยส่งรสดีมากเลยอ้ะ (เช่นเดียวกันนะคะ ถ้าใครชอบรสจัดกว่านี้ก็ปรุงเพิ่มได้ค่ะ)
และปิดท้ายด้วยของหวาน ถ้วยละ 20 บาทค่ะ วันนั้นเราลองลอดช่องนะคะ แต่เห็นบางรีวิวแนะนำสาคูแหละ น้ำกะทิหอมดีค่ะ โออยู่ ใช้ล้างปากได้ดีค่ะส่วนนี่ก็คือพี่เก๋ค่ะ คนที่มาดูแลและบอกเล่าให้เราฟังหละ ซึ่งชื่อร้านดวงเนตรเป็นชื่อของทายาทรุ่นล่าสุด เป็นคุณป้าดวงเนตรนั่นเองหละค่ะ

ต่ไปเป็นอีกร้านที่มีคนต่างถิ่นพูดถึงกันเยอะ แม้กระทั่งททท.แพร่เอง (ฮา) คือร้านขนมจีนปั๋นใจ๋ค่ะ พิกัดจะอยู่ในซอยข้างไปรษณีย์แพร่เลย ไม่ไกลจากวัดพระบาทมิ่งเมืองนักค่ะ เราไปจากร้านป้าดา ก็ขับไปผ่านวงเวียน แล้วพอเห็นไปรษณีย์อยู่ทางซ้ายมือ วัดพระบาทฯ อยู่ทางขวามือ ก็เข้าไปจอดที่ไปรษณีย์ค่ะ หรือจะเลี้ยวเข้าซอยข้างๆ ไปรษณีย์ (ตามรูปขวาล่าง) ก็ได้นะคะ หน้าร้านมีที่จอดอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะมากค่ะเดินเข้าซอยไปประมาณสัก 150 เมตรก็จะเจอร้านปั๋นใจ๋อยู่ทางขวามือแล้วค่ะภายในร้านของร้านปั๋นใจ๋นะคะ ลักษณะจะมีอาหารขายหลายอย่างเลยค่ะ เหมือนศูนย์รวมอาหารเลย แล้วก็มีที่นั่งมากพอสมควรค่ะ เราไปถึงร้านนี้ตอนสายๆ ซึ่งไม่ใช่เวลาที่คนเค้าจะมากินข้าวมื้อไหนกับสักมื้อน่ะนะคะ คนเลยโล่งๆ นิดหนึ่ง ร้านนี้ไม่มีห้องแอร์นะฮับเวลาสั่งก็ต้องสั่งในใบสั่งที่ต่างสีกันค่ะ สั่งอันไหนก็เขียนใบสั่งอันนั้นนะคะวันนั้นที่เราสั่งมาคือ ชุดขนมเส้นโดยเลือกสองน้ำคือ น้ำหมู (หรือน้ำใส) และน้ำพริก รวมทั้งหมูสะเต๊ะด้วยค่ะ
ส่วนที่เหมือนหมวกแหลมๆ ครอบไว้ทางขวามือของภาพ คือ จานนะคะ เอามาใช้ในการแบ่งขนมจีนเพื่อกินกับน้ำยาต่างๆ น่ะแหละค่ะตัวขนมจีน อย่างที่บอกว่าเราสั่งมาแค่สองน้ำนะคะ ก็จะมีเครื่องเคียงมาให้ทั้งหมดตามภาพนี้เลยค่ะตัวน้ำเงี้ยวแพร่ของที่นี่จะเค็มกว่าเจ้าอื่นนะคะ รสชาติจะออกแนวต้มจืดกระดูกหมูของภาคกลางน่ะค่ะ แล้วก็ที่นี่ไม่ได้ใช้หมูสับนะคะ ส่วนน้ำพริกมีบางคนเม้นท์ว่าหวาน แต่วันที่เรากินเราว่าเปรี้ยวนำมากกว่านะคะ
ตัวเนื้อหมูสะเต๊ะหมักดี แต่เค้าเอาส่วนไม่มีมันเลยมาทำค่ะ ซึ่งเราชอบแบบมีมันหน่อยหนึ่งมากกว่าน่ะนะคะ ตัวน้ำจิ้มรสค่อนข้างเข้มและเค็มปลายค่ะ อาจาดรสชาติดี
แต่ถ้ามากันหลายๆ คน เราว่าเซ็ตนี้ก็โอเคนะคะ คุ้มค่าอยู่ค่ะเนื่องจากเราไม่ได้สั่งน้ำยาอย่างอื่น เลยเอาภาพจากทางร้านมาให้ดูนะคะว่าน้ำยากอย่างอื่นหน้าตาประมาณไหน ที่ชอบคือมีบอกด้วยว่าน้ำยาอะไรต้องกินแกล้มกับอะไรจึงจะอร่อยค่ะ เก๋ๆ

สำหรับวันนี้ก็จะมารีวิวรวมร้านขนมจีน (หรือขนมเส้น) ที่ได้ไปกินมาในทริปแพร่นะคะ ซึ่งจะมีร้านในเมืองทั้งหมด 3 ร้าน ได้แก่ ร้านป้าดา ร้านดวงเนตร (เก๋ากึ้ก) และร้านปั๋นใจ๋ รวมทั้งร้านขนมจีนน้ำย้อย อ.ลองอีก 1 ร้าน คือร้านป้ารัตน์ ทั้งนี้มีอีกหนึ่งร้านที่ไปถ่ายรูปแต่ไม่ได้กิน คือ ขนมจีนน้ำย้อยอาหวังค่ะ ก็ลงเป็นข้อมูลไว้ให้ด้วยแล้วกันนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า น้ำเงี้ยวแพร่ ไม่เหมือนกับน้ำเงี้ยวที่ไหนนะคะ ไม่เหมือนน้ำเงี้ยวเชียงใหม่หรือเชียงรายด้วย บางคนก็เรียกว่าขนมจีน (หรือขนมเส้น) น้ำใส บางคนก็เรียกขนมเส้นน้ำหมู ทั้งสามชื่อนี้ความหมายเดียวกันคือ ขนมจีนน้ำเงี้ยวแพร่นั่นเองหละค่ะ

เอาหละค่ะ เรามาลุยการกินแต่ละร้านกันเลยดีกว่าเนาะ ร้านแรกที่จะพาไปก็คือร้านป้าดาค่ะ เป็นร้านหนึ่งที่น้องซึ่งเป็นคนแพร่แนะนำมานะคะ พิกัดร้านป้าดา แต่เดิมร้านป้าดาจะอยู่ที่หลังร.ร.นารีรัตน์นะคะ แต่ปัจจุบันย้ายมาอยู่หลังสวนสุขภาพแล้วค่ะ
ถ้าเอารถมาก็จอดในสวนสุขภาพแล้วเดินเอานะคะ เราจอดรถไว้ตรงแถวนี้ตามภาพเลย เดินออกมาก็เลี้ยวขวาไปทางสี่แยกไฟแดง ร้านป้าอยู่ใกล้ไฟแดงเลย (จอดหน้าร้านไม่สะดวกค่ะ) ร้านของป้าจะอยู่ทางซ้ายมือตามภาพนะฮับภายในร้านของป้าดานะคะ ไม่มีห้องแอร์เน้อและร้านป้าหยุดทุกวันเสาร์นะคะและนี่คือป้าดาค่ะ วันนั้นโชคดีที่ไปแล้วเจอป้าดาหละ เป็นร้านที่ได้รับเกียรติบัตรและถ้วยต่างๆ มากมายเลยนะคะสำหรับน้ำดื่มนั้น ก็มีทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมค่ะ บริการตัวเองนะฮับเราสั่งทั้งขนมเส้นน้ำหมู (หรือน้ำใสหรือน้ำเงี้ยวแพร่นั่นเองค่ะ) แล้วก็น้ำเงี้ยวเชียงใหม่ค่ะ แล้วก็สั่งข้าวส้ม (ข้าวผัดมะเขือเทศ) และแค็ปหมูมากินแกล้มกันด้วยค่ะ ซึ่งก็จะมีเครื่องปรุงพวกพริกป่นต่างๆ อยู่บนโต๊ะด้วยนะคะ ถ้าใครต้องการรสชาติที่จัดจ้านมากขึ้น แต่เราไม่ได้เติม เพราะอยากลองแบบรสออริจินัลน่ะค่ะป้าแกทำหมูสับอร่อยมาก รสชาติของน้ำซุปก็ค่อนข้างดีเลยค่ะ ออกอ่อนๆ ละมุนละมุน เส้นของป้าแกจะค่อนข้างเล็กเรียวกว่าร้านอื่นนะคะ แกแนะนำให้กินกับแคบหมูด้วยค่ะซึ่งก็เข้ากั๊นเข้ากัน ให้กินแคบหมูแยกต่างหากนะคะไม่ต้องเอาจุ่มลงน้ำล่ะ ตัวหมูสับก็นุ่มละเอียดค่ะ ถือว่าเป็นการกินขนมเส้นน้ำหมู (หรือน้ำใส) ครั้งแรกที่ประทับใจของเราเลยหละค่ะแล้วเราก็สั่งข้าวส้มซึ่งก็เป็นอาหารอีกอย่างของแพร่เช่นกันค่ะ เป็นคล้ายๆ ข้าวผัดกับมะเขือเทศ อันนี้รสชาติค่อนข้างจางจางเบาเบานะคะ แต่เป็นการกินครั้งแรกของเราไม่รู้ว่าที่จริงรสต้องประมาณนี้หรือเปล่าน้องผู้ช่วยป้าเชียร์ให้ลองกินน้ำเงี้ยวเชียงใหม่ก็เลยสั่งมาอีกอันค่ะ อันนี้ต้องบอกก่อนว่าปกติเราไม่ชอบกินน้ำเงี้ยวล่ะค่ะ เราก็เลยค่อนข้างเฉยเฉยกับเมนูนี้แหละ สรุปแล้วชอบขนมเส้นน้ำหมูของป้าดามากที่สุดของมื้อนั้นค่ะ

มารีวิวอีกร้านที่ได้ไปกับทริปแพร่นะคะ เป็นร้านที่เราแวะระหว่างทางก่อนไปวัดพระธาตุพระลอค่ะ

แวะไปกินขนมครกเจ้าดังของแพร่ที่ร้านขนมครกแม่หล่าย (อยู่ระหว่างทางค่ะ ซึ่งปัจจุบันมีสามสาขา สาขาเดิมคือที่ตัวแม่หล่ายเลย แต่เราไม่ได้เข้านะคะ ส่วนอีกสองสาขาอยู่เยื้องๆ กัน บนถนนเส้นเลี่ยงเมืองค่ะ มีทั้งขาไปเชียงรายและขากลับเมืองแพร่เลย) ร้านนี้ที่เราซื้อมามีทั้งหมดห้าอย่าง (แต่ที่จริงเค้ามีเยอะกว่านี้นะคะ แต่ตอนเราไปนี่หลายอย่างหมดแล้วง่ะ) แต่ที่เราเชียร์จะมีสองอย่างนะคะดูเตาที่เป็นขุมกำลังการผลิตซะก่อน ขายดีไม่ดีอ้ะ คิดดู๊วววว วันนั้นที่นับคร่าวๆ มีราวสี่สิบเตาได้อะค่ะร้านขนมครกแม่หล่ายปัจจุบันเป็นรุ่นที่สามแล้วค่ะ รุ่นคุณยายทำมาตั้งแต่ปี 2511เลยนะคะ ซึ่งมะพร้าวที่ใช้ทำนำมาจากทางภาคใต้ค่ะ เพราะฉะนั้นผลิตผลของมะพร้าวก็จะมีผลต่อปริมาณการผลิตขนมครกของที่ร้านเช่นกัน
ถ้าใครอยากได้ขนมครกแบบกรอบๆ ต้องมาเช้าๆ นะคะ จะเป็นการแคะจากเตาร้อนๆ กรอบๆ เลย แต่ถ้าไปบ่ายอย่างเรา ปิดเตาแล้ว ก็จะซื้อแบบกล่องๆ ซึ่งจะไม่กรอบ แต่ขนาดเย็นแล้วรสชาติก็ยังดีอยู่เลยค่ะ อีกตัวที่เชียร์คือ วุ้นใบเตยตัวนี้ค่ะ อร่อยมาก ยิ่งแช่เย็นๆ นะคะ อร่อยมากๆ ค่ะ ชอบๆ (ขนมครกราคากล่องละ 35 บาท สามกล่อง 100 บาทนะคะ)
ป.ล.ถ้าช่วงเทศกาล ทางร้านแนะนำให้โทร.ไปจองขนมครกก่อนนะคะ เพราะอาจจะไม่มีได้ค่ะ แหะๆ (เห็นสมุดข้างกล่องขนมครกมั้ยคะ นั่นล่ะสมุดคิวฮ่ะ)สาขาฝั่งขึ้นเชียงราย (ฝั่งไปพระธาตุพระลอที่เราแวะเนี่ยแหละค่ะ) เบอร์ 062.4955491
สาขาเข้าตัวเมืองแพร่ 062-9245464

เป็นร้านอาหารอยู่ริมน้ำลำธารห่างจากพระธาตุช่อแฮราว 7 กิโลเมตรค่ะ การจอดรถต้องจอดด้านหน้าร้านซึ่งจะมีลานให้จอดอยู่นิดหน่อยแต่อยู่ตรงหัวโค้งพอดีต้องระวังนิดหนึ่งนะคะ
ที่ร้านมีไวฟายฟรีมีสองตัวให้เลือกค่ะ แต่ค่อนข้างช้าอยู่พอสมควรและยิ่งถ้าคนเยอะเยอะจะช้ามาก จนบางครั้งใช้งานไม่ได้เลย ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ของทรูไม่มีสัญญาณเลยค่ะวันนั้นสั่งไข่ป่าม ตำยอดมะพร้าวอ่อนไข่เค็มและอ่อมแห้งจิ๊นหมูค่ะ (ตอนแรกว่าจะสั่งแกงแคไก่บ้านใส่เห็ดเผาะ แต่ตอนที่เราไปเห็ดเผาะไม่มีค่ะ อด) ที่นี่ทำอาหารรสจัดอร่อยนะคะ เผ็ดจัดสะใจเลย แต่เค็มออกนำไปนิดหนึ่งค่ะ ที่สำคัญคือราคาโอเคมาก สามอย่างพร้อมน้ำอัดลม หมดไป 268 บาทค่ะ
อ่อมแห้งจิ๊นหมู 100 บาทรสชาติจัดจ้านถึงเครื่องดีค่ะ ร้านนี้จะทำอาหารรสจัดค่อนข้างโอเคเลยนะคะ แต่ตัวนี้เค็มไปนิดหนึ่งค่ะไข่ป่าม 70 บาทเป็นเมนูที่ใครหลายคนบอกว่ามาแพร่ต้องสั่งค่ะเป็นไข่ผสมเหตุและผักต่างๆแล้วเอาไปวางบนใบตองแล้วนำไปย่าง รสชาตินัวนัวตำยอดมะพร้าวไข่เค็ม 70 บาท รสดีมากจัดจ้านมากพริกเผ็ดโคตรอร่อยค่ะถ้าใครชอบรสจัดนะที่นี่เป็นอีกทีที่ไม่รับบัตรเครดิตนะคะ ร้านที่แพร่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับบัตรเครดิตกันแหละ 

วัสดีค่ะ....
วันนี้เราจะมารีวิวร้านกาแฟสีเขียวที่ตั้งอยู่แถวพระบาท ที่มีชื่อว่าร้านกาแฟบ้านรถเขียว
จริงๆร้านนี้เคยเห็นเพื่อนๆเช็คอินบ่อยมาก แต่ยังไม่มีโอกาสไปเยือน เพราะไกลจากบ้าน 55555
และเผอิญว่าวันนี้ไปทำธุระกับแม่แถวนั้นพอดี....ก็เลยถือโอกาสไปลองชิมสักหน่อยร่มรื่นมากๆสีเขียวทั้งร้านเลยมีทั้งเอาท์ดอร์ และอินดอร์ไปเลือกขนมกันเถอะ.....

0

เค้กและเบเกอรี่ราคาเท่ากับร้านทั่วไป...แต่มากาฮงถูกมากกกกกาแฟเยอะมาก เครื่องดื่มอื่นๆก็เช่นกัน ปล.พนักงานน่ารักดีสปาเกตตี้ก็มี แต่วันนี้อิ่ม อดกิน 5555วันนี้ได้นั่งห้องส่วนตัว เพราะว่าเราไม่ชอบเสียงดัง เมนูที่สั่งรสชาติโอเค อร่อยดี (แต่ยังไม่ได้อร่อยเว่อร์วัง) ราคาไม่แพงเกินไป สมกับราคาดี

เป็นหนึ่งในร้านที่เคยโทรมาสอบถามททท. แล้วทางททท.แนะนำค่ะ ร้านนี้ใน Google Maps สามารถใช้เซิร์ชแล้วขับรถตามไปได้นะคะ
ตัวร้านนี้มีด้วยกันเป็นสองห้อง ประตูแยกเข้าตังหากทั้งสองห้องค่ะ เลือกเข้าห้องไหนก็ได้วันนั้นเราเลือกเข้าห้องฝั่งซ้ายเราสั่งกับข้าวไปทั้งหมดสามอย่าง กว่าอย่างแรกจะมานานพอสมควร อย่างที่สองไม่นานมาก แต่อย่างที่สามห่างจากอย่างที่สองครึ่งชั่วโมงค่ะ แล้วก็น้ำแข็งแล้วหมดทวงสามรอบกว่าจะได้บริการค่อนข้างไม่โอเคนะคะ (ตอนคิดเงินก็แจ้งไปสามรอบเช่นกันกว่าจะได้คิดเงิน)

เราสั่งอาหารไปสามอย่างค่ะ (วันที่ไปของหมดหลายอย่างมาก เลยสั่งที่ทางร้านมีค่ะ) คือ แกงแคซี่โครงหมู 120 บาท แป้งนมทอด 120 บาท และหลามปลาช่อน 200 บาท ค่าใช้จ่ายหมดไปที่ 470 บาทนะคะ อาหารจนใหญ่นะคะ เหมาะสำหรับกินราวๆ สี่คนค่ะ
อย่างแรกที่ได้มาก่อนเลยคือเเกงแคซี่โครงค่ะ รสออกแนวนัวนัวยังสู้ร้านที่เราชอบไม่ได้ แต่ซี่โครงโอเคค่ะ ไม่เปื่อยมากอย่างที่สองเป็นแป้งนมทอดมีเครื่องจิ้มมาให้สองอย่างคือน้ำพริกข่ากับซอสพริกหวานซึ่งเวลากินก็ได้รสชาติคนละแบบแล้วแต่ชอบเลยค่ะ ตัวนี้อร่อยดีเคี้ยวมันฟันดีค่ะอย่างสุดท้ายกว่าจะมาอย่างที่บอกว่านานมากๆ คือหลามปลาช่อน แล้วก็มาตอนแรกไม่ได้เอาน้ำจิ้มสามรสมาด้วย สำหรับรสชาติตัวน้ำอร่อยแบบละมุนดีเราชอบมากกว่ารสชาติของน้ำแกงแคนะคะ ระยะเวลารอโต๊ะ 0 นาที แต่รออาหารนานกว่าค่ะ 555

ถ้าใครจะไปกินก็ใจเย็นและอย่าไปตอนหิวมากๆ แล้วกันค่ะ แหะๆ

ที่สตูลโรตีเป็นที่นิยมกันมาก ทานได้ทั้งวันทั้งมื้อเช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ
กินเป็นอาหารคาวหรืออาหารหวานก็ได้ ร้านโรตีก็หาทานได้ง่ายมากมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
คราวนี้จะพามารู้จักกับร้านบาราโรตี ร้านอาหารยามเช้าในอ.ละงูกันค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านอาหารอิสลาม อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากท่าเรือปากบารา (ประมาณ 1 กม.)
เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ปิดช่วงบ่ายขึ้นอยู่กับว่ามีลูกค้ามั้ย (บางทีเลทไปถึงบ่าย 2 นู่น)ร้านนี้ถึงจะชื่อบาราโรตีแต่อาหารที่ร้านไม่ได้มีแต่โรตีนะคะ มีเมนูให้เลือกทานเพียบค่า
มุมนี้เป็นมุมข้าวยำปักษ์ใต้และโรตีด้านนี้เป็นข้าวมันไก่-ข้าวหมกไก่-ข้าวราดแกงต่าง ๆมุมเครื่องดื่มที่นั่งภายในร้านที่นั่งด้านนอก มีหลายมุมหลายโซนดี
ทั้งร้านมีที่นั่งประมาณ 20 โต๊ะนะคะ ถือว่าเยอะพอสมควรค่ะเมนูของที่ร้านเยอะมาก ทั้งเมนูอาหารเช้า , อาหารจานเดียว , อาหารตามสั่ง , โรตี , กาแฟ ฯลฯ
อ้อ รับทำข้าวกล่องด้วยค่ะสำหรับใครที่มาทานที่ร้าน เวลาสั่งอาหารก็จะมีใบรายการให้เลือกแบบนี้ค่ะ
เขียนจำนวนเมนูที่ต้องการและเบอร์โต๊ะลงไปแค่นี้ก็เรียบร้อยระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟก็นั่งเล่นเน็ตไปเพลิน ๆ ที่ร้านมีไวไฟให้ใช้ฟรีด้วยค่า พาสเวิร์ดอยู่บนโต๊ะนี่แหละ เริ่ดเริ่มจากเครื่องดื่มกันก่อนเลยนะคะ มาสตูลไม่กินชาชักนี่ก็เหมือนมาไม่ถึง
ก๊ะหนาบเจ้าของร้านมาสาธิตการชงชาชักให้ดูกันเลยส่วนคนเสิร์ฟสาวสวยก็เป็นลูกสาวนะคะชาชักร้อน-เย็น , กาแฟเลือกได้ตามชอบค่า เราได้ชิมทั้งชาร้อนและชาเย็นนะ
ส่วนตัวชอบชาร้อนมากกว่าเพราะเข้มข้นและหวานน้อยกว่าแบบเย็นค่ะไข่ลวกก็มีนะคะเหยาะซีอิ๊วพริกไทยนิดหน่อย ซดร้อน ๆ อาหย่อยเริ่มจากเมนูอาหารจานเดียวกันนะคะ
ข้าวหมกไก่ ข้าวหุงมาไม่นิ่มเละ ร่วนดี น้ำจิ้มรสหวาข้าวมันไก่มีน้ำจิ้ม 2 แบบ + ราดซีอิ๊วดำมาด้วย
เมนูนี้เราว่าโอเค มาตรฐานทั่วไปค่ะเมนูกับข้าวต่าง ๆ ทั้งผัดเนื้อแดง แกงตอแมะห์ (ตูมิห์) แกงส้ม
สามารถทานคู่กับข้าวสวย ข้าวมัน หรือโรตีก็ได้ทั้งนั้น
แกงตอแมะห์เป็นอาหารพื้นเมืองของจ.สตูล เป็นแกงปลา เน้นความหอมของเครื่องเทศ รสอมเปรี้ยวนิด ๆข้าวเหนียวปลาเค็ม ข้าวเหนียวของที่ร้านจะเป็นข้าวเหนียวหุงกับหัวกะทินะคะ
ทานคู่กับปลาเค็มจะมีความหอมและมันของกะทิ คล้าย ๆ กินข้าวเหนียวมูนนั่นแหละข้าวยำ เมนูนี้คนชอบผักน่าจะชอบ ของที่ร้านนี้จะใส่เกสรบัวมาด้วย
ข้าวยำราดน้ำบูดูให้ทั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากันก็ทานได้เลย
เราเป็นคนชอบทานข้าวยำอยู่แล้วนะ ของที่ร้านนี้ก็อร่อยถูกปากจ้ามาถึงเมนูโรตีกันบ้าง
เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟโรตี 1 แผ่น กับน้ำตาล , นมข้นหวาน และแกงถั่วเหลือง
เราจะเลือกทานแบบคาว หรือแบบหวานก็ได้
โรตีแป้งนุ่มอ่ะ ชอบ ทานกับนมข้นหวาน+น้ำตาลนี่อร่อยอยู่แล้ว ส่วนแกงถั่วเหลืองรสจะไม่จัดออกมัน ๆโรตีไข่ดาวนี่พึ่งเคยเห็น ทานเป็นอาหารคาวแหละนะ หลัก ๆ ก็มีโรตี + ไข่ดาว + แกงถั่วเหลือง
คล้าย ๆ เมนูเมื่อกี้แต่ไม่มีนมข้นหวานและน้ำตาล มีไข่ดาวมาแทนโรตีมะตะบะ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มและอาจาด
โรตีมะตะบะของร้านนี้ขอแนะนำเลยนะคะ อร่อยมาก กลมกล่อม
ชอบที่เค้าทอดมาไม่มันไม่เยิ้มด้วยอ่ะ มันเลยไม่เลี่ยนโรตีกล้วยหอม เสิร์ฟพร้อมกับน้ำตาลและนมข้นหวาน
โรตีกับกล้วยสำหรับเราเข้ากันอยู่แล้วอ่ะนะ ที่ร้านเค้าทอดมาได้ดีด้วยไง
แป้งไม่หนามาก กรอบนอกนุ่มใน กินร้อน ๆ ฟินนนนโรตีกรอบก็ดีงามไม่แพ้กัน กรอบ และไม่มันเยิ้ม ชอบอีกหล่ะ
มื้อนี้กินไปกี่แคลฯก็ไม่รู้ หุ ๆ รู้แต่ว่าอร่อยกินใหญ่เลย 555
ตอนนี้ก็มานั่งออกกำลังกายชดใช้กรรมที่กินไปอยู่งับ เจอของอร่อยอดใจไม่ไหวเนอะใครผ่านไปแถวท่าเรือปากบาราลองเผื่อเวลาช่วงเช้า ๆ ก่อนลงเรือไปหลีเป๊ะแวะทานอาหารที่ร้านดูค่ะ
อร่อยดีงามหลายเมนูเลย แนะนำโรตีหลากหลายรูปแบบ และข้าวยำค่า

เป็นร้านอาหารบ้านๆ แต่บรรยากาศดี เจ้าของร้านน่ารัก นิสัยดี เป็นกันเองกับลูกค้า อาหารก็อร่อย ราคาไม่แพงค่ะ

ร้านนี้อร่อยค่ะ บรรยากาศดี พื้นที่กว้าง ห้องน้ำก็จัดได้สวยและสะอาด แถมมีเมนูของหวานให้เลือกทานหลายอย่าง เหมาะกับทุกช่วงวัยค่ะ มาเป็นครอบครัวหรือเพื่อนฝูงก็ดี เด็กๆชอบเมนู หมูคลุกฝุ่นค่ะ