3
2
0
7-min walk from Exit 2, Chit Lom BTS Station 繼續閱讀
特色
休閒餐廳
包場派對
營業時間
星期一至日
11:00 - 22:00
付款方式
Cash
座位數目
70
其他資料
泊車
服務費
酒精飲料
包廂
私人派對區
電話訂位
稅務發票
座位數目 (空調)
前往餐廳網站
http://www.facebook.com/tamaruya.honten
以上資料只供參考, 請與餐廳確認詳情
招牌菜
เนื้อวากิวเสิร์ฟพร้อมวาซาบิสด เนื้อสันนอก ข้าวยำผักรวมกะทะร้อน ลิ้นวัวหมักเกลือผสมวาซาบิและต้นหอม หมูสามชั้นสไลด์
食評 (5)
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปหม่ำอีกร้านที่เซ็นทรัลเวิลด์นะคะ ซึ่งการไปร้านนี้นั่นก็เนื่องด้วยทางเอเจนซี่ที่ดูแลร้านนี้ติดต่อมาค่ะ โดยเราก็ยื่นเงื่อนไขไปเหมือนเดิมคือ ไม่อวยนะ ซึ่งคุณอ้น (ตัวแทนเอเจนซี่) ก็บอกว่ายินดี เพราะอยากได้คำติชมเพื่อไปพัฒนาด้วย (ถูกใจข้าพเจ้ายิ่งนัก แฮ่..) ก็เลยได้ไปหม่ำแล้วก็มาทำรีวิวให้ดูกันค่ะ (ขออนุญาตเจ้าแม่กวนอิมกินเนื้อเพื่อรีวิวหนึ่งมื้อ แหะๆ)และ...ค่ะ ตัวโฟโต้ช็อปเรายังใช้ไม่ได้เหมือนเดิมนะคะ ใช้โฟโต้สเคปย่อเหมือนเคย เพราะฉะนั้นภาพหลายๆ ภาพอาจจะไม่เหมือนที่เราเคยย่อด้วยโฟโต้ช็อปนะคะ แหะๆสำหรับที่ตั้งของร้านนะคะ อยู่ที่ชั้น 5 ฝั่งอิเซตันค่ะ ถ้าขึ้นบันไดเลื่อนภายในอิเซตันขึ้นมา จะเจอคิโนคุนิยะ ถ้าทางพวกพลาซ่าและเซนอยู่ทางซ้ายมือ ก็ต้องเลี้ยวขวามานะคะ จะเจอร้านอยู่ตรงหัวมุมพอดี ตามภาพเลยค่ะหน้าตาหน้าร้าน และเงื่อนไขการจอดรถของที่นี่นะฮับที่หน้าร้านจะมีเมนูให้ดูก่อนนะคะว่าอาหารประมาณไหนอย่างไรค่ะจากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านค่ะ ด้านขวามือจะมีเคาน์เตอร์ด้วยนะคะ ส่วนทางซ้ายมือและด้านในจะเป็นโต๊ะนั่งค่ะคุณอ้นเล่าให้ฟังด้วยว่า ของทุกอย่างของร้านนี้นำเข้าทั้งหมดเลยหละค่ะ แม้กระทั่งของตกแต่งอย่างกระเบื้องหรือหินที่ใช้ประดับร้าน จนคุณอ้นบอกว่า ยังบอกกับเจ้าของร้านเลยว่า รู้จักกันช้าไป ไม่อย่างนั้นคงพาไปซื้อในไทย ต้นทุนจะถูกลงเยอะเลยหละค่ะ เพราะเฉพาะค่าตกแต่งร้านนี่ก็..สองสามเท่าของร้านทั่วไปหละค่ะ เหอๆเราได้นั่งที่โต๊ะด้านในสุดค่ะ ถ่ายย้อนออกไปหน้าร้านหน่อยหนึ่ง ที่จริงโต๊ะนี้วางได้สองเตาค่ะ แต่เรานั่งกันแค่สามคนคือเรา ทินา และคุณอ้น ก็เลยใช้แค่เตาเดียวนะคะเซ็ตอัพบนโต๊ะและมีใบที่บอกเล่าเรื่องวาซาบิค่ะ พร้อมวิธีการกินวาซาบิที่ถูกต้องค่ะซึ่งคงต้องขอเท้าความก่อนว่า ทามารุยะฮอนเท็นเป็นบริษัทผลิตอาหารที่ญี่ปุ่นนะคะ ซึ่งตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2418 โน่นนน โดยบริษัทอยู่ที่ชิซึโอกะ (แถบๆ ภูเขาไฟฟูจิหละค่ะ) ซึ่งสินค้าหลักของบริษัทนี้ก็คือ วาซาบิค่ะ ชื่อ ทามารุยะฮอนเท็นนี่ก็แปลว่า ผลิตผลแห่งความอุดมสมบูรณ์นะคะ ปัจจุบันบริหารงานโดยทายาทรุ่นที่ 5 คือ มิสเตอร์ฮิโรยูกิ โมชิซูกิค่ะส่วนการที่เจ้าของบริษัทนี้มาเปิดร้านที่กรุงเทพฯ (ซึ่งกระทั่งที่ญี่ปุ่นยังไม่มี) คุณอ้นก็เล่าให้ฟังว่า เป็นเพราะเจ้าของเค้ามากินอาหารญี่ปุ่นในไทย แล้วก็ค้นพบว่า ทำไมวาซาบิในไทยถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงฉุน ทั้งที่วาซาบิแท้ๆ (ซึ่งตกกิโลกรัมละ 5000 บาทไทย...เพิ่งรู้ว่าวาซาบิแท้มันแพงขนาดนี้วุ้ย ) จะไม่ฉุนแบบนี้ (แต่ที่ฉุนเพราะเอามาผสมอย่างอื่นค่ะ เช่น มัสตาร์ด ฯลฯ) แล้วคนอื่นๆ ในไทยก็มาบอกเค้าว่า ไม่จริง วาซาบิแท้ต้องฉุน (เอ่อ..เถียงเจ้าของไร่และบริษัทผลิตวาซาบิ ) เค้าก็เลยรู้สึกว่า ไม่ได้แล้ว เค้าอยากเอาวาซาบิแท้ๆ มาให้คนที่อยู่ในไทยได้กินจริงๆ รวมทั้งเค้ารู้สึกว่า คนไทยน่ะเป็นคนสรรกิน คือถ้าของดี ของอร่อย ต่อให้อยู่ที่ไหนก็จะตาม-ไป-กิน ฮา (คุณอ้นเล่าเสร็จก็บอกว่า นี่เค้าชมเราใช่มั้ย เราก็บอกว่า ใช่ค่ะ ชมค่ะ )ซึ่งตัววาซาบิที่ใช้ในร้าน เป็นวาซาบิที่นำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรงนะคะ ซึ่งหลังจากถอนรากต้นวาซาบิ ทำความสะอาดเรียบร้อย ก็จะทำการบรรจุลงภาชนะปลอดเชื้อ แล้วนำขึ้นเครื่องบินถึงเมืองไทยรวมแล้วไม่เกิน 3 วันค่ะจากนั้นคุณอ้นก็ให้พนักงานนำตัววาซาบิ (ซึ่งเป็นพืชหัวใต้ดินเหมือนโสมหละนะคะ แต่จริงๆ วาซาบินี่คุณอ้นบอกว่าใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมดค่ะ ใบก็เอาไปทำอาหารได้นะ) มาให้ดูพร้อมกับที่ฝนวาซาบิที่ทำจากหนังปลาฉลาม (แต่ในวิกิบอกเหงือกปลาฉลาม แหะๆ)เราวานให้ทินาเป็นคนฝน (แต่ฝนไม่สำเร็จ ฮา) เพื่อถ่ายรูปมาให้ดูว่าประมาณไหนยังไงนะคะ แต่สักพักพนักงานก็นำวาซาบิที่ทำการฝนเรียบร้อยแล้วพร้อมโซยุมาให้ค่ะ ซึ่งตัวโซยุหรือซอสนี่ก็เป็นสูตรของทางร้านนะคะ เราชิมแล้วรู้สึกว่ามันเป็นรสหวานลิ้นกว่าของร้านอื่นค่ะ แล้วก็มีกลิ่นหอมจางๆ คือตอนแรกที่กินก็รู้สึกว่าต่าง แต่เพิ่งรู้ตอนคุณอ้นบอกทีหลังแหละค่ะว่า เป็นสูตรที่ทางร้านทำเอง ซึ่งแม้กระทั่งคุณอ้นเองก็ยังไม่รู้ว่าทำอะไรอย่างไรน่ะค่ะแล้วทินาก็ไปช่วยหาข้อมูลเรื่องวาซาบิมาจากเฟซบุ๊คตามลิงก์นี้ ดังนี้นะคะหลายคนคงคุ้นเคยกับวาซาบิผงที่เราต้องผสมน้ำแล้วตีๆๆจนข้นเป็นก้อน อันที่จริง วาซาบิผงไม่ได้ทำจากวาซาบินะครับแต่ทำจาก ฮอร์สแรดิชผสมกับผงมัสตาร์ด ซึ้งจะมีความเผ็ดร้อนคล้ายวาซาบิสด (บางทีเผ็ดกว่าด้วยซ้ำ) มายุคหลังนี้เริ่มมีการนำวาซาบิสดมาขายกัน ถามว่าวาซาบิแท้มั้ย?ขอตอบว่าแท้ครับ แต่ไม่ทั้งหมด วาซาบิสดที่ทำกันเป็นอุตสาหกรรมนั้นเขาจะใช้ลำต้น กิ่งก้านใบ และเปลือก รวมถึงหัววาซาบิที่ไม่ได้ขนาดหรือเสียมาบดเป็นส่วนผสมครับ แล้วเติมส่วนผสมอื่นๆเพื่อเพิ่มเนื้อและความเผ็ด ที่ต้องทำแบบนี้เพราะแม้แต่ที่ญี่ปุ่นเอง วาซาบิก็เป็นสินค้าที่แพงมากครับ 1ต้นอยู่ที่1600-2000เยน แต่ถ้าต้นที่มีการดูแลอย่างดี ราคาสามารถขึ้นไปแตะเกือบหมื่นเยนครับเนื่องจากวาซาบิต้องปลูกในที่สูง แหล่งน้ำต้องบริสุทธิ์ และเติบโตช้า ดังนั้นคนญี่ปุ่นทั่วไปจึงไม่กินวาซาบิสดเป็นต้นกันครับแต่ก็ใช้วาซาบิผงหรือสดแบบผสมเอาเพราะคนทั่วไปสู้ราคาไม่ไหว ในเมืองไทยอันที่จริงไม่สามารถนำหัววาซาบิเข้าประเทศได้นะครับ เพราะญี่ปุ่นมีออกกฎหมายห้ามส่งออก ที่มีขายในเมืองไทยกันได้ตามร้านแพงๆ หิ้วเข้ากันทั้งนั้นครับ คนญี่ปุ่นยุคใหม่ยังไม่ค่อยรู้เลยครับว่าการฝนวาซาบิจริงๆ เค้าจะฝนจากทางหัว ไม่ปลอกเปลือกและฝนช้าๆเป็นรูปคล้ายตัว โนะ (の) บนเครื่องฝนที่ถูกต้องซึ่งทำจากหนังปลาฉลามครับสักพักพนักงานก็นำเครื่องดื่มมาบริการค่ะ โดยตอนแรกแจ้งก่อนว่าพ็อทหมด เลยเอาขวด (เรียกคำนามนี้ถูกมั้ยเนี่ย) แบบนี้มาใส่ชาให้แทน (เหมือนดื่มเหล้าสาเกเลยเนาะ โฮะๆๆ) แต่สักพักก็เอากาชามาเปลี่ยนให้ค่ะจากนั้นพนักงานก็นำเตามาวางให้ค่ะ ซึ่งก็จะมีการเปลี่ยนตะแกรงให้นะคะ เราชอบที่ใส่ตะแกรงเค้าอ้ะ จะมีสองช่อง คือช่องหนึ่งไว้ใส่ตะแกรงใหม่ที่เอามาเปลี่ยนให้ ส่วนอีกช่องเอาไว้เก็บตะแกรงอันเก่า เก๋มาก ชอบๆส่วนตัวถ่านนี่ทางร้านสั่งมาจากอยุธยานะคะ เป็นถ่านที่ทำจากกะลามะพร้าวอัดผสมกับแป้ง (พนักงานเค้าบอกงี้นะคะ) ซึ่งถ่านหนึ่งชุดจะใช้ได้ที่ 1 ชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงค่ะ จะเป็นเวลาของการกินจบพอดีหละค่ะจากนั้นอาหารจานแรกก็เริ่มบริการค่ะ เป็นสลัดผัก ผักสดมาตรฐานค่ะ น้ำสลัดออกเค็มๆ แต่กินเพื่อรองท้องและเรียกน้ำย่อยได้ดีค่ะต่อมาค่ะ กับสันในวัว คือต้องบอกก่อนว่า ที่ร้านนี้สำหรับเนื้อจะไม่มีการแช่แข็งนะคะ เพราะการแช่แข็งจะทำให้มีการสูญเสียน้ำในเนื้อไป ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพเนื้อ แล้วก็จะมีทั้งเนื้อนำเข้าและของไทยด้วยค่ะ แต่คุณอ้นเองก็ไม่แน่ใจว่าส่วนไหนบ้างที่นำเข้า ส่วนไหนบ้างที่เป็นของไทย แหะๆสำหรับผลการกินสันในวัวนะคะ นุ่มมากเลยค่ะ หอม นิ่ม ชอบที่สุดในบรรดาเนื้อที่เอามาบริการวันนั้นนะคะ เคี้ยวแล้วฟินฟันมากๆต่อไปค่ะ กับลิ้นวัว แน่นหนึบตามสไตล์ลิ้นวัวหละค่ะ ส่วนนี้ไม่ใช่ส่วนที่เราถูกใจอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่จากที่เคยไปกินอีกร้าน เค้าก็บอกว่าเป็นเหมือนตัวเรียกน้ำย่อยเตรียมพร้อมสำหรับการกินเนื้อส่วนอื่นๆ หละนะคะ ใครที่ชอบเคี้ยวอะไรแน่นๆ หนึบๆ น่าจะชอบตัวนี้หละค่ะต่อไปค่ะกับหมูสามชั้นสไลด์ มาแบบชิ้นหนากำลังดีพร้อมน้ำจิ้มสูตรของทางร้านเช่นกันนะคะ แล้วก็มีพวกผักและเครื่องเคียงต่างๆ จานนี้นี่กินแบบเดียวกับการกินเมี่ยงน่ะค่ะ ต้องห่อสำหรับการกินเมนูนี้นะคะ ตัวหมูชิ้นหนา นุ่มหน่อยๆ ค่ะ น้ำจิ้มอร่อยเลยหละค่ะ เราว่าแก้เลี่ยนได้ดีเลยต่อไปเป็นสันนอกนะคะ จะเห็นว่ามีไขมันเยอะกว่าหละค่ะ แล้วชิ้นก็ยังหนากว่าร้านปิ้งย่างทั่วๆ ไปเหมือนเดิมนะคะตัวนี้เรากินแล้วกลับเฉยๆ นะคะ คือ ตัวเนื้อดีกว่าร้านปิ้งย่างทั่วไป แต่ยังไม่สุดเหมือนร้านที่เคยกินแล้วชอบมากน่ะค่ะ แหะๆต่อไปเป็นคอหมูย่างค่ะ ชิ้นหนาได้ใจเหมือนเดิม แต่ตัวนี้ไม่มีอะไรโดดเด่นนะคะ เห็นมีงาหรืออะไรที่หมักมาด้วย แต่ไม่ส่งรสหรือกลิ่นใดๆ ชัดเจนเลยอะค่ะ ก็เลยบอกคุณอ้นไปว่า น่าจะมีเมนูหมูที่มีการหมักซอสมิโสะหรืออะไรมากขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นสำหรับคนไม่กินเนื้อแล้ว ก็จะไม่มีอะไรดึงดูดใจเลยค่ะ เพราะถ้าจะขายความสดและวัตถุดิบจริงๆ ตัวหมูแบบนี้เองก็ไม่ได้มีความเด่นหรือความอร่อยเท่าเนื้อวัวอยู่แล้วน่ะนะคะต่อไปเป็นชุดผักค่ะ ตอนแรกเราไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่พอได้ชิมไป เอ๊ะ โอเคน่าสนใจซะงั้นค่ะเชียร์ตัวเห็ดออรินจิค่ะ เห็ดหวานดี ชอบเลยแหละ ส่วนตัวฟักทองนี่หวานมากๆๆ เนื้อแน่นมากค่ะ ถามคุณอ้นแล้วแจ้งว่าเป็นฟักทองนำเข้า แต่ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นนะคะ คนชอบฟักทองน่าจะฟินค่ะ อร่อยจริงๆ คือกินแล้วรู้เลยว่าต่างจากฟักทองทั่วไปน่ะค่ะ (แต่ในรูปนี้ไม่ยักเห็นฟักทองง่า ขออภัยค่ะ แหะๆ)ต่อไปค่ะกับซุปกิมจิ มาแบบเดือดปุดๆๆ กันเลยทีเดียว ตัวนี้รสเข้มข้น จัดจ้านดีมากค่ะ แม้เย็นลงแล้วรสชาติก็ยังโอค่ะ เป็นเมนูที่โอค่ะต่อไปค่ะเป็นเนื้อไก่ แม้จะเหมือนหมักมา (หรือที่จริงแค่คลุกงากับเครื่องปรุงมามากกว่าค่ะ เพราะไม่เข้าเนื้อ) แต่เหมือนตัวคอหมูเลยคือ ไม่มีกลิ่นหรือรสชาติเด่นอะไรทั้งสิ้นค่ะ แต่ที่แตกต่างคือ กินปุ๊บรู้เลยว่าไม่ใช่ไก่ซีพีแน่ คือเนื้อมันไม่ฟ่ามๆ แห้งๆ เหมือนไก่ฮอร์โมนของซีพีน่ะค่ะ แต่เนื้อออกแนวแน่น และนุ่มนิดๆ เลยถามไป ก็ได้คำตอบว่าเป็นไก่เบทาโกรกับไก่ร้านทั่วไปจริงๆ ค่ะ ไม่ใช่ไก่ซีพีพักเบรคด้วยการรวมภาพบางส่วนของการหม่ำนะคะ เพิ่งจะกินปิ้งย่างกับวาซาบิก็คราวนี้แหละค่ะวาซาบิแท้ๆ มันไม่ฉุนมากจริงๆ ด้วยค่ะ อ่อนละมุนกว่าเยอะเลยแหละต่อไปเป็นชุดรวมซีฟู้ดค่ะ ที่เราได้กินก็มีแซลมอน ทั่วไปค่ะ ไม่เด่น หอยเชลล์โอ ไม่เค็มปี๊ดเหมือนบางที่ แต่กุ้ง เรากินไปตัวหนึ่ง ไม่สดง่ะค่ะ แหะๆเราว่าซีฟู้ดที่นี่ไม่โดนค่ะ ถ้ามา สั่งเนื้อวัวจะโอกว่านะคะ กับชุดผักรวมง่ะ (หรือถ้าชอบเฉพาะฟักทองกับเห็ดก็สั่งแยกมาได้นะคะ ถ้าสั่งแยก ฟักทองจะจานละ 90 เห็ด 140 แต่ถ้าชุดผักรวม (ซึ่งมีฟักทองและเห็ดน้อยชิ้นกว่าแบบแยก) ก็จะอยู่ที่ 170 ค่ะ)ต่อไปค่ะ อีกหนึ่งเมนูที่อร่อยของร้านนี้นะคะ กับไส้กรอก นำเข้าหละค่ะ แต่คุณอ้นไม่ได้แจ้งว่าจากประเทศอะไร ทินาบอกว่าใช่นิชชินแฮมหรือเปล่า เพราะเคยกินกับที่ทำงานแล้วเค้าบอกว่ายี่ห้อนี้แล้วรสชาติก็ใกล้เคียงกันมาก แต่คุณอ้นก็ไม่แน่ใจน่ะค่ะ แต่เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะเลือกเป็นอันนี้ เค้าเอามาให้เทสต์หลายๆ ยี่ห้อแล้วให้ลงคะแนนกัน (โดยไม่บอกยี่ห้อเลย) ซึ่งตัวนี้ได้คะแนนเยอะสุดน่ะค่ะสำหรับการกินของเรานะคะ ตัวไส้กรอกเด้ง กรุบกรอบสุดๆ ค่ะ กินแล้วสนุกฟันมาก เต็มไปด้วยเนื้อหมู มีกลิ่นหอมมาก อร่อยเลยล่ะค่ะ แถมเคี้ยวๆ ไปจะสัมผัสความซับซ้อนนิดๆ ของรสด้วย รสชาติเต็มปากเต็มคำดีค่ะ อร่อยค่ะเมนูนี้ต่อไปเป็นข้าวกระเทียมค่ะ พนักงานมาคลุกให้เลยแหละสำหรับรสชาตินะคะ อ่า..เฉยๆ อีกเช่นกันค่ะ ไม่มีอะไรโดดเด่นไปจากร้านอื่น จะเห็นว่าเราสั่งข้าวปกติมาด้วยน่ะนะคะ (ที่จริงข้าวกระเทียมนี่ทินาสั่ง แต่พอเห็นขนาด ก็เลยต้องช่วยกันหม่ำนิดหนึ่งค่ะ เพราะจะเป็นโบล์วใหญ่กว่าถ้วยปกติของเราพอควรเลย)หมดคาว (ซักที) ค่ะ ไปที่ของหวานกันบ้างนะคะ ที่จริงตัวที่ขึ้นชื่อของทางร้านคือ คัสตาร์ดพุดดิ้งโฮมเมดค่ะ แต่ตอนเราไปนั่นหมดเรียบร้อยแล้ว (แสดงว่าดังจริงอะไรจริงเมนูนี้) คุณอ้นเลยสั่งเมนูอื่นมาให้ลองกินแทนค่ะเมนูแรกนะคะกับ เยลลี่ผสมเหล้าบ๊วยค่ะ ตัวนี้ครีมด้านบนละมุนมาก หวานอ่อนๆ แต่เยลลี่เหล้าบ๊วยเข้มมากค่ะ เล้าเหล้าอ้ะ ไม่ชอบนะคะ แต่เห็นคุณอ้นบอกว่าเป็นอีกตัวที่ขายดีหละค่ะAlmond Pudding ค่ะ ตัวนี้เนื้อเยลลี่เนียนนุ่มลิ้นดีนะคะ มีกลิ่นอัลมอนด์จางๆ แต่ก็ไม่ได้ว้าวอะไรเป็นพิเศษอะค่ะต่อไปค่ะกับไอศกรีมชาเขียวค่ะ ตัวนี้เข้มข้นดีนะคะ แต่ไม่ขม โอค่ะ ในสามอย่างอันนี้โอสุดเลยสรุปสำหรับร้านนี้นะคะ ถ้าเป็นคนกินเนื้อจะโอกว่าค่ะ เพราะตัววัตถุดิบอื่นๆ ที่ไม่ใช่เนื้อค่อนข้างไม่เด่น ออกจะธรรมดาไปหน่อยนะคะ ส่วนตัววาซาบิ ก็การันตีได้ว่าเป็นวาซาบิแท้ๆ (ซึ่งหากินได้ยากในไทยหละค่ะ) ถ้าเอาเราว่าอร่อยก็จะมีหมูสามชั้นสไลด์ สันในเนื้อ ไส้กรอก ฟักทอง เห็ดออรินจิ ซุปกิมจิค่ะ นอกนั้นค่อนข้างธรรมดานะคะแล้วก็ที่แนะนำไปเพิ่มเติมคือ ทางร้านควรมีเมนูที่มีวาซาบิเพิ่มเติมน่ะค่ะ (ในเมื่อจุดขายของร้านตัวเองคือเจ้าของเป็นเจ้าของไร่และบริษัทวาซาบิง่ะนะ) อย่างเช่น ไอศกรีมรสวาซาบิ สลัดราดน้ำสลัดวาซาบิ หรืออื่นๆ ค่ะ จะทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นน่ะนะคะ  繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)
ร้านปิ้งย่างที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เจแปนนิส แบ่งออกเป็นโซน ๆ สำหรับชมวิว หรือ หน้าเคาเตอร์ครัว และยังมีห้อง วีไอพี อีกด้วย วัตถุดิบที่ใช้ปิ้งย่าง ที่นี่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น เนื้อวากิวญี่ปุ่น หรือ เนื้อไทย-เฟรนช์ รวมทั้งลิ้นวัวหมักเกลือผสมวาซาบิและต้นหอม วาซาบิที่นี่ส่งตรงจากไร่วาซาบิของจังหวัดชิซึโอกะ โดยตรง ซี่งให้ความหอม ฉุนเฉพาะตัว ทานเคียงกับสลัดสาหร่าย ซุปเนื้อซี่โครง ข้าวผัดกระเทียม ที่ทำให้อร่อยได้ใจ แนะนำเซ็ทโปรโมชั่นในราคาประหยัดสบายกระเป๋านะคะ 繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)
等級4 2013-08-20
49 瀏覽
Tamaruya Honten @ เซ็นทรัลเวิร์ด ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 โซนฝั่งอิเซตันTamaruya Honten เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น สไตล์ปิ้งย่างลูกค้าที่มาทานส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่น ร้านค่อนข้างสะอาดสะอาดเตาที่ใช้ปิ้งก็เป็นแบบพิเศษไม่มีควันส่วนเมนูที่ทานเราสั่งเป็นแบบ A-la-cart ในเซ็ตหมู จะมีทั้งหมู คอหมู ลิ้นหมู เบคอน ไก่ บลาๆๆน้ำจิ้มเขาก็เข้มข้นรสเด็ดมากกกร้านนี้บอกเลยทั้งเนื้อ ทั้งเตา คุณภาพเยี่ยม กลับบ้านหัวงี้ไม่เหม็นกันเลยทีเดียว 繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)
อาหารปิ้งๆ ย่างๆ คงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน วันนี้เลยขอพาไปรู้จักกับร้านอาหารสไตล์ปิ้งๆ ย่างๆ แบบญี่ปุ่น ที่ร้าน Tamaruya Honten ซึ่งบนชั้น 6 ห้าง Central World Plaza ฝั่ง Isetan บรรยากาศภายในตกแต่งในแบบญี่ปุ่น โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ก็จะมีคนไทยบ้างประปราย การให้บริการถือว่าทำได้อย่างน่ารัก ซึ่งพนักงานจะนั่งแทบจะคุกเข่ารับออเดอร์จากแขกที่มาทานอาหารเลยครับ สำหรับอาหารที่นี่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีเนื้อย่างชั้นเลิศ นำเข้าจากออสเตรเลียและญี่ปุ่น ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ก็จะนำเข้ามาจากญี่ปุ่น เนื้อที่นี่ดูน่าทานมากๆ ครับ สังเกตจากโต๊ะด้านข้างครับ แต่คนที่ไปด้วยไม่ทานเนื้อครับ เลยขอเลือกสั่งเมนูหมูมาแทนครับ ซึ่งจะมาแบบ A-la-cart ในเซ็ทหมูจะประกอบไปด้วย เนื้อหมูสไลด์,คอหมู, ลิ้นหมู, เบคอน, เนื้อไก่ และปีกไก่ครับ Set นี้ราคา 590.- นอกจากนี้ยังสั่ง เห็ดย่าง (90.-) ซึ่งจะมีเห็ดออรินจิและเห็ดหอม รสชาติดีเช่นกัน จากนั้นก็สั่ง ผักกาดหอม (80.-) มาเพิ่มครับ มาพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด การปิ้งย่างที่นี่จะทำบนเตาย่างเป็นชนิดพิเศษนำความร้อนสูงและร้อนเร็วแบบทั่วถึงพร้อมระบบดูดควันอย่างดีเลยครับที่สำคัญเตาถ่านแบบนี้สามารถปรับระดับความแรงของไฟได้ด้วย ระหว่างทานสามารถ ทานคู่กับ วาซาบิสด โดยที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องวาซาบิสด ของแท้นำเข้าจากญี่ปุ่นครับ ราคากิโลกรัมละ 4,000 บาท ทางพนักงาน (คนญี่ปุ่น) เค้าบอกว่าเจ้าของที่นี่เป็นเจ้าของโรงงานวาซาบิที่ญี่ปุ่น โดยเค้าจะหั่นวาซาบิมาเป็นท่อนๆ คล้ายๆ กับขิงเลยครับ และให้เราฝนกันหนังปลา เพื่อให้ได้เนื้อวาซาบิออกมา แต่วาซาบิสดแบบนี้ไม่ฉุนนะครับ นำเนื้อจิ้มวาซาบิแล้วจิ้มน้ำจิ้มสไตล์ญี่ปุ่น ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อย่างเป็นอย่างดีทีเดียวเมื่ออาหารพร้อมแล้วก็ลงมือปิ้งๆ ย่างๆ กันเลยครับ ระบบเตาถ่านที่นี่ดีที่สุดที่เคยทานมาเลยครับ เพราะไม่มีควันออกมาให้หัวเหม็นเลยสุดท้ายก็ลงมือจัดการเนื้อที่อยู่ตรงหน้าครับ โดยเนื้อสามารถจิ้มวาซาบิ แล้วจิ้มกับ ทาเระ (น้ำจิ้มที่ปรุงจากโชยุอีกที) โดยมีน้ำมะนาวให้ด้วยครับ เพราะที่ร้านบอกว่าลิ้นหมูจิ้มกับน้ำมะนาวจะช่วยเพิ่มรสชาติได้ดีสรุปแล้วเนื้อที่นี่คุณภาพดีมากๆ ระบบเตาถ่านก็ดีเช่นกัน สามารถควบคุมระดับความแรงของไฟได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตะแกรงระหว่างทานอาหารเลยครับ รวมทั้งการบริการก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ 繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)
等級4 2011-07-31
39 瀏覽
รสชาติ : อร่อยบรรยากาศ : ดี จัดแนวหรูหราบริการ : โอเคราคา : สูงพอสมควรการเดินทาง : Isetan ชั้น 6 繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)