更多
2014-07-20
409 瀏覽
สวัสดีค่าทุกท่านสำหรับการไปกินที่ห้องอาหารหลินฟ้าครั้งนี้ก็เป็นการชวนจากเว็บ Openrice อีกเช่นเคยค่ะเป็นปาร์ตี้ก๊วนชวนกินซึ่งจะชวนคนที่ทำรีวิวประจำๆ หรือบ่อยๆ ที่เว็บ (เรียกคนทำรีวิวว่าโอเพิ่นไรเซอร์ค่ะ) ไปหม่ำอาหารกันหละค่ะ แล้วก็มีการร่วมสนุกกับกิจกรรมที่เว็บแล้วก็ได้ไปด้วยนะคะ (จากกิจกรรมสามคน แล้วก็เชิญบล็อกเกอร์ไปด้วยค่ะ เรากับชื่นเป็นสองบล็อกเกอร์ที่ไป ท่านอื่นๆ ไม่แน่ใจว่าท่านใดเป็นบล็อกเกอร์อีกนะคะ แหะๆ)โดยห้องอาหารหลินฟ้าจะอยู่ที่ชั้นล่าง (ไม่แน่ใจว่าโรงแรมนี้เรียก Ground Floor หรือ First Floor นะคะ) ถ้าเดินมาจากประตูเข้าโรงแรมทางถนนพญาไทก็เดินตรงดิ่งเข้ามาด้านในก็จะเจอห้องอาหารนี้ค่ะเราเองจอดรถไว้ที่ชั้นสามเอ แล้
สำหรับการไปกินที่ห้องอาหารหลินฟ้าครั้งนี้ก็เป็นการชวนจากเว็บ Openrice อีกเช่นเคยค่ะเป็นปาร์ตี้ก๊วนชวนกินซึ่งจะชวนคนที่ทำรีวิวประจำๆ หรือบ่อยๆ ที่เว็บ (เรียกคนทำรีวิวว่าโอเพิ่นไรเซอร์ค่ะ) ไปหม่ำอาหารกันหละค่ะ แล้วก็มีการร่วมสนุกกับกิจกรรมที่เว็บแล้วก็ได้ไปด้วยนะคะ (จากกิจกรรมสามคน แล้วก็เชิญบล็อกเกอร์ไปด้วยค่ะ เรากับชื่นเป็นสองบล็อกเกอร์ที่ไป ท่านอื่นๆ ไม่แน่ใจว่าท่านใดเป็นบล็อกเกอร์อีกนะคะ แหะๆ)
โดยห้องอาหารหลินฟ้าจะอยู่ที่ชั้นล่าง (ไม่แน่ใจว่าโรงแรมนี้เรียก Ground Floor หรือ First Floor นะคะ) ถ้าเดินมาจากประตูเข้าโรงแรมทางถนนพญาไทก็เดินตรงดิ่งเข้ามาด้านในก็จะเจอห้องอาหารนี้ค่ะ
เราเองจอดรถไว้ที่ชั้นสามเอ แล้วก็ลงลิฟท์มาที่ล็อบบี้ ออกลิฟท์มา เลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวขวาอีกทีก็เจอห้องอาหารหลินฟ้าอยู่ทางขวามือตามภาพหละค่ะ เดินเข้าไปในทางสวยๆ นี้แล้วก็จะเจอส่วนของที่นั่งสำหรับแขกที่มารับประทานอาหารตามภาพนะคะ สำหรับที่ห้องอาหารนี้มีทั้งหมดสองชั้นค่ะ มีที่นั่งทั้งหมด 189 ที่ โดยที่ชั้นสองมีเป็นห้องส่วนตัวสามารถจัดเป็นกรุ๊ปไพรเวทที่สี่สิบคนได้ด้วยค่ะ แต่ถ้ากรณีที่แขกเยอะๆ จริงแล้วชั้นล่างเต็ม เค้าก็จะเปิดชั้นสองให้ไปรับประทานด้วยหละค่ะ
สำหรับห้องอาหารนี้ หลินฟ้า สะกดเป็นภาษาอังกฤษว่า Lin Fa ค่ะ ซึ่งมาจากภาษาจีน เหลียนฝ่า แปลว่าดอกบัวค่ะ โดยมีเชฟใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน คือ เชฟคชพักตร์ หรือเชฟให้เรียกว่า เฮียก๋ำค่ะ (แต่วันนั้นเชฟไม่ได้มาพบพวกเรานะคะ) ซึ่งเคยเป็นเชฟของโรงแรมแม่น้ำมาก่อน (เลาๆ ว่าที่โรงแรมนั้นก็ดังเรื่องติ่มซำชิมิคะ) แล้วเชฟเองก็พูดกวางตุ้งได้ เคยไปทำงานที่อเมริกาด้วยค่ะ ซึ่งห้องอาหารนี้ก็เปิดมาเกือบ 20 ปีแล้วหละค่ะ ข่าวว่า เป็นที่ที่จัดตั้งรัฐบาลกบ่อยนะคะ อิอิ ห้องอาหารที่นี่จะเด่นเรื่องอาหารกวางตุ้งและติ่มซำค่ะ
ในห้องอาหารชั้นล่างเองก็มีหลายส่วนตามภาพเลยค่ะ ตกแต่งได้หรูหรา งดงามมาก ซึ่งที่ห้องอาหารนี้ก็มีนักการเมืองและบุคคลสำคัญต่างๆ มารับประทานมากมายนะคะ ถ้าใครที่เป็นลูกค้าประจำซึ่งทางห้องอาหารถือว่าเป็นแขกวีไอพี ทางห้องอาหารได้ทำกล่องใส่ตะเกียบ มีชื่อแกะสลักไว้ที่หน้ากล่องให้เลยนะคะ ตามภาพเลย ที่โต๊ะเราได้มาดูเป็นตัวอย่างสามท่านค่ะ คือ คุณกร ทัพรังสี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร และคุณหญิงสุภัจฉรี ภิรมย์ภักดีค่ะ เซ็ตอัพบนโต๊ะค่ะ อุปกรณ์ครบครันดีค่ะ สำหรับเครื่องดื่มวันนั้นเราเลือกชาเก็กฮวยร้อนค่ะ (จะเลือกแบบเย็นก็ได้นะคะ แต่เราเลือกร้อนเพราะแบบร้อนช่วยแก้เลี่ยนได้ดีกว่าน่ะค่ะ ซึ่งคิดถูกมากๆ เพราะอาหารเยอะมากกกกกก ถ้าดื่มเครื่องดื่มเย็น สงสัยจอดเร็วแหงๆ แหะๆ)
หลังจากที่นั่งกันสักพัก ได้เวลาอันสมควรแล้ว คุณแนน ฝ่ายการตลาดของโอเพิ่นไรซ์ก็กล่าวต้อนรับและให้แต่ละคนแนะนำตัวกันค่ะ ทางซ้ายมือของภาพนี่เป็นโอเพิ่นไรเซอร์อีกท่านที่เราเคยเจอที่โนโวเทลค่ะ น่ารักมาก พาคุณแม่ไปตลอด เห็นแล้วอยากทำมั่ง แต่คุณแม่เราอยู่ต่างจังหวัดง่ะ อิจฉาจังเลยค่ะ จากนั้นก็ได้เชิญคุณแหม่ม ของโรงแรมสุโกศลมาบอกเล่าเรื่องราวของห้องอาหารแห่งนี้ให้ฟัง (อย่างเรื่องชื่อของห้องอาหาร เรื่องเชฟ เรื่องตะเกียบ ก็ได้ท่านนี้หละค่ะเป็นผู้เล่า) วันนั้นที่ชาวเราได้ไปกินเป็นเมนูอลาคาร์ทนะคะ แต่ในวันเสาร์อาทิตย์ที่นี่มีบุฟเฟท์ด้วย ราคาก็ 595++ (ตกเจ็ดร้อยกว่านิดหน่อย) แต่ยังไม่รวมเครื่องดื่มนะคะ ทว่าในงานที่ไบเทคบางนาล่าสุด มีคูปองขาย 700 บาทเน็ต แถมเครื่องดื่มด้วยหละค่ะ (เราทำรีวิวไม่ทัน แต่บอกผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจเอาน่ะนะคะ) ซึ่งเมนูบุฟเฟท์ก็จะมีให้ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งจะไม่มีบางเมนูเหมือนกับการกินแบบอลาคาร์ทค่ะ จากนั้นคุณแนนก็ได้นำตะเกียบโลโก้โอเพิ่นไรซ์มามามอบให้กับคนที่มาร่วมปาร์ตี้ครั้งนี้ทุกท่านหละค่ะ ดูดีทีเดียวค่ะ
เอาหละค่ะ เข้าสู่เมนูกันบ้าง เข่งแรกที่ภูมิใจนำเสนอมากๆ ซาลาเปาไส้ไหลลลลลลลลลล อร่อยมากๆๆ ไส้ไม่หวานจัด มันกำลังดีด้วยไส้ไข่แดง แป้งนุ่ม อร่อยเวอร์ อร่อยเท่าหลายร้านที่ฮ่องกงเลยค่ะ ปลาบปลื้มมาก (กรุณากินตอนร้อน มิฉะนั้นไส้อาจจะไม่ไหลได้นะฮับ) ต่อไปค่ะ กับขนมจีบแต้จิ๋วหรือขนมจีบกุ้งค่ะ ข้างในกุ้งเต็มๆ เหมือนกินที่ฮ่องกงเลยค่ะ กุ้งเด้งมากกก เรากินแบบไม่จิ้ม แต่มีรสเปรี้ยวๆ เด้งมาหน่อยหนึ่งค่ะ รสชาติดี อร่อยโอเลยค่ะ ใกล้เคียงกับที่กินที่ฮ่องกงเลยอ้ะ ต่อไปเป็นฮะเก๋ากุ้งค่ะ กุ้งเด้งอีกแว้วววววววววว (ทุกเมนูกุ้งที่นี่สดเด้งมากๆ ค่ะ ยังกะมีฟาร์มกุ้งอยู่ในโรงแรม) แป้งก็ไม่หนา อร่อยกว่าหลายๆ ที่เลยค่ะ เกี๊ยวเห็ดชิเมจิ กลิ่นเด่นมากค่ะตัวนี้ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ รสเต็มปากเต็มคำดีค่ะ เกี๊ยวหอยเชลล์กับผักปวยเล้ง ตัวปวยเล้งเด่นจนกลบหอยไปนะคะ (จนสงสัยว่าพนักงานบอกเมนูผิดป่าวหว่า? ไม่รู้สึกถึงหอยเลยง่ะ) แต่หอมมากๆ คนชอบผักน่าจะชอบหละค่ะ (อย่างผู้ติดตาม – ทินาก็ชอบอันนี้เหมือนกัน) ตัวสามสีอันนี้คือ ฮะเก๋าหอยเชลล์ค่ะ รสชาติอร่อยยยยยยยยยยอีกแล้ว หอยเชลล์หนึบหนับ ไข่ปลาแซลมอนข้างบนก็หอมอ่อนๆ อร่อยค่ะตัวนี้เป็นอีกตัวที่เราชอบนะคะ เกี๊ยวปูชีสหรือที่เค้าตั้งชื่อว่า เกี๊ยวปูหลินฟ้าค่ะ พอผ่าลงไปปุ๊บนี่กลิ่นชีสพุ่งขึ้นมาเลยค่ะ ทินาบอกว่ารสชาติจืดไป แต่ถ้าพักการกินอย่างอื่นก่อนกินตัวนี้ เราว่าโอเคนะคะ รสไม่จืด แต่มีรสขมปลายๆ นิดๆ ค่ะ (น่าจะเกิดจากการทอดน่ะค่ะ) หัมสุ่ยกอ (ไม่แน่ใจว่าออกเสียงถูกมั้ยนะคะ ฮา) ตัวนี้เปลือกอร่อยค่ะ หนา นุ่มกรอบ ตัวไส้โอเค รสชาติไม่อ่อนไป กลิ่นหอมของมันที่เป็นไส้ก็หอมดีค่ะ ปอเปี๊ยะฟองเต้าหู้ กุ้งเด้งอร่อยค่ะ ของเราไม่คาว แต่ชิ้นที่ทินากินทินาบอกว่าคาวค่ะ ของเราไม่คาว แต่ขมปลายๆ อีกแล้ว (น่าจะเป็นเพราะน้ำมันที่ทอดหรือเปล่า ไม่แน่ใจนะคะ) ก๋วยเตี๋ยวหลอดทอดซีอิ๊ว คล้ายๆ แป้งต็อกของเกาหลีเลยหละค่ะ หยุ่นๆ นุ่มๆ แน่นๆ มีรสซีอิ๊วเคลือบอยู่ เราว่าเลี่ยนอะค่ะจานนี่ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เห็นบางท่านชอบนะคะ เต้าหู้ทอดผัดพริกเกลือ กรอบนอก ในแน่นนุ่ม แต่ตัวเครื่องที่ผัดมามันยังไม่ทั่วถึงเท่าไหร่ค่ะ มันน้อยกว่าเต้าหู้ ทำให้บางชิ้นมันไม่มีรสชาติของเครื่อง แต่เป็นเมนูที่กินแก้เลี่ยนได้ดีค่ะ ต่อไปเป็นอีกเมนูที่มีคนชอบมากค่ะ กับกระเพาะปลา มาเป็นคนละหม้อดินกันเลยทีเดียว แยกผักชีมาให้เรียบร้อย เผื่อบางท่านที่ไม่กินผักชีนะคะ
แล้วเห็นข้นๆ แบบนี้นี่ไม่มีการใส่แป้งนะฮับ เค้าเคี่ยวจนงวดข้นน่ะค่ะ รสชาติของน้ำซุปกระเพาะปลาเข้มข้นดีมาก รสแบบว่า..เต็มปากเต็มคำ เนื้อปูก็ให้มาเยอะแถมปูยังแน่นสดด้วยค่ะ กระเพาะปลาก็เต็มเลยค่ะ แต่เรากินไม่ไหวจริงๆ แค่ชิมไปสี่ห้าคำ ที่เหลือให้ทินาซึ่งเป็นหญิงสาวผอมบางซัดเรียบ เธอโปรดเมนูนี้มากๆ ค่ะ ระหว่างการรับประทานคุณแนนก็มีเล่นกิจกรรมไปเรื่อยๆ ค่ะ ใครทำได้ครบตามเงื่อนไขก็รับของที่ระลึกกันไป มีมาหลากหลายเลยค่ะ ของเรานี่ได้มาเป็นผ้ากันเปื้อน (หวังว่าจะได้ใช้ในอนาคต อิอิ) ขอเซนเซอร์หน้าตัวเองนิดหนึ่งเพื่อป้องกันการตามจากโจทก์นะคะ ฮา เมนูต่อไปค่ะ ตอนพนักงานยกมานี่โอ้โหกันทั้งโต๊ะ แบบว่า..จัดเต็มมาก กับหมูหันเป็นตัว ย่างได้แบบหนังแวววาวมากค่ะ
แถมที่ถาด (คงเรียกจานไม่ได้เนาะ) ก็ทำเก๋เป็นรูปเท้าหมูด้วยนะคะ แล้วเวลากิน พนักงานก็จัดมาให้เป็นคำๆ แบบนี้เรียบร้อยเลย
สำหรับรสชาติ เป็นอีกเมนูที่เราชอบนะคะ ตัวหนังของหมูกรอบกำลังดี ย่างมาได้หอม แป้งแน่นมาก น้ำจิ้มก็ไม่หวานจัด หวานกำลังดีและมีกลิ่นหอม กินโดยรวมแล้วโอมาก แถมแตงกวาดองก็อร่อยมากกกกค่ะ รสชาติเปรี้ยวนิดๆ กำลังดี กินแล้วเข้ากันมากๆ เลยหละค่ะ ต่อไปค่ะกับเป็ดปักกิ่ง ก็มาทั้งหนัง แป้งห่อ และน้ำจิ้มอะนะคะ
แต่เวลากินทางพนักงานก็ทำมาเป็นคำๆ ให้เลยค่ะ (ดีค่ะที่บริการแบบนี้ทั้งหมูหันทั้งเป็ดปักกิ่ง เพราะไม่งั้นทำเอง มือมัน มาจับกล้องอีก มือถืออีก คงมันย่องกันหมดค่ะ แหะๆ) ตัวนี้หนังก็กรอบหอมมากค่ะ แต่โดยรวมเรากลับไม่ชอบเท่าหมูหันนะคะ คือเราว่าตัวนี้ต้นหอมมันโดดออกมาน่ะค่ะ มันเยอะไปนิดหนึ่ง เราว่าโดยรวมแล้วหมูหันโอเคกว่าค่ะ อร่อยโดนใจกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะคะ แฮ่... อีกหนึ่งตัวอย่างกิจกรรมระหว่างกินค่ะ รอบนี้แจกหลายอย่างเลย มีน้องชื่นและผู้ติดตามเราอยู่ด้วย ต่อไปค่ะ กับอีกหนึ่งเมนูเด่นของที่นี่ค่ะ กุ้งทอดครีมสลัดค่ะ มาแบบเป็นจานใหญ่ แต่พอจะกิน ทางพนักงานก็ไปใส่เป็นถ้วยๆ ให้แบบในภาพค่ะ แน่นอนว่ากุ้งเด้งสดเช่นเคย ตัวผักก็สดโอ น้ำสลัดก็รสชาติดีค่ะไม่เลี่ยน ใครที่ชอบเมนูนี้อยู่แล้ว ลองกินของที่นี่ได้นะคะ อร่อยค่ะ และอีกหนึ่งเมนูค่ะกับกุ้งทอดทรายทอง เรื่องกุ้งก็เหมือนเดิมค่ะ สดเด้งดึ๋ง ตัวกุ้งเคลือบไปด้วยไข่แดงอย่างทั่วถึง แต่โดยรวมเลี่ยนกว่ากุ้งทอดครีมสลัดน่ะค่ะ ถ้าเทียบกันระหว่างสองเมนูนี้ เราชอบตัวกุ้งทอดครีมสลัดมากกว่านะคะ และกับเมนูนี้ค่ะ เอาเนื้อหมูของหมูหันไปทอดกระเทียม พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด จานนี้เราไม่ได้แตะนะคะ อาศัยผู้ติดตามเม้นท์เอาค่ะ (เพราะไม่ไหวจริงๆ ค่ะ แบบว่า..อิ่มจนถึงคอหอย แล้วรู้ว่าเดี๋ยวต้องกินของหวานอีก เลยขอไม่แตะจานนี้อะค่ะ) ทินาบอกว่า ทอดมาได้ดี กรอบแต่นุ่ม ยิ่งการกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดทำให้ช่วยตัดรสชาติกันดีมาก แก้เลี่ยนได้ดีค่ะ หมดคาวแล้วค่า (เย้ๆ) ต่อไปเป็นเมนูของหวานกันบ้างนะคะ เรา ชื่น และทินาเลือกคนละเมนูกัน จะได้ผลัดกันชิมแล้วเอามาเม้นท์ได้ (โคตะระทำหน้าที่ ฮา) ของเราเลือกเป็นแปะก๊วยค่ะ โดยรวมเมนูนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่จะเด่นได้มากนะคะ แต่แปะก๊วยเนื้อแน่นดี ไม่ขมมากด้วยค่ะ เมนูนี้ก็มาตรฐานทั่วไปค่ะ ต่อไปค่ะกับบัวลอยน้ำขิง ตัวแป้งไม่หนาและนุ่มแน่นมากค่ะ ตัวไส้ก็ไม่หวานจัด งาเต็มๆ รสชาติดี น้ำขิงก็ไม่เผ็ดจัดและหอมดี หวานกำลังดี สรุปเมนูนี้อร่อยค่ะ ชอบๆ ถ้าไปกินอีกก็คงเลือกของหวานเมนูนี้หละค่ะ เมนูนี้เป็นของน้องชื่นนะคะ กับสาคูแคนตาลูปเย็น ตัวน้ำแคนตาลูปกลิ่นพุ่งมากกก ชัดเจนสุดๆ เป็นเมนูที่กินแล้วสดชื่นดีค่ะ อร่อยเช่นกันค่ะ สรุปสำหรับที่นี่นะคะ อาหารค่อนข้างอร่อยเลยหละค่ะ คุณภาพวัตถุดิบดี บรรยากาศงดงาม พนักงานก็บริการดี (แต่อย่างที่ทราบนะคะ พนักงานที่ห้องอาหารทราบว่าพวกเราเป็นสื่อ เพราะฉะนั้นอาจจะได้รับการเน้นให้บริการอย่างดีน่ะค่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องการบริการ ต้องลองไปแบบธรรมดาๆ ดูค่ะ) สำหรับบุฟเฟท์ โดยราคาเราว่าคุ้มอยู่นะคะ แต่มีหลายเมนูอร่อยที่ไม่มีในเมนูบุฟเฟท์ค่ะ ส่วนอลาคาร์ทราคาน่าจะสูงพอควร (ไม่ได้ขอเมนูอลาคาร์ทมาถ่ายค่ะ ขออภัย) แต่เราว่าเป็นห้องอาหารจีนที่รสชาติดีและมีองค์ประกอบต่างๆ ครบถ้วน ควรค่าแก่ราคาสูงอยู่หละค่ะ แหะๆ
題外話/補充資料:
เดินทางด้วยรถส่วนตัวสามารถจอดที่ที่จอดรถของโรงแรมได้ (แต่ช่วงเลี้ยวจะแคบนิดหนึ่ง) หรือนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีพญาไทค่ะ
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)
張貼