คนที่ไม่ชอบทานผัก น่าจะงงๆ กับผัก 2 อย่างนี้ เพราะหน้าตาละม้ายคล้ายกัน แต่มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือสีสัน กะหล่ำดอก สีขาว ส่วนบร็อคโคลี่ สีเขียว แม้ทั้งคู่จะมีสีสันที่แตกต่างกัน แต่ผักทั้ง 2 ชนิดก็ล้วนมีประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ส่วนกะหล่ำดอกและบร็อคโคลี่ จะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ตามไปอ่านกันได้เลย

บร็อคโคลี่ (Broccoli)

ผักสีเขียวมากประโยชน์ที่ให้สัมผัสกรุบกรอบทุกครั้งที่ได้ทาน มีประโยชน์มากๆ ในส่วนของลำต้น แต่จริงๆ แล้วสามารถทานได้ทั้งดอกและลำต้น ซึ่งต้นอ่อนบร็อคโคลี่ก็จัดเป็นของดี ที่จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคมะเร็ง ด้วยเอนไซม์ไมโรซิเนส (Myrosinase) ที่มีมากกว่าต้นบร็อคโคลี่ที่เริ่มโต ซึ่งการทานบร็อคโคลี่ให้ได้ประโยชน์สูงสุดต้องเลือกทานแบบดิบ หากผ่านการปรุงที่ใช้เวลานานเกินจะทำให้เอนไซม์ไมโรซิเนสและซัลโฟราเฟนถูกทำลาย 

นอกจากนี้ บร็อคโคลี่ยังมีเส้นใยอาหารที่สูงช่วยเรื่องระบบขับถ่าย อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและวิตามินซี มีสารที่ช่วยต่อต้านมะเร็งอย่างซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) และสารอินดอล (indole) โดยประโยชน์หลักๆ นั้น จะช่วยเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย มีส่วนช่วยในการบำรุงและรักษาสายตา เป็นต้น

กะหล่ำดอก (Cauliflower)

กะหล่ำดอก หรือดอกกะหล่ำ มักจะถูกนำมาปรุงเป็นอาหารสำหรับเด็กๆ เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีมีประโยชน์ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารต้านมะเร็งได้อย่างดี ซึ่งกะหล่ำดอกที่หน้าตาละม้ายคล้ายบร็อคโคลี่ ก็เป็นเพราะเป็นพืชในวงศ์เดียวกัน คือ ครูซิเฟอร์อี้ (Cruciferae) จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อนำไปทำอาหาร ไม่ควรใช้ระยะเวลานานเกินไป เพราะจะไปทำลายคุณสมบัติทางยา

ประโยชน์อื่นๆ ของกะหล่ำดอก ก็เช่นช่วยควบคุมการทำงานของหัวใจ ช่วยเรื่องความดันโลหิต เพราะมีโพแทสเซียมสูง นอกจากนี้ ยังนำกะหล่ำดอกไปคั้นน้ำมาอมกลั้วปาก เพื่อรักษาแผลในปาก แก้เจ็บคอ ดื่มเพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ หอบหืด และหลอดลมอักเสบ จึงควรดื่มทุกวัน วันละ 1-2 ออนซ์ ที่สำคัญ น้ำที่คั้นจากกะหล่ำดอกสดๆ ยังช่วยเรื่อง แผลเรื้อรัง โรคเรื้อนกวางได้อีกด้วย 

จัดว่าเป็นของดีที่ต้องทานเป็นประจำ ใครที่อยากให้ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสดใส ต้องซื้อกะหล่ำดอกและบร็อคโคลี่ มาไว้ติดบ้านนะคะ