อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลสงกรานต์ ประเพณีแห่งความสุขสนุกสนานของหลายคนที่จะได้ออกไป สาดน้ำ ประแป้งคลายร้อนกันในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของปี (ถึงแม้ในปีนี้อากาศจะเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาวไปบ้าง) แต่นอกจากการสาดน้ำแล้ว อาหารหลายชนิดก็ช่วยคลายร้อนให้เราได้เช่นกัน ทั้งไอศกรีมหรือน้ำแข็งไส แต่สำหรับเราคนไทย อาหารคลายร้อนที่มีมาแต่โบราณอย่าง “ข้าวแช่” น่าจะเป็นอาหารห้ามพลาดสำหรับเทศกาลสงกรานต์ ด้วยตำนานความผูกพันที่มีมาอย่างยาวนานของวิถีชีวิตไทยและอาหารชนิดนี้นั่นเอง
ข้าวแช่ หรือข้าวลอยน้ำดอกไม้หอมเย็น รับประทานคู่กับเครื่องเคียงอย่างลูกกะปิทอด เครื่องผัดหวานนานาชนิด รวมถึงผักสดต่างๆ นั้นอันที่จริงแล้ว ไม่ใช่อาหารไทยแท้ แต่เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ ที่ทำขึ้นเพื่อสังเวยเทวดาและถวายพระในวันตรุษสงกรานต์ ข้าวแช่แบบมอญนี้มีวิธีการทำที่ยุ่งยากซับซ้อนกว่าข้าวแช่ที่เราคุ้นตากันอยู่ในปัจจุบันมาก สำหรับข้าวแช่ที่เรารู้จักกันทั่วไปนั้นเป็นข้าวแช่ตำรับ “ข้าวแช่ชาววัง” หรือ “ข้าวแช่เสวย” ที่เคยมีผู้ทำถวายพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จนเป็นที่โปรดปราน และเป็นที่นิยมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลายคนอาจสงสัยว่าเพราะเหตุใด คนไทยจึงต้องกินข้าวแช่กันเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น นอกจากเหตุผลที่ว่าข้าวแช่เป็นอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมากจึงช่วยให้ดับกระหายคลายร้อนได้แล้ว อาหารชนิดนี้ยังมีตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลสงกรานต์อย่างแยกกันไม่ออกอีกด้วย โดยเล่ากันว่า มีเศรษฐีผู้หนึ่งร่ำรวยและพรั่งพร้อมไปเสียทุกอย่าง ขาดแต่ว่าท่านเศรษฐีไม่มีบุตรไว้สืบตระกูล จึงพยายามทำพิธีบวงสรวงพระอาทิตย์พระจันทร์อยู่เป็นเวลาถึง 3 ปี ก็ยังไม่สำเร็จ จึงเปลี่ยนไปบวงสรวงพระไทร ซึ่งสิงสถิตอยู่ในต้นไทรใหญ่ริมน้ำ โดยเศรษฐีสั่งให้บริวารคัดเลือกข้าวสารเมล็ดงามแล้วนำไปล้างน้ำถึง 7 ครั้งให้บริสุทธิ์หมดมลทินเพื่อหุงถวายพระไทร พร้อมอาหารโอชารสอีกมากมาย พระไทรเห็นถึงความพยายามของเศรษฐี จึงขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์เพื่อขอบุตรให้กับเศรษฐี พระอินทร์จึงโปรดให้เทวบุตรนามว่าธรรมปาล จุติลงมาเกิดเป็นลูกเศรษฐี ให้ชื่อว่า ธรรมบาลกุมาร ซึ่งต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารเติบโตขึ้นก็ถูกท้าทายจากท้าวกบิลพรหมให้ทายปัญหา ซึ่งธรรมบาลกุมารทายถูกจนเป็นเหตุให้ท้าวกบิลพรมหมต้องตัดศีรษะตนเองเพื่อบูชากุมารตามที่ได้สัญญาไว้ ซึ่งศีรษะของท้าวกบิลพรมหมนี้ไม่สามารถตกสู้พื้นโลกได้ ท่านจึงให้ธิดาทั้ง 7 เวียนกันถือพานแห่ศีรษะไว้ และจะเวียนมาบรรจบครบรอบในวันที่ 13 เมษายน จนกลายเป็นตำนานวันสงกรานต์เล่าขานกันมาจนปัจจุบัน ซึ่งเชื่อกันว่าข้าวสารล้างน้ำถึง 7 ครั้งของเศรษฐีนั้นเองคือข้าวแช่ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
สำหรับในปีนี้ หากใครอยากจะชิมความอร่อยแบบโบราณของข้าวแช่ในช่วงสงกรานต์แล้วละก็ มีร้านอาหารและห้องอาหารมากมายให้บริการข้าวแช่อยู่ในช่วงนี้ค่ะ
ร้าน S & P
"ข้าวแช่ Summer Cool Rice”จาก S & P อร่อยไม่เหมือนใครกับ ข้าวแช่ข้าวกล้องงอก 185 บาท หรือจะเป็น ข้าวแช่ข้าวหอมมะลิ 175 บาท รสดั้งเดิมก็มีให้เลือกอร่อยถึง 2 แบบ จะรับประทานที่ร้านหรือบริการส่งก็ได้ โทร 1344 S & P Delivery
ห้องอาหารนานาชาติโมเม้นส์
เซ็ตข้าวแช่ของที่นี่ให้บริการเฉพาะมื้อกลางวัน ในราคา 150 บาท/เช็ต ตลอดเดือนเมษายนนี้ โทร. 02-618-9000
"ข้าวแช่" พร้อมเครื่องเคียงครบครันและผักสด ปลาแห้งแตงโม และปิดท้ายด้วยมะม่วงสุกหวานฉ่ำ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ โทร. 02-331-3954
ข้าวแช่ตำรับชาววังฝีมือเชฟสุรศักด์ คงสวัสดิ์ อุดมด้วยเครื่องเคียงทั้งพริกหยวกยัดไส้ ลูกกะปิทอด และหอมแดงชุบแป้งทอด พร้อมลอดช่องไทย และ น้ำแข็งใส ในราคา ราคาเพียง 390 บาท++ ตลอดเดือนเมษายนนี้ โทร. 02-200-9000 ต่อ 2699
ข้าวแช่ชาววังเลิศรส เครื่องเคียงสูตรโบราณ ทั้งกะปิคั่ว พริกหวานสอดไส้ไก่และกุ้งสับ ปลายี่สนหวาน หอมแดงสอดไส้เนื้อปลาดุก เนื้อฝอยหวาน ไชโป้วผัดไข่ ยำผักกาดดองกุ้งแห้งไข่เค็ม ปลาสลิดทอดกรอบ แตงโมปลาแห้ง และผลไม้ลอยแก้วเสิร์ฟพร้อมเชอร์เบทแตงโม ในราคาชุดละ 850++ บาท ในบรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางศาลาทรงไทยรายล้อมด้วยสระบัวบานสะพรั่ง ตลอดเดือนเมษายนนี้โทร. 02-344-8888
บุฟเฟต์ “ข้าวแช่” สูตรต้นตำรับกับข้าวใส่น้ำหอมมะลิ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง พร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูนานาชนิดในสไตล์บุฟเฟ่ต์นานาชาติทั้งมื้อกลางวัน ราคาท่านละ 450++ บาท และมื้อเย็น ราคาท่านละ 799++ บาท พร้อมโปรโมชั่นสำหรับมื้อค่ำ มา 2 จ่าย 1 ตลอดเดือนเมษายนนี้ เปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวันเวลา 11.30 น. - 14.30 น.และมื้อค่ำเวลา 18.00 น. - 22.30 น. โทร 0-2694-2222 ต่อ 1530
ชื่นใจ คลายร้อนกับข้าวแช่ พร้อมเครื่องเคียงครบรส อาทิ กะปิหวาน พริกหยวกสอดไส้ ไชโป๊วหวาน เพียง ชุดละ 150 บาท ที่ห้องอาหารโกล์ดทีค และ ริมรญา ตลอดเดือนเมษายนนี้ โทร 0-2216-9555 ต่อ 11449