ร้านอาหารอิตาเลี่ยน La Villa (เปลี่ยนชื่อเป็น Watermark Ristorante Italiano)
2011-03-17

ไม่รู้เพื่อนๆ ชาว OpenRice เคยมีอารมณ์แบบนี้กันบ้างไหม หลังจากทำงานหามรุ่งหามค่ำมานานหลายวัน ดิฉันก็รู้สึกอยากจะให้รางวัลกับชีวิตด้วยอาหารอร่อยๆ บรรยากาศเดิร์นๆ สักมื้อ แต่ก็ไม่อยากจะเดินทางไปไหนไกลนัก คิดไปคิดมาจึงมาลงเอยที่ La Villa Il Ristorante Italiano (เปลี่ยนชื่อเป็น Watermark Ristorante Italiano) ในซอยทองหล่อ 9 นี่เอง จะเดินทางด้วย BTS ก็อยู่ไม่ไกลกับสถานีทองหล่อ หรือหากจะขับรถมาก็มีที่จอดรถอยู่ด้านหน้าร้านกว้างขวางเชียวค่ะ

เห็นชื่อก็คงเดาได้ไม่ยากว่าร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน ในบรรยากาศแบบ Fine Dining การตกแต่งภายในร้านเป็นแบบทันสมัยด้วยเครื่องไม้ในโทนสีน้ำตาลโอ๊คและเก้าอี้หนังสีดำ แต่เพิ่มความโปร่งสบายด้วยผนังกระจกใสรายรอบร้าน พร้อมระแนงไม้สร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัว จะมาคู่ มาเดี่ยว โถงกลางของร้านก็พร้อมรองรับทุกคนอย่างเต็มที่ หรือมาเป็นกลุ่มก็จะมีโซนด้านหลังและห้องส่วนตัวชั้นบนที่จะสามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นอีกนิดด้วย

La Villa ในเครือ Watermark Group
บรรยากาศภายในร้าน

สำหรับนักดื่ม นักดริ้งค์ La Villa น่าจะเป็นหนึ่งในร้านอาหารสุดโปรดของคุณเป็นแน่ เพราะเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ที่ตระหง่านอยู่กลางร้าน คงจะการันตีให้นักดื่มสบายใจกันได้ว่าที่นี่มีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกลิ้มรสกันอย่างหลากหลายแน่นอน ทั้งที่มีแอลกอฮอล์สำหรับหนุ่มเข้ม และไม่มีแอลกอฮอล์สำหรับสาวใส ส่วนคอไวน์ตัวยง คงจะถูกอกถูกใจกับไวน์เลานจ์ในส่วนของ Clubnove 9 เป็นที่ยิ่ง เพราะนอกจากจะมีไวน์ชั้นดีให้ดื่มเคล้าเสียงเพลงจากดีเจหนุ่มที่จะคัดสรรเพลงเอาใจคอไวน์กันอยู่ทุกค่ำคืนแล้ว บรรยากาศของเลานจ์ที่ประดับด้วยไฟสีฟ้าสดใสสะท้อนลงบนเก้าอี้สีขาวสะอาดก็คงจะทำให้การดื่มไวน์ของคุณไหลลื่นขึ้นอีกโข แถมบางโอกาสทางร้านก็มีการจัด Wine Testing เอาใจคนรักไวน์โดยเฉพาะกันอีกด้วย

เคาน์เตอร์บาร์
Club 9

แต่สำหรับนักกินอย่างดิฉัน สิ่งที่ดึงดูดใจที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องอาหารนี่ล่ะค่ะ ในฐานะหนึ่งในเครือ Watermark Group ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเครือร้านอาหารอันดับหนึ่งจากไข่มุกแห่งอันดามันอย่างภูเก็ต ก็ถือเป็นการรับรองคุณภาพอาหารระดับโลกของ La Villa ได้อยู่กลายๆ เมื่อมาผนวกกับฝีมือของเชฟ Jakub Mares ที่เคยร่วมงานกับเชฟในระดับ Michelin Star ด้วยแล้ว อาหาร Modern Italian Cuisine ตามคำเรียกขานของคุณโรเบอร์โต้ประธาน Watermark Group ของ La Villa จึงโดดเด่นในด้านรสชาติที่ไม่เป็นสองรองใคร

ครัวของ La Villa
เชฟ Jakub Mares @ La Villa

ระหว่างรออาหาร เราก็รองท้องกันด้วยขนมปังหลากหลายชนิดที่มาเสิร์ฟให้ลูกค้าทุกโต๊ะ ทั้งขนมปังแบบกรอบและแบบนุ่ม กินเล่นก็เพลิน กินเอาอร่อยก็ได้เลย เพราะ La Villa เขาก็มีส่วนที่เป็น Bakery ขายด้วย หากใครชอบก็ทานคู่กับน้ำมันมะกอกที่มีเตรียมไว้ให้บนโต๊ะได้เพลินๆ

แล้วก็ถึงเวลาเรียกน้ำย่อยด้วยอาหารจานแรกกับ Burrata Cheese (490 บาท) ชีสบูราต้าสด ฉ่ำนุ่มละมุนลิ้นด้วยชีสมอสซาเรร่าผสมครีม เสิร์ฟคู่กับผักร็อคเก็ตแบบออแกนิก มะเขือเทศ เฮเซลนัท ขนมปังกรอบ ราดด้วยน้ำส้มสายชูหมักบัลซามิครสชาติเปรี้ยวหอมกำลังดี ถือเป็นจานเรียกน้ำย่อยที่อร่อยกันแบบจริงจังทีเดียว ตามมาด้วย Wild caught Sea Bass and Yellowfin Tuna Carpaccio (520 บาท) คาร์ปาชโช่ปลากระพงและทูน่าสดๆ แล่ชิ้นบาง เสิร์ฟพร้อมซอสเลมอนหอมอมเปรี้ยว ปลากระพงที่นี่พิเศษตรงที่ไม่ใช่ปลาเลี้ยงจึงทำให้ได้รสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม เคี้ยวเพลิน รู้ตัวอีกทีก็หมดจานแล้ว

Burrata Cheese
Sea Bass Carpaccio

มาถึงจานหลักกันบ้าง Duck Leg Confit and Foie Gras Ravioli (460 บาท) ราวิโอลี่ชิ้นใหญ่สอดไส้ขาเป็ดและตับห่านปรุงรสด้วยเครื่องเทศชั้นดี กินคู่กับผักโขม เห็ด และดอกซุกินี่ จานนี้รสชาติเข้มข้นน่าจะถูกใจชาวไทยหลายคน ส่วนจานต่อไปถือเป็นพระเอกในใจของดิฉันเลยทีเดียว เพราะเป็นการรวบรวมเอาวัตถุดิบชั้นเลิศมาไว้ในจานเดียวกันถึง 3 ชนิด นั่นคือ Rossini Style Wagyu Beef (900 บาท) เสต็กเนื้อวากิว ที่เชฟจาคอบคัดสรรมาเฉพาะเนื้อที่มีลายไขมันในระดับ 5-7 เท่านั้น เพื่อให้ได้รสชาติหวานๆ ของเนื้อแบบเต็มๆ คำ นุ่มชุ่มฉ่ำด้วยไขมันที่แทรกอยู่ในชิ้นเนื้อ แต่ก็ไม่มันจนเลี่ยนเกินไป พร้อมความอร่อยละมุนลิ้นของฟัวกราส์ชิ้นโต ทานคู่กับเห็ดทรัฟเฟิลดำ มันฝรั่งอบชิ้นบางจัดซ้อนเป็นชั้น และฟักทองบด ราดด้วยซอสมาร์ซาล่าไวน์ จึงทำให้จานนี้กลมกล่อมลงตัวเหนือคำบรรยาย

Duck Leg Confit and Foie Gras Ravioli
Rossini Style Wagyu Beef

ปิดท้ายมื้ออร่อยด้วยของหวานที่น่าจะเป็นจานโปรดของใครหลายคน Chocolate Fondont with Butterscotch (280 บาท) ช็อคโกแล็ตฟองดองต์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อช็อคโกแล็ตลาวา เค้กช็อคโกแล็ตอุ่นๆ สอดไส้ลาวาช็อคโกแล็ตที่รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้นด้วยบัตเตอร์สก็อต ทานคู่กับไอศกรีมวนิลาโฮมเมดหอมสดชื่น เพิ่มรสเปรี้ยวเล็กๆ ด้วยราสเบอร์รี่

Chocolate Fondont with Butterscotch
Chocolate Lava

นอกจากมื้อพิเศษในยามค่ำคืนแล้ว สำหรับใครที่ต้องการมาอิ่มอร่อยที่ La Villa ในช่วงเวลากลางวัน ทางร้านก็มี Lunch Course ในราคาสบายกระเป๋าเพียง 390-490 บาทต่อท่านเท่านั้น โดยเมนูที่จะเสิร์ฟก็จะมีทั้งพาสต้าซึ่งเป็นเส้นแบบโฮมเมดของทางร้านเอง และพิซซ่าที่อบด้วยเตาฟืนแบบดั้งเดิมด้วย

หากต้องการอาหารอร่อยย่านใจกลางเมืองในบรรยากาศหรูสไตล์โมเดิร์น แต่ก็ไม่จอแจจนเกินไป La Villa ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดแห่งหนึ่งเลยค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติม: La Villa Il Ristorante Italiano (เปลี่ยนชื่อเป็น Watermark Ristorante Italiano)

Location: คลิกเพื่อดูแผนที่

Telephone: 02-712-9991, 02-712-9129

คีย์เวิร์ด
ร้านอาหารอิตาเลี่ยน
เสต็ก
ช็อคโกแล็ตลาวา
La Villa
OpenRice TH Editor
ข้อมูลร้านอาหาร