ถ้าให้เลือกซีฟู้ดในดวงใจมาสักอย่างหนึ่งเชื่อว่า Oyster หรือหอยนางรม ต้องเป็นตัวเลือกอันดับแรกของใครหลายคน ด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหอยนางรม วันนี้ OpenRice.com จะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับหอยนางรมที่เป็นที่นิยมในการนำมารับประทานค่ะ
ก่อนอื่นจะขอพาไปรู้จักกับแหล่งเพาะเลี้ยงหอยนางรมที่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงที่มีคุณภาพระดับโลก ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อเมริกา แคนนาดา แมกซิโก และชิลี ซึ่งหอยนางรมที่มาจากแหล่งเพาะเลี้ยงที่ต่างกันก็จะให้รสชาติที่แตกต่างกันไปเพราะอุณหภูมิและแร่ธาตุที่อยู่ในท้องทะเล ล้วนมีผลต่อรสชาติของหอยนางรม โดยการเพาะเลี้ยงหอยนางรมในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น มีกฎหมายออกมาควบคุมเลยทีเดียว หอยนางรมที่นิยมรับประทานกันในหมู่นักชิมที่จะพาไปรู้จักกันได้แก่
คุมาโมโต หอยนางรมชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่อ่าวคุมาโมโต ที่เกาะคิวชูของประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นที่มาของชื่อของหอยนางรมชนิดนี้ แต่ในปัจจุบันแหล่งเพาะเลี้ยงที่สำคัญจะอยู่ที่ชายฝั่งทะเลแคลิฟอร์เนีย โอเรกอน และวอชิงตันของอเมริกา คุมาโมโตให้กลิ่นและรสชาติที่คล้ายกับเนยที่ออกรสเค็มและหวานนิดๆ ไม่มีรสขื่น ทำให้คุมาโมโตเป็นหอยนางรมที่เป็นที่นิยม
อิเกล ร็อค หอยนางรมชนิดนี้ มีแหล่งเพาะเลี้ยงอยู่ในบริเวณเหนือก้นทะเลนอกชายฝั่งวอชิงตันทางตอนใต้ ความพิเศษของหอยนางรมชนิดนี้อยู่ที่เนื้อที่อวบอิ่มและรสชาติเค็มอ่อนๆ และยังให้รสชาติที่หวานคล้ายกับการรับประทานผลไม้ประเภทแตงในตอนท้าย ทำให้เราติดใจในรสชาติเฉพาะตัวของหอยนางรมชนิดนี้
บารอน พอยท์ หอยนางรมชนิดนี้มีแหล่งเพาะเลี้ยงอยู่ในบริเวณนอกชายฝั่งวอชิงตัน ทางตอนใต้เช่นเดียวกับพันธ์อิเกลร็อค แต่บารอน พอยท์ จะถูกเลี้ยงอยู่ในรางโดยตลอด ทำให้เปลือกของหอยนางรมชนิดนี้มีลักษณะกลม ตัวถ้วยของเปลือกลึก ประกอบกับน้ำทะเลในบริเวณทางตอนใต้ของชายฝั่งวอชิงตันมีสารอาหารต่างๆมากมาย และความเค็มของน้ำทะเลไม่มากนัก ทำให้บารอน พอยท์ มีรสชาติที่นุ่มนวล ไม่เค็มมากและในเนื้อของหอยนางรมบารอน พอยท์ยังมีไขมันประเภทไกลโคเจน (Glycogen) อยู่ด้วยทำให้เนื้อชุ่มฉ่ำและออกรสหวาน
คาล์ม โคฟ หอยนางรมชนิดนี้มีแหล่งเพาะเลี้ยงอยู่ทางตอนใต้ของวอชิงตัน เปลือกของหอยนางรมชนิดนี้มีลักษณะกลม ตัวใหญ่ ให้รสชาติที่เค็มอ่อนๆ ออกหวานนิด บางคนเปรียบเทียบว่า คาล์ม โคฟ มีรสชาติคล้ายกับเมลอน
ทำความรู้จักกับหอยนางรมที่นิยมนำมารับประทานกันไปพอสมควรแล้ว มาดูถึงประโยชน์และวิธีการรับประทานหอยนางรมที่นักชิมหอยนางรมตัวจริงต้องทราบกันสักหน่อยดีกว่าค่ะ การจะรับประทานหอยนางรมให้อร่อยนั้นจะต้องเริ่มจากการแกะเปลือกหอยอย่างถูกวิธีโดยใช้มีดสำหรับแกะเปลือกหอยโดยเฉพาะที่ทำจากสเตนเลสอย่างดี นอกจากนี้ยังต้องมีผ้าสำหรับรองมือด้านที่ต้องจับเปลือกหอย ซึ่งขั้นตอนในการแกะหอยนางรมนั้นเรียกได้ว่าจะต้องอาศัยความชำนาญพอตัวเลยทีเดียว เพราะจะต้องใช้มีดค่อยๆแงะเปลือกหอยออก ตัดกล้ามเนื้อที่ยึดกาบหอยด้านบนออกแล้วค่อยๆ เลาะตัวหอยออกจากเปลือก ถ้าไม่ชำนาญหรือรู้วิธีการอาจทำให้รสชาติแท้ๆ ของหอยนางรมเสียไป
มาถึงประโยชน์ของหอยนางรมกันบ้างนะค่ะ หอยนางรมนั้นอุดมไปด้วย วิตามิน เอ, บีหนึ่ง, บีสอง, บีสาม, ซี, ดี หากมีการการบริโภคหอยนางรม ประมาณ 4-5 ตัวต่อวัน จะทำให้ร่างกายได้รับธาตุอาหาร ประเภท แร่เหล็ก ไอโอดีน แคลเซียม คอปเปอร์ แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส แมงกานีส และ สังกะสี (Zinc) ซึ่งธาตุสังกะสี จะช่วยในการบำรุงสเปิร์มของสุภาพบุรุษ ให้มีความแข็งแรง เพราะธาตุสังกะสีจะกระตุ้นฮอร์โมนที่มีชื่อว่า โดพามีน (Dopamine) เป็นที่มาของความเชื่อที่ว่ากินหอยนางรมแล้วจะไปช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศให้มากขึ้นของคุณผู้ชายนั้นเองค่ะ
อย่างไรก็ดีการรับประทานหอยนางรมก็มีข้อควรระวังอยู่ด้วยเหมือนกันนะ เพราะการรับประทานหอยนางรมให้ได้รสชาติแท้ๆนั้นต้องรับประทานกันแบบสดๆ จึงอาจมีเชื้อแบคทีเรียเจือปน อาจทำให้เราท้องร่วงหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ค่ะ ทางที่ดีเราควรเลือกรับประทานหอยนางรมจากแหล่งเพาะเลี้ยงหรือแหล่งจำหนายที่มีคุณภาพ มาตรฐานและความปลอดภัยที่ดีค่ะ
เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย : The Seafood Bar