...อาหารช่วยรักษาไมเกรนได้อย่างไร...
หากลองคิดดู ถึงการใช้ชีวิตของคนเราในทุกวันนี้ เราต้องพบเจอกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย ที่เป็นเหตุให้เราต้องปวดหัวตึบไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งการทำงาน การเรียน รถติด ปัญหาสารพัดที่รอให้เราแก้ไข ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งนอน บางคนต้องพึงยาพาราเซตามอล บางคนปวดมากขนาดต้องพึ่งหมอ คุณทราบหรือไม่ว่า อาการปวดหัวตึบกับปวดหัวไมเกรน แตกต่างกันอย่างไร เราควรดูแลตัวเองอย่างไรให้ไกลไมเกรน แล้วไมเกรนรักษาด้วยโภชนบำบัดได้จริงหรือไม่ เรามีคำตอบค่ะ
รู้จัก ไมเกรน
Cr.Pic: www.medicaldaily.com
อาการปวดหัวตุ๊บตุ๊บ ปวดอยู่ข้างเดียว ปวดจนน้ำตาไหล ปวดมา 2-3 วันแล้ว ก็ยังไม่หาย คลื่นไส้อาเจียน ขยับตัวก็ปวด เจอแดดร้อน ได้ยินเสียงดัง อยู่ในที่เย็น หรือร้อนจัดก็ปวด นอนก็ไม่ค่อยหลับ เห็นแสงวูบวาบ บางครั้งก็เห็นเป็นภาพซ้อนด้วย อาการเหล่านี้ให้สันนิษฐานว่า เป็นอาการปวดหัวไมเกรน
โรคไมเกรน เกิดจากหลอดเลือดในสมองที่ไวต่อการกระตุ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ พฤติกรรมในการใช้ชีวิต เช่น การอดนอน กลิ่นบุหรี่ ได้รับฝุ่นควัน อยู่ในที่เสียงดัง พฤติกรรมการบริโภคของแต่ละคน เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ ชา ช็อคโกแลต ชีส ผงชูรส การเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย เช่น ช่วงการมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ ช่วงอายุที่เปลี่ยนไป เป็นต้น
อาหารเป็นยา รักษาไมเกรน
Cr.Pic: ladycarehealth.com
อาหารถือเป็นปัจจัยสำคัญในการลดหรือเพิ่มอาการปวดหัวไมเกรน การเลือกทานอาหารที่ถูกต้องจะช่วยบรรเทาให้อาการทุเลาลงได้ จากงานวิจัย พบว่ามีสารอาหารอยู่ 5 กลุ่มที่จะช่วยรักษาอาการไมเกรน ได้แก่
- โอเมก้า 3 มีมากใน ปลาทะเล ทูน่า แซลมอล และปลาซาดีน
- วิตามิน บี 2 มีมากใน ไข่ไก่ ตับ นม โยเกิร์ต ผักโขม เห็ดฟาง
- เหล็ก มีมากใน เนื้อสัตว์เนื้อแดง อาหารทะเล ตำลึง ถั่วแดง
- แมกนีเซียม มีมากใน ข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด กล้วย ธัญพืชต่าง ๆ เช่น ถั่ว งา เม็ดมะม่วงหิมพานต์
- แคลเซียมและวิตามิน ดี มีมากใน ผักใบเขียว คะน้า บล็อกโคลี่ ถั่วแระ ถั่วเหลือง ปลากรอบ
“ผัก-ผลไม้” รักษา ไมเกรนได้ จริงหรือ?
- ดอกเก็กฮวย ในดอกเก็กฮวยมีสารพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) กรดอมิโน และสารไครแซนทีมิน (Chrysan - Themin) สารอดีนีน (Adenine) โคลีน (Choline) สตาไคดวีน( Stachy- drine และน้ำมันหอมระเหย ที่ช่วยในการขยายหลอดเลือด และทำให้หลอดเลือดแข็งแรง และจากงานวิจัยพบว่า การดื่มน้ำที่มีสารสกัดจากใบเก๊กฮวยแห้งในปริมาณ 125 มิลลิกรัม / วัน จะช่วยป้องกันการเกิดไมเกรนได้ด้วย
- ขิง มีการศึกษาวิจัย โดยใช้ขิงรักษาผู้ป่วยไมเกรน พบว่า ผู้ที่รับประทานขิงจะมีอาการปวดไมเกรนน้อยลงเรื่อย ๆ คาดว่าขิงมีสาร gingerol และ shogaol ออกฤทธิ์แก้อักเสบและลดอาการปวดได้เป็นอย่างดี
- กล้วยหอม ในกล้วยหอมมีแมกนีเซียมและโปแตสเซียมสูง จึงช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ดี และสำหรับสาว ๆ ที่ใกล้จะมีประจำเดือน หงุดหงิดง่าย อารมณ์เสียบ่อย ปวดท้อง ปวดหัว ทานกล้วยหอม จะช่วยลดอาการเหวี่ยงได้ด้วยนะคะ
- อะโวคาโด้ มีสารอาหารที่สำคัญคือ กรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นไขมันชั้นดีกับร่างกาย สามารถที่จะกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและขยายหลอดเลือด มีส่วนในการบำรุงระบบประสาทและสมองให้ทำความได้ดี ควรทานวันละ 1- 2 ลูก จะช่วยรักษาอาการปวดไมเกรนได้ดี
- ใบบัวบก เป็นสมุนไพรไทย ใบคล้ายใบบัวขนาดจิ๋ว ในใบบัวบกมีสารสกัดเอทานอล จากใบและจากทั้งต้น ซึ่งมีฤทธิ์แก้ปวดและลดการอักเสบได้ โดยมีสรรพคุณทางยา เช่น ช่วยบำรุงประสาทและความจำ ช่วยรักษาบาดแผล แก้ช้ำใน และรักษาอาการปวดหัวข้างเดียว หรือไมเกรนนั่นเอง
ทำตัวอย่างไร ให้ไกล ไมเกรน
เลิกกิน อาหารที่เสี่ยงต่อการปวดหัวไมเกรน ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชีส ช็อกโกแลต ชากาแฟ เบคอน ไส้กรอก แฮม เป็นต้น อาหารเหล่านี้มีสารกระตุ้นให้ปวดหัวมากขึ้น
เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น แดดจัด เสียงดัง นอนไม่พอ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
ลองปรับวิถีชีวิต เช่น ปรับตารางการใช้ชีวิตเพื่อลดความเครียด ทั้งการนอน การทำงาน การออกกำลังกายเพิ่ม การเตรียมอาหารสุขภาพด้วยตนเอง
เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ทำให้เราปวดหัวไมเกรนได้ตลอด แต่เราก็สามารถดูแลตนเองได้ด้วยการเลือกอาหารที่ใช่ และวิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเพื่อไกลไมเกรน
“ไมเกรน” ปราบไม่ยาก ถ้ารู้วิธีค่ะ
เครดิตภาพ : www.medicaldaily.com l www.ladycarehealth.com l OpenRicer