ร้านอาหารสไตล์แคลิฟอร์เนีย
ผสมความเป็นอเมริกันโมเดิร์นคลาสสิค ที่เสิร์ฟทั้งอาหารฟิวชั่นผสมกลิ่นอายความเป็นเอเชีย เมนูรูปแบบ Modern American Classic ต่างๆ ที่คุ้นลิ้น มาพร้อมกับเมนูเครื่องดื่มน่าสนใจ โดยเฉพาะค็อกเทลที่มีให้เลือกเพียบAbbot Restaurant and Bar
เป็นอีกหนึ่งร้านที่เหมาะจะปาร์ตี้เมาท์มอยกับเพื่อนซี้ในช่วงสุดสัปดาห์จริงๆ ค่ะ
Abbot Restaurant and Bar เติมเต็มช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์ ดื่มด่ำกับค็อกเทลเลิศรสและอาหารอร่อยหลากเมนู
ร้านอาหาร Abbot Restaurant and Bar ตั้งอยู่ในแหล่งแฮงค์เอาท์สุดชิค ซอยสุขุมวิท 31 สังเกตได้จากตัวร้านที่เป็นกระจกใส สีสันสดใสด้วยโทนสีขาวและน้ำเงิน ยิ่งเวลากลางคืนจะเปิดไฟขับให้ร้านดูเด่นสว่างไสว
ภายในร้าน Abbot Restaurant and Bar ตกแต่งโดยได้รับแรงบันดาลใจจากย่านถนนแอ็บบ็อท คินนี่ ถนนชื่อดังย่านหาดเวนีส แหล่งฮิปเตอร์แถบแคลิฟอร์เนีย จึงออกมาเป็นร้านอาหารที่ดูโดดเด่นมีสไตล์เจือกลิ่นอายโบฮีเมียน สร้างสรรค์บรรยากาศให้คล้ายกับการนั่งดื่มและทานอาหารอยู่ริมชายหาด
โดยแบ่งออกเป็นชั้นล่างและชั้นลอย เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า โดยใส่ใจทุกรายละเอียดการตกแต่ง เช่น โซฟานุ่มๆ สีน้ำตาลครีมก็เปรียบเสมือนเม็ดทรายบนชายหาดแคลิฟอร์เนีย หรือเก้าอี้ที่เลือกจับคู่สีน้ำเงิน แดง และขาว สีสันคล้ายธงชาติอเมริกา ที่ชั้นลอยเองก็มีกิมมิกเรื่องสีของพื้น ที่เป็นสีผสมขึ้นมาใหม่ออกโทนสีน้ำเงินปนเขียวคล้ายน้ำทะเล เพิ่มลูกเล่นเก๋ๆ ด้วยหลอดไฟและสายที่ห้อยย้อยลงมาคล้ายกับแกลลอรีแสดงผลงานทางศิลปะ
บาร์ชั้นล่างก็เป็นอีกส่วนที่น่าสนใจ เพราะที่นี่มีค็อกเทลแปลกใหม่ให้ได้ลองเพียบ รังสรรค์สูตรค็อกเทลต่างๆ โดยบาร์เทนเดอร์มากประสบการณ์
ในส่วนของอาหารก็น่าลิ้มลองไม่แพ้เครื่องดื่ม เพราะที่นี่นำทัพโดยเชฟเรเน มิเชลเลน่า เชฟผู้คร่ำหวอดในแวดวงอาหารในสหรัฐอเมริกามากว่า 20 ปี ทั้งยังเป็นผู้ที่ทำให้ลิลี่ บลูม เป็นร้านอาหารที่มาแรงที่สุดในฮ่องกง ยืนยันได้จากตำแหน่ง Best New Chef by Food and Wine Magazine (สหรัฐอเมริกา) พ่วงด้วย Best New Restaurant by Esquire Magazine (สหรัฐอเมริกา) และรางวัล Best New Restaurant of the Year
ร้าน Abbot Restaurant and Bar เน้นเรื่องความสดใหม่ของวัตถุดิบส่งตรงจากฟาร์ม ปรุงแต่งให้น้อย แต่ส่งเสริมรสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบได้โดดเด่น สำหรับเมนูต่างๆ ที่เชฟรังสรรค์ขึ้นมา เน้นอาหารสไตล์โมเดิร์นแคลิฟอร์เนียผสมเอเชีย และโมเดิร์นอเมริกันคลาสสิค จะมีเมนูไหนน่ากินบ้างนั้นตามไปชมกันได้เลย
เริ่มด้วยเครื่องดื่ม Welcome Drink กันก่อน Pink Flamingo (330++ บาท) เมนูนี้หอมกลิ่นแตงโมและแอปริคอต รสชาติหวานอมเปรี้ยว แนะนำว่าอย่าเพิ่งดื่มรวดเดียวหมด ค่อยๆ จิบ แล้วหาของว่างเพื่อรองท้องก่อน เพราะเมนูนี้แรงไม่เบาเลยค่ะสาวๆ
พอท้องเริ่มร้อนๆ ขนมปังก็มาเสิร์ฟพอดี Focaccia คือขนมปังที่ทางร้านเสิร์ฟให้ทุกโต๊ะเพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนถึงเมนูอาหาร ขนมปังชนิดนี้แป้งคล้ายพิซซ่าแต่จะหนึบๆ กว่า ทานกับน้ำมันมะกอก
ระหว่างนี้ก็ได้ลองชิมค็อกเทลอีก 2 ตัว ตัวแรก American Lemon Pie (295++ บาท) รสเปรี้ยวๆ มะนาวและกลิ่นหอมหวาน ชิมแล้วละมุนลิ้น
ถ้าชอบกลิ่นหอมของพีช แนะนำค็อกเทลเมนูต่อไปเลยค่ะ Peaches & Herb (395++ บาท) หอมหวาน เด่นรสเปรี้ยว ผสมกับกลิ่นเฮิร์บเด่นๆ อย่างไทม์
มาต่อกันที่เมนู Starter เริ่มต้นมื้อนี้ด้วย The Best Live Oyster Selection of the Day (3 ตัว 340++)
ครั้งนี้ OpenRice ได้ลอง สายพันธุ์ Iris Majestic นุ่มลื่นดี แค่บีบเลมอนลงไปก็ลงตัวแล้ว แต่ถ้าชอบรสจัดอีกนิดลองใส่ซอส Ketchup and Horseradish ที่ทางร้านเสิร์ฟมาให้ด้วยก็ดี จะเด่นทั้งรสเปรี้ยวปนเผ็ดเล็กๆ
First Course มาถึงแล้วค่ะ เมนูชื่อว่า "Veracruz" Snapper Ceviche (180++ บาท)
เมนูนี้รสชาติคล้ายกับพล่าในเมืองไทย เด่นด้วยเนื้อปลากระพงหนึบๆ โดยวิธีการทำ Ceviche ของที่นี่ คือการนำเนื้อปลามาคลุกเคล้ากับมะนาว และเพิ่มความหวานอย่างเป็นเอกลักษณ์ด้วยน้ำส้มคั้นสด ปรุงรสด้วยเครื่องเทศ ลักษณะจึงกึ่งสุกกึ่งดิบ และได้รสชาติเนื้อปลาที่หวานนิดๆ ทานคู่กับแผ่นแป้งนาโช่ทอดกรอบ
ส่วนจานหลักของ OpenRice เริ่มที่ La Bettola’s Fettuccine Bolognese (725++ บาท) เส้น Fettuccine เหนียวนุ่มกำลังดี เข้ากับซอสที่ลักษณะคล้ายสตูว์ เพราะนำทั้งเนื้อวัว แกะ และหมู มาเคี่ยวในซอสมะเขือเทศกับไวน์แดง เติมครีมสดลงไป เข้มข้นด้วยรสวัตถุดิบเข้ากับเส้นมากๆ โรยด้วยชีสเพิ่มความเค็มมันได้อย่างลงตัว
ต่อด้วย Rib Eye Steak (1350++ บาท) เนื้อนุ่มฉ่ำปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยแล้วนำไปย่าง
เราเลือกความสุกของเนื้อแบบ Medium Rare คงความสดฉ่ำเวลาเคี้ยว เสิร์ฟมาพร้อมซอสสูตรเฉพาะที่ผสมทั้งน้ำมะขาม ไวน์แดง น้ำส้มสายชู และแอปเปิ้ล
ส่วนของหวานที่นำมาตบท้ายมื้อนี้คือ Abbot Peacan Pie with Vanilla Ice Cream (295++ บาท)
พายถั่วอัดแน่นกรุบกรอบ ใส่ทั้ง Pecan, Almond และ Macadamia ทานกับไอศกรีมหวานมัน เข้ากันได้ดี เสิร์ฟมากับ griottine cherries หรือเชอร์รี่แช่เหล้ารสเข้มข้น
Abbot Restaurant and Bar ร้านอาหารที่เหมาะแก่การปาร์ตี้สังสรรค์ ชิมอาหารเลิศรส พร้อมดื่มค็อกเทลรสชาติเยี่ยม พลางนั่งพูดคุยกับแก๊งเพื่อนซี้ เปิดให้บริการแล้วที่ซอยสุขุมวิท 31 มาพร้อมกับโปรโมชั่น "แฮปปี้ฮาวร์" ตั้งแต่เวลา 17.00-19.00 น. เพลิดเพลินกับหลายเมนูไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน เช่น Taco Tuesday ทุกวันอังคาร,Wednesday Beer, BBq and Burgers ทุกวันพุธ, Thursday Two for Two ทุกวันพฤหัส และ Friday Tapas ทุกวันศุกร์ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/abbotbkk หรือ http://abbotbangkok.com/
Abbot Restaurant and Bar แหล่งแฮงค์เอาท์สำหรับเหล่าฮิปสเตอร์ที่ไม่ไปไม่ได้แล้ว