Babette’s The Steakhouse Bangkok
ห้องอาหารที่ตั้งอยู่ภายใน Hotel Muse Bangkok โดยBabette’s
เป็นSteakhouse
ที่เสิร์ฟสเต็กและเมนูต่างๆ ที่อัดแน่นไปด้วยความอร่อยจากความสดของวัตถุดิบพรีเมียม ผสานกับไวน์ชั้นเลิศที่เข้าคู่กันได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางบรรยากาศสไตล์ชิคาโก้ยุคเก่า ที่เพิ่มมนต์เสน่ห์ความเก๋าราวกับเราได้ย้อนเวลากลับไปสู่ห้วงอดีต
Babette’s The Steakhouse สเต็กชั้นเลิศในบรรยากาศยุค 1920
ห้องอาหาร Babette’s The Steakhouse Bangkok ตั้งอยู่ที่ชั้น 19 Hotel Muse Bangkok การตกแต่งเป็นสไตล์อาร์ตเดโคเท่ๆ มีมุมหรูหราน่านั่งอยู่หลายส่วน ทั้งยังมีห้องส่วนตัวที่สามารถมองเห็นแสงไฟของตึกระฟ้าต่างๆ ละแวกนี้ได้ในยามค่ำคืน
เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องอาหาร Babette’s The Steakhouse Bangkok ก็เกิดความรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลาไปสู่ยุค 1920 ช่วงยุคทองที่ผู้คนต่างเดินทางท่องเที่ยว และใช้ชีวิตกันอย่างหรูหราสุดๆ โดยตกแต่งห้องอาหารเป็นสไตล์ชิคาโก้ ใช้โทนสีเคร่งขรึมดูเท่ๆ ทั้งยังประดับด้วยรูปภาพสวยๆ อยู่ทั่วห้องอาหาร นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีแจ๊สสดๆ ให้ฟังขณะรับประทานอาหารอีกด้วย
ส่วนเมนูอาหารต่างๆ ที่เสิร์ฟภายใน ห้องอาหาร Babette’s The Steakhouse Bangkok ก็ล้วนแล้วแต่คัดสรรมาเฉพาะวัตถุดิบชั้นดีเท่านั้น โดยเฉพาะสเต็กรสเลิศที่ทำจากเนื้อนำเข้า ทั้งจากออสเตรเลีย อเมริกา และญี่ปุ่น นำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูสุดเลอค่า ที่คนรักสเต็กจะต้องมาลองให้ได้
Cinderella ม็อกเทลที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นในแบบซีตรัส
หรือจะลองค็อกเทลของที่นี่ก็แรงใช้ได้เลยค่ะ
มาที่อาหารเมนูแแรก Pan Seared scallops with cauliflower puree, caviar and crispy pancetta หอยเชลล์หนึบกำลังดี สัมผัสได้ถึงความสด วางด้วยคาร์เวียร์ที่ช่วยเพิ่มรสชาติ เวลาทานต้องทานพร้อมกับ cauliflower puree เนียนๆ จะได้หลายรสสัมผัสในปาก
ต่อด้วย Salmon filet with grilled Thai asparagus, parsnip cream and chorizo ball แซลมอนเนื้อนุ่มเคี้ยวแล้วได้สัมผัสที่ดีไม่นิ่มเกินไปหอมกลิ่นสมุนไพร ทานกับ chorizo ball ที่เชฟผสมผสานรสชาติออกมาได้ลงตัวเข้ากันกับแซลมอน
หากชอบทานเนื้อไก่ก็มี Slow cooked chicken breast with creamy potatoes, broccoli and mushroom truffle jus แม้แต่เมนูอกไก่เชฟก็ทำได้อย่างดี อกไก่นุ่มมากเพราะทำด้วยวิธี Sous Vide ทั้งยังหมักรสชาติได้ซึมถึงเนื้อไก่ ทานกับมันฝรั่งบดเนื้อเนียนที่ปรุงรสมาได้อร่อยทีเดียว เมื่อทานไปรื่อยๆ กลิ่นทรัฟเฟิลหอมๆ จะลอยขึ้นมา
เมนูต่อไป Pan seared Rack of Lamb in Herb crush with carrot puree, buttered Enoki & Chinese kale เมนูขาแกะกันบ้าง เชฟทำเนื้อแกะได้นุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศช่วยให้ทานเนื้อแกะได้ง่ายขึ้น ส่วนตัวชอบ Carrot puree เนื้อเนียนหวานช่วยเพิ่มรสชาติให้กับเมนูนี้ได้อย่างดี
อาหารจานสุดท้าย Sher Wagyu Tenderloin (Marbling score 4 – 5) เนื้อวากิวแบบ Medium นุ่มมากๆ เวลาหั่นก็เลือกมีดจากที่ห้องอาหารนำมาให้ โดยสอบถามได้ว่ามีดแบบไหนเหมาะสำหรับการหั่นเนื้อ เมื่อเจอมีดที่ขนาดพอเหมาะแล้วก็หั่นบางๆ ชิมทีละคำ ทีละคำ รสชาติเนื้อหนักแน่นชัดเจนมาก โดยเนื้อวัววากิวจะถูกเลี้ยงด้วยธัญพืชนาน 15 เดือน รสชาติจึงพิเศษกว่าวัวสายพันธุ์อื่น
ความนุ่มของเนื้อดีมาก เด้งตั้งแต่ที่จรดปลายมีดลงไปค่อยๆ หั่น
ใครที่ชอบรับรสชาติเนื้อแบบเต็มๆ ไม่ต้องปรุงเพิ่มก็ได้ แต่ถ้าอยากทานรสที่ชัดเจนขึ้น ที่นี่ก็มีเกลือ 3 ชนิดให้เลือก ทั้ง Sea Salt สีขาวจากฝรั่งเซส และเกลือหิมาลายัน 2 แบบ แต่ละตัวก็ให้รสและกลิ่นที่ต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีมัสตาร์ดที่คนฝรั่งเศสชอบทานพร้อมกับสเต็ก มาให้เลือกใส่เพิ่มความอร่อย ทั้ง Dijon Mustard, Whole Grain Mustard และ English Mustard
ตบท้ายด้วยของหวาน Apple Tart tatin with vanilla ice cream เป็นแอปเปิ้ลทาร์ตที่กรอบดีมาก แป้งไม่หนาเกินไป ทานแล้วได้รสเปรี้ยวอมหวาน ยิ่งได้ไอศกรีมวานิลลามาช่วย ยิ่งได้รสที่ละมุนขึ้นมาก ถ้ามาทานที่นี่ต้องสั่งเมนูนี้ให้ได้เลยนะคะ
ย้อนเวลากลับไปยังยุคเก่า พร้อมด้วยเมนูสเต็กหลากหลาย ที่จะช่วยให้มื้อนี้อิ่มเอมกว่าที่เคยกับ ห้องอาหาร Babette’s The Steakhouse Bangkok ชั้น 19 Hotel Muse Bangkok เลอค่าทั้งบรรยากาศและอาหารทุกเมนู สำรองที่นั่งได้ที่ 02-630-4000 หรืออัพเดตโปรโมชั่นต่างๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/hotelmusebkk