วันศุกร์สิ้นเดือนแบบนี้เตรียมไปลั้นลากันรึยังคะวัยรุ่น!
เครียดกันมาทั้งสัปดาห์ก็ต้องผ่อนคลายกันเสียหน่อย วันนี้มีร้านนั่งดื่ม นั่งกิน ที่ดึกๆ สามารถลุกขึ้นมาแดนซ์ได้มาแนะนำเพื่อนชาว OpenRice กันค่ะ ร้านนี้ขอคอนเฟิร์มว่าบรรยากาศฮิปจริงอะไรจริง แถมยังอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสุดอินเทรนด์อย่าง Asiatique the Riverfront อีกด้วย พร้อมแล้วก็ไปเที่ยวเล่นถ่ายรูป พร้อมกินของอร่อย ในบรรยากาศสุดเก๋ที่ร้าน Why 97 Pub & Restaurant (วายน์ 97) กันเล้ยยยย!
Why 97 อาหารรสจัด เครื่องดื่มรสแจ่ม
เริ่มต้นการเดินทางจาก BTS สะพานตากสิน ลงรถไฟฟ้าแล้วก็เดินมาต่อเรือที่ท่าเรือสาทร รอ Shuttle Boat สักพักก็ได้ลงเรือ คนค่อนข้างเยอะ แต่ได้ลงเรือทุกคนแน่นอน เราว่าเดินทางด้วยวิธีนี้เวิร์คมากค่ะในช่วงที่ฝนตกรถติดสาหัสแบบนี้
เรือบริการจากท่าเรือสาทรมายังท่า Asiatique มีทุก 30 นาที ตั้งแต่ประมาณ 5 โมงเย็นจนเกือบเที่ยงคืน
ชมบรรยากาศบริเวณท่าเรือสักพักเราก็มุ่งตรงไปยังโกดัง 9 เพื่อเข้าไปชิลล์ที่ร้าน Why 97 กันค่ะ ร้านหาไม่ยากอยู่ใกล้ลานบริเวณหอนาฬิกาย่านกลางเมือง
บริเวณด้านหน้าร้าน
หอนาฬิกาจุดสังเกตใกล้ร้าน
บรรยากาศโดยทั่วไปของร้าน เน้นความดิบด้วยวัสดุเปลือยๆ อย่างโครงสร้างเหล็ก ไม้ และผนังอิฐ เติมสีสันสไตล์โคโรเนียลเข้ามาด้วยโซฟาหนังและวอลเปเปอร์ จนกลายเป็นบรรยากาศย้อนยุคแบบเท่ๆ เสริมบรรยากาศด้วยการเปิดเพลงในยุคปี 1990 ให้เข้ากับชื่อร้าน "Why 97" ซึ่งตัวเลข 97 นี้หมายถึงปี 1997 นั่นเอง ฟันธงได้ว่า วัยรุ่นตอนปลายช่วงอายุ 25-35 ปีที่มานั่งชิลล์ร้านนี้ต้องร้องตามได้ทุกเพลงอย่างแน่นอน (เพราะเราฮัมเพลงไปตลอดการรีวิวเลย >.<) โดยช่วงหัวค่ำจะเน้นเพลงฟังสบาย และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ยามดึก สำหรับค่ำวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะมีดนตรีสดแนวแจ๊สแบบเครื่องเคาะมาสร้างความคึกครื้นเพิ่มเติมด้วย
บรรยากาศที่นั่งภายในร้าน
มุมเก้าอี้ไม้นั่งสบาย
Garden Zone นั่งมองบรรยากาศภายนอกได้เพลินๆ
รับอากาศสดชื่นที่โซนด้านนอก
โซนที่นั่งด้านหน้าเวที เพิ่มความคึกคักตอนกลางคืน
ด้านหลังมีโต๊ะพูลบริการด้วย
สร้างบรรยากาศสุดฮิปด้วยของตกแต่งสไตล์เรโทรโดยรอบร้าน
บาร์เครื่องดื่มอัดแน่นด้วยเครื่องดื่มหลากหลายชนิด
ไวน์ก็มีจ้า
อิ่มเอมบรรยากาศและเพลงเพราะๆ กันไปแล้วก็มาถึงช่วงอิ่มอร่อยกันบ้าง เมนูของร้าน Why 97 ถือได้ว่ามีความหลากหลายมากเพราะมีทั้งเมนูไทยแท้ เมนูอิตาเลี่ยน และเมนูฟิวชั่นให้เลือกทาน แถมเครื่องดื่มก็มาเต็มทั้งค็อกเทล เหล้า และไวน์ เริ่มต้นกันด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยเบาๆ กันก่อน (เรียกอีกอย่างว่าเมนูกับแกล้มนั่นเอง)
ไก่อมยิ้มซอสมะขาม (180 บาท) ปีกไก่ทอดกรอบรสเค็ม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วซอสมะขามรสเปรี้ยวหวานเข้มข้น กินเพลินๆ
ขลุ่ยปู (120 บาท) ปอเปี๊ยะทอดไซส์สลิม สอดไส้เนื้อปู จิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วย จานนี้กลางๆ ค่ะไม่ติดใจเป็นพิเศษ
ยำสี่กรอบหลงกรุง (250 บาท) จานนี้สิเด็ดจริง เป็นยำรสจัดจ้านแบบไทย ที่ประกอบไปด้วย ปูนิ่มทอดกรอบ ไก่ทอด ปลาหมึกแห้ง และถั่วลิสง ตอนแรกที่เห็นจานนี้แอบคิดว่าเพนเน่มันจะเข้ากับยำได้ยังไง แต่พอได้ชิมจริงถึงได้รู้ว่ามันเข้ามาช่วยผสานรสชาติสร้างความกลมกล่อมให้กับยำจานนี้ได้ดีมากค่ะ แถมช่วยเบรกความเผ็ดลงมาด้วย เป็นยำที่อร่อยมากมาย จานนี้แนะนำเลยค่ะ
มาต่อที่เมนูหนักๆ แนวกับข้าวกันบ้าง ผัดซีฟู้ดสองสหายกับน้ำพริกลงเรือ (220 บาท) สองสหายที่ว่าก็คือกุ้งกับปลาหมึกนั่นเองค่ะ อาหารทะเลสดชิ้นโต ผัดกับกะปิรสหวานเค็มโชยกลิ่นกะปิเป็นเอกลักษณ์ เมนูนี้เหมาะกับการนำไปคลุกข้าวสวยร้อนๆ มาก
แกงเผ็ดเป็ดย่างกับลิ้นจี่ (250 บาท) แกงไทยโบราณถึงเครื่องแกง เป็ดเนื้อแน่นชิ้นเต็มคำ เพิ่มความหวานด้วยลูกลิ้นจี่
เมนูฟิวชั่นก็อร่อยไม่ใช่เล่นค่ะ ปลากะพงอบตะไคร้ราดซอสเนยมะนาว (350 บาท) เมนูนี้โดดเด่นที่เนื้อปลากะพงสด ย่างมากรอบนอกนุ่มในหอมกลิ่นเครื่องเทศ ราดซอสเนยมะนาว รสชาติคล้ายครีมซอสแบบฝรั่ง (แต่ไม่ค่อยได้รสเปรี้ยวของมะนาวเท่าไรนะคะ) เราชอบที่เค้าเสิร์ฟมาพร้อมหน่อไม้ฝรั่ง ตัดเลี่ยนได้ดีค่ะ
สุดท้าย สตริปลอยด์ราดซอสกะเพรา (480 บาท) จานนี้เห็นตอนแรกไม่ว้าวเลยค่ะ แต่พอได้ชิมรสเท่านั้นถึงกับกรีดร้องอยู่ในใจ เนื้อสติปลอยด์อิมพอร์ตจากออสเตรเลียย่างมาแบบมิเดียมนุ่มมาก ซอสกะเพราะกรอบเข้มข้นหอมกลิ่นกะเพรา เป็นสเต็กรสชาติไทยที่อร่อยเด็ดไม่ควรพลาดจริงๆ
จบของคาวก็มาต่อที่ของหวาน ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้ราดน้ำกะทิ (140 บาท) เป็นข้าวเหนียวมะม่วงที่อร่อยเกินคาดมากๆ สำหรับร้านสไตล์ผับแอนด์เรสเตอรองต์แบบนี้ โดดเด่นที่ตัวน้ำกะทิเข้มข้นรสชาติเค็มหวานมันแบบโบราณ
สำหรับเครื่องดื่มที่โดดเด่นที่สุดของวันนี้หนีไม่พ้นค็อกเทล เพราะบาร์เทนเดอร์ที่นี่ดีกรีแชมป์ ค็อกเทลที่ได้ลองชิมมี 3 ชนิด คอนเฟิร์มว่าอร่อยนุ่มลิ้นทุกแก้ว
Anticado ถือเป็น Signature Cocktail ของทางร้าน โดดเด่นด้วยความหวานของน้ำเชอร์รี่และเนื้อส้มโอ สาวหวานน่าจะชอบค่ะ ดื่มได้ลื่นๆ หอมหวานแบบน้ำผลไม้
Two for the Road ค็อกเทล Sparkling Wine ซ่าบซ่าผสานรสเปรี้ยวของเลม่อน พร้อมความหวานจากไซรัปกลิ่นดอกไม้ เพิ่มความหอมให้เมนูนี้ได้อีกโข รสชาติเหมาะกับสาวๆ แต่ก็หนักหน่วงไม่เบาค่ะ
K & B ร้อนแรงกับเมนูค็อกเทลไฟลุกที่ผสมผสานระหว่างเคเทลวันวอดก้าและบรั่นดี เพิ่มกลิ่นหอมด้วยก้านอบเชยและเปลือกส้ม
ตอนเสิร์ฟบาร์เทนเดอร์จะจุดไฟก่อนดื่มเพื่อเพิ่มกลิ่น
เลิกงานเย็นนี้ ถ้านัดสังสรรค์กับเดอะแกงค์ ก็อย่าลืมเพิ่ม Why 97 Pub & Restaurantเข้าไปเป็นตัวเลือกกันนะคะ ครบครันทั้งอาหารรสแจ่ม บรรยากาศเจิดๆ และเครื่องดื่มสุดจี๊ด ที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ
ขอลาไปด้วยลีลาน่าตื่นตาตื่นใจจากบาร์เทนเดอร์หนุ่มมากฝีมือของทางร้านค่ะ