อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2018-08-02
374 วิว
วันนี้จะพาไปกินบุฟเฟต์กันอีกแล้ววววว (อะไรคือปณิธานลดน้ำหนัก - ถามตัวเองเป็นรอบที่ร้อย 555555) ซึ่งเป็นร้านที่สร้างมาจากร้านเก่าแก่ร้านหนึ่ง นั่นก็คือร้านผักสดหมูอร่อย ผู้บุกเบิกหมูกระทะเจ้าแรกๆ นั่นเองค่ะ แต่ ณ ปัจจุบันใช้ชื่อร้านนี้แทนกับ Grills House นะคะ เจ้าของยังคงเป็นคนเดิม (และครอบครัวเดิม) แต่ปรับเปลี่ยนอาหารและลุคไปในอีกลุคหนึ่งค่ะสำหรับพิกัดร้าน ร้านอยู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรมนะคะ (หรือเลียบด่วนรามอินทรานั่นเอง) ตำแหน่งจะบอกว่าอยู่ซอยจำเนียรเสริม แต่ถ้าเอาที่เป็นพิกัดที่น่าจะรู้จักกันก็คือ อยู่ซอยเดียวกับโกลเด้นเพลสอะค่ะ สามารถใช้ google map ได้นะคะ พิกัดตรงเป๊ะเลยที่หน้าร้านมีที่จอดรถพอสมควรเลยค่ะ เราไปช่วงวันหยุดยาว เลย
สำหรับพิกัดร้าน ร้านอยู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรมนะคะ (หรือเลียบด่วนรามอินทรานั่นเอง) ตำแหน่งจะบอกว่าอยู่ซอยจำเนียรเสริม แต่ถ้าเอาที่เป็นพิกัดที่น่าจะรู้จักกันก็คือ อยู่ซอยเดียวกับโกลเด้นเพลสอะค่ะ สามารถใช้ google map ได้นะคะ พิกัดตรงเป๊ะเลย
ที่หน้าร้านมีที่จอดรถพอสมควรเลยค่ะ เราไปช่วงวันหยุดยาว เลยจอดได้สบายๆ เลย แฮร่...
ก่อนจะเข้าไปดูบรรยากาศร้าน ก็ขอแนะนำพ่อค้าแซ่บประจำร้านกันสักหน่อยค่ะ 555 (ป้าไม่ค่อยออกนอกหน้าเลยนะป้านะ) กับสองหนุ่มลูกชายที่ทำหน้าที่ดูแลร้านกันคนละส่วนนั่นก็คือ คุณหมิง (หรือมิ้ง) คนพี่ที่ดูแลเรื่องการตลาด และคุณมอส คนน้องที่จบ Food Science มศว. ที่ดูแลเรื่องการควบคุมคุณภาพและรสชาติของอาหารให้ตรงกับสูตรของคุณแม่ที่เป็นคนก่อตั้งร้านนะคะ
ที่ต้องเอาน้องสองคนนี้มาให้ดูก่อน ไม่ใช่เพราะหน้าตา (ถึงแม้ป้าจะหื่นแค่ไหนก็ตาม 5555555) แต่พอได้พูดคุยกับทั้งสองคนและคุณแม่แล้ว...เคยรู้สึกไหมคะว่า คนบางคนทำบางเรื่องเพื่อเงิน เพื่อชื่อเสียงหรือเพื่ออะไรก็ตาม แต่กับบางคนแล้วเขาทำบางสิ่งด้วยความรัก ทำมันอย่างมี passion และร้านนี้คือสิ่งนั้นค่ะมันเป็นการทำเพื่ออยากให้คนที่มากินได้กินของดี ได้กินของอร่อย มันคือความสุขที่ได้ทำหลายๆ สิ่งให้กับคนกินน่ะ ซึ่งเราไม่เจอร้านแบบนี้มานานมากแล้ว พอได้เจอแล้วก็เลยรู้สึกดีมากๆ จริงๆ ค่ะ
ซึ่งการดูแลคุณภาพ บุฟเฟต์หลายๆ ที่ก็ไม่แคร์กับตรงนี้ด้วยซ้ำ (แม้กระทั่งรร.ระดับห้าดาวบางรร. เหอๆ) แต่ที่นี่ไม่ใช่ค่ะ หลายๆ อย่างนี่เห็นเลยว่าละเอียดอ่อนมาก การปรุง สูตรการทำอาหารหลายๆ อย่างมันคือความพิถีพิถันแบบโฮมเมด และเราเองคิดว่านี่คือจุดแข็งของร้าน ไม่ได้ขายที่ความถูก ไม่ได้ขายที่ความเป็นบุฟเฟต์ที่กินได้เยอะ แต่ไม่สนใจคุณภาพวัตถุดิบหรือรสชาติเหมือนหลายๆ ที่ และเป็นที่ที่เราอยากสนับสนุนค่ะ (เขียนเหมือนได้ตังค์เลย 5555 ทั้งที่งานนี้เพื่อนชวนไปกินแล้วไม่ได้บังคับหรือขอว่าต้องทำรีวิวเลยนะ แต่อยากทำอ้ะ คิดดู๊ 5555555)
เอาหละค่ะ ต่อไปก็จะเริ่มเข้าสู่การรีวิวแล้วนะคะ ร้านนี้เปิด 12.00-22.00 น.ค่ะ สำหรับช่องทางการติดต่อร้านก็ตามนี้เลยนะฮับบบ
https://www.facebook.com/GrillsHouse/
02-934-4904 / 081-753-6918
Line@ : @grillshouse
ที่ร้านนี้จะเป็นห้องแอร์ทั้งหมดค่ะ โดยแยกออกเป็นส่วนรับลูกค้าทั่วไปและติดกันจะเป็นอีกส่วนสำหรับการรับกรุ๊ปทัวร์ค่ะ
ราคาบุฟเฟต์ที่นี่จะเป็น 589+ [Yakiniku & Seafood Buffet] นะคะ โดย + แค่ภาษี ไม่มีบวกเซอร์วิสชาร์จค่ะ แต่ก็มี Special Menu บวกเพิ่มอีก 89+ บาทด้วยนะคะ โดยมีเวลาในการกิน 2 ชม.เต็มค่ะ ถ้าจะกินเกินเวลาเสียเพิ่มอีกท่านละ 100 บาทและได้เวลาเพิ่มอีก 30 นาที
แต่ถ้าใครกินแล้วติดใจ แนะนำให้สมัครสมาชิกค่ะ จะมีการสะสมแต้มทุกๆ 100 บาทได้ 1 แต้ม 40 บาทจะสามารถแลกเบียร์ได้ 1 ขวด มาสี่ท่านจ่ายสามท่านในเดือนเกิด วันเกิดรับเค้กแซลมอนฟรี โดยการสมัครสมาชิกที่นี่ ฟรีค่ะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายนะคะ
สำหรับจุดเด่นแรกที่จะพูดถึงเลยนะคะ ก็คือ "ซอส" ทั้งสามแบบที่ใช้ในการหมักและราดเนื้อสัตว์ต่างๆ ของร้านนี้ค่ะ ซึ่งมีด้วยกันสามสูตร สามสัญชาติเลยค่ะ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี แต่รสชาติได้ทำการสร้างสรรค์ให้เหมาะกับลิ้นและจริตคนไทยนะฮับบบบบ
ซอสยากินิคุ - รสจะออกหวานแต่มีความหอมและรสของผลไม้มาเบาๆ เป็นซอสที่มีการผสมผสานจากหลากหลายวัตถุดิบนะคะ ทั้งผลไม้ ผักย่าง และบางตัวที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นด้วยค่ะ
ซอสหมาล่า - มีเครื่องเทศสิบกว่าชนิดด้วยกัน ลดความชาลง แต่กลิ่นและรสของความเป็นหมาล่ายังชัดเจนมาก สายหมาล่าฟินแน่นวล ตัวนี้ทางร้านแนะนำว่าเหมาะกับพวกซีฟู้ดและบรรดาเนื้อที่มีมันทั้งหลายนะคะ
ซอสโคชูจัง - เกิดขึ้นเนื่องจากตอนคุณหมิงไปเรียนเมืองจีนแล้วไม่ค่อยชอบกินอาหารจีน ก็จะไปตายรังอยู่กับอาหารเกาหลีค่ะ 555 แต่มีการปรับนำมาใส่เครื่องเทศสดและทำให้หนืดน้อยลง เผ็ดจัดจ้านพอควร
ซึ่งสามซอสนี่ ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของที่นี่ จะขอแปรงมาทาซอสด้วยนะคะ
สำหรับการสั่งอาหารของที่นี่ จะแบ่งออกเป็นสองส่วนค่ะ คือ สั่งตามราคาบุฟเฟต์ปกติ กับอีกแผ่นหนึ่งจะสำหรับเมนูพิเศษที่จ่ายเพิ่ม 89+ นะคะ
จุดเด่นต่อมา ก็คือน้ำจิ้มของที่นี่ค่ะ ทางร้านจะเสิร์ฟมาเป็นเซ็ตให้แบบนี้เลย แน่นอนว่าเป็นน้ำจิ้มโฮมเมดอีกเช่นกันนะคะ เราเปิดดมดูนี่แบบ...ซับซ้อนมาก แยกไม่ออกเลยว่าผสมอะไรบ้าง และรสชาติก็ดีมากด้วยค่ะ ถ้าไม่ใช่สายเผ็ดบ้าบออย่างเรานี่ไม่ต้องเติมพริกหรืออย่างอื่นเพิ่มเลย (และพูดจริงๆ นะคะ เป็นการกินบุฟเฟต์ปิ้งย่างที่เราใช้น้ำจิ้มน้อยเมิ่กกกกก เพราะโดยตัวซอสของเขามันทำให้เนื้อสัตว์ต่างๆ มีรสชาติอร่อยอยู่แล้วโดยไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเพิ่ม เราใช้จิ้มกับบางอย่างที่ไม่ได้ราดซอสค่ะ เลยเป็นการกินบุฟเฟต์ปิ้งย่างครั้งแรกที่ไม่เติมน้ำจิ้มเลยแล้วกัน 555)
นอกจากนั้นก็มีน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยนะคะ ซึ่งรสชาติก็เด็ดไม่แพ้กันเลย
ให้ดูหน้าตาคร่าวๆ ของสิ่งที่สั่งกันมาวันนั้นแล้วกันค่ะ เดี๋ยวจะบอกอีกทีว่าอันไหนบ้างที่เราแนะนำหรือเป็นเมนูเด็ดๆ ของร้านที่ห้ามพลาดนะคะ
อันดับแรกเลยค่ะ เรายังไม่เคยไปกินร้านไหนที่มีไข่หมึกนะ ตอนที่เช็คอินแล้วอัพเฟส เพื่อนคนหนึ่งถึงกับบอกว่าเป็นร้านในลิสต์ที่จะไปกินเลย เพราะไข่ปลาหมึกนี่แหละค่ะ ซึ่งแบบบบบบบ...ไข่เน้นๆ เต็มๆ มาก แล้วไข่ปลาหมึกที่นี่จะมีสองแบบนะคะคือแบบนิ่มกับแบบแข็ง โดยทางร้านจะนำมาเสิร์ฟให้แบบปนกัน แต่ถ้าใครไม่ชอบแบบใดแบบหนึ่งก็แจ้งทางร้านเอาเฉพาะแบบที่ชอบก็ได้ค่ะ แล้วจะไม่เอาซอสหรือจะเอาซอสใดซอสหนึ่งมาราดก็ได้นะคะ โดยส่วนตัวสำหรับเมนูนี้เราชอบแบบไม่เอาซอสแล้วจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดมากกว่าค่ะ แฮร่..
ต่อไปค่ะคือ หมูหมักน้ำผึ้ง เป็นหมูที่แทบไม่มีมันเลย แต่นุ่มมาก (น่าจะเกิดจากการหมักและการทุบนะ) น้ำผึ้งหอมเข้าเนื้อมากค่ะ ถ้าใครกินไม่เผ็ด ย่างเสร็จกินได้เลยค่ะ (เราว่าเด็กๆ ต้องชอบแหงๆ) เป็นหนึ่งเมนูดั้งเดิมเก่าแก่คู่ร้านมาเลยนะคะ แต่อย่างเราชอบแซ่บหน่อยก็จะเป็นอีกเมนูหนึ่งที่จิ้มกับน้ำจิ้มแหละ
อีกหนึ่งเมนูนะคะ นั่นก็คือหอยเชลล์หละะะะ ลองสั่งมาทั้งสามซอสเลย ซึ่งสองหนุ่มชอบตัวหมาล่ามาก แต่เรากลับชอบตัวยากินิคุค่ะ หวานๆ เสริมรสหอยเชลล์ได้ดีอ้ะ แต่อันนี้เราว่าแล้วแต่คนชอบอะเนาะคะ หรือจะสั่งมาสามซอสแบบพวกเราก็ได้ ถ้ากินหมด 555
อีกหนึ่งเมนูที่สาวสองคนชอบกันทั้งคู่ นั่นก็คือข้าวโพดอบเนยค่ะ มันดีย์ย์ย์ จะห่อมาในฟอยล์แบบนี้นะคะ เราก็เอาลงเตา พลิกแค่ครั้งเดียว ให้พอมีกลิ่นหอม เวลาจะแกะ ให้ดึงฟอยล์ตัวกลมๆ ออก ที่เหลือจะกลายเป็นถ้วยใส่พอดี หอมหวานอร่อยมากกกกกก รสชาติแบบผู้ญิ้ง ผู้หญิงสุดๆ ค่ะ อยากเบิ้ลมาก แต่ต้องเผื่อท้องสำหรับเมนูอื่นง่ะ
ส่วนอีกอันที่เพื่อนกรี๊ดกันมาก แต่เราไม่ได้กินนะคะ ก็คือ หมึกค่ะ ตัวใหญ่เวอร์วังอลังการมากกกกกกก มาเต็มจานแล้วพอเอาลงตะแกรงก็เกือบเต็มตะแกรงกันเลยค่ะ จัดใหญ่จัดเต็มมากมาย
ส่วนถ้าใครสายกุ้ง ก็มีกุ้งให้เช่นกันค่ะ อันนี้มีคนแกะให้เลยได้กิน (ขอบคุณหนุ่ยหนุ่ยมา ณ ที่นี้) กุ้งที่นี่สดนะคะ เนื้อแน่นหวานเลยแหละ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดนี่ฟินมาก
อีกหนึ่งเมนูสำหรับคนที่ติดใจในของอร่อยแต่ก็อยากรักสุขภาพด้วยนะคะ ภูมิใจนำเสนอเบคอนของร้านนี้มาก หลายคนเห็นรูปแล้วอาจจะงง เบคอนไรทำไมสีนี้อ้ะ มาค่ะ ป้าจะเล่าให้ฟัง
เบคอนที่นี่เป็นเบคอนโฮมเมดค่ะ ซึ่งจะไม่ใส่สารไนเตรตไนไตรท์ที่พอโดนความร้อนจะกลายเป็นไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งนะคะ สีจึงไม่แดงเหมือนที่อื่น และของร้านนี้จะมีการคุมความมันของเบคอน รวมทั้งรมควันด้วยกาบมะพร้าวด้วยค่ะ เพราะงั้นถ้ายังอยากกินเบคอน แต่ห่วงสุขภาพ จัดไปเลยค่ะสำหรับที่นี่ ปลอดสารก่อมะเร็งนะฮับบบบบบ
ยัง ยังไม่หมดแค่นั้น สำหรับใครที่เป็นสายผัก (อย่างข้าพเจ้า) ท่านจะฟินไปกับเมนูสลัดทั้งสองเมนูนี้ นั่นก็คือ ซีซาร์สลัด (อยู่ในเมนูราคาเพิ่ม) และสลัดเต้าหู้ (อยู่ในเมนูราคาปกติ)
ตัวซีซาร์สลัด มันนัวอร่อยด้วยเบคอน (ที่โฮมเมดอีกเช่นกัน) และขนมปังที่ทางร้านคั่วเองค่ะ มันได้เทกซเจอร์ที่กรอบนุ่มแตกต่างจากร้านอื่นเลยแหละ อร่อยมากกกกกก ถูกจริตเรามากค่ะ
สลัดเต้าหู้ น้ำสลัดทำเองอีกเช่นกันค่ะ (ไม่เหนื่อยเหรอพ่อคุณ) เขาใช้งาคั่วบดจนกระทั่งเป็นน้ำสลัดที่หอมอร่อยมันนัวมาก บอกไม่ถูก ต้องไปกินเองค่ะ แต่บอกเลยว่าเรานี่ฟินกับเมนูสลัดทั้งสองเมนูของที่นี่มากๆ เลยค่ะ
ส่วนบรรดาสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นเมนูที่อยู่ในราคาพิเศษ 89+ (คือจ่ายเท่านี้แล้วกินได้ทุกเมนูนะคะ อย่าคิดว่าเป็นเมนูละ 89+ บาท เหมือนเราหละ 5555) แต่สารภาพว่า ข้าพเจ้าไม่สามารถชิมได้สักเมนูหนึ่งค่ะ เพราะอิ่มมาก อิ่มที่สุด อิ่มจนอยากร้องขอเจ้าของร้านว่า พอเถอะค่ะ จะตายอยู่แล้ววว (ป้าแก่แล้ว ระบบย่อยไม่ค่อยดี ฮืออออ)
แซลมอนซาซิมิที่นี่จะเสิร์ฟมาบนน้ำแข็งบดทั้งหมดเพื่อรักษาความสดและคุณภาพรสชาติของแซลมอนไว้นะคะ
ส่วนน้ำดื่มนั้น ก็รวมในบุฟเฟต์แล้วเช่นกันค่ะ ซึ่งมีทั้งน้ำอัดลม หรือพวกน้ำเก็กฮวย น้ำผึ้งมะนาว น้ำเปล่า น้ำโซดา ฯลฯ นะคะ
สำหรับของหวาน ก็จะเป็นไอศกรีมสองรสค่ะ คือ ช็อกโกแลตและคุ้กกี้แอนด์ครีม (อร่อยทั้งสองรสเลย ป้าฟาดมันทั้งสองรส...เอิ่ม...ไหนป้าบอกว่าป้าอิ่มแล้ว? อ้าว ก็ผู้หญิงนี่กระเพาะของคาวกะหวานแยกกันไม่รู้เหรอลูกกกกก) หรือถ้าใครชอบแบบไทยๆ หน่อยก็เฉาก๊วยค่ะ ที่นี่หมักเฉาก๊วยเองนะคะ เทกซเจอร์จะไม่ใช่แบบวุ้นๆ เยลลี่แบบทั่วๆ ไปที่ไม่หมัก แต่ก็ไม่ได้หนึบเหนียวแบบชากังราวค่ะ เป็นกึ่งๆ ระหว่างสองแบบคือ หนึบ แต่ไม่ได้หนึบมากนะคะ หรือถ้าใครชอบผลไม้ก็มีแตงโมค่ะ แต่เราไม่ได้ชิมง่ะ แหะๆ
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
เป็นอีกร้านที่เราประทับใจมาก ในความตั้งใจที่จะทำอาหารอร่อยและดีให้ลูกค้าที่มากินค่ะ โดยราคากับสิ่งที่ได้ สำหรับเรา เราถือว่าคุ้มค่านะคะ นี่ก็คิดอยู่ว่าถ้าครอบครัวมากรุงเทพฯ จะพาไปกินแหละ (น้องชายกับน้องสะใภ้ที่กินเก่งมากน่าจะปลื้มปริ่ม) ส่วนแม่เองนี่จะให้มาแยกแยะสูตรค่ะ 555 นางเป็นคนที่ชิมปุ๊บจะบอกว่าแต่ละอย่างผสมอะไรบ้าง จะเอานางมาทดสอบ (เป็นลูกที่เลวมาก 555555) ทั้งตัวน้ำจิ้มและซอส อิอิ
เป็นอีกร้านที่เชียร์ค่ะ เชียร์ไม่เชียร์ เขาไม่ได้ขอให้ทำรีวิวยังมาทำละกัน 555
ขอบคุณน้องหนุ่ย ยัมมี่โอมุที่ชวนไปกินด้วยนะครับบบบบ
โพสต์