อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2015-05-18
265 วิว
รีวิวนี้ จะพาไปทานอาหารญี่ปุ่นแนว Fusion/Izakaya กันครับแต่ร้านนี้ต้องขอบอกว่า Exclusive สุด ๆ ด้วยที่นั่งจำนวนจำกัดที่นั่งประมาณ 30 ที่นั่ง ตกแต่งแนวโมเดิร์น คอนเทมโพลารี่ประกอบกับเพลงแจ๊ซเบา ๆ คลอระหว่างมื้ออาหาร พร้อมกับเครื่องดื่มที่แสนจะเข้ากันอย่างลงตัวครับ กับ ร้าน"Midori Japanese Izakaya Cuisine""Midori Japanese Izakaya Cuisine" ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านสัมมากรถ.รามคำแหง 110-112 ตรงเข้ามาบริเวณริมทะเลสาปใหญ่ของตัวหมู่บ้าน ก็จะเห็นร้านทรงกล่อง 1 ชั้น สีขาวพร้อมป้ายชื่อร้านชัดเจนครับ(ทะเลสาปอยู่ทางขวามือ ร้านอยู่ซ้ายมือ จอดรถได้ 2 ฝั่ง)เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ 2 รอบเวลา/วัน11.30-14.30 น.
แต่ร้านนี้ต้องขอบอกว่า Exclusive สุด ๆ ด้วยที่นั่งจำนวนจำกัด
ที่นั่งประมาณ 30 ที่นั่ง ตกแต่งแนวโมเดิร์น คอนเทมโพลารี่
ประกอบกับเพลงแจ๊ซเบา ๆ คลอระหว่างมื้ออาหาร พร้อมกับ
เครื่องดื่มที่แสนจะเข้ากันอย่างลงตัวครับ กับ ร้าน
"Midori Japanese Izakaya Cuisine"
ถ.รามคำแหง 110-112 ตรงเข้ามาบริเวณริมทะเลสาปใหญ่
ของตัวหมู่บ้าน ก็จะเห็นร้านทรงกล่อง 1 ชั้น สีขาว
พร้อมป้ายชื่อร้านชัดเจนครับ
(ทะเลสาปอยู่ทางขวามือ ร้านอยู่ซ้ายมือ จอดรถได้ 2 ฝั่ง)
เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ 2 รอบเวลา/วัน
11.30-14.30 น. จะเน้นเมนูอาหารเซ็ต/ข้าวหน้าต่าง ๆ
ซึ่งจะมีโปรโมชั่นราคาพิเศษออกมาให้ได้ลองด้วย
แต่ก็ยังให้บริการอาหารตามเมนูเช่นกัน
17.30-22.30 น. จะเป็นอาหารและเครื่องดื่มตามเมนูครับ
ร้านหยุดทุกวันจันทร์ครับ
คือ คุณแน๊ต สรัญนพ
เทพหัสดิน ณ อยุธยา
ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการเปิดร้านมาจากที่คุณแนต
เคยทำงานอยู่ในแวดวง F&B
ของโรงแรมใจกลางเมือง
แต่บ้านพัก อยู่ย่านรามคำแหง
118
ซึ่งถือว่าชานเมืองพอควร
จึงมีแนวความคิดว่าอยากทำร้านอาหารใกล้ ๆ บ้าน
ประกอบกับเป็นคนชื่นชอบในอาหารญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เลยอยากทำร้านอาหารญี่ปุ่นเพื่อคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน
ได้ทานอาหารญี่ปุ่นที่คุณภาพและรสชาติดี
แบบไม่ต้องเข้าไปในเมือง
จึงเกิดเป็นไอเดียทำร้านที่เป็น
Modern Fusion Izakaya Cuisine ขึ้น
โดยกำลังสำคัญคือหุ้นส่วนของคุณแนต
คือเชฟชาวญี่่ปุ่นฝีมือยาวนานกว่า 20 ปี Chef Miji Hiro
โดย Chef Hiro นั้นเคยเป็นเพื่อนร่วมงานในร้านอาหารญี่ปุ่น
สมัยที่คุณแน๊ตยังศึกษาอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์
ซึ่ง Chef Hiro นั้น ถนัดการทำอาหาร Modern Fusion
โดยเฉพาะการจัดการกับ เนื้อแกะ เนื้อวัว และปลา
ซึ่งแม้จะเป็นทางเจ้าของร้านมาดูแลคนเดียว
ในเรื่องของการบริการ แต่ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร
เพราะรับออเดอร์ได้รวดเร็ว เชฟก็ทำอาหารได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ได้รอนานอะไรมากมาย เพราะระหว่างรออาหาร
ก็สามารถฟังเพลงแจ๊ซสบาย ๆ ได้เพลินครับ
จะเป็นแนว Modern Fusion ผสมผสานรสชาติต่าง ๆ
ผ่านการคิดค้นปรุงแต่งให้เป็นแบบฉบับของทางร้าน
แต่แบบ Original/Traditional ที่เน้นรสชาติของวัตถุดิบสด ๆ โดยเฉพาะ
ก็ยังมีให้ได้เลือกอยู่ครับ
โดยบรรดาปลาดิบที่ร้านแห่งนี้ ก็เข้าปลากันถึง 3 วัน/สัปดาห์
คือวันอังคาร วันศุกร์ และวันเสาร์เย็น(หรือวันอาทิตย์เช้า)
จากซ้าย เมนูเครื่องดื่ม เมนูอาหาร และเมนูอาหารกลางวัน
และเมนูอาหาร โดยเว้นเมนูอาหารกลางวันไว้ก่อนนะครับ
เริ่มจากเครื่องดื่ม โดยทางร้านมีให้เลือก เป็นชาร้อน/เย็น เซ็นฉะ
ราคาแก้วละ 90 บาท ราคานี้ตลอดทั้งคืน
แต่จะมีช่วง Happy Hour เวลา 17.30-19.30 น.
ที่จัดเป็นซื้อ 2 แก้ว แถม 1 แก้วครับ
เป็นจานปลาดิบรวม ชื่อ Midori Grand Sushi Sashimi Platter
ราคาสอบถามทางร้าน เปลี่ยนแปลงแล้วแต่วัน และชนิดของปลา
ความสดของปลาที่มาทำ sashimi ดีเลยครับ เชฟแล่ปลาได้สวยงาม
ไม่หนาไม่บางเกินไป ไม่ว่าจะเป็น แซลมอน ฮามาจิ
และมากุโร่ ส่วนอากามิ(ทูน่าส่วนเนื้อแดง)
ถัดมาในส่วนของ นิกิริ ซูชิ nikiri sushi ก็ทำได้ดี
ไม่ว่าจะเป็นรสข้าว ขนาดข้าวกับปลา และเนื้อปลา
อย่างแซลมอนที่รนไฟมาก็ทำได้ดีครับ
แต่ตัวแคลิฟอร์เนียมากินั้น ไข่กุ้ง(ปลาบิน)น้อยไปสักหน่อยครับ
เชฟทำไข่หวาน ออกมาได้นุ่ม รสละมุน ตัวไข่พับสลับกัน
เป็นชั้นความหนาเท่า ๆ กันอย่างสวยงาม
เก๋ไก๋ด้วยการนาบเหล็กร้อนชื่อร้านให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
Mix Bean Salad with Grilled Chicken 180 บาท
จานนี้เป็นจานที่ผมชื่นชอบมากทีเดียว ขอ Recommend
กับการผสมผสาน ของถั่วหลาย ๆ ชนิด คลุกเคล้ากับน้ำสลัด
สไตล์พอนซึ ที่มีรสเปรี้ยวนำ เค็มหวานตามมา มีกระเทียมตัดเล็กน้อย
ที่สำคัญส่วนประกอบเด็ดของจานนี้สำหรับผมคือ ชาหมัก
(ใบชาเขียวหมักได้รสชาติดีมาก ๆ ทานเล่นหรือพร้อมถั่วก็เด็ด)
ตกแต่งด้วยมะเขือเทศสีแดงสดสวย ด้านบนท็อปปิ้งด้วย
เนื้อไก่ย่างส่วนสะโพก ที่ย่างออกมาได้อย่างชุ่มฉ่ำอยู่ครับ
ก่อนทีจะบรรจุลงในเมนูอย่างเป็นทางการ กับ
Australian Gyu tataki เนื้อสันในออสเตรเลีย เบิร์นผิวโดยรอบ
ให้ด้านนอกส่งกลิ่นหอมของไขมันที่โดนเผา
แต่ด้านในยังคงคงความดิบและแดงสดของตัวเนื้ออยู่
แล้วสไลด์บางจัดวางเคียงกับต้นหอมญี่ปุ่นซอยตามยาว
ราดซอสพอนซึสูตรเฉพาะ รสชาติยอดเยี่ยมชวนทาน
แบบไม่วางตะเกียบ จบด้วยการโรยต้นหอมสับที่เข้ากันดี
เป็นจานทีเด็ด ที่น่าจะรีบใส่ลงในเมนูเลยล่ะครับ
แต่ก่อนเข้าจานหลัก ขอตัดรสด้วย Cocktail สักแก้วครับ
กับ Chu-hi peach (Sho-chu Cocktail) ราคาสอบถามทางร้าน
เป็นสาเก/โชจู ผสมกับน้ำลูกพีช ให้รสหอมหวาน ทานง่าย
แก้วนี้สาว ๆ น่าจะชอบ เพราะขนาดผมแมน ๆ ยังโอเคเลยครับ
เสิร์ฟพร้อม ฟองครีมดอกกะหล่ำปลี
Midori Crispy Juicy Teriyaki Chicken Serve with
Creamy Cauliflower Puree 360 บาท
ไก่ถูกย่างมาอย่างดี โดยใช้หลักการนาบกระทะ
ให้หนังไก่เหลืองกรอบ แต่ส่วนเนื้อสุกดีและยังชุ่มฉ่ำ
ราดซอสเทริยากิสูตรเฉพาะของทางร้าน ซึ่งจัดว่าเยี่ยม
หรือจะทานพร้อมกับฟองครีมดอกกะหล่ำปลีที่รสชาติ
หอม หวาน มัน แต่เบา ๆ ก็ลงตัว แต่ใครจะกินพร้อมกัน
ทั้งซอสเทริยากิและฟองครีมดอกกะหล่ำ อย่างผมก็อร่อย
และไม่ผิดอะไรครับ จานนี้ก็ Recommend เลย
3 Days Marinated Atlantic Salmon Saikyo yoki 450 บาท
จานนี้เป็นปลาแซลมอนหั่นแบบ filet (ฟิลเล่ต์ตัดขวางไร้กระดูก)
นำมาหมักปรุงรสให้เข้าถึงรสชาตินานถึง 3 วัน
แล้วนำมาย่าง/กริล/เบิร์น ได้ระดับความสุกที่สุดยอด
ด้านนอกหอมกลิ่นไหม้ แต่ด้านในสุกได้พอดีมีความชุ่มฉ่ำ
เนื้อปลาชิ้นใหญ่หนา นั้นถูกราดด้วยซอสไซเกียวโยกิรสหวานนำ
ที่เชฟคิดค้นขึ้นมาเอง โดยการนำมิโซะ(เต้าเจี้ยว)มาปรับแต่ง
จัดวางท็อปปิ้งด้านบนด้วยไข่ปลาแซลมอนรสเปรี้ยว
ด้วยการหมักส้มยูซุ แต่งด้วยผิวส้มยูซุและใบสะระแหน่สวยงาม
เป็นอีกจานที่ Recommend ให้ลองฝีมือเชฟในการควบคุมไฟครับ
Engawa Aburi Nigiri 240 บาท (4 คำ) มาเพิ่มเติมอีกที่ครับ
เอ็นกาวะ-ครีบปลาตาเดียว ของร้านนี้จะนุ่มนิ่มลื่น ๆ มัน ๆ
จะไม่กรอบเหมือนร้านอื่นที่เคยทานครับ แต่สดแน่นอน
หอมฉุนสดใหม่
รวมไปถึงโชยุ ก็ใช้อย่างดี รสชาติดีครับ
Midori Special Curry Rice Pork Katsu 290 บาท
ข้าวญี่ปุ่นหุงอย่างดี กับหมูสันนอกเนื้อนุ่มทอดมาชุ่มฉ่ำ
แต่ติดที่แป้งกรอบแข็งไปนิดครับ ส่วนตัวแกงกะหรี่นั้น
ระดับความเข้มและข้น ของตัวแกงและรสชาตินั้นดีเลยครับ
เคี่ยวมาได้งวด เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติของตัวเครื่องต่าง ๆ
ที่นำมาทำแกงเลยล่ะครับ เสียดายตักราดมาน้อยไปนิด
เพราะตักกินพร้อมกับหมู ข้าว ผัก แล้วหมดเร็วเหลือเกิน
และของหวาน รวมถึงสาว ๆ ที่น่าจะถูกอกถูกใจครับ
กับ YUZU Orange Cheese cake with YUZU emulsion 120 บาท
(ชีสเค้กส้มยูซุพร้อมครีมผสมส้มยูซุ)
และ Black Sesame Creme Brulee 90 บาท(เครมบูเล่งาดำ)
ชีสเค้กหอมและรสเปรี้ยวอ่อน ๆ ของส้มยูซุ เนื้อชีสเค้กเบา ๆ
เนียน ๆ ด้านบนอบมาได้สีน้ำตาลสวยงาม แต่งด้วยผิวส้มยูซุ
และครีมซอสที่เป็นฟองละเอียดผสมส้มยูซุ เบา ๆ สบาย ๆ ครับจานนี้
เนื้องาดำด้านล่างเนียน หอม งา อร่อยดีครับ
แต่ด้านบนที่เป็นผิวน้ำตาลที่ผ่านการรนไฟให้ไหม้นั้น
มีความหนาค่อนข้างมาก รวมถึงค่อนข้างไหม้
เมื่อทานผสมกับเนื้องาดำแล้ว จะทำให้ได้รับความหวาน
แต่หวานปนขมเพราะอารมณ์ของน้ำตาลไหม้กับตัวงาดำ
ที่มีกลิ่นไหม้ในตัวอยู่แล้วครับ ถ้าน้ำตาลด้านบนน้อยกว่านี้
และผ่านไฟให้ไหม้น้อยกว่านี้ ผมว่าจะดีมาก ๆ ครับ
ด้วยความอิ่ม อร่อย สมราคา รสชาติและบรรยากาศ
แม้การเดินทางอาจจะประสบปัญหาการจราจรย่านสุขาภิบาล 3
รามคำแหง จะติดขัดบ้างก็ตาม แต่ถ้าได้มีโอกาส
อยากให้มาลิ้มลองรสมือเชฟที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี
รวมถึงความเฟรนด์ลี่เป็นกันเองของคุณแน๊ต เจ้าของร้านคนเก่ง
ว่าจะเด็ดขนาดไหนกันนะครับ กับ
"ร้านอาหารญี่ปุ่น แนว Izakaya & Fusion
รังสรรค์รสชาติด้วยฝีมือกว่า 20 ปี ฝีมือเชฟชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ
Good taste, Great creation, Combination with Drink & Music "
สนใจติดต่อจองที่นั่ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/pages/Midori-japanese-Izakaya-cuisine
โทร. 099-289-3655, 0-2729-4575
ขอให้มีความสุข อิ่ม อร่อย กับการรีวิวในรอบนี้กันนะครับ
ข้อมูลอื่นๆ:
ทางร้านบริการด้วยเจ้าของที่ดูแลเพียงคนเดียว เผื่อเวลาในการไปทานสักนิดนะครับ
แต่เชฟทำอาหารรวดเร็วและอร่อยครับ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์