3
0
0
ระดับ4
วันนี้จะพาไปกินร้านหนึ่งที่เคยประทับใจเรามากๆ และเคยรีวิวทั้งที่บล็อกและที่พันทิปไปแล้วนะคะ แต่คราวนี้ทางร้านมีการปรับปรุงร้านใหม่ ให้มีห้องส่วนตัวเพิ่มขึ้น เราเลยได้ลองกินอีกครั้งค่ะ ส่วนตัวที่ได้ลองกินวันนั้นก็เป็นอีกเซ็ตซึ่งเป็นคนละเซ็ตกับที่ได้กินรอบแรกนะคะ สำหรับพิกัดร้านนี้ก็อยู่ที่ชั้น 1 ของโครงการนิฮอนมารุนะคะ เราจอดรถไว้ชั้นใต้ดินแล้วก็ขึ้นลิฟท์มาค่ะ ร้านจะอยู่ตรงข้ามลิฟท์เลยตามภาพนะคะบรรยากาศภายในร้านค่ะส่วนนี่คือห้องส่วนตัวที่ทำเพิ่มขึ้นมานะคะ เพิ่งเสร็จสดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ จะเห็นว่ามีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจากการกั้นผนังนะคะเซ็ตอัพค่ะ ตอนนี้มีเพิ่มที่รองถ้วยน้ำจิ้มให้ตามภาพด้วยนะคะส่วนเครื่องดื่มเราสั่งเป็นชาเขียวร้อนนะฮับมาดูเมนูกันค่าาา ก็มีทั้งสายเนื้
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
วันนี้จะพาไปกินร้านหนึ่งที่เคยประทับใจเรามากๆ และเคยรีวิวทั้งที่บล็อกและที่พันทิปไปแล้วนะคะ 

แต่คราวนี้ทางร้านมีการปรับปรุงร้านใหม่ ให้มีห้องส่วนตัวเพิ่มขึ้น เราเลยได้ลองกินอีกครั้งค่ะ ส่วนตัวที่ได้ลองกินวันนั้นก็เป็นอีกเซ็ตซึ่งเป็นคนละเซ็ตกับที่ได้กินรอบแรกนะคะ 

สำหรับพิกัดร้านนี้ก็อยู่ที่ชั้น 1 ของโครงการนิฮอนมารุนะคะ เราจอดรถไว้ชั้นใต้ดินแล้วก็ขึ้นลิฟท์มาค่ะ ร้านจะอยู่ตรงข้ามลิฟท์เลยตามภาพนะคะ
94 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
บรรยากาศภายในร้านค่ะ
109 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ส่วนนี่คือห้องส่วนตัวที่ทำเพิ่มขึ้นมานะคะ เพิ่งเสร็จสดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ จะเห็นว่ามีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจากการกั้นผนังนะคะ
79 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
92 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
120 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
เซ็ตอัพค่ะ ตอนนี้มีเพิ่มที่รองถ้วยน้ำจิ้มให้ตามภาพด้วยนะคะ
91 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ส่วนเครื่องดื่มเราสั่งเป็นชาเขียวร้อนนะฮับ
77 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
มาดูเมนูกันค่าาา ก็มีทั้งสายเนื้อและสายคนไม่กินเนื้อนะคะ
88 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
เมนูแรกที่มาก่อนเลยค่ะกับ สลัดมันฝรั่ง Jikasei Potato Salad ราคา 140 บาท เมนูเรียกน้ำย่อย ที่ทางร้านแนะนำว่าจะช่วยตัดความเลี่ยนในการทานเนื้อย่างได้ดีค่ะ เป็นมันฝรั่งต้มและยีผสมกับไข่ต้ม แครอทและเบคอนปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือและพริกไทยนะคะ 

ซึ่งมันช่วยแก้เลี่ยนได้ดีค่ะ เรากินรองท้องไปหน่อยหนึ่ง แล้วพอกินเนื้อไปสักพักก็กินอีกค่ะ ช่วยทำให้ปากคอไม่เลี่ยนจริงๆ นะเอ้า แปลกดีค่ะ
88 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ลิ้นวัวชั้นดี Jo Gyu Tongue Medium ราคา 360 บาท  เป็นเมนูที่ก่อนทานเนื้อย่างชาวญี่ปุ่นมักย่างลิ้นวัวกินก่อนเป็นลำดับแรกค่ะ ตัวนี้กินคู่กับซอสเกลือผสมหอมหัวใหญ่นะคะ
85 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
อันนี้เป็นเห็ดรวมค่ะ สายผักเค้าขอมา 555
50 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
เซตมัตสึ Matsu-Set  ราคา 3,580 บาท ประกอบด้วยชุดเนื้อแบล็ควากิวพรีเมี่ยมในจาน 5 ส่วนและ 1ส่วนในโถ

ในชุดนี้จะเป็นเนื้อแบล็ควากิวนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดนะคะ

1. เนื้อแบล็ควากิว โรสึ –  มีลักษณะเป็นแท่งยาวๆสีสันน่าทาน ใช้ส่วนสันคอวัว ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักนำส่วนนี้มาทำเป็นสเต็ก ปรุงรสชาติเพิ่มมาด้วยพริกไทยและเกลือ (ในภาพคือ 9 นาฬิกานะคะ)
2. เนื้อแบล็ควากิว โทกุโจบาระ – มีลวดลายหินอ่อนสลับชั้นสวยงาม บริเวณลิ้นปี่มีเพียง20% เนื้อจะมีความนุ่มเป็นพิเศษ (ในภาพคือ 12 นาฬิกาค่ะ)

3. เนื้อแบล็ควากิว โทโมะบาระ – เหมาะสำหรับคนชอบความมัน เป็นเนื้อแดงบริเวณส่วนอกถึงหน้าท้อง (ในภาพคือตรงกลาง)

4. เนื้อแบล็ควากิว นากะบาระ – เป็นเนื้อแดงส่วนท้อง มีไขมันแทรกน้อยที่สุด (ในภาพคือ 6 นาฬิกา)

5. เนื้อแบล็ควากิว ไคโนมิ –  ใช้เนื้อส่วนหลังมีความนุ่มมาก จากไขมันที่แทรก (ในภาพคือ 3 นาฬิกา)
46 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ป.ล. เนื้อวัวที่นี่จะใช้พันธุ์คุโระเกะ เมืองกุนมะนะคะ ซึ่งก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากลิงก์นี้ได้ความว่า

วัวและหมูหลายยี่ห้อของจังหวัดกุนมะได้ถูกเลี้ยงอย่างทะนุถนอมท่ามกลางธรรมชาติอันกว้างใหญ่ และแหล่งน้ำที่ใสสะอาดจากแม่น้ำโทะเนะงาวะเป็นหลัก เนื้อวัวของกุนมะ ถูกเลี้ยงด้วยเทคโนโลยีสูงที่ทำให้วัวอุดมสมบูรณ์ และอาหารสัตว์พิเศษที่เหมาะสมกับเนื้อวัวในแต่ละแห่ง จึงได้รับความนิยมในคุณภาพเนื้อและรสชาติซึ่งเป็นชั้นนำในประเทศ เมื่อรับประทานเป็นเมนูสเต็ก หรือชาบูชาบูก็จะได้รสชาติสุดอร่อย ซึ่งส่วนไขมันกับส่วนเนื้อแดงมีความสมดุลย์พอดี นอกจากนี้ทางกุนมะยังเป็นจังหวัดที่มีฟาร์มเลี้ยงหมูเป็นจำนวนมากด้วย และเลี้ยง "เนื้อหมูยี่ห้อโจซิว" หลายชนิดทีเดียว เมนูแนะนำก็คือหมูทอดทงคัตสึ และข้าวหน้าหมูทอด เมื่อมาเยือนกุนมะแล้วก็ไม่ควรจะพลาดชิมเมนูนี้

นากะบาระ เป็นเนื้อแดงส่วนท้อง มีไขมันแทรกน้อยที่สุดค่ะ

ตัวนี้ไขมันน้อยจริงๆ เน้นเนื้อแดงมากกว่า เด้งสู้ฟันเวลาเคี้ยวมาก ถ้าใครชอบแนวเคี้ยวๆ หละก็ ส่วนนี้เลยฮับ

ไคโนมิ ใช้เนื้อส่วนหลังมีความนุ่มมาก จากไขมันที่แทรก

ตัวนี้เป็นอีกตัวที่เราชอบค่ะ นุ่มมาก มันก็แทรกเนื้อกำลังดี ดีงาม ชอบค่ะชอบ

โทโมะบาระ เหมาะสำหรับคนชอบความมัน เป็นเนื้อแดงบริเวณส่วนอกถึงหน้าท้อง

ซึ่งสำหรับเรา เราว่ามันเยอะไปค่ะ เราชอบแบบกำลังพอดีๆ มากกว่า แหะๆ

โรสึ ส่วนสันคอวัว มันเยอะและชุ่มฉ่ำค่ะ เราชอบมากเลย อร่อยแหละตัวนี้

โทกุโจบาระ เนื้อบริเวณลิ้นปี่มีเพียง20% เนื้อจะมีความนุ่มเป็นพิเศษ

นุ่ม หอมมากๆ มันเยอะและชุ่มค่ะ กินแล้วชุ่มฉ่ำปากและลิ้นมากเลย

เนื้อหมูสันคอ หมักด้วยซอสมิโซะ อิโตคาโจ Tsubozuke Buta Kata Rosu Tokusei Misodare ราคา 380 บาท เหมาะสำหรับคนไม่ทานเนื้อวัวก็มีเมนูหมูหมักให้นะคะ มีรสชาติกลมกล่อมหอมหวานซอสมิโซะสไตล์อิโต-คาโจ
70 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ส่วนนี่เป็นอีกหนึ่งในชุดพรีเมี่ยมนะคะเนื้อแบล็ควากิวหมัก เสิร์ฟมาในโถ เชฟเลือกใช้เนื้อวากิวแทบทุกส่วน (หมุนเวียน)ไป นำเนื้อมาหมักกับโชยุข้ามคืน อย่างน้อย 1 วัน โรยด้วยงาขาวเพิ่มความหอม มีความยาวของเนื้อที่หมัก เวลาย่าง ต้องใช้กรรไกรตัดแบ่งเพิ่มความสนุกสนานในการรับประทานเนื้อย่างแบ่งปันกัน
70 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ชุดทะเลรวม Kaisen Moriawase ราคา 1,280บาท ถึงเครื่องทะเลครบรส สำหรับคนไม่ทานเนื้อวัว ก็อิ่มอร่อยกันได้กับชุดอาหารทะล ครบคุ้มกับกุ้งลายเสือ ปลาหมึกสดตัวใหญ่ และหอยเชลล์ และปูทาราบะจากฮอกไกโด ก่อนทานพนักงานจะนำถ้วยฟรอยด์ที่มีส่วนประกอบด้านใน มี ปลาหมึกหั่นแว่น หอยเชลล์ ที่ใส่มาในถ้วยพร้อมเนยสด พริกชี้ฟ้าแดงเหลืองตกแต่งสวยงามพร้อมน้ำซุปพอนสึ โชยุ เหล้ามิริน
79 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
น้ำจิ้มมีให้สองแบบนะคะ ตัวหนึ่งเป็นน้ำจิ้มยากินิคุ อีกตัวเป็นน้ำจิ้มมิโสะ อร่อยทั้งสองตัวเลยค่ะ เวลากิน เราได้เนื้อชิ้นไหนมาจะแบ่งสามส่วน กินเปล่าๆ หนึ่ง แล้วอีกสองส่วนก็จิ้มซอสทั้งสองแบบค่ะ อิอิ
64 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
พอกระทะเริ่มดำ พนักงานก็มาเปลี่ยนกระทะให้นะคะ เรื่องการดูดกลิ่นที่นี่ยังทำได้โอเคเหมือนเดิมค่ะ
41 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
สาธิตวิธีการกินลิ้นวัวค่ะ ย่างนิดหน่อย เอาซอสลง พับลิ้นแล้วเอาเข้าปาก อ้ามมม

ลิ้นที่นี่ไม่เหนียวนะคะ แต่เราว่าเกลือหนักมือไปนิด (ไม่กินกับซอสเกลือก็ยังเค็มอยู่ไปหน่อยค่ะ)

สันคอวัวค่ะ อย่างที่บอกว่ามันเยอะ นุ่มฉ่ำมากค่ะตัวนี้ อร่อยยยยยย
45 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
โทกุโจบาระ ลิ้นปี่ค่ะ นุ่ม หอมมาก มันเยอะและชุ่มมากค่ะ (วิธีการกิน ไม่ควรปิ้งให้สุกเกินไปนะคะ ให้เหลือความหวานของเนื้อบ้างจะกำลังดีค่ะ)
47 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ตัวนี้รู้สึกจะเป็นไคโนมิค่ะ นุ่มมาก มันแทรกกำลังดีค่ะ ดีงามมากค่ะ ชอบ (สังเกตตัวเองจะชอบไคโนมิในหลายเมนูเลยค่ะ)
48 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ตัวนี้น่าจะโทโมะบะระนะคะ อย่างที่บอกว่าสำหรับเรา มันเยอะไปหน่อยค่ะ แหะๆ แต่ถ้าใครแนวเน้นไขมันก็น่าจะโปรดอยู่ค่ะ
43 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ตัวนี้น่าจะนากะบะระ ไขมันน้อยค่ะ เป็นเนื้อส่วนท้อง เน้นเนื้อแดง เด้งสู้ฟันอย่างที่บอกนะคะ ใครชอบเคี้ยวก็จัดตัวนี้ได้เลยค่ะ
60 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
หอยเชลล์ค่ะ โอเคค่ะมาตรฐานนะคะ
62 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ลองหมูกันบ้าง เป็นหมูหมักในโถ ซอสดีและมีรสหวานอยู่แล้วค่ะ ตัวนี้ไม่ต้องจิ้มเพิ่มเลย แค่ย่างให้สุก (กับหมูเราทำสุกสุดๆ ค่ะ ถ้าวัวนี่จะชอบแรร์หน่อย) ก็กินได้เลยค่ะ มีรสชาติในตัวอยู่แล้วนะคะ
43 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ถ้าใครกินได้เยอะ จัดหนัก จะเลือกบุฟเฟต์ก็ได้นะคะ (แต่เซ็ตพรีเมี่ยมที่เรากินนี่ไม่รวมในบุฟเฟต์น้าาา)
45 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
และด้วยเดือนตุลานี้ ร้านอิโต-คาโจฉลองครบรอบสามปี ก็มีโปรฯ ตัวนี้มานะคะ

อิโต-คาโจ ฉลองครบรอบวันเกิด คืนกำไรให้ลูกค้ายิ่งทานมาก ยิ่งลุ้นรับสิทธิ์มาก

ลูกค้ายิ่งทานมาก มียอดสะสมสูงสุดของสัปดาห์ สามารถลุ้นรับสิทธิ์มากเท่านั้น ทางร้านอิโต-คาโจ ใจดีจับรางวัล มอบคูปองเงินสดถึง 3,000 บาททุกสัปดาห์เลยทีเดียว สามารถมาลิ้มลองพร้อมลุ้นรางวัล ตั้งแต่วันนี้ -31ตุลาคม นี้เท่านั้นที่ ร้านอิโต-คาโจ  บริเวณชั้น 1 โครงการนิฮอนมูระมอลล์ ซอยทองหล่อ 13 เปิดบริการทุกวันเวลา 17.00 - 24.00 น. 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง โทร. 02-185-3338 

หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของร้านได้ที่ http://www.tsubohachi-tha.com

เอาหละค่ะ อิ่มคาวแล้วก็มาต่อด้วยหวานกันนะคะ อย่างแรกที่มาค่ะ Japanese Stone ice Cream ราคา 190 บาท ไอศครีมชาเขียว และไอศครีมวานิลลา เสิร์ฟพร้อมโมจิชิ้นพอดีคำสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมซอฟท์ครีมเนื้อนุ่ม

เวลากินก็ต้องคลุกเคล้ากันเหมือนเดิมนะคะ รสจะออกแนวไอติมชาเขียวหละค่ะ แล้วก็นวลๆ หน่อยนะคะ
49 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
สโตนไอศกรีมมะม่วง Mango Stone Ice Creamราคา 190 บาท ทำจากเนื้อมะม่วงเนียนนุ่มรสชาติหวานกำลังดีพร้อมชิ้นมะม่วงสดหวาน และชีสเค้กราดด้วยซอสมะม่วงและไอศครีมมะม่วง ตัวนี้จะออกเปรี้ยวๆ หน่อยค่ะ ใครชอบของหวานที่มีรสแซมเปรี้ยวก็น่าจะชอบตัวนี้นะคะ 
55 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ

ก็ยังคงเป็นร้านยากินิคุอันดับหนึ่งในดวงใจเราเหมือนเดิมค่ะ เนื้อดีมาก ติดแค่ราคาที่อาจจะไปกินบ่อยๆ ไม่ได้ 5555 แต่ก็ถือว่าถ้าอยากกินเนื้อดีๆ ที่นี่ก็เป็นที่หนึ่งที่เราจะคิดถึงเลยแหละค่ะ 
34 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
58 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วิธีการกิน
รับประทานที่ร้าน
ระดับ4
ร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นจากโตเกียวสู่ทองหล่อ13กับบรรยากาศงานไม้ทันสมัยสวยงามมีระดับการบริการเอาใจใส่น่ารักดีมากๆ โดดเด่นด้วยวัตถุดิบเนื้อวัวคัดพิเศษนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นลายสวยเนื้อนุ่ม เสริมรสด้วยน้ำจิ้มเข้มข้นสไตล์ญี่ปุ่นรวมถึงวัตถุดิบอื่นอย่างเนื้อหมูหรือซีฟู้ดตอนนี้มีส่วนลด 20% เมื่อสั่งชุดเนื้อแถมฟรีเบียร์อาซาฮี 1 เหยือกจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ครับ.รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/ito-kacho/รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/ito-kacho/
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
ร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นจากโตเกียวสู่ทองหล่อ13กับบรรยากาศงานไม้ทันสมัยสวยงามมีระดับ
การบริการเอาใจใส่น่ารักดีมากๆ โดดเด่นด้วยวัตถุดิบเนื้อวัวคัดพิเศษนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
ลายสวยเนื้อนุ่ม เสริมรสด้วยน้ำจิ้มเข้มข้นสไตล์ญี่ปุ่นรวมถึงวัตถุดิบอื่นอย่างเนื้อหมูหรือซีฟู้ด
ตอนนี้มีส่วนลด 20% เมื่อสั่งชุดเนื้อแถมฟรีเบียร์อาซาฮี 1 เหยือกจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ครับ.
รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/ito-kacho/
59 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
92 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
59 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
59 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
48 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
37 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
45 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
51 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
75 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
80 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
74 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
57 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/ito-kacho/
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วิธีการกิน
รับประทานที่ร้าน
ระดับ4
สวัสดีค่ะวันนี้ก็จะพาไปกินร้านสไตล์ Fine Yakiniku Dining แถวๆ ซอยทองหล่อ 13 นะคะ นั่นก็คือร้าน ITO-KACHO ซึ่งเพิ่งเปิดเมื่อ 24 ตุลาคมปีที่แล้วนี่เองค่ะ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นประเทศที่สองที่ร้านนี้มาเปิดสาขานอกประเทศญี่ปุ่น (ที่แรกก่อนเราคือสิงคโปร์ค่ะ) เท่าที่เซิร์ชหารีวิวก็ยังไม่ค่อยมีมากนักอะค่ะ อย่างในพันทิปหรือโอเพิ่นไรซ์นี่ยังไม่เห็นเลยอ้ะ ส่วนสาเหตุที่ได้ไปกินนี่ก็เนื่องมาจากมีคนส่งข้อความหลังบ้านในพันทิปชวนไปกินเพื่อทำรีวิวแหละค่ะ โดยแจ้งมาห้าร้าน แต่เราบอกเงื่อนไขไปว่า เราไม่รีวิวอวยนะ ถ้าดีจะชม อันไหนไม่ดีจะติ แล้วก็ไม่สามารถลงรีวิวให้เร็วได้ เพราะขึ้นอยู่กับปริมาณงานประจำที่ทำอยู่ด้วย แต่จะไม่เกินสองเดือนเต็มที่ ไปๆ มาๆ ทางเจ้าหน้าที่ก็เ
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
สวัสดีค่ะ

วันนี้ก็จะพาไปกินร้านสไตล์ Fine Yakiniku Dining แถวๆ ซอยทองหล่อ 13 นะคะ นั่นก็คือร้าน ITO-KACHO ซึ่งเพิ่งเปิดเมื่อ 24 ตุลาคมปีที่แล้วนี่เองค่ะ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นประเทศที่สองที่ร้านนี้มาเปิดสาขานอกประเทศญี่ปุ่น (ที่แรกก่อนเราคือสิงคโปร์ค่ะ) เท่าที่เซิร์ชหารีวิวก็ยังไม่ค่อยมีมากนักอะค่ะ อย่างในพันทิปหรือโอเพิ่นไรซ์นี่ยังไม่เห็นเลยอ้ะ ส่วนสาเหตุที่ได้ไปกินนี่ก็เนื่องมาจากมีคนส่งข้อความหลังบ้านในพันทิปชวนไปกินเพื่อทำรีวิวแหละค่ะ โดยแจ้งมาห้าร้าน แต่เราบอกเงื่อนไขไปว่า เราไม่รีวิวอวยนะ ถ้าดีจะชม อันไหนไม่ดีจะติ แล้วก็ไม่สามารถลงรีวิวให้เร็วได้ เพราะขึ้นอยู่กับปริมาณงานประจำที่ทำอยู่ด้วย แต่จะไม่เกินสองเดือนเต็มที่ ไปๆ มาๆ ทางเจ้าหน้าที่ก็เลยบอกว่าถ้างั้นขอให้ไปร้านนี้ก่อนเพราะมั่นใจที่สุด (ฮา) ก็เลยได้ไปกินมาค่ะ

วันที่เราไปกินเป็นวันธรรมดานะคะ นัดไว้ที่ทุ่มครึ่ง ก็ไปถึงตรงเวลาเป๊ะ (ไปเสียเวลาหน่อยตอนหาที่จอดรถ เพราะตัวอาคาร 2 นี่ที่จอดรถเต็มน่ะค่ะ เพราะงั้นเราแนะนำว่าถ้าจะไปกินที่นี่ อาจไม่เหมาะกับการเอารถส่วนตัวไปนะคะ นั่งรถไฟฟ้าแล้วนั่งมอไซค์ต่อ หรือนั่งแท็กซี่ไปเลยดีสุดค่ะ) ตำแหน่งของร้านก็เข้าไปในซอยทองหล่อ 13 จากนั้นพอเลยสี่แยกเล็กๆ ไปสังเกตทางขวามือจะเป็นอาคารรูปตัวยูทางขวามือค่ะ นั่นก็คือ 2 นั่นเอง ร้าน ITO-KACHO จะอยู่ที่ชั้น 1 (ขึ้นไปหนึ่งชั้น เพราะชั้นล่างที่นี่นับเป็น ground floor น่ะค่ะ) ถ้าหันหน้าเข้าอาคาร ร้านจะอยู่ตรงหัวมุมฝั่งซ้ายนะคะ

นี่ก็คือหน้าตาหน้าร้านนะคะ

เข้าไปในร้านก็เจอเจ้าหน้าที่รอต้อนรับอยู่แล้วคือคุณเปิ้ลกับคุณเดือน ซึ่งให้ข้อมูลเป็นอย่างดีเลยหละค่ะ (ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ นี่คือข้อดีอย่างหนึ่งของการไปกินแบบมีคนชวนไปค่ะ เพราะจะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและละเอียดกว่าไปกินเอง ซึ่งบางที บางร้านก็ไม่ได้มาให้ข้อมูลแบบนี้อ้ะ)

สำหรับบรรยากาศของร้านก็ตามภาพเลยนะคะ ออกแนวเรียบแต่ดูเก๋ โมเดิร์นนิดๆ ดูดีค่ะ ทั้งร้านนี้จะรับได้เต็มที่อยู่ที่ 83 ท่านนะคะ

ที่จริงมีห้องส่วนตัวด้วยนะคะ แต่ว่าวันนั้นมีแขก เราเลยไม่ได้ไปถ่ายรูปมาให้ดูง่ะค่ะ
79 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
หลังจากพาไปนั่งเรียบร้อยก็มาดูเมนูกันค่ะ หน้าตาเมนูก็ประมาณนี้นะคะ

ภายในเมนูก็จะมีเรื่องราวต่างๆ นะคะ ที่จริงร้านนี้เป็นแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงด้านยากินิคุอยู่แล้วที่ญี่ปุ่นค่ะ ร้านแรกเปิดที่โตเกียวนะคะ แล้วก็มีการขยายสาขาเพิ่มเติมอีก ร้านนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของเนื้อแบล็ควากิวค่ะ (Beef Lover นี่น่าจะรักร้านนี้เลยหละค่ะ อันจะบรรยายต่อไปนะคะ แฮ่...) เพราะที่นี่เค้าเอาเนื้อวัวเกรดเอ ระดับพรีเมี่ยมจากคิวชูมาบริการน่ะค่ะ แล้วก็ถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 3 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้เอนไซม์ยังไม่ถูกละลายค่ะ แต่ขณะเดียวกันสำหรับคนที่ไม่กินเนื้อวัว ก็มีเนื้อหมูและซีฟู้ดบริการด้วยค่ะ

จะเห็นว่ามีรูปบอกด้วยนะคะว่าเนื้อแต่ละส่วนที่นำมาให้กินนั้น ส่วนไหนที่เรียกว่าอะไรค่ะ

สำหรับราคานะคะ จะมีทั้งแบ่งแยกตามราคาประเภทของเนื้อวัว ซึ่งก็มีแบ่งตามน้ำหนักของเนื้อวัวที่สั่งด้วยค่ะ

จะเห็นว่ามีตัวมาร์คสีแดงๆ ด้วยนะคะว่าอันไหนที่ recommend น่ะค่ะ
65 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
นอกจากนั้นก็มีให้เลือกสั่งแบบเป็นชุดด้วยค่ะ รวมทั้งส่วนอื่นๆ เช่น ลิ้น ไส้ ฯลฯ

ต่อไปเรามาดูรายละเอียดแยกย่อยแต่ละชุดแล้วกันนะคะ ชุดที่เป็นเนื้อวัวจะมีด้วยกันสามชุดค่ะ อันบนสุดนี่แพงสุดนะคะ แต่สองชุดแรกนี่จะไม่มีเนื้อหมูเลย มีชุดที่สามค่ะที่มีเนื้อหมูนะคะ

ชุดแรกชุดมัตสึราคาอยู่ที่ 3580 บาทค่ะ (น้ำหนักของเนื้อรวมทั้งหมด 560 กรัม ครึ่งโลกกว่าๆ) ประกอบไปด้วยเนื้อแบล็ควากิวโรสึ โทกุโจบาระ โทโมะบาระ นากะบาระ ไคโนมิ และเนื้อหมักค่ะ

ชุดที่สอง ชุดทาเกะ ราคา 2580 บาทค่ะ น้ำหนักเหมือนกันนะคะ มีเนื้อแบล็อกวากิวโทโมะบาระ นากะบาระ อูจิฮารามิ ไคโนมิ เนื้อคารูบิ (เป็นเนื้อ US) และสันคอ (US) ค่ะ

ชุดที่สาม อูเมะ (เป็นชุดที่เราได้กินหละค่ะ) ราคาอยู่ที่ 1980 บาท น้ำหนักก็เท่าเดิม เป็นชุดที่ผสมระหว่างเนื้อวัวและเนื้อหมูนะคะ ประกอบไปด้วยเนื้อแบล็ควากิวโทโมะบาระ นากะบาระ ไคโนมิ คารูบิ (US) เนื้อหมูสามชั้นและเนื้อหมูหมักค่ะ

อย่างที่บอกนะคะว่านอกจากเนื้อวัว ก็มีเนื้อหมู ไก่ ปู ซีฟู้ดต่างๆ ให้สั่งด้วยค่ะ

และเมนูอาหารอื่นๆ ที่มีให้เลือกรับประทานค่ะ

นอกจากนั้นท่านใดที่ติดที่จะกินของหวานหลังคาวเสมอๆ (เหมือนเรา แหะๆ) ที่นี่มีของหวานที่น่าสนใจคือไอศกรีมในชามหินค่ะ มีทั้งหมดสี่เมนูตามภาพนะคะ วันนั้นก็ได้กินไปหนึ่งเมนู เดี๋ยวจะรีวิวต่อไปนะฮับ
65 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
สักพักทางคุณเปิ้ลก็ได้เชิญเชฟมาพูดคุยด้วยค่ะ นั่นก็คือเชฟอ๊อฟ คุณอลงกรณ์เพชรหมัดนั่นเองค่ะ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในหลายๆ อย่างกับเราค่ะ

เราเองก็เพิ่งทราบว่าเนื้อวากิวนี่มีกฎหมายคุ้มครองด้วยนะคะ คือถ้าบอกว่าเป็นเนื้อวากิว แต่ไม่ใช่เนื้อวากิวจริงๆ (คือไปเอาของประเทศอื่นมาปน) จะถูกปรับค่ะ

เชฟเล่าให้ฟังด้วยค่ะว่า กว่าจะเปิดร้านได้ มีเชฟจากญี่ปุ่นมาเทรน กระทั่งการแล่เนื้อให้ได้น้ำหนักที่พอดีคำราวๆ 12-13 กรัม (แม่เจ้า) ก็ต้องเป๊ะจริงๆ (สมกับความเป็นญี่ปุ่นมากๆ อะค่ะ) กว่าจะแล่ เฉือนกันได้เป๊ะๆ แบบที่ขายได้นี่ก็หัดแล่กันหมดไปเป็นแสนอะค่ะ (อยากรู้มาก ตอนหั่นทิ้งเพื่อหัดนั่น เอาเนื้อไปไว้ไหนกันคะ ถ้าหัดคราวหน้าบอกด้วย เดี๋ยวหาอาสาสมัครสลายเนื้อให้ ฮี่ๆ)

นอกจากนั้นเชฟบอกว่า การปิ้งเนื้อควรปิ้งสักแค่ไม่เกินสองนาที ให้กึ่งสุกกึ่งดิบ จะทำให้เนื้อยังหวานอยู่ค่ะ

จากนั้นเมนูแรกก็เริ่มมาเสิร์ฟค่ะ นั่นก็คือ ลิ้นวัวนั่นเอง ซึ่งเป็นที่หนึ่งสำหรับเมนูขายดีนะคะ แล้วเชฟอ๊อฟก็บอกด้วยว่า คนญี่ปุ่นจะเริ่มสตาร์ทด้วยลิ้นวัวเสมอ ตัวซอสที่มากับลิ้นวัวนั่นเป็นซอสเกลือและหอมญี่ปุ่นค่ะ เพราะฉะนั้นตัวลิ้นวัวนี่จะไม่มีการโรยเกลือเลย เพราะซอสก็เค็มอยู่แล้ว

สำหรับการกินลิ้นนะคะ กลิ่นพริกไทยชัดดีค่ะ ลักษณะเนื้อจะกรุบๆ นุ่มๆ นิดๆ ซึ่งเราลองกินแบบเปล่าๆ กินกับซอสเกลือที่เค้าให้มา และลองกินกับซอสมิโสะ (อันจะกล่าวต่อไปนะคะ) เราถูกจริตกับการจิ้มกับซอสมิโสะมากที่สุดนะคะ อร่อยสุดอ้ะ แฮ่..

ซอสของทางร้านนะคะ จะอยู่ในโถแบบนี้ค่ะ ซึ่งเราก็ต้องเทใส่ถ้วยน้ำจิ้มสามช่องแบบนี้เอง ซอสของร้านจะมีซอสมิโสะและซอสมิโสะผสมสาเก (สีเข้มกว่านั่นคือซอสมิโสะค่ะ ที่สีออกส้มๆ นี่คือมิโสะผสมสาเกนะคะ) ทางคุณเปิ้ลและเชฟบอกว่าก่อนหน้านี้มีซอสเผ็ดด้วย แต่ทางญี่ปุ่นให้ยกเลิกไปเพราะต้องการให้กินแบบออริจินัลของทางญี่ปุ่นจริงๆ แต่ตอนนี้ทางเชฟเองก็กำลังพยายามคุยอยู่ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังติดกินเผ็ดน่ะนะคะ

แต่เชฟก็ไปเอาพริกกับกระเทียมมาเพิ่มให้ด้วยค่ะ เพื่อให้ผสมถ้าต้องการเผ็ดเพิ่มเติม ตัวพริกใช้พริกดีนะคะ เผ็ดสมควรแก่การเป็นพริก ไม่ต้องใส่เยอะก็เผ็ดค่ะ

อ้อๆ ลืมให้ดูอุปกรณ์ค่ะ ตะเกียบกับที่คีบสำหรับพลิกเนื้อเวลาย่างนะคะ จะเห็นว่าเค้าดีไซน์ดีมาก เวลาวางแล้วตรงปลายที่คีบจะไม่แตะพื้นโต๊ะให้สกปรกเลยค่ะ เก๋เชียว ชอบๆ

สำหรับเตาที่นี่ก็เป็นเตาไร้ควันนะคะ คือควันจะถูกดูดลงข้างล่างเกือบหมดเลยหละค่ะ ทำให้ไม่มีกลิ่นติดเสื้อผ้าหน้าผมเวลากินค่ะ ชอบอ้ะ
58 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ต่อไปเป็นชุดโทมะค่ะ จะเป็นจานขนาดใหญ่มีเนื้อวัวและหมูห้าชนิด และโถอีกหนึ่งโถตามภาพเลยค่ะ

ซูมๆๆ ขออภัยถ้าท่านมาเปิดดูรีวิวนี้ตอนท้องว่างด้วยนะคะ แหะๆ

พอจะเริ่มปิ้งย่าง เชฟก็เอาไปราดซอสมิโสะมาตามภาพค่ะ
62 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ในชุดนี้ก็ประกอบไปด้วยเนื้อห้าอย่างตามภาพนะคะ
37 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ตัวเนื้อหมูหมักในโถนี่เป็นเนื้อสันคอนะคะ (ถ้าในจานใหญ่นั่นจะเป็นหมูสามชั้น) หมักซอสมิโสะนาน 24 ชั่วโมงค่ะ

ตัวเนื้อสันคอหมักนะคะ ค่อนข้างมีความกรุบ เนื้อหนากว่าเด้งกว่าตัวเนื้อหมูสามชั้นค่ะ รสสัมผัสในปากค่อนข้างสู้ฟันดีมาก แต่ไม่ค่อยถูกจริตกับเราเท่าไหร่ค่ะ แต่ถ้าชิ้นไหนที่ไม่มีเอ็นจะนุ่มนวลอร่อยกว่าเยอะค่ะ (คือมันเป็นชิ้นใหญ่ แล้วเราต้องมาตัดอีกทีน่ะนะคะ เพราะงั้นอยู่ที่ว่าตัดแบบมีส่วนไหนผสมนะคะ)

เนื้อแบล็ควากิว ไคโนมิค่ะ ผลการกิน ขอบอกว่าเนื้อมันนุ่มมากกกกกกก นุ่มที่สุดในจานเลยค่ะ เคี้ยวปุ๊บนี่หลอมละลายในปากไปเลย ไม่มีอาการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับฟันแต่นุ่มละลาย ตัวไขมันแทรกซึมซึ่งพอย่างมันก็ละลายไปกับเนื้อทำให้นุ่มมากๆ อร่อยค่ะ ชอบอ้ะ

ต่อไปเป็นเนื้อหมูสามชั้นหมัก (ตัวนี้จะหมักไม่ถึง 24 ชั่วโมงเหมือนตัวในโถนะคะ) จะหมักตอนลูกค้าสั่งค่ะ แล้วก็เป็นเนื้อหมูไทยนะคะ ผลการกินคือ หอมตอนเคี้ยว แล้วก็เนื้อมีความเหนียวบางช่วง แต่พอกินอีกชิ้นกลับไม่เหนียวค่ะ กำลังดีเลย รสชาติดี แต่มีกลิ่นนิดหน่อยนะคะ

ต่อไปค่ะ เนื้อแบล็ควากิวโทโมะบาระ ตัวนี้เชฟบอกว่า จะกินนิ่มไม่เหนียวมากค่ะ สำหรับผลการกินของเรานะคะ มันเป็นเนื้อที่ชุ่มฉ่ำมาก พอเคี้ยวปุ๊บ ไขมันที่ซ่อนอยู่ในตัวเนื้อจะเล็ดไหลออกมา (เหมือนมันได้แทรกซ่อนอยู่ตรงกลางของเนื้อแล้วค่อยปะทุออกมาค่ะ ซึ่งแตกต่างจากไคโนมิที่มันจะละลายผสมกับเนื้อไปเลยเมื่อย่าง) นิ่มค่ะ แต่ก็ยังมีความเป็นเนื้ออยู่

ต่อไปเป็นเนื้อนากะบาระค่ะ ผลการกินนะคะ พอเข้าปากแล้วเริ่มเคี้ยวปุ๊บ นุ่มมากกกก ระหว่างเคี้ยวตัวเนื้อจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับฟันไปด้วยค่ะ เคี้ยวสนุกดี เป็นอีกตัวที่เราชอบนะคะ

ต่อไปค่ะกับเนื้อ US ตัวนี้เชฟบอกว่าเหมาะสำหรับคนชอบเนื้อ เนื้อแดงจะเยอะ ทำให้เคี้ยวยากและหนึบ (มีการบอกว่า อาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุนัก ฮา) สำหรับการกินของเรา ตัวกลิ่นจะเข้มกว่าเนื้อตัวอื่นๆ ในจานค่ะ นุ่มมากและความเป็นเนื้อชัดดี เวลาเคี้ยวก็เพลินมาก เป็นอีกตัวที่เราชอบเช่นกันค่ะ

ต่อไปเป็นชุดซีฟู้ดค่ะ ชุดนี้จะประกอบไปด้วยปลาหมึกและหอยเชลล์โอดาเตะที่อยู่ในกล่องห่อฟอยล์ ปูทาราบะ และกุ้งลายเสือนะคะ ในกล่องฟอยล์หนึ่งจะมีหอยโอดาเตะอยู่สามตัวค่ะ ชุดนี้ราคาอยู่ที่ชุดละ 1280 บาทนะคะ

สำหรับผลการกินชุดนี้นะคะ ตัวปลาหมีกมาเป็นแบบแว่นๆ ค่ะ สด รสดี เวลาย่างกลิ่นหอมระรวยออกมาค่ะ ส่วนตัวหอยเชลล์หนา สด ไม่เค็ม อร่อยค่ะ และปูทาราบะ สดในระดับหนึ่งนะคะ รสชาติปูก็ดีค่ะ (คือจะหวังให้สดเท่าไปกินที่ญี่ปุ่นก็คงไม่ใช่อะนะคะ อย่างน้อยก็ต้องมีเรื่องของเวลาในการขนส่งอยู่แล้ว แล้วเราเป็นคนเรื่องมากกับอาหารซีฟู้ดอย่างที่คนอ่านบล็อกคงจะทราบน่ะนะคะ เพราะโตมากับจังหวัดที่มีทะเล และได้กินอาหารซีฟู้ดสดๆ มาตั้งแต่เด็กอ้ะ) คือ โดยรวม สดไม่เสียชื่อค่ะ โอเลย แต่ก็ไม่ถึงกับว้าวสุดยอดนะคะ ส่วนกุ้งลายเสือนี่ ขอบอกว่าย่างแล้วหอมมากๆ กลิ่นพุ่งสุดๆ เนื้อเด้ง อร่อยค่ะ ชอบ

ส่วนนี่เป็นอีกเมนูที่เชฟสั่งมาให้กินค่ะ เป็นสลัดมันฝรั่ง บอกว่าเป็นเมนูขายดี เหมาะสำหรับกินแก้เลี่ยนจากการกินแต่เนื้อๆ สำหรับรสชาตินะคะ รสชาติกลมกล่อมดี แล้วก็ช่วยแก้เลี่ยนจากการกินเนื้อได้ดีจริงๆ หละค่ะ

ต่อไปเป็นไส้วัวค่ะ อันนี้ก็ของไทยอีกเช่นกันค่ะ เชฟบอกว่าตัวนี้นำเข้าไม่ได้ (แต่ลืมถามเหตุผลต่อแฮะ) ซึ่งเชฟบอกว่า ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะกินเจ้านี่เป็นอย่างสุดท้ายค่ะ

เวลาย่างเจ้าไส้นี่ จะมีเปลวไฟพุ่งขึ้นมาเป็นระยะค่ะ คงเพราะไขมันในไส้มันหยดลงไปอะนะคะ ตัวไส้นี่หอมมันๆ ดีค่ะ รสชาติค่อนข้างหวานเลยนะคะ กรุบหนึบ และค่อนข้างเคี้ยวยากนิดหนึ่งค่ะ โดยรสที่เจอ (หวานลิ้น) ค่อนข้างชอบค่ะ แต่ไม่ชอบที่เคี้ยวยาก แหะๆ
50 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
สำหรับการบริการนะคะ ทางร้านค่อนข้างเอาใจใส่อย่างมากกับการเปลี่ยนตะแกรงค่ะ อย่างตอนเราไปนี่เปลี่ยนทั้งหมดสามรอบ และในการเปลี่ยนแต่ละครั้ง ทางพนักงานจะแจ้งว่าให้รอก่อน 3 นาทีเพื่อให้ความร้อนมันได้ระดับน่ะนะคะ พนักงานบอกว่าที่ต้องเปลี่ยนบ่อยเพราะไม่ต้องการให้รสชาติของเนื้อเปลี่ยนอันมีผลมาจากสิ่งที่ติดที่ตะแกรงค่ะ

นอกนั้นในการบริการอื่นๆ ค่อนข้างเอาใจใส่ดีค่ะ (แต่อย่าลืมว่าทางร้านทราบนะคะว่าเราไปกินเพื่อรีวิว เพราะฉะนั้นอาจจะได้รับการกำชับเรื่องของการบริการเป็นพิเศษ) มีพลาดนิดหน่อยคือ เราสั่งชาร้อน แต่น้องจะไม่ค่อยได้ดูว่าต้องเติมน่ะค่ะ ต้องแจ้งให้เติม ซึ่งถ้าร้านวางตำแหน่งตัวเองไว้ที่ Fine Dining เราว่าเรื่องการบริการตรงนี้ต้องระวังกว่านี้นะคะ ไม่ควรหลุดอะเนาะ

ต่อไปเป็นของหวานกันบ้างค่ะ กับชุดมิกซ์เบอรี่ มาเป็นชามหินอ่อนแบบนี้นะคะ แล้วเราต้องมาคลุกเคล้าอีกทีค่ะ

เค้าจะเสิร์ฟมาพร้อมกับถ้วยแก้วแช่เย็นด้วยนะคะ ใส่ใจดีค่ะ ทำให้รักษาอุณหภูมิของไอศกรีมได้ดีขึ้น

มาดูกันค่ะ ชุดมิกซ์เบอรี่ราคา 190 บาท ประกอบไปด้วยไอศกรีม สตรอเบอรี่ ราสเบอรี่ ซอฟท์ครีม และชีสเค้กซึ่งทางร้านทำเองค่ะ (ชุดอื่นๆ ก็จะมีชีสเค้ก ยกเว้นชุดชาเขียวจะเปลี่ยนเป็นโมจิแทนชีสเค้กค่ะ ซึ่งคุณเปิ้ลแจ้งว่าต้องคลุก ถ้าไม่คลุกโมจิจะแข็งมากค่ะ)
38 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
มาคลุกเคล้า มิกซ์ๆๆ กันค่ะ อันนี้เราวานให้คุณเปิ้ลคลุกให้ เพราะเราต้องการถ่ายรูป อิอิ

คลุกเสร็จก็ตักใส่ถ้วยของแต่ละคนค่ะ รสชาติออกแนวเปรี้ยวๆ ค่ะ กินแล้วสดชื่นดี ล้างปากจากการกินเนื้อย่างได้ดีมากเลยหละค่ะ
47 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
ไวน์ลิสต์ของร้านนี้นะคะ จะมีไม่มากนักค่ะ เชฟอ๊อฟบอกว่าแต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเริ่มกันด้วยเบียร์มากกว่าค่ะ แล้วพอกินไปสักพักค่อยสั่งไวน์ค่ะ
52 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ส่วนตัวนี้เป็นชาบูชาบู ซึ่งทางร้านทำเพิ่มขึ้นมาค่ะ สำหรับใครที่อาจจะไม่อยากกินแบบปิ้งย่าง แต่ต้องการคุณภาพของเนื้อในระดับเดียวกันค่ะ
79 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ เราว่าสำหรับคนที่รักการกินเนื้อวัว โดยเฉพาะคนที่โปรดเนื้อวากิวนี่ไม่ควรพลาดเลยหละค่ะ แม้ราคาจะสูง ด้วยทำเลกับวัตถุดิบดีๆ ที่ต้องนำเข้า แต่ถ้าถามเรานะคะ เราว่าคุ้มค่า เพราะถ้าเทียบกับตอนเราไปกินบุฟเฟท์ที่โตเกียว ตกหัวละสองพัน เราก็กินในปริมาณที่เราจ่ายที่นี่ในราคาที่น้อยกว่าด้วยซ้ำอะค่ะ สำหรับท่านใดที่จะไป ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 800-1200 บาทค่ะ แต่ถ้าใครจะเป็นกรุ๊ปไป ที่นี่ก็รับนะคะ ที่เชฟเล่าให้ฟังก็คือ เคยมีกรุ๊ปมาเลี้ยงสังสรรค์กัน 30 คนจ่ายคนละ 1500 บาท แล้วทางร้านก็จะจัดเซ็ตที่เหมาะสมให้อะค่ะ ถ้าใครสนใจก็ลองติดต่อกับทางร้านดูนะคะ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
ราคาต่อคน
฿1000 (มื้อเย็น)
เมนูแนะนำ
  • เนื้อยูเอส A / เนื้อนากะบาระ A / เนื้อไคโนมิ A