1
0
0
เบอร์โทร.
02-019-1303
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
เวลาเปิด-ปิด
Today
10:00 - 00:00
Mon - Sun
10:00 - 00:00
วิธีจ่ายเงิน
เงินสด
ข้อมูลอื่นๆ
ร้านอาหารปิดดึก
เว็บไซต์ร้านอาหาร
http://steakloongyai.blogspot.com
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
เมนูแนะนำ
Latte Greentea Latte New York Cheese Cake Waffle
รีวิว (1)
สำหรับรีวิววันนี้จะพาไปนั่งกินดื่มกันที่คาเฟ่ที่มีคอนเซปต์ในการเป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจ เป็นที่ที่ให้ใครต่อใครได้มานั่งคิด นั่งคุยงาน พูดคุยกันนะคะ ซึ่งเรียกว่าเป็นทั้งร้านอาหาร และร้านนั่งชิลล์ในร้านเดียวกันค่ะ กับ People on Pause Cafe นั่นเอง ซึ่งเดี๋ยวพอได้เห็นร้านแล้วก็จะเห็นถึงความตั้งใจในคอนเซปต์นี้ค่ะ อิอิซึ่งร้านนี้ก็เป็นร้านที่ร่วมหุ้นกันในหมู่นักร้องหลายท่านด้วยกันค่ะ ทั้งคุณโอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน คุณเป็ก วง Zeal คุณเป้ แซ็ก มายด์ และกลุ่มเพื่อนสนิท ซึ่งก็มีจากต่างสาขาอาชีพกันด้วยค่ะ มีทั้ง Creative และสถาปนิกค่ะโดยคาเฟ่แห่งนี้ก็มีพิกัดอยู่ที่ลาดพร้าว-วังหินซอย 8 ค่ะวันนั้นเราขับรถไปเอง สามารถไปโดย Google Map ได้นะคะ เรามาจากทางลาดพร้าว ก็วิ่งมาที่แยกโชคชัยสี่ เลี้ยวเข้าไป พอเลยร.พ.เปาโลฯ โชคชัยสี่ ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว-วังหิน เข้าไปไม่ไกลมากค่ะ สังเกตทางขวามือไว้ ร้านนี้จะอยู่ปากซอยลาดพร้าว-วังหิน 8 เลยนะคะสำหรับที่จอดรถ จะมีทั้งจอดข้างทางและด้านหลังร้านค่ะ แต่ก็ไม่ได้เยอะมากนะคะ แนะนำให้เดินทางด้วยรถสาธารณะหรือแท็กซี่น่าจะดีกว่าค่ะ ร้านจะอยู่ที่ปากซอยลาดพร้าว-วังหิน 8 เลยค่ะหน้าตาของอาคารที่เป็นที่ตั้งของคาเฟ่แห่งนี้นะคะ จะอยู่ชั้นล่างของอาคารไทยทรัพย์ฯ ค่ะ ข้อสังเกตจะมีต้นไม้ใหญ่ๆ ต้นนี้อยู่นะคะจะสังเกตเห็นว่า มีรั้วต้นไม้ล้อมรอบร้านอยู่ด้วยนะคะ ซึ่งทำให้ไม่ดูแห้งแล้งแบบอาคารพาณิชย์ทั่วไป และมีความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่นั่งแบบเอาท์ดอร์ด้วยค่ะ นอกจากนั้นร้านยังถูกยกพื้นขึ้นจากฟุตปาทอีกหน่อยด้วยนะคะ ซึ่งจะทำให้คนที่นั่งเอาท์ดอร์เองก็จะรู้สึกไม่ถูกรบกวนจากคนเดินถนนหละค่ะร้านนี้จะเปิดเวลา 10.00-24.00 น.นะคะ โดยช่วงเช้าจะเป็นคาเฟ่และร้านอาหาร ส่วนช่วงเย็นๆ ค่ำๆ จะมีดนตรีเล่นสด จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นที่นัดหมายมาแฮงค์เอาท์สำหรับก๊วนเพื่อนได้ด้วยค่ะ สำหรับท่านใดที่สนใจจะไปที่ร้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีคอนเสิร์ต แนะนำให้จองก่อนนะคะ สำหรับช่องทางการติดต่อร้านก็ตามนี้เลยค่าาFacebookhttps://web.facebook.com/peopleonpausecafeเบอร์โทรศัพท์088 583 9060Instagrampeopleonpausecafeนอกจากโซนเอาท์ดอร์แล้ว ภายในห้องแอร์ก็มีที่นั่งอยู่พอสมควรเลยค่ะ ซึ่งจะสังเกตเห็นว่า เก้าอี้ที่โต๊ะแต่ละชุดนี่ ไม่มีซ้ำกัน ไม่ใช่แบบรูปแบบเก้าอี้เดียวกันเป๊ะๆ แบบที่ร้านอาหารหรือคาเฟ่ทั่วไปจัดไว้นะคะ แถมยังไม่ดูรกรุงรังด้วย แต่กลับดูเก๋และแสดงความอาร์ตของร้านได้ดีมากเลยค่ะนอกจากนั้นจะเห็นด้วยว่า ที่มุมหนึ่งจะเป็นเวทีเล็กๆ สำหรับวงดนตรีนะคะ ซึ่งจะมีวงดนตรีมาเล่นเวลาราวๆ 20.30 น.ของแต่ละวันค่ะ แต่วันนั้นเราอยู่ไม่ถึงวงดนตรีมานะคะ พอดีมีนัดต่ออ้ะ เสียดายเหมือนกันค่ะให้ดูเมนูบางส่วนของร้านนี้ค่ะ อืมม์..ซึ่งเราว่า..เป็นสิ่งหนึ่งที่ทางร้านควรปรับแก้นะคะ เพราะขณะที่การตกแต่งและคอนเซปต์ร้านเน้นเรื่องของการมาแลกเปลี่ยน การได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่เมนู..เราว่าธรรมดาไปหน่อยอะค่ะ อยากให้แก้ให้เข้าคอนเซปต์ของร้านอะนะคะแต่อาหารที่นี่ก็หลากหลายดีนะคะ ถ้าชอบแนวเบาๆ มานั่งคิดงานตอนกลางวัน ก็มีกาแฟ ขนมนมเนยให้เลือก แต่ถ้าชอบหนักๆ ก็มีทั้งอาหารไทย และตะวันตก ทั้งพาสต้า บาร์บีคิว สเต็ก ฯลฯ ค่ะ (แต่ Tea Lover อย่างเราอยากให้มีชาด้วยจังค่ะ แหะๆ)ส่วนท่านใดที่ไม่ได้มาเน้นของคาว แต่เน้นของหวานหรือนั่งกินอะไรชิลล์ๆ ก็มีของหวานให้เลือกค่ะ (อันนี้ทางร้านไม่ได้ทำเองนะคะ รับมาจากซัพพลายเออร์ค่ะ)สำหรับท่านใดที่ตั้งใจจะมาใช้แล็ปท็อปทำงาน แนะนำให้นั่งตรงฝั่งริมหน้าต่างที่ทำเป็นกึ่งๆ โต๊ะบาร์นะคะ เพราะจะมีปลั๊กให้เสียบด้วยค่ะ (แถมเยอะด้วย) อ้อ ที่นี่มี wifi ให้ใช้ฟรี และแรงใช้ได้เลยค่ะ ยังคิดอยู่ว่า วันไหนอยากหาที่นั่งคิดงาน ที่นี่ถือว่ามีสิ่งที่ต้องการครบถ้วนเลยทีเดียวและสำหรับหนอนหนังสือทั้งหลาย ก็มีมุมที่รวบรวมหนังสือไว้ให้ด้วยนะคะ มีทั้งการ์ตูน นิตยสารและหนังสือ (ที่มีแต่ภาษาอังกฤษแฮะ) ค่ะสำหรับวันนั้นเครื่องดื่มเราเลือกเป็นน้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ค่ะ (ทางร้านตั้งชื่อภาษาอังกฤษว่า Sleepy Mango นะคะ) ราคา 115+vat 7%รสชาติคล้ายคลึงกับน้ำมะขามค่ะ ออกเปรี้ยวและเจือหวานนิดๆ นะคะ ใส่มาเป็นขวดแบบนี้เลย อาร์ตปะหละโดยตัวรสชาติให้ 4/5 พรีเซนต์เตชั่นให้ 4/5 (หักคะแนนเปิดขวดยากค่ะ)จานหลักวันนั้น เสต็กปลาแซลมอน ราคา 320+ บาทค่ะ สั่งมาตามที่พนักงานแนะนำนะคะ แซลมอนชิ้นใหญ่มากกกกกกกกก (สำหรับเราจานเดียวอิ่มแน่นอน) เนื้อปลาแซลมอนทำสุกไปจากที่เราชอบหน่อยหนึ่งค่ะ แต่ก็ไม่ได้แห้งนะคะ โอเคอยู่ค่ะ ตัวซอสรสชาติออกนวลๆ หน่อยค่ะ แต่มาเห็นเมนูแนะนำจากคุณหนึ่ง ETC ที่แนะนำสปาเก็ตตี้ผัดเบคอนแห้งทีหลัง เสียดายเหมือนกันง่ะ เพราะคิดว่าน่าจะถูกจริตเรามากกว่าค่ะรสชาติ 4/5 และพรีเซนเตชั่น 4/5 ค่ะ (เราว่าการจัดวางเรียงองค์ประกอบในจานมันยังไม่โดนง่ะ)ต่อด้วยของหวานตามพนักงานแนะนำ (อีกแล้วค่ะ ยายนี่คิดอะไรเองไม่เป็นหรือไง เพลย์เซฟตลอดๆ ร้านไม่ผิด แกนี่แหละที่ผิดคอนเซปต์ ) กับ Rocher Chocolate Pie ราคา 140+ ค่ะรสชาติของตัวนี้ มีรสชาติและเทกซเจอร์บางส่วนเหมือนช็อกโกแลตยี่ห้อหนึ่งด้วยค่ะ ตัวเทกซเจอร์บางส่วน (โดยเฉพาะด้านเกือบล่างสุด) ค่อนข้างแข็งพอควรเลยนะคะ (สมกับชื่อ Rocher หรือเปล่าฮะ??) แต่สำหรับคนชอบช็อกโกแลตอย่างเรา ชอบนะคะ รสหนักไปทางดาร์คช็อกฯ เลยหละค่ะ หุๆรสชาติ 4/5 พรีเซนเตชั่น 4/5 (น่าจะเอาผงช็อกโกแลตมาทำอะไรกับจานไม้สักหน่อยนะคะ ทำเป็นโลโก้ร้านก็เก๋ดี)สำหรับคอดื่มนะคะ ที่นี่มีแอลกอฮอล์จำหน่ายค่ะ โดยจำหน่ายสองช่วง ระหว่าง 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.ค่ะ อย่างเราไปถึงร้านตอนบ่ายๆ ก็ต้องรอห้าโมงเย็นถึงได้สั่งมาค่ะ จุดเด่นของที่นี่คือ มีเบียร์นำเข้าหลายยี่ห้อมากๆ ค่ะ ไปดูที่ตู้ได้เลยนะคะ และให้พนักงานแนะนำได้ค่ะหรือจะสั่ง Rita ซึ่งที่ร้านนี้มีทั้งหมด 4 รสชาติก็ได้นะคะวันนั้นเราสั่งเบียร์ Hoegaarden นำเข้ามาค่ะ เพราะน้องพนักงานบอกว่า เหมาะกับผู้หญิงดีนะคะพี่ โอเคค่ะ พี่เป็นคนหัวอ่อน (เหรอ) เชื่อคนง่าย (เหรออ) สั่งมาค่ะรสชาติดื่มง่ายมว้ากกกก (เมาง่ายกว่า ตึ่งโป๊ะ!) หอมและรสชาติดีค่ะ มีความเป็นผลไม้อยู่เบาๆ ดื่มง่ายอย่างที่น้องว่าค่ะ อร่อยดีค่ะ ชอบๆ ขวดนี้ 220+ บาทนะคะรสชาติ 5/5 (เหมาะสำหรับผู้หญิงค่ะ)ปิดท้ายด้วยภาพของผู้คนบางส่วนที่มานั่งที่ร้านนี้ค่ะเคยมีคนบอกว่า "การพยายามหนีจากกรอบเสมอ...บางทีก็เป็นกรอบความคิดอย่างหนึ่ง" นะคะ แต่ถ้าไม่ลองหนีออกจากกรอบบ้าง...บางทีก็จะมีแต่โลกทัศน์เดิมๆ อะไรเดิมๆ เสียดายโอกาสที่จะได้เรียนรู้บางอย่างที่นอกเหนือจากความคุ้นเคยเดิมๆ อยู่เหมือนกันน้าา อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)