6
1
0
เบอร์โทร.
02-221-2121
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
17:00 - 00:00
จันทร์ - อาทิตย์
17:00 - 00:00
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
รายละเอียดของรางวัล
เมนูแนะนำ
เมนูแนะนำ
บทความเกี่ยวกับร้านนี้
ร่วมสนุกกิจกรรมกับทาง OpenRice ได้รางวัลมาเป็นวอยเชอร์ 2,000 บ.ของห้องอาหาร Red Rose ก็โทรไปจองโต๊ะล่วงหน้า ถึงวันเวลาที่จองไว้ก็ลุยกันเลยพิกัดของโรงแรมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับแยกเฉลิมบุรี ใครนำรถมาต้องไปหาที่จอดแถวนั้นใกล้สุดก็น่าจะเป็นตรงอาคารเท็กซัส ส่วนใครนั่ง MRT มาให้ลงสถานีหัวลำโพงแล้วต่อพี่วินค่ะห้องอาหาร Red Rose อยู่ที่ชั้น 1 ของโรงแรม Shanghai Mansionที่นั่งของห้องอาหารนี้จะมีหลายโซน ด้านหน้าจะติดกับถนนเป็นโซน Open-Airนั่งชิลล์มองดูคนเดินผ่านไปมา ส่วนมากโซนนี้จะเป็นชาวต่างชาติถัดเข้าไปอีกจะมีหลายมุมให้เลือกนั่ง ทั้งโซนหน้าเคาน์เตอร์บาร์โซนด้านใน แต่ละมุมตกแต่งสวย ๆ ทั้งนั้นเลยเมนูเครื่องดื่มมีทั้งผสมแอลกอฮอลล์และไม่ผสมใครที่ไปช่วงเวลา 17.30 - 19.30 น.มี Happy HourBuy 1 Get 1 ด้วยค่ะSignature Cocktailเครื่องดื่มอื่น ๆส่วนเมนูอาหารก็จะเป็นเล่มนี้มีหลายแบบให้เลือก ทั้ง Lunch Set มี 2 เซ็ตให้เลือกมีเฉพาะช่วงเวลา 11.30 - 14.00 น.เมนูติ่มซำนี่ก็มีเฉพาะช่วงกลางวันDinner Set มีให้เลือก 3 ราคา (2,000/1,700/1,000)สั่งได้ตั้งแต่ 15.00 น.เป็นต้นไปตย.เมนูเซ็ต 2,000 บ.ส่วนใครที่อยากทานแบบ A La Carte ก็มีค่ะเลือกสั่งจากในเมนูได้เลยซึ่งก็มีทั้งเป็ดปักกิ่ง , อาหารเรียกน้ำย่อย , ซุป , จานหลัก , ข้าวและบะหมี่ รวมไปถึงของหวานด้วยเราเลือกสั่งเป็น Dinner Set 2,000 บ.เมนูอาหารก็ตามนี้เลยค่ะแต่ละคนจะได้รับ Welcome Drink คนละแก้วเป็นเหล้าจีนค่อนข้างแรงเลยทีเดียว จิบแล้วร้อนคอวาบ ๆแอบดื่มไม่หมดอ่า สายอ่อน 555ส่วนเครื่องดื่มเราสั่งเป็นแบบไม่มีแอลกอฮอลล์Bangkok Sunshine 100 บ.เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแครนเบอรี่ ส้ม สัปปะรดออกแนวอมเปรี้ยวอมหวานค่ะVirgin Mary 100 บ. แก้วนี้เป็นน้ำมะเขือเทศใส่พริกไทยและซอสทาบาสโก้รสแบบน้ำมะเขือเทศเผ็ด ๆ แปลก ๆ ดี มาถึงอาหารในเซ็ตกันบ้าง จานแรกเป็น Appetizerซี่โครงแกะเจี๋ยนซอสน้ำผึ้งเสิร์ฟพร้อมขนมผักกาดผัดซอสเอ็กซ์โอจานนี้มีกลิ่นแกะแต่ไม่ได้แบบว่าแรงมาก ซอสรสหวานนำ เนื้อนุ่มใช้ได้ขนมผักกาดนุ่มนิ่มดี ชอบขนมผักกาดมากกว่าแกะละ 555Soup : พระโดดกำแพงออกแนวน้ำแกงตุ๋นยาจีนเลยค่ะ กลิ่นโสมนำโด่งมาก่อนเลยส่วนเครื่องก็จัดเต็มใส่มาทั้งปลิงทะเล , เป๋าฮื้อ , หอยเชลล์ตากแห้ง , ไก่ดำMain Course : ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊วปลาสดเนื้อหวานดี ซีอิ๊วทำมารสโอเคนะไม่เค็มมากNoodle : บะหมี่ญี่ปุ่นตุ๋นเป๋าฮื้อน้ำซุปรสอ่อน ๆ ไม่จัด เส้นบะหมี่ไม่นิ่มเละ แต่ก็ยังไม่หนึบมาก (เราชอบหนึบๆออกไปทางแข็ง)เมนูนี้เฉย ๆ ค่ะDessert : อโวคาโด้ครีมมะพร้าวอ่อนตัวนี้เป็นการผสมผสานระหว่างอโวคาโด้ สาคูและมะพร้าวอ่อน+ไอศครีมวนิลาเราว่าอโวคาโด้นี่กลิ่นและรสออกเขียว ๆ ไปหน่อย กลบทุกสิ่งหมดเลยเมนูนี้ยังไม่โดนค่ะโดยรวมเท่าที่ชิมไปอาหาร-ขนมมีความครีเอทดี บางอย่างก็คลิ๊ก บางอย่างก็ไม่คลิ๊กก็เป็นแนวฟิวชั่นเนอะ อาจจะคุ้นบ้างไม่คุ้นบ้าง ต้องมาลองชิมกันดูค่าเบ็ดเสร็จมื้อนี้จ่ายเพิ่ม 200 บ.เป็นค่าเครื่องดื่ม ราคาเน็ตแล้วไม่มี++ขอบคุณวอยเชอร์จากทางโรงแรมและ OpenRice ด้วยค่า
อ่านต่อ
เมื่อ openrices ใจดี แจกจริงแจกทุกวัน อันนี้ก็ต้องขอบคุณ openrices ด้วยนะคะ วันนี้เราได้บัตร Dinner Set 2,000 Baht ก็เลยรีบตรงดิ่งไปทานเลยคะร้าน Red Roseที่ตั้งของร้านร้านอยู่ชั้น 1 ของโรงแรม เซี่ยงไฮ้ แมนชั่น จะอยู่ต้นๆ เยาวราชเลยคะ เราไม่ค่อยชินกับทางแถวนั้นเท่าไหร่ แต่กด GPS ตามไปโลดเลย โรงแรมอยู่ริมถนนเยาวราช ไม่มีที่จอดรถ เราสามารถจอดรถที่จอดรถเอกชนแถวๆ นั้นได้เลย แต่ที่จอดรถแถวนั้นจะแคบหน่อย(บรรยากาศร้าน และการบริการ)ร้านตกแต่งน่านั่งมาก เพราะเขามีขายพวก Cock tail ด้วยก็ตกแต่ง แบบmodern ที่มีกลิ่นอาย ร้านนั่งดื่มนิดๆ เราชอบการตกแต่งเขามากคะส่วนการบริการ เราประทับใจมาก เขาใส่ใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส และอธิบายอาหารได้ดีเลย ชอบคะร้านอาหาร Red Rose ตั้งอยุ่ในโรงแรม เซี่ยงไฮ้ แมนชั่น อาหารเขาเป็นสไตล์ Chinese Modern เป็นอาหารจีนอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เราว่าเขาออกมาได้ดี น่าสนใจ เขามีทั้งเสริฟเป็น A la carte แล้วก็ เป็นเซต เราสนใจที่เป็นเซต เพราะนานๆ จะได้ทานอาหารจีนแบบเป็นเซต ด้วยคะ วันนี้เราจะมาพูดอาหารแบบเป็นเซตใน 1 เซตจะมีอาหาร 5 อย่าง มี 3 ราคาให้เลือก แตกต่างกันที่เมนูอาหารคะโดยแบ่งเป็น Appetizer, Soup, Main Course, Rice and DesertDINNER SET 1,000 BahtAppetizer สลัดกุ้งมังกรซอสสาเกSoup ซุปปลาหิมะไข่คู่Main Course ตงปอหยก เสริฟพร้อมหมั่นโถRice ข้าวเหนียวเนื้อปูDesert พุดดิ้งมะม่วงDINNER SET 1,700 BahtDINNER SET 2,000 BahtAppetizer ซี่โครงแกะ เจี๋ยนซอสน้ำผึ้งSoup พระกระโดดกำแพงMain Course ปลาหิมะนึ่งซีอิ้วRice บะหมี่ญุ่ป่นตุ๋นเป่าฮือDesert อโวคาโดครีมมะพร้าวอ่อนเราไปกัน 2 คน เลยเลือก Dinner set 1,000 บาท 2 ที่คะก่อนไปเขาเสริฟเหล้าจีน ด้วย เรียกน้ำย่อยกันหน่อยAppetizer สลัดกุ้งมังกรซอสสาเกกุ้งมังกร ยอดมะพร้าวแล้วก็เห็ด ฟาน เสริฟมาในแก้ว ที่แช่ในน้ำแข๊งอีกที เมนูนี้เป็น เรียกน้ำย่อยที่ทำให้เราสดชื่นสุดๆ เลย มะพร้าวอ่อนกินเป็นสลัดแล้วอร่อยกรอบๆ นิดๆ ดี น้ำสลัดไม่ได้มีกลิ่นสาเกรุนแรงมาก กินไปไม่เลี่ยนเลยSoup ซุปปลาหิมะไข่คู่ซุปที่มี่เห็ด ขิง ปลาหิมะ แล้วไข่คู่ก็เป็น ขี่เหยี่ยวม้ากับไข่เค็ม น้ำซุปที่เขาบอกไม่ได้ใช้ผงชูรสเลย แต่กลมกล่อม รสชาติดีเลยคะ ปลาหิมะเสียดายปลาหิมะชิ้นเล็กไปนิด อิอิ แต่แค่ชิ้นเล็กๆ ก็หวาน อร่อยMain Course ตงปอหยก เสริฟพร้อมหมั่นโถพนักงานบอกว่า อันนี้เป็นอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างของเขา เพราะต้องเคี่ยว 48 ชม เคี่ยวจากหมู 5 ชั้น จนเหลือ 3 ชั้น เขาเสริฟมมาพร้อมหมั่นโถ หมูมันนิ่มมากกกกกกกก จริงๆ ใครชอบมันรับรองกินลืมเลยคะแต่เรามันสู้มาก กินทั้งหมดไม่ไหว แต่เนื้อหมู กับซอสที่ราด อร่อยล้ำเลยอีกจากเขาเปลี่ยนให้เป็นไก่ หนังไก่ทอดมากรอบมาก ราดซอสหวานๆ ถ้าใครไม่อยากเลี่ยนมาก เปลี่ยนมาเป็นไก่ รับรองต้องติดใจRice ข้าวเหนียวเนื้อปูข้าวเหนียวที่เสริฟมา เข่งนึ่งรองด้วยใบบัว ข้าวเหนียวเขานึ่งมานิ่มดี ปูที่โรยมาก็สด ไม่มีกลิ่นคาวดีคะDesert พุดดิ้งมะม่วงพุดดิ่งมะม่วงที่เสริฟมาพร้อมซอสมะม่วงด้วย สำหรับเฉยๆ พุดดิ้งมันยังไม่มะม่วงมาก แต่นุ่มนิ่มดีนะคะถ้าเขาแทรกเนื้อมะม่วงมา น่าจะดีกว่านี้เป็นเซตที่อิ่มตื้อเลย ชอบอาหารเขาเลยคะ เป็น อาหารจีนที่อร่อย และเมนูน่าสนใจดี ไปลองเลย แนะนำคะ
อ่านต่อ
ท่ามกลางบรรยากาศที่พลุกพล่านด้วยผู้คนของย่านเยาวราช ..เพียงก้าวผ่านทางเดินที่ทำเป็นสะพานไม้สีแดงเข้ามาในโรงแรม Shanghai Mansion ก็รู้สึกเสมือนถูกพาย้อนเวลากลับไปสู่ความสวยงามหรูหราในยุคทองของเซี่ยงไฮ้ช่วงทศวรรษที่ 1930’s ซึ่งเป็นช่วงที่เซี่ยงไฮ้เจริญรุ่งเรืองจนได้รับการเปรียบเปรยว่าเป็น Paris of the East, New York of the West เลยทีเดียว ..ทั้งการตกแต่งภายในอย่างมีรสนิยมด้วยสไตล์ Art Deco ที่ผสมผสานเข้ากับศิลปะฝั่งตะวันออกของจีนได้อย่างลงตัว ทั้งเสียงแพลงแนวแจ๊สจากนักดนตรีที่มาเล่นขับกล่อมอยู่ทุกค่ำคืน สมกับ concept ที่ทางโรงแรมต้องการนำ The Jazz Age มาสู่ย่านเก่าแก่นี้ ทำให้ห้องอาหาร Red Rose ของที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล ชวนให้ไปสัมผัสเป็นประสบการณ์ดูสักครั้งค่ะ..***-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-***โรงแรม Shanghai Mansion นี้อยู่บนถนนเยาวราชช่วงกึ่งกลางระหว่างสี่แยกถนนผดุงด้าวและถนนทรงสวัสดิ์ค่ะ ตัวโรงแรมเองอยู่ริมถนนและไม่มีที่จอดรถ แต่สามารถนำรถไปจอดลานจอดรถเอกชนในละแวกนั้นได้ (แน่นอนว่ามีค่าบริการด้วย) ไตร่ตรองดูแล้วเราเลยขอบึ่งแท็กซี่ไปสะดวกกว่าค่ะ ขาไปนั้นสบายใจไม่มีปัญหา แต่ขากลับช่วงค่ำๆรู้สึกว่าเรียกแท็กซี่ยากอยู่ ไม่ค่อยจะยอมไปกันเลย ต้องรอนานประมาณนึงแต่สุดท้ายก็เรียกได้นะจากริมถนนเมื่อเดินมาถึงตัวโรงแรมจะเห็นส่วนของ Terrace Bar ซึ่งอยู่ด้านหน้าแบบ outdoor ให้นั่งดื่มนั่งคุย พร้อมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศคึกคักย่านไชน่าทาวน์ สำหรับช่วงค่ำๆก็จะมีนักดนตรีมาเล่นเพลงในบริเวณนี้เอง โดยเริ่มเล่นในช่วง 19.30 – 22.30 น. โดยประมาณค่ะจาก Terrace Bar เดินเข้าไปด้านในผ่านบาร์เครื่องดื่มเข้าไปจะเป็นส่วนของห้องอาหาร Red Rose ซึ่งอยู่เชื่อมต่อกันค่ะ ถ้าไม่อยากเดินฝ่าคนเข้าไปจาก Terrace Bar ก็สามารถเดินตรงเข้าทางประตูโรงแรมได้ จะเห็นห้องอาหาร Red Rose อยู่ทางขวามือติดกับทางเข้าเลย ห้องขนาดเล็กๆไม่ได้ใหญ่โตกว้างขวางนัก แต่ก็ดูหรูหรามีดีไซน์ ตกแต่งด้วยโซฟา เก้าอี้หนัง รูปภาพยุค 30’s และเพดานปูนเปลือยเท่ๆ เห็นแล้วแอบจินตนาการไปว่ากำลังอยู่ในภาพยนตร์คลาสสิคเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เลยทีเดียว เข้ากับแนวเพลงที่นักดนตรีเลือกเล่นมากๆ ..ได้ยินเสียงเพลง L.O.V.E. ของ Nat King Cole ลอยมาแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าที่นี่เค้าคุม concept ให้อยู่ในยุคนั้นทุกรายละเอียดเป๊ะดีจริงๆ..***-เมนูที่ได้ลอง-***เช่นเดียวกับบรรยากาศและการตกแต่งที่เป็นแบบ East meets West อาหารที่นี่ก็เป็นอาหารจีนที่มีการผสมผสานแบบฟิวชั่น โดยหลายๆเมนูแม้จะคงรสชาติอย่างอาหารจีนไว้แต่ก็มีการปรับเปลี่ยน presentation ให้ดูสวยงามปราณีตเช่นเดียวกับอาหารเป็นคอร์สของฝรั่ง เมนูอาหารที่นี่จะมีทั้งแบบสั่งเป็น a la carte และแบบชุด Set ซึ่งมีทั้ง Lunch Set และ Dinner Set ..กับครั้งนี้เราขอมาลอง Dinner Set กันก่อนค่ะDinner Set ที่นี่จะเป็นอาหาร 5 คอร์ส มีให้เลือก 3 แบบ – 3 ระดับราคา คือเซ็ท 1,000 / 1,700 / และ 2,000 บาท ราคา net แล้วค่ะ แม้ชื่อจะบอกว่าเป็น Dinner แต่ก็สามารถสั่งได้ตั้งแต่ 15.00 น. เป็นต้นไปเลยนะคะในส่วนของห้องอาหาร Red Rose และ Terrace Bar นี้ ถ้าสั่งเครื่องดื่มในเวลา 17.30 – 19.30 จะเป็นช่วง Happy Hour ที่มีโปรโมชั่น 1 แถม 1 ค่ะ โดยสามารถสั่งได้ทั้งเบียร์ ไวน์ cocktails และ mocktails ต่างๆไปจนถึงน้ำอัดลม เราเลยลอง mocktails ของเค้าไป 3 อย่างค่ะ● Virgin Pina Colada (ราคา 100 บาท) – ส่วนผสมหลักเป็นน้ำกะทิผสมน้ำสับปะรด ชิมดูแล้วแอบนึกถึงขนมหวานใส่น้ำกะทิของไทยๆเรายังไงๆอยู่ ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่โดนใจค่ะ● Bangkok Sunshine (ราคา 100 บาท) – เป็นน้ำส้มผสม cransberry และสับปะรด เปรี้ยวๆหวานๆสดชื่นดีใช้ได้ค่ะ● Virgin Mojito (ราคา 100 บาท) – แก้วนี้ได้รสสดชื่นของสไปรท์ น้ำมะนาว เสริมด้วยกลิ่นหอมของใบสะระแหน่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ จัดว่าดีงาม ชอบเลย..สำหรับเซ็ทนี้ราคา 2,000 บาท ราคาที่ลงไว้ให้ในวงเล็บจะเป็นราคาสำหรับการสั่งแบบ a la carte นะคะ● ซี่โครงแกะเจี๋ยนซอสน้ำผึ้งเสิร์ฟพร้อมขนมผักกาดผัดซอสเอ็กซ์โอ (750 บาท) – เปิดมาเมนูแรกก็ฟินระเบิดระเบ้อ เนื้อแกะนุ่มๆย่างมาได้ความสุกกำลังพอดีทั่วถึงทั้งชิ้น ไม่มีกลิ่นสาบซักนิด เข้ากันดีกับรสของซอสน้ำผึ้งที่ออกหวานเค็มกำลังกลมกล่อม ขนมผักกาดก็เนื้อเนียนนุ่มหนึบดีงามสุดๆ ผัดกับซอส X.O. มีรสเผ็ดติดปลายลิ้นอยู่นิดๆพอเสริมรส อร่อยน้ำหูน้ำตาไหล.. ส่วนตัวแล้วชอบจานนี้มากที่สุดในมื้อนี้เลย● พระกระโดดกำแพง (500 บาท) – เมนูนี้เป็นซุปที่เราอยากลองมากเพราะไม่เคยทานมาก่อน เห็นว่าเป็นเมนูที่ถ้าจะสั่งต้องโทร.จองล่วงหน้าเพื่อให้เชฟมีเวลาตุ๋นน้ำซุปด้วยนะคะ ส่วนผสมประกอบด้วยสมุนไพรจีนหลายชนิดรวมไปถึงโสมด้วย ส่วนเครื่องที่ใส่ในซุปก็มีปลิงทะเลนุ่มๆหยุ่นๆ หอยเป๋าฮื้อ และไก่ดำที่ตุ๋นจนเนื้อเปื่อย หอมกลิ่นไก่ชัดเจนดีงาม ตัวน้ำซุปนั้นปรุงออกมาได้รสอ่อนๆนุ่มนวล แต่แอบรู้สึกหลอนเล็กๆกับกลิ่นแฝงในซุปที่มันชวนให้นึกถึงยาจีนจริงๆซะด้วยสิ ในแง่รสชาติแล้วเลยเหมือนยังไม่โดนใจมากเท่าไหร่ คิดว่าความโด่งดังของเมนูนี้น่าจะเป็นในเรื่องของสรรพคุณการบำรุงร่างกายอะไรทำนองนี้มากกว่าน่ะค่ะ● ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว (600 บาท) – จานนี้ได้ปลาหิมะชิ้นไม่โตมาก แต่เนื้อหนาฟู ทั้งนุ่มทั้งแน่น หวานอร่อยสุดๆ รสของซีอิ๊วก็กลมกล่อมกำลังดี ปลื้มปริ่มโดนใจมากมายค่ะ● บะหมี่ญี่ปุ่นตุ๋นเป๋าฮื้อ (350 บาท) – บะหมี่ญี่ปุ่นเส้นกลมหนึบคล้ายพาสต้า นำมาปรุงในน้ำสตูว์สีน้ำตาลใสรสชาติอ่อนๆแบบซุปจีน หอยเป๋าฮื้อนั้นให้มา 2 ตัวย่อมๆกำลังทานเพลิน อร่อยใช้ได้ทีเดียวนะ● อโวคาโดครีมมะพร้าวอ่อน (250 บาท) – เมนูนี้เสิร์ฟมาในมะพร้าวอ่อนทั้งลูกดูอลังการ (แคะเอาเนื้อมะพร้าวอ่อนมากินกับขนมได้ด้วยนะ) ครีมอโวคาโดสีเขียวอ่อนผสมสาคู มีไอศกรีมวานิลลาอยู่ตรงกลาง แต่งด้วยซอสช็อคโกแลต รสชาติของครีมอโวคาโดนั้นอ่อนๆไม่หวานมาก ไอศกรีมจัดว่าธรรมดา ส่วนตัวแล้วเฉยๆกับเมนูนี้ แต่ก็พอทานได้แบบเพลินๆล่ะ● สลัดกุ้งมังกรซอสสาเก (380 บาท) – เนื้อกุ้งมังกรแน่นๆฝานบางๆ กับชิ้นยอดมะพร้าวฝานและเห็ด เสิร์ฟมาบนจานใส่น้ำแข็งเพื่อรักษาความเย็นที่สดชื่นไว้ ซอสสาเกที่ราดนั้นรสอ่อนๆ เป็นรสชาติที่แปลกดีไม่เหมือนน้ำสลัดที่อื่น แม้จะไม่ถึงกับโดดเด่นจนต้องว้าว แต่ก็ดีงามทีเดียวล่ะค่ะ● ซุปปลาหิมะไข่คู่ (350 บาท) – เป็นซุปปลาหิมะที่ปรุงด้วยขิง เห็ดชิเมจิ ไข่เยี่ยวม้า และไข่เค็มค่ะ โดยทั้ง 2 ไข่นั้นใส่มาเป็นเศษๆชิ้นละเอียดเพื่อใช้เพิ่มรสชาติ ไม่ได้ใส่มาทั้งลูกนะคะ ในแง่รสชาตินั้นปรุงมาได้ดีงามทีเดียว ถ้าไม่คิดถึงเรื่องการใช้เครื่องยาราคาแพงหรือสรรพคุณในการบำรุงใดๆ ตัดสินกันแค่รสชาติอย่างเดียวแล้วล่ะก็ เราว่าซุปถ้วยนี้รสดีกว่าเมนูพระกระโดดกำแพงอีกนะ● ตงปอหยก เสิร์ฟพร้อมหมั่นโถว (300 บาท) – หมูสามชั้นตุ๋นมานุ่มละลายในปาก รสชาติคล้ายไส้หมูแดงของซาลาเปา แต่อร่อยกว่าหลายเลเวลค่ะ หมั่นโถวที่เสิร์ฟมาด้วยกันก็เนื้อดีมาก ทั้งนุ่มทั้งแน่น เลิศสุดๆ ..เมนูนี้แม้ความอร่อยจะได้ระดับ 5 ดาว แต่มีข้อเสียอยู่อย่างคือทานหลายคำเข้าก็จะเลี่ยนนะ ให้ตุ๋นนุ่มยังไงมันหมูก็คือมันหมูนั่นล่ะ ถ้าฉายเดี่ยวมาไม่ควรสั่งนะคะ แต่ถ้ามาซักสองคนขึ้นไปล่ะแบ่งกันกำลังฟินเลย● ข้าวเหนียวเนื้อปู (200 บาท) – เมนูแนะนำที่พนักงานบอกว่าเคยออกทีวีมาซะด้วย พอชิมแล้วคือดีงามสมกับที่ทางร้านภาคภูมิใจค่ะ ข้าวเหนียวหุงมาได้นุ่มมากกก... นุ่มแบบนึกไม่ถึงว่าข้าวเหนียวจะสามารถนุ่มได้ขนาดนั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่แฉะ แถมเรียงเม็ดสวยเลยนะคะ รสชาติเค็มมันกำลังดีคล้ายบ๊ะจ่าง ได้กลิ่นหอมอวลของเนื้อปูที่โรยมาให้แบบจัดเต็ม อร่อยมากมายบอกเลย● พุดดิ้งมะม่วง (190 บาท) – เป็นของหวานที่สดชื่นดีพอใช้ได้ค่ะ อาจจะยังไม่ใช่พุดดิ้งมะม่วงที่เป๊ะที่สุด แต่ก็อร่อยสอบผ่าน ชอบมากกว่าของหวานของชุดที่แล้วนิดนึงนะคะสำหรับ serving size ของอาหารเซ็ตที่นี่ เราไปกัน 3 คน สั่งมา 2 เซ็ทนี้แบ่งกันก็อิ่มแบบพอดีๆกำลังสบายเลย แต่ถ้าคนกินจุก็อาจจะ 1 คน : 1 เซ็ท ได้ค่ะโดยรวมแล้วก็เป็นอีกมื้อหนึ่งที่น่าประทับใจทั้งบรรยากาศ อาหาร และการบริการ ถ้าใครอยากมาลิ้มลองอาหารจีนฟิวชั่นฝีมือปราณีตภายใต้บรรยากาศแบบเซี่ยงไฮ้ย้อนยุคพร้อมดื่มด่ำกับเสียงดนตรี jazz ล่ะก็ ..ขอบอกว่าที่นี่แหละ หนึ่งเดียวในเยาวราชเลย ถ้ามีโอกาสก็น่าแวะมาลองซักครั้งนะคะSpecial Thanks : ขอบคุณ voucher 2,000 บาท จาก OpenRice ที่ทำให้มื้อนี้ของเราราคาเบาลงไปเยอะเลยค่ะ
อ่านต่อ
วันนี้จะพาไปกินอาหารร้านหนึ่งที่ตั้งใจว่าจะไปกินนานแล้วนะคะ แต่ก็ไม่ได้ไปสักที จนจู่ๆ ทาง Openrice มีแจกเวาเชอร์ 2000 บาทห้ารางวัล โดยมีกติกาต่างกันไป เราก็ลงชื่อไว้ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ทำข้ออื่นหรอกนะคะ จนมารู้อีกทีก็ตอนเค้าประกาศผลว่ารูปที่เราอัพใน OpenSnap มันได้โหวตสูงสุด เลยได้เวาเชอร์ (แบบงงๆ 555) ก็เลยได้ไปกิน พร้อมกับชวนน้องอีกคนไปด้วยกันค่ะพิกัดของห้องอาหาร Red Rose อยู่ที่ชั้นล่างของโรงแรม Shanghai Mansion เลยค่ะ (แต่เดิมอยู่ชั้นสอง ตอนนี้ชั้นสองให้เป็นห้องไพรเวทนะคะ)หากใครนำรถมา ก็สามารถไปจอดที่เท็กซัสสุกี้ ด้านหลังรร.นี้ได้ค่ะ แต่เสียค่าจอดเองนะคะ แหะๆ วันนั้นน้องเราเอาไปจอดอีกที่ค่ะ แต่ให้เราลงไปเก็บภาพก่อน จะได้ไม่ต้องเดินไกล (น่ารักที่สุด แฮ่..) ด้านหน้าของรร.ก็หน้าตาอย่างนี้นะฮับที่จริงห้องอาหารนี้จะเป็นเอาท์ดอร์นะคะ แต่แปลกมากที่ด้านในเปิดแอร์และเย็นค่ะ ไม่ร้อนเลย ขณะที่ด้านนอกติดถนนก็ไม่มีแอร์เป็นปกติ ไม่รู้ว่าเค้าจัดการกันอย่างไรค่ะ ซึ่งตัวอาหารถ้าใครมาก่อน 14.00 น. ก็สามารถสั่งเซ็ตมื้อกลางวันและติ่มซำได้นะคะ แต่ถ้าหลังบ่ายสองแล้ว จะไม่มีสองแบบนี้ให้สั่งค่ะการตกแต่งภายในสวยงามมาก ชอบอ้ะ แต่มีความเป็นบาร์อยู่ด้วยนะคะเมนูของที่นี่ค่ะ จะแบ่งออกเป็นเมนูอาหาร เมนูเครื่องดื่มและไวน์ลิสต์นะคะราคาเมื่อเทียบกับพอร์ชั่นแล้วถือว่าสูงพอควรค่ะ แต่ก็ตามทำเลและกลุ่มลูกค้า (ที่นี่ชาวตะวันตกมาเยอะค่ะ ถ้าเป็นคนไทยก็สูงอายุหน่อย)โดยเวาเชอร์ที่เราได้ไป สามารถใช้สิทธิ์ได้สามแบบค่ะ เราเลือกแบบที่ 1 นะคะ1. เซ็ตดินเนอร์ 2000 บาท (เท่ากับมูลค่าเวาเชอร์เลย)2. เลือกเซ็ตดินเตอร์ 1700 บาทแล้วสั่งอย่างอื่น ถ้าเกิน 2000 ก็จ่ายเงินเพิ่มไป3. เลือกเซ็ตดินเนอร์ 1000 บาท 2 เซ็ตค่ะmenu เครื่องดื่มค่า ซึ่งจะมีช่วงเวลาโปรฯ 17.20-19.30 น. ซื้อ 1 แถม 1 ด้วยนะคะ ตอนที่เราไปก็อยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวพอดี เลยได้ใช้สิทธิ์ค่ะ แหะๆสำหรับใครที่ติดโซเชี่ยล หรืออยากเช็คอินให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล (เอิ่ม..อะไรของป้าคะ) ที่นี่มีไวไฟฟรีนะคะ เลือกไวไฟแล้ว พอสัญลักษณ์ไวไฟขึ้น ต้องเปิดบราวเซอร์ (อย่างไอโฟนก็เป็นซาฟารี) จากนั้นก็ต้องใส่ username, password ถึงจะใช้งานได้ค่ะจากนั้นทางร้านก็นำเวลคัมดริ๊งค์มาเสิร์ฟค่ะ เป็นเหล้าจีนเย็นๆ เข้มข้น หอม และเมาค่ะ 555 อารมณ์ประมาณเหล้าบ๊วย แต่แรงกว่าส่วนเครื่องดื่มอีกตัวเราสั่งเซี่ยงไฮ้สไมล์มาก่อนค่ะ ราคาสั่งแยกแก้วละ 100 บาท จะเป็นน้ำส้มผสมนมนะคะ รสออกแนวละมุนๆ เบาๆ ค่ะจากนั้นเมนูแรกก็มาเสิร์ฟค่ะ เป็นแอพพิไทเซอร์กับซี่โครงแกะเจี๋ยนซอสน้ำผึ้งเสิร์ฟพร้อมขนมผักกาดผัดซอสเอกซ์โอตัวนี้แกะกลิ่นชัดนะคะ นุ่มพอควร สำหรับเราว่าสุกไปนิดหนึ่ง ซอสออกรสหวานแต่อร่อยค่ะ ชอบที่มีพริกหยวกมาด้วย ทำให้ตัดรสเผ็ดหอมพริกหยวกมาหน่อยหนึ่ง เวลากินกับขนมผักกาดยิ่งเข้ากันได้แบบน่าแปลกใจค่ะ เมนูนี้แน่นอนว่าฟิวชั่น ตัวรสชาติเน้นไปออกแนวทางอาหารจีนนะคะ อ้อ อีกอย่างคือ มีความเผ็ดร้อนของพริกไทยตามมาปลายการกิน (ไม่ปรากฏทั้งในตอนต้นและกลางของการกินค่ะ) เหมือนเชฟซอสรสนี้ไว้น่ะค่ะ พอกินและกลืนไปสักพักถึงจะเริ่มชัดกับพริกไทยมากขึ้นนะคะต่อไปเป็นซุปค่ะ กับพระกระโดดกำแพงก่อนบริการแต่ละเมนู ทางพนักงานก็จะมาเปลี่ยนอุปกรณ์ให้เหมาะกับเมนูที่กำลังจะมาบริการนะคะ อย่างตอนซุปก็เปลี่ยนภาชนะเป็นถ้วยและช้อนซุปให้ค่ะตัวนี้ทางเชฟจะทำการตุ๋นสองวันนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าจะสั่งเมนูนี้ แนะนำให้จองและแจ้งล่วงหน้าค่ะ ตัวรสชาติ ซุปรสมาเต็มมากๆ แบบเจอหน้าก็ตุ๊ยท้องเลยน่ะค่ะ มีรสเครื่องยาด้วย แต่ไม่ได้แย่นะคะ เครื่องเคราทุกอย่างที่ใส่มาพวกสมุนไพร อย่างขิงหรืออื่นๆ ทำมานิ่มแบบเคี้ยวกินได้ไม่ระคายปากเลยค่ะ ชอบมาก ปลิงทะเลนุ่มหยุ่น เด้งกำลังดี เป๋าฮื้อไม่ใหญ่มากแต่โอเคนะคะ ด้านในยังมีรสชาติของความเป็นทะเลอยู่ ตัวไก่ดำก็ทำมาดีค่ะ นิ่มเปื่อยกินง่ายนะคะต่อไปเป็นเมนดิชค่ะ มีสองเมนูนะคะคือ ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊วกับบะหมี่ญี่ปุ่นตุ๋นเป๋าฮื้อค่ะตัวปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว ปลาสดหวานมากค่ะ ตัวซีอิ๊วก็หวานแกมเค็มกำลังอร่อย (ใกล้เคียงกับ Ming Kee Live Seafood ที่สิงคโปร์เลยหละค่ะ) อร่อยค่ะเมนูนี้สำหรับบะหมี่ญี่ปุ่นตุ๋นเป๋าฮื้อนั้น เส้นหนึบมากกว่าเด้งนะคะ ซุปรสอ่อนแต่ออกเค็ม คล้ายๆ ราเม็งซุปมิโสะค่ะ ซึ่งข้าพเจ้าผู้ไม่ได้โปรดราเมงนักเลยเฉยๆ กับจานนี้ แต่น้องที่ไปด้วยซึ่งชอบราเมงมากบอกว่าอร่อยมากค่ะ 555พอสักทุ่มครึ่งก็เริ่มมีนักดนตรีมาเล่นนะคะ แปลกใจเหมือนกัน เพราะน้องพนักงานแจ้งว่า เล่น 20.30 น.ค่ะ แต่วันนั้นมาเล่นไวแฮะ เสียงดีมากค่ะ เพลงเพราะๆ ทั้งนั้นเลย (ก่อนนักดนตรีมา เพลงที่ร้านตื๊ดไปนิดค่ะ นึกว่าอยู่ทองหล่อกันเลยทีเดียว)จากนั้นก็สั่งอีกเมนูหนึ่งมาเพิ่มค่ะ เนื่องจากยังไม่อิ่ม (ที่จริงเซ็ตนี้ถ้าผู้ชายกินเก่งๆ กินคนเดียวจะกำลังพอดีค่ะ พอเป็นเราถ้ากินคนเดียวก็เยอะไป แต่พอชวนน้องมากินด้วย ปริมาณก็น้อยไปหน่อยค่ะ แหะๆ เลยสั่งเพิ่มเอา) เลือกเป็นเมนูนี้เพราะเป็นเมนูที่เคยไปออกรายการครัวคุณต๋อยค่ะตงปอหยกเสิร์ฟพร้อมหมั่นโถว ตัวนี้จ่ายเพิ่มอีกค่ะ ชุดนี้ 300 บาทนะคะตงปอหยก ทำมาเปื่อยมากค่ะ มันละลายเชียว ตัวซอสมีกลิ่นค่อนข้างซับซ้อนพอควรเลยค่ะ แต่เราได้กลิ่นเหมือนๆ ซินนาม่อนด้วยแฮะ แต่วันนั้นกินมันกันไปแค่บางส่วนนะคะ เพราะอยู่ระหว่างควบคุมไขมันทั้งคู่ แหะๆส่วนหมั่นโถวนี่...ขอบอกว่ามัน อร่อยมากกกกกก แป้งนุ่ม แน่นกำลังดี อร่อยค่ะ เสียดาย เราว่าให้มาน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับตงพอหยกอ้ะ น่าจะให้มาหลายก้อนกว่านี้ค่ะ สองก้อนน้อยเกินไปนะคะปิดท้ายกันด้วยของหวานค่ะ กับอโวคาโดครีมมะพร้าวอ่อนตัวนี้รสชาติออกแนวมันๆ ของอโวคาโดแหละค่ะ ซึ่งเราว่ารสมันไม่บาลานซ์กันระหว่างครีมอโวคาโดสาคูกับไอศกรีมน่ะ พอกินด้วยกัน รสไอศกรีมโดนกลบมิดแทบไม่เจอเลยค่ะ มาเจอตอนท้ายๆ เท่านั้นเอง แล้วก็ตัวช็อกโกแลตที่ทำเป็นลายเส้นบนไอศกรีม เราว่าทำให้รสชาติมันโดดค่ะ (แต่ก็สวยอะนะ) โดยรวมสำหรับเรา ตัวนี้ไม่ค่อยโอค่ะลืมถ่ายเครื่องดื่มอีกตัวมาค่ะกับ Bangkok Smile รีวิวโดยไม่มีรูปแล้วกันนะคะ จะผสมจากแครนเบอรี่ ส้ม และสับปะรดค่ะ หอมมากค่ะ เราชอบมากกว่าตัวเซี่ยงไฮ้สไมล์นะคะเอาหน้าตาเชฟผู้รังสรรค์อาหารมื้อนี้มาให้ชมค่ะ กับเชฟตุ๊ นราพงษ์ คงคำ (ถอดจากนามบัตรภาษาอังกฤษ สะกดผิดขออภัยด้วยนะคะ) และพนักงานที่ให้ข้อมูลและบริการที่ดีมากๆ นะคะ น้องจอยค่ะค่าเสียหายที่จ่ายเพิ่มไปวันนั้นค่ะ เนื่องจากไม่ถึง 500 เลยใช้บัตรเครดิตไม่ได้นะคะก่อนกลับก็ไปเข้าห้องน้ำซึ่งจะอยู่ด้านใน เลยล็อบบี้ของโรงแรมเข้าไปอีกนะคะ เลยเก็บภาพมาฝากกันค่ะ ตกแต่งสวยมีสไตล์อ้ะ ชอบจังสรุปสำหรับห้องอาหารแห่งนี้นะคะ อาหารคาวที่นี่จะออกแนวฟิวชั่นค่ะ ซึ่งอร่อยหลายเมนูเลย เรายังเล็งว่ามีโอกาสจะมากินอีกหลายๆ เมนูเลยหละค่ะ น้องจอยเองก็เชียร์ว่าติ่มซำที่นี่อร่อย (แม้ว่าเมนูจะไม่เยอะมาก เนื่องจากแขกส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันตกที่รู้จักติ่มซำอยู่ไม่กี่เมนู) ก็ยังว่าจะไปลองดูเหมือนกันค่ะ ส่วนเพลง ดีมาก เพราะมาก (ที่เล่นสดนะคะ) ก็เป็นอีกที่ที่น่าไปกินอาหารและฟังเพลงได้อย่างรื่นรมย์ค่ะ
อ่านต่อ
ห้องอาหารเรดโรส (RED ROSE) ตั้งอยู่ในโรงแรมเซียงไฮ้ แมนชั่น บนถนนเยาวราชค่ะ ที่นี่เป็นห้องอาหารจีนโมเดิร์น กับการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความหรูหรา งดงาม ตกแต่งสีสด สลับกับสีดำ และสีขาว ทำให้ร้านดูบรรยากาศหรูหรา ไม่ได้ดูเป็นจีนจ๋า แบบที่คิดไว้แต่แรกค่ะ พูดกันง่ายๆคือ ดูไฮโซมากๆที่ RED ROSE นี้ ต้องบอกเลยค่ะว่า แอบตกใจนิดนึง ที่ร้านดูหรูหรา และคลาสสิคมาก ไม่คิดว่าจะเป็นร้านอาหารจีนดนตรีสดที่เล่นก็เน้นไปที่เพลงสากล แขกส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติค่ะ มีคนไทยด้วยเหมือนกัน บนโต๊ะที่เห็นจะเซตจานเอาไว้เหมือนอาหารฝรั่งเลยนะ แถมมีแก้วไวน์อีกต่างหาก ซึ่งทาง RED ROSE ก็แนะนำว่าทางร้านจะเสริฟอาหารจีน แต่ก็สามารถเลือกได้ว่า จะให้เสริฟคู่กับ ชา หรือ อยากให้แนะนำเป็นไวน์ตัวไหนที่จะเหมาะกับอาหารจานนั้นๆ พอได้ฟังก็มึนๆงงๆนะ แต่ก็รู้สึกว่า เชฟที่นี่ดูจะมีความคิดสร้างสรรค์ไม่เบาเลยค่ะอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของที่นี่ นอกจากกลิ่นกุหลาบหอมจางๆ ตามชื่อร้านแล้ว ที่นี่พนักงานจะต้อนรับด้วยผ้าเย็นหอมกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ พร้อม Welcome drink ที่เป็น Chinese whiskey เรียกน้ำย่อย ซึ่งมาเป็นไหแบบนี้เลยค่ะ แต่ให้เราทาน จอกนึง เพราะแอลกอฮอลล์แรงมาก วาไม่ได้ชิมนะ เพราะปกติวาไม่ทานแอลกอฮอล์เท่าไหร่ แล้วอันนี้กลิ่นแรงมากๆ แต่คนที่ชิมบอกว่า ค่อนข้างแรงเลยทีเดียว คนที่ทานเหล้าแรงๆ ก็อาจจะทานได้โอเค ให้จิบนิดๆ เป็นการเรียกน้ำย่อยได้ดีจริงๆมาถึงอาหารของที่นี่บ้าง คือเค้าจะมีให้สั่งเป็น เซตเมนูค่ะ ซึ่งมีแบบสำหรับ 1 คน หรือสำหรับ 2 คนแล้วแต่เค้าจะมีบอกว่าในเซตนั้นๆ มีอะไรบ้าง เราสนใจตัวไหนยังไง ก็เลือกเลย ซึ่งในเมนูไม่ได้มีรูปภาพแต่อย่างใดค่ะ วาก็เลือกเป็น Red Rose Dinner Set 3 ( 5courses for 1 person ) เป็นเซตสำหรับ 1 คนค่ะ เมนูน่าสนใจ วาอยากลองพระกระโดดกำแพง แล้วก็เนื้อวากู ก็เลยเลือกอันนี้ค่ะAppetizer : สลัดกุ้งทอดผลไม้Crispy Prawn Salad with Wasabi Mayonnaise and Fresh Fruitsผลไม้สดหลากชนิด และเนื้อกุ้ง คลุกเคล้ากับน้ำสลัดที่มีส่วนผสมของวาซาบิและมายองเนส จานนี้สดชื่นมาก ทางเชฟแนะนำว่าให้ทานคู่กับไวน์ขาวตัวนึง หรือ ชา อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งก็อร่อยไปอีกแบบ เพราะไวน์ค่อนข้างมีรสออกหวานเปรี้ยวๆ สดชื่น แต่วาก็แค่จิบๆ และทานคู่กับชา ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ เป็นการเริ่มเซตเมนูได้สดชื่นดีSoup : พระกระโดดกำแพงSoup with Sea Cucumber, Baby Abalone, Dried Scallops, Ginseng and Chinese Herbsอันนี้ต้องบอกเลยว่า เพิ่งเคยลองเป็นครั้งแรกค่ะ เค้าเสริฟมาในหม้อเล็กๆ แต่ข้างในอัดแน่นไปด้วย วัตถุดิบชั้นยอดหลายอย่าง ที่แน่ๆคือปลิงทะเล อร่อยมากๆ ที่ชัดๆอีกอย่างก็คือไก่ดำค่ะ แล้วก็รวบรวม เครื่องยาจีนมากมาย ซุปกลมกล่อมมากๆค่ะ ไม่จืด ไม่เข้มเกินไป ทานเป็นซุปได้อย่างดี วาซดหมดเลยล่ะ เนื่องจากไม่เคยทานที่อื่นก็ไม่รู้ว่าอันนี้อร่อยไหมยังไง แต่ถือว่ารสชาดดี ถูกปากค่ะMain Course : เนื้อริบอายเจี๋ยนซอสงาPan-seared thin slices of Rib Eye with Chef’s special sesame sauceจานนี้วาให้เป็นไฮไลท์ของเซตนี้เลยนะ เพราะหน้าตาดูธรรมดา เหมือนสเต็กเนื้อ แต่รสชาดถูกใจมากจริงๆค่ะ เป็นริบอายเนื้อนุ่ม ราดซอสที่มีรสเข้มข้น ได้กลิ่นของซอสงา หรือที่มีรสคล้ายๆน้ำสลัดญี่ปุ่นนิดๆ อร่อยลงตัวมาก แล้วผักเคียงด้านข้างคือ " กิมจิ " ซึ่งทานรวมๆกันแล้ว อร่อยมาก ไม่คิดว่ามันจะลงตัวได้ขนาดนี้ ต้องบอกว่าเชฟเก่งมากจริงๆค่ะ จริงๆชิ้นใหญนะคะ อิ่มเลยล่ะ แต่ถ่ายรูปมาในมุมที่ดูชิ้นไม่ใหญ่ พอดีที่ร้านค่อนข้างมืดค่ะ ถ่ายรูปยากหน่อย อาหารจานนี้เชฟแนะนำให้ทานกับไวน์แดงค่ะ ซึ่งมันจะเข้ากันกับการทานเนื้อ แต่ก็มีการเสริฟชาให้ลองทานคู่ด้วย ก็รู้สึกว่า ชามันทานคู่กับอะไรก็ได้นะ วาเองไม่ทานแอลกอฮอล์ด้วย เลยรู้สึกว่าทานกับชาอร่อยทุกอย่างเลยRice : ข้าวเหนียวเนื้อปูSticky Rice steamed in Chinese herbs topped with crabmeatอีกหนึ่งเมนูที่เค้าบอกว่าหาทานยาก เค้าเล่าว่า เชฟนำข้าวเหนียวที่ผ่านการแช่ไม่เกิน 3 ชั่วโมง มานึ่งจนสุกได้ที่ เพื่อให้ข้าวเรียงตัวเป็นเม็ดสวย จากนั้นนำไปคลุกกับซอสที่มีส่วนผสมของกุ้งแห้ง เต้าเจี้ยว เนื้อหมู และเคี่ยวต่อในเวลาที่พอดีเพื่อไม่ให้ข้าวแข็งเกินไป นำไปแช่ตู้เย็นและจะนำออกมานึ่ง พร้อมโรยหน้าด้วยเนื้อปูสด จานนี้รสชาดเหมือน บ๊ะจ่างค่ะ แต่ข้าวนุ่มมากๆ นุ่มแบบไม่คิดว่ามันคือข้าวเหนียว และไม่ได้ร่วนแบบข้าวสวย คือนุ่มจนตักเข้าปากเรื่อยๆ เพลินๆ เผลอแปปเดียวหมด ไม่รู้ตัวเลยค่ะ จานนี้เค้าเสริฟมาพร้อมกับเนื้อริบอาย ซึ่งสามารถทานคู่กันก็ได้ หรือทานแบบเดี่ยวๆก็ได้ค่ะ วาว่ารสกำลังดีไม่เค็มไป ไม่จืดเกินDessert : แปะก๊วยร้อนมะพร้าวอ่อนWarm Gingko Nut served in syrup with Young Coconut Meatและสุดท้ายค่ะ แปะก๊วยมะพร้าวอ่อน อร่อยมากๆ เพราะเสริฟมาแบบร้อน เลยทำให้นุ่มขึ้น รสก็ไม่หวานเกินไป ปิดท้ายมื้ออาหาร มื้อนี้แบบอุ่นๆ อิ่มสบายท้องเลยค่ะ ซึ่งตอนนี้เค้าก็นำเสนอเครื่องดื่ม ที่เหมาะกับจานนั้นนี้มากมายอ้อ..เครื่องดื่มต่างๆที่พิมพ์ หรือโพสถึง จะไม่ได้รวมราคาในเซตอาหารนะคะ ต้องจ่ายแยกต่างหาก ซึ่งก็สามารถสอบถาม และปรึกษาได้เลยว่า เราสั่งเมนูนี้ๆ แล้วควรจะทานคู่กับอะไรได้บ้ง เค้าแนะนำดีค่ะ บริการดีมาก... มาถึงขั้นตอนการกำหนดราคาอาหารมื้อนี้ค่ะครั้งแรกในประเทศไทยที่เราเป็นคนกำหนดราคาอาหารเองสรุปมื้อนี้ วาให้ราคาอาหารเซตนี้ที่ : 990 บาทค่ะจริงๆอยากจะให้ราคาสูงกว่านี้ด้วยนะ แต่ก็รู้สึกว่าถ้าจะต้องจ่ายค่าอาหาร ก็คงไม่อยากจ่ายแพง 555 แต่เหตุผลที่ให้ราคานี้ ก็เพราะว่า วาว่าคุณภาพของเค้าเลิศมากเลยนะคะ วัตถุดิบคุณภาพดี กุ้งเด้งดึ๋งๆ ซอสราดต่างๆ การตกแต่ง รสชาด บรรยากาศ มันลงตัวมาก จนรู้สึกว่าประทับใจ คือถ้าดูแค่รูปอาหาร หรือชื่อเมนู มันก็อาจจะไม่ได้รู้สึกแบบที่วาไปสัมผัสมา อันนั้นก็แล้วแต่เทสใครเทสมันนะคะ อยากให้เยอะๆ แต่ก็คำนวนแล้ว วาว่าวาอยากจ่ายที่ราคานี้ ประมาณนี้ค่ะ (ราคานี้เป็นราคาเน็ตแล้ว ไม่รวมเครื่องดื่มนะคะ) รู้สึกสนุกและตื่นเต้นดีค่ะที่ได้มาทานอาหารที่ RED ROSE ในวันนี้ เพราะนอกจากจะเป็นเมนูอาหารจีนที่ไม่จำเจร้านบรรยากาศดี ยังได้เลือกราคาเองด้วย วาแอบถามว่า คนส่วนใหญ่ให้ราคากันประมาณไหน เค้าก็บอกว่า ราคาประมาณวานี่แหล่ะ แต่ก็มีหลายๆครั้งที่ชาวต่างชาติให้ราคาแบบสูงกว่านี้มากๆ เพราะเค้าอาจจะประทับใจในบริการ หรืออะไรไปด้วย คือแล้วแต่ความพอใจจริงๆ อาหารในเมนูมีให้เลือกหลายเซตค่ะ น่าทานทั้งนั้น
อ่านต่อ