อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2011-07-30
92 วิว
เรื่องราววันนี้มาจากนิตยสารฟรีภาษาญี่ปุ่น Bangkok Guide เห็นโฆษณาบุฟเฟ่ต์ขนมหวานเตะตา จึงนำเอาชื่อร้านไปกดเซิร์จในอินเตอร์เน็ต ปรากฎว่าผลตอบรับดูดีทีเดียว เลยตัดสินใจว่า.. "ต้องไปลองสักที"สถานที่หน้าร้านสวยงามทีเดียว พนักงานพาเดินเข้าไปนั่งตรงบริเวณด้านนอกที่ติดริมฟุตบาท อยากจะฟ้องว่าบริการไม่ดีตั้งแต่พนักงาน เพราะพนักงานแค่พาเข้าไปนั่งจริง ๆ จากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร แล้วเดินหายไปเลย ทิ้งให้เรานั่งงงว่า เอ๊ะ! แล้วเราต้องทำยังไงต่อไปนี่?มองไปตรงหน้าก็เป็นโต๊ะขนมหวาน ความยาวขนาดโต๊ะไซส์สำหรับ 2 คนนั่งต่อกัน 3 ตัว มีจานวางอยู่ คงเดินไปตักเองได้เลยมั้ง ว่าแล้วก็ไม่รอพนักงานล่ะเริ่มจากสโคนที่เพื่อนเร
มองไปตรงหน้าก็เป็นโต๊ะขนมหวาน ความยาวขนาดโต๊ะไซส์สำหรับ 2 คนนั่งต่อกัน 3 ตัว มีจานวางอยู่ คงเดินไปตักเองได้เลยมั้ง ว่าแล้วก็ไม่รอพนักงานล่ะ เริ่มจากสโคนที่เพื่อนเราเฝ้าหมายตา แล้วก็กระซิบมาว่า.."ไม่อร่อย" เพราะมันต้องกินร้อน ๆ โอเค เอาเป็นว่าข้อนี้ตกไป เพราะคงไม่มีพนักงานคนไหนจะเอาไปอุ่นร้อนมาให้เรา แต่... เค้กพุดดิ้งที่ว่าอยู่ด้านหลังนั้น... ก็ "ไม่อร่อย" อีก
ส่วนพายชิ้นนี้... จำไม่ได้ว่าไส้ข้างในเป็นอะไร แต่เหนียวและ "ไม่อร่อย" อีก
มาดูอีกฟากเป็นบลูเบอร์รี่ชีสพายและเครปเค้ก... บลูเบอร์รี่ชีสพายจัดว่า "แค่โอเค" หรือก็แค่พอทานได้ ส่วนเครปเค้กนั้น อาศัยซอสที่มีเตรียมไว้ให้ราดเยอะ ๆ ก็พอจะ "กล้อมแกล้ม" ไปได้
ส่วนจานที่น่าจะใช้เรียกว่า "โอเค" ก็ดูน่าจะเป็นเค้ก 3 สีชิ้นนี้ ช็อคโกแลตให้ความรู้สึกเหมือนทำจากผงโกโก้ทิวลิป ส่วนตรงกลางเป็นเค้กกาแฟ น่าจะเป็นเพราะเค้กกาแฟที่ได้กลิ่นกาแฟแรงนี่แหล่ะเลยทำให้เค้กชิ้นนี้ดูดีขึ้นมา
ส่วนจานนี้... พายมะพร้าว ก็... โอเค เพราะตัวเนื้อพุดดิ้งนั้นไม่ได้เลวร้าย แป้งพายก็กรอบโอเค แต่ถามว่า "อร่อยมั้ย?" เราว่าเราเคยกินที่เขาว่า "อร่อย" จริง ๆ มันไม่ใช่อย่างนี้นะ ^^"
เค้กที่นี่เป็นปอนด์เล็ก ๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กทานได้ประมาณ 3-4 คำ เรียกว่าขนาดกำลังดีสำหรับบุฟเฟ่ต์เค้ก เพราะทำให้ได้บริหารพื้นที่กระเพาะให้ได้ทั่วถึง ( แต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่ได้เบิ้ลชิ้นไหนเลยสักชิ้นเพราะไม่ค่อยจะถูกปาก) และถ้าหากจานใดหมด พนักงานก็จะนำจาน (เมนู) ใหม่มาเปลี่ยนให้ ซึ่งวันที่เราไปนี้ ครัวซองท์ช็อคฯถูกนำมาเปลี่ยนแทนพายฟักทอง เราก็ลองตักมา 1 ชิ้นแล้วเอาส้อมจิ้มดู... เหนียวเชียว!
**แทรกนิด** ระหว่างทาน เรานั่งหันหลังให้กับโต๊ะบุฟเฟ่ต์ แต่แล้วเราก็เห็นเพื่อนทำตาโต บอกว่าตะกี้พนักงานเดินมาใช้มือหยิบสโคนเข้าปากไปชิ้นนึง เราได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง ก็เข้าใจนะว่ามันอาจจะเป็นสวัสดิการให้กับพนักงาน แต่การมาใช้มือหยิบขนมจากโต๊ะบุฟเฟ่ต์(สำหรับลูกค้า)เข้าปากขณะที่มีลูกค้าเข้าใช้บริการอยู่บริเวณนั้น ควรแล้วหรือ?
ที่มุมโต๊ะอีกฟากเป็นมุมฟองดูว์และผลไม้ ผลไม้ที่ให้ทำฟองดูว์มีแค่กล้วยดำ ๆ และแคนตาลูปชืด ๆ
ส่วนผลไม้ก็มีมะละกอ, แตงโม, แคนตาลูป และสับปะรด (ครบสูตร)
เครื่องดื่มที่มีให้มีแค่ น้ำมะนาว (ชงเองได้ว่าจะเติมน้ำเชื่อมมาก-น้อย), ชาเย็น, กาแฟเย็น และน้ำพันช์จากเครื่องกด
เทียบจากทั้งหมดนี้กับราคา 229 บาทต่อหัวแล้ว เราถือว่าแพง แต่ถ้าหากคุณต้องการเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพล่ะก็... อาจจะลองพิจารณาดูก็ได้ แต่สำหรับเราแล้ว เราว่าเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อเค้กร้านดัง ๆ ก้อนละร้อยกว่าบาททานจะอร่อยและแฮ้ปปี้กว่า ดังนั้น... เราคงไม่เข้าร้านนี้อีกเป็นครั้งที่ 2 ล่ะ (ต่อให้ได้ตั๋วฟรีก็คงไม่ไปล่ะค่ะ สงสารกระเพาะ)
จะติทั้งหมดก็ออกจะสงสารร้านอยู่สักหน่อย ก็พยายามหาข้อดีของร้านมาหักล้างกันบ้าง
สิ่งที่จะขอชมสำหรับร้าน Maison Chin นี้คงจะเป็นเพียงแค่บรรยากาศร้านที่ตกแต่งได้ดี... เท่านี้ล่ะค่ะ
โพสต์