อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2015-01-29
241 วิว
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพามารู้จักและทานอาหารญี่ปุ่นแนวซูชิบาร์ระดับพรีเมี่ยมน้องใหม่แต่เก๋าประสบการณ์กับร้าน "Maiuu" (มายยู)ก่อนอื่นมารู้จักประวัติร้านโดยสังเขปกันสักนิดร้าน Maiuu ตั้งอยู่ที่ซอยราชครู พหลโยธิน ซอย 5จากปากซอยเข้ามาประมาณ 50 เมตรครับจะเป็นเวิ้งทางซ้ายมือ หรือถ้าใครรู้จักคุ้นเคยกับร้านไดจัง ปิ้งย่างชั้นยอดแล้วล่ะก็ร้าน Maiuu ก็มาอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งนั้นแทนที่เองครับร้าน Maiuu มีเวลาเปิด-ปิดบริการดังนี้วันอังคาร-วันเสาร์ เปิด 11:00-14:00 และ 17:-22:00 last order 21:30(พักเบรคช่วง 14:00-17:00)วันอาทิตย์ เปิด 11:00-21:00 last order 20:30(ไม่มีพักเบรค)วันจันทร์ ร้านปิดเมนูแนะนำ นิกิริ แบบดั้งเดิม วัตถุดิบสดใหม่ส่
แนวซูชิบาร์ระดับพรีเมี่ยมน้องใหม่แต่เก๋าประสบการณ์
กับร้าน "Maiuu" (มายยู)
ก่อนอื่นมารู้จักประวัติร้านโดยสังเขปกันสักนิด
ร้าน Maiuu ตั้งอยู่ที่ซอยราชครู พหลโยธิน ซอย 5
จากปากซอยเข้ามาประมาณ 50 เมตรครับ
จะเป็นเวิ้งทางซ้ายมือ หรือถ้าใครรู้จักคุ้นเคย
กับร้านไดจัง ปิ้งย่างชั้นยอดแล้วล่ะก็
ร้าน Maiuu ก็มาอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งนั้นแทนที่เองครับ
ร้าน Maiuu มีเวลาเปิด-ปิดบริการดังนี้
วันอังคาร-วันเสาร์ เปิด 11:00-14:00
และ 17:-22:00 last order 21:30
(พักเบรคช่วง 14:00-17:00)
วันอาทิตย์ เปิด 11:00-21:00 last order 20:30
(ไม่มีพักเบรค)
วันจันทร์ ร้านปิด
เมนูแนะนำ นิกิริ แบบดั้งเดิม วัตถุดิบสดใหม่
ส่งตรงจาก Hokkaido สัปดาห์ละ 5 ครั้ง
ใครอยากทานปลาสด ๆ ไปได้แทบทุกวันครับ
ปลาจะไม่เข้าแค่วันอาทิตย์และวันพุธ 2 วันนี้เท่านั้นเอง
เมนูโปรโมชั่นสลับผลัดเปลี่ยนไปทุกเดือน
เรามาดูร้านจริง ๆ กันเลยดีกว่าครับ
หน้าร้านอลังการ(ขนาดยังไม่เสร็จดี)
เพราะตอนนี้เพิ่งเริ่มเปิดทำ Soft Opening
ป้ายร้านด้านบนยังไม่ได้ทำการตกแต่งให้เรียบร้อย
ซึ่งได้ข่าวคราวจากพี่โอ๊ต เจ้าของร้าน
ว่าจะทำการเปิดร้าน Grand Opening อย่างเป็นทางการ
ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ที่จะถึงนี้
สมกับที่เป็นร้านซูชิบาร์เลย
อดไม่ได้ที่จะเก็บภาพไปเรื่อย ๆ
ดูแลด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ เทคแคร์ทุกโต๊ะดีจริง ๆ ครับ
ก็ยังมีสาเก โชจู เหล้าบ๊วย ฯ ไว้รอให้เลือกดื่มครับ
พี่โอ๊ต แว๊บไปเทคแคร์ลูกค้าโต๊ะใหญ่แล้วครับ
ไปถึงโซนด้านหลังที่ผมได้ทำการจองโต๊ะกันบ้าง
ขวามือจะเจอกับบาร์ซูชิ ที่มีเชฟอคิระ สุดยอดเชฟ
ยืนประจำการ พร้อมกับผู้ช่วยเชฟอยู่ครับ
ตรงบาร์ที่ประจันหน้ากับเชฟอคิระ จะได้นั่งได้ 5 ที่
น่าจะเหมาะสำหรับทานแบบ Omakase แล้วได้สนทนา
กับเชฟอคิระระหว่างรับประทานครับ
ลักษณะนี้เลย เป็นโซฟา 1 ฝั่งกับเก้าอี้ 1 ฝั่ง
ซึ่งวันนี้ไม่ได้ออเดอร์ไปเยอะแยะมากมาย
เพราะตั้งใจมาละเลียดความสด ความอร่อย และความสุข
ที่ได้จากมื้อนี้มากกว่าทานเยอะ ๆ ครับ
ทานน้อย ๆ ก็อิ่มนะถ้าค่อย ๆ ทาน 555
ภาพเมนูผมไม่ได้ถ่ายมานะครับ
เพราะแต่ละเมนู น่าจะไปอ่านและคุยกับทางร้าน
ทางเชฟอคิระ หรือพี่โอ๊ต เจ้าของร้าน
ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้างในแต่ละเมนู
โดยเฉพาะพวกโรลต่าง ๆ เพราะเชฟอคิระได้สร้างสรรค์
ได้อย่างน่าสนใจและดูลงตัวจริง ๆ ครับ
อุ่นเครื่องเบา ๆ กับเครื่องดื่มประจำตัวคืนนี้
เบียร์สดเย็นฉ่ำ ยี่ห้อประจำ 555
รสชาติสุดยอดมากระตุ้นต่อมความหิว
เพื่อรอการรับรสของอาหารด้วยครับ
มาพร้อมกับผ้าเย็นให้เช็ดมือเพื่อความสะอาดด้วย
เริ่มต้นบรรเลงกันที่ "Maguro Trio"
3 ส่วนหลักของปลามากุโร่ญี่ปุ่น(hon maguro)
ประกอบด้วย โอโทโร่ เนื้อปลาส่วนท้อง 1 คำ
ชูโทโร่ เนื้อปลาส่วนระหว่างท้องกับเนื้อแดง 1 คำ
และ อากามิ เนื้อปลาส่วนเนื้อแดง 1 คำ
ชิ้นนี้เป็นส่วนที่ชอบที่สุดครับ ไม่มันมากกำลังนุ่มนวล
ได้เนื้อได้น้ำมันเอร็ดอร่อยกับโอเมเก้ทรี
เป็นชิ้นส่วนที่มันที่สุด เหมาะกับคนชอบของมันมาก ๆ
แต่ก่อนผมก็ชอบแต่เคยทานเยอะไปหน่อย
ตื่นมาเจ็บคอเลย 555
เลยหันมาชอบชูโทโร่แล้วครับตอนนี้
ใครที่ชอบไม่ควรพลาด จะได้รู้สึกถึงความหอมหวล
ละลาย และที่สำคัญเชฟไม่ทิ้งเอ็นไว้ให้รำคาญ
การเคี้ยวเลยแม้แต่น้อยครับ สุดยอด !!!
กับ "Inaiwa Udon" เส้นอุด้งแบบเล็กนุ่มละมุน
ใส่เนื้อไก่ส่วนสะโพกและต้นหอมญี่ปุ่นสไลด์
ในน้ำซุปสุดกลมกล่อม แป๊ปเดียวมีเกลี้ยงชาม
เลือกสั่ง "Salmon Lava Roll"
ที่รังสรรค์เมนูโดยเชฟอคิระ
ห่อรวมไว้ด้วยสาหร่างและข้าว
วางชิ้นปลาแซลมอนเบิร์นผิวหน้าปิดมิดข้าวซูชิ
แล้วก็ท็อปไว้ด้วย อิคุระ(ไข่ปลาแซลมอน)แบบแช่โชยุด้านบน
และโรยอิคุระไว้ด้านข้างอีกเพียบเลย
ต่อกันด้วยเมนูปราบเซียนของหลาย ๆ ร้าน
ถ้าไม่ได้ปลาสด ปลาดีและการปรุงที่ดี
เมนูบ้าน ๆ ราคาไม่แพงเมนูนี้
ทำตกม้าตายมาหลายร้านแล้วครับ
กับ "Saba Shio" ปลาซาบะย่างเกลือ
โรยเกลือได้เหมาะสม แกล้มกับไช้เท้าฝนแล้วเข้ากัน
บีบมะนาวหรือไม่บีบก็ได้แล้วแต่ความชอบเลยครับ
สั่งรวม ๆ ไฮไลท์ที่ได้รับคำแนะนำจากพี่โอ๊ต เจ้าของร้าน
ให้ช่วยเลือกที่เจ๋ง ๆ ให้สัก 4-5 อย่าง
(จากซ้ายไปขวา)
Jyo Gyu Tan ลิ้นส่วนดีที่สุด 1 ไม้
Maiuu(seseri) เนื้อคอไก่ไร้กระดูก 2 ไม้
Honetsuki Karubi เนื้อวัวติดซี่โครง 1 ไม้
Butabara หมูสามชั้น 1 ไม้
Gyu Tan ลิ้นวัวธรรมดา 1 ไม้
(เอามาลองเทียบกับส่วนดีที่สุด)
หมูสามชั้น โอยย คำแรกก็เด็ด
หนังหนึบ ๆ มัน ๆ เนื้อนุ่ม
เกลือโดนมะนาวตัดแล้วยิ่งโดดเด่น
ลิ้นธรรมดา ก็หนึบสู้ฟันดี ไม่เหนียวนะ
เนื้อติดซี่โครงก็แจ่ม
เซเซริ คอไก่ไร้กระดูกยิ่งเยี่ยมยอด
แต่ไม้นี้สุดยอดที่สุดตามคำแนะนำ
ถ้าใครชอบลิ้นวัวสั่งตัวท็อปนี้ไม่ผิดหวังครับ
ทั้งหนา นุ่ม หนึบ ไม่สาก อร่อยสุด ๆ
เนื้อวัวกับเบียร์ก็ของคู่กันล่ะนะ 555
แต่ดันไปแหวกแนวเมนูเชฟอีก ซึ่งเชฟก็ยินดีทำให้
ด้วยการไม่เบิร์นหน้าปลาแซลมอนครับ
คือปลาหวาน ใครชอบแซลมอนจะไม่ผิดหวังเลย
ไม่ว่าจะเบิร์นหรือไม่เบิร์นผิวหน้าปลาแซลมอนก็ตาม
เพราะมีโปรโมชั่นตัวนี้อยู่ จากราคา 800 บาท
เหลือเพียง 500 บาทเท่านั้น อย่าพลาดกันเลยนะ
โอโทโร่ ลายมันอย่างกับเนื้อหนอกวัว 5555
อ่านไปอ่านมา มันจะบ้ารึเปล่า
คือตอนนี้ที่พรั่งพรูออกมาคือความรู้สึกล้วน ๆ
ไม่มีวิชาการแล้วครับ สติไปอยู่กับปลาดิบหมดแล้ว
หลาย ๆ คนอาจอยากจะเห็นภาพข้าว
ผมเลยพลิกขึ้นมาให้ดู ว่าข้าวคำเล็กคร้าบ
สาว ๆ ไม่ต้องกลัวอ้วน แต่ไม่ได้เล็กจิ๋วนะครับ
เล็กแบบพอดีกับชิ้นปลาใหญ่ ๆ ให้ได้ไม่เสียรสชาติ
กันและกัน เชฟจัดให้เข้ากันอย่างดีที่สุดครับ
ต่ออีกนิดกับ "Uni" ไข่หอยเม่นสด ๆ
สีสวยมาก แม้จะไม่ได้กระเปาะมาแบบใหญ่ ๆ
แต่ไซส์นี้ สีนี้ รสชาติแบบนี้ ตายครับ
ตาย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กินแล้วอร่อยตายเลยครับ
เนื่องจากพี่โอ๊ต มีร้าน Kansai Izakaya ที่รัชดาซอย 4
อยู่อีกร้านนึง ซึ่งเน้นของทอด ปิ้ง ย่าง ฉบับไม้
และได้นำเมนูบางส่วนมาลงไว้ให้คอชอบดื่มได้มีของทอดอร่อย
เลือกทานแกล้มกันด้วยครับ
ผมเลยจัดมา 4 ไม้เบา ๆ แบบที่เป็นที่ยอดนิยมครับ
(จากซ้ายไปขวา)
Cheese-Moji-Sweet Poatao-Sausage
ชีส-โมจิ-มันหวานญี่ปุ่น-ไส้กรอก
ว่าปลาฮามาจิเพิ่งลงจากเครื่องมาได้ตะกี้นี้เอง
เลยต้องขอจัดการปลาสดอีกสัก 2 คำ
เลยต้องรบกวนเชฟอคิระอีกรอบครับ
พร้อมกับถ่ายภาพตอนแล่ปลา
มาให้ดู พร้อมประวัติเชฟอคิระเล็กน้อยครับ
เชฟลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น “เชฟอคิระ เขมาวุฒานนท์”
ผู้สั่งสมประสบการณ์การทำอาหารสไตล์
ญี่ปุ่นแบบสมัยใหม่ (Modern Japanese Fusion)
มามากกว่า 27 ปี มีความรู้ทางด้านอาหารนานาชาติ
ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส, อิตาเลียน และ จีน เคยทำงานในโรงแรม 5 ดาว
มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ดุสิตธานี กรุงเทพ,
โรงแรม ฮิลตัน สุขุมวิท และโรงแรม แกรนด์ แปซิฟิก กรุงเทพ เป็นต้น
ได้ออกมาเป็น 2 คำนี้ครับ
ปลาฮามาจิสด ๆ เนื้อใสกิ๊ง ๆ ปิ๊ง ๆ เลย
กัดแล้วสัมผัสแรกของเนื้อปลากรอบสู้ฟัน
ตามด้วยความนุ่มและชุ่มฉ่ำของมันปลา
ผสานกับข้าวซูชิที่พิถีพิถันอย่างดีในการปรุงและปั้น
จนต้องอุทานเป็นภาษาบ้านเกิด(ของใครฟระ)
ว่า "อุไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ใส่เอ๊คโค่เอานะ)"
แต่ก็ต้องเผื่อท้องไว้ของหวานบ้างละครับ
อย่างแรก Blondie Matcha Ice Volcano
(Blondie คือ บราวนี่สีขาวเพราะใช้ไวท์ช็อคทำครับ)
หอม ๆ ราดลงผ่านไอศกรีมชาเขียวและบลอนด์ดี้
สู่กระทะร้อน จะให้เกิดไอระอุพร้อมควันหอม ๆ
ขึ้นมาให้ได้ทั้งเสพทั้งกลิ่น รูป รส ภาพ เสียง เลยครับ
ถ่ายวีดีโอมาฝาก มาดูกันเลยครับผม
มาพร้อมกับโมจินุ่ม ๆ ด้านบนวางด้วย
ถั่วแดงหวาน
ได้รสนมเต็ม ๆ มาพร้อมความหวานของถั่วแดง
และนุ่มหนึบของโมจิเป็นอันจบรีวิวซูชิบาร์ที่มากกว่าความอร่อย
อย่างที่ต้องลองไปเปิดประสบการณ์จริง ๆ
แนะนำเลยครับ ว่ามีโอกาสต้องไปลอง
คราวหน้าอยากจะลอง Omakase ครับ
แต่ตอนนี้ต้องขอไปพิมพ์และตากธนบัตรก่อนครับ
SaYoNaRa + Banzai + Umai !!!
โพสต์