อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2012-06-13
19 วิว
ผึ้งน้อยพานางพญาประจำรัง(เสด็จแม่นั่นเองค่ะ)มาทานอาหารญี่ปุ่นที่เซ็นทรัลพระราม2 เนื่องจากว่านางพญาทานฟูจิบ่อยแล้ว ผึ้งน้อยเลยชวนเปลี่ยนบรรยากาศมาทานที่ Zen ที่ชั้น4 บ้าง (ชั้นเดียวกับฟูจินั่นแหละค่ะ ไม่ไกลกันเท่าไหร่) ...เหมือนจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ใช่มั้ยค่ะ อันนี้ขอแสดงความเห็นส่วนตัวนิดนึง ว่าที่ Zen อร่อยคุ้มค่าและของมีคุณภาพมากกว่าค่ะหลังจากรับบัตรคิวและรออยู่แป๊บนึง พนักงานหน้าร้านก็เรียกเบอร์ของเราและพาไปยังโต๊ะที่นั่ง นำเมนูมาให้ จากนั้นก็เสนอชาเขียวรีฟิลทั้งร้อนและเย็นให้เลย (ชาเขียวรีฟิลนี้เป็นเซอร์วิสของทางร้านค่ะ)ร้านแต่งสไตล์ญี่ปุ่นลูกผสม มีเล่นระดับเล็กน้อย ใกล้ๆหน้าร้านมีห้องส่วนตัวที่จัดแบบห้องญี่ปุ่นด้วย น่าสนใจมากๆ วันหลังต้องรวมก๊
หลังจากรับบัตรคิวและรออยู่แป๊บนึง พนักงานหน้าร้านก็เรียกเบอร์ของเราและพาไปยังโต๊ะที่นั่ง นำเมนูมาให้ จากนั้นก็เสนอชาเขียวรีฟิลทั้งร้อนและเย็นให้เลย (ชาเขียวรีฟิลนี้เป็นเซอร์วิสของทางร้านค่ะ) ร้านแต่งสไตล์ญี่ปุ่นลูกผสม มีเล่นระดับเล็กน้อย ใกล้ๆหน้าร้านมีห้องส่วนตัวที่จัดแบบห้องญี่ปุ่นด้วย น่าสนใจมากๆ วันหลังต้องรวมก๊วนมานั่งห้องนี้ให้ได้ หุหุหุ
เมนูแรกจัดมาแบบไม่คิดมาก เพราะเป็นเมนูสุดโปรดปราณของนางพญาค่ะ
แซลม่อนย่างซีอิ้ว (215 บาท) ชิ้นอวบอั๋นหนังกรอบ ซอสเทริยากิรสจัด จึงเป็นที่ถูกใจของนางพญา แต่ผึ้งน้อยจอมเรื่องมากก็ขอแบบตินิดนึงตรงที่ย่างมาสุกไปนิดจนเนื้อเกือบแข็ง (แต่เหมาะกับนางพญาค่ะ เพราะนางพญาชอบสุกๆค่ะ)
ถัดมาเป็นของฟรีจากโปรโมชั่น D-tac ค่ะ โปรโมชั่นนี้สามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็นแซลม่อนซาชิมิหรือเสต็กปลาแซลม่อน
...เลือกแซลม่อนซาชิมิอย่างไม่ลังเลค่ะ
แซลม่อนซาชิมิ (มูลค่า 370 บาท) เนื้อลายสวยชิ้นใหญ่ หันมาหนาๆเต็มปากเต็มคำ 5 ชิ้น รสชาดหอมหวานละลายในปาก
D-tac บันไซ !!!
ทานซาชิมิแล้วมาต่อกันที่ซูชิค่ะ
ชุดข้าวห่อสาหร่ายเรนโบว์ (255 บาท) ประกอบด้วย โรลสาหร่ายใส้ปูอัด+แครอท+ไข่กุ้ง โปะหน้าด้วยกุ้งต้มกับอาโวคาโด้, ซูชิหน้าไข่กุ้ง, ซูชิหน้าปลาไหล, ซูชิหน้าหอยปีกนก, ซูชิหน้าปลาแซลม่อน และปลาอะไรอีกอย่างจำชื่อไม่ได้ค่ะ
ข้อด้อยที่พบคือ ข้าวใหญ่ปลาไม่ใหญ่ ชิ้นปลาถึงแม้จะใหญ่กว่าฟูจิแต่เล็กกว่าซูชิบอยค่ะ
เมนูนี้มีดีที่หลายหลาย รวมทั้งมีซูชิที่เป็นของสุกให้นางพญาทานได้ (ของดิบส่งมาโลดค่ะ ผึ้งน้อยจัดการให้)
ข้าวปั้นเป็นก้อนติดกันดี คีบแล้วไม่แตกให้อารมณ์เสีย แล้วก็ไม่หวงวาซาบิดีค่ะ ให้มาเต็มที่ (วาซาบิใหม่มาก เล่นเอาน้ำตาแทบร่วงเลย สะใจดีจริงๆ ...อุ๊ย มาโซซะแล้ว)
ต่อกันด้วยเมนูจานเนื้อ
ข้าวหน้าเสต็กเนื้อ (175 บาท) เสต็กเนื้อชิ้นหนาๆ ไม่นุ่มแต่ก็ไม่เหนียวค่ะ ผึ้งน้อยเคี้ยวสบายๆ (แต่นางพญาแอบบ่นค่ะ เพราะอายุเป็นเหตุ)
เครื่องที่ราดข้าวมาด้วยกันมีทั้งเห็ดออรินจิ, แครอท และหน่อไม่ฝรั่ง รสชาดดีมากๆ น้ำเนื้อและซอสเสต็กที่ราดมาก็ทำให้ทานข้าวกันได้อย่างเอร็ดอร่อยเลยค่ะ
ตบท้ายด้วยสลัดเพื่อสุขภาพกันค่ะ (จริงๆออร์เดอร์ไปก่อนข้าวหน้าเสต๊กเนื้ออีก แต่ได้มาหลังสุดซะงั้น แต่ก็ไม่มีปัญหาค่ะ)
สลัดกุ้งทอด (145 บาท) น้ำสลัดมีรสออกเปรี้ยวนิดๆทานง่ายไม่หวานเลี่ยน ตัดรสด้วยพริกสดที่แอบซ่อนตัวอยู่ อันนี้สุดแล้วแต่ว่าใครจะบิงโกก็ซี๊ดซ๊าดกันไป ไม่ถึงกับเผ็ดหูดับตับไหม้แต่ก็ได้รสจัดจ้านดีค่ะ
ลงท้ายด้วยของหวานจากโปร D-tac อีกครั้ง ทานครบ 800 บาท รับฟรี วาลาบิชาเขียว เจ้าวาลาบิ หรือวาราบิ ที่ว่านี้ก็คือ โมจิเหนียวนุ่มนิ่มนั่นเอง ปกติจะเห็นเสิร์ฟเป็นก้อนโมจิคลุกกับคินาโกะหรือผงชาเขียวแล้วทานคู่กับไอศครีมและถั่วแดงบด
เมนูวาลาบิชาเขียวของที่นี่จะต่างออกไป เพราะจะมีวาลาบิรสธรรมดาที่เป็นก้อนแป้งโมจิโรยคินาโกะเฉยๆกับวาลาบิที่เป็นแป้งชาเขียวหุ้มไส้ถั่วชาเขียวและครีมสดเอาไว้ข้างใน แม้จะแช่เย็นมาก็ยังคงความนุ่มเหนียวเอาไว้ ของหวานนี้ไม่ตีกันค่ะเพราะนางพญาชอบวาลาบิธรรมดาแต่ผึ้งน้อยชอบแบบชาเขียวค่ะ
สรุปความประทับใจมื้อนี้
บรรยากาศ – เนื่องจากเป็นร้านที่มีลูกค้าเยอะเป็นปกติ ดังนั้นอย่าได้คาดหวังมุมสงบ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าไม่เอะอะล้งเล้งจนเสียอิมเมจร้านอาหารญี่ปุ่น
การบริการ – มีบ้างที่ต้องทวงนั่นนี่ พอยอมรับได้ค่ะเพราะลูกค้าเยอะจริงจัง โดยรวมแล้วก็บริการกันอย่างขันขันแข็งดีค่ะ
รสชาดอาหาร – ซาชิมิรสดีมากกกกก แต่ซูชิยังต้องบอกว่าหน้ากับข้าวไม่สมดุลค่ะ เมนูอื่นๆรสชาดออกแนวปรับมาให้ถูกปากคนไทยคือจะปรุงเยอะหน่อยถ้าเทียบกับร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ โดยรวมแล้วนางพญาประทับใจ เท่านี้ผึ้งน้อยก็พอใจแล้วค่ะ
โพสต์