อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2015-08-25
166 วิว
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปหม่ำร้านอาหารญี่ปุ่นอีกร้านหนึ่ง ที่ก็ได้ไปหม่ำเมื่อนานมาแล้วกันนะคะ (แต่เพิ่งจะได้ย่อรูปมาทำรีวิวที่บล็อก ขออภัย) โดยการไปกินที่นี่เป็นการไปใช้วอชเชอร์ที่และแต้ม (จากรีวิว) ที่เว็บไซต์รีวิวอาหารแห่งหนึ่งนั่นเองหละค่ะ นั่นก็คือร้าน Umenohana นั่นเองค่าา สำหรับพิกัดก็อยู่ที่นิฮอนมูระ ทองหล่อค่ะ เราขับรถไป แล้วก็ไปจอดที่ที่จอดรถด้านใต้ตึกอะนะคะ เว็บไซต์ของร้านนี้ก็ตามนี้เลยค่ะhttp://www.umenohana.co.th/news.phpสำหรับร้านนี้จะอยู่ที่ชั้น 2 นะคะ ขึ้นลิฟท์ไปได้เลยค่ะ (ขณะที่ร้าน Ito-Kacho อีกหนึ่งร้านโปรดเราจะอยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ เช่นเดียวกับร้านสีโบฮาจินะฮับ)ออกจากลิฟท์มา มองไปฝั่งตรงข้ามแล้วก็จะเจอร้านอุเมะโนะฮานะตามภาพเลยค่
นั่นก็คือร้าน Umenohana นั่นเองค่าา สำหรับพิกัดก็อยู่ที่นิฮอนมูระ ทองหล่อค่ะ เราขับรถไป แล้วก็ไปจอดที่ที่จอดรถด้านใต้ตึกอะนะคะ เว็บไซต์ของร้านนี้ก็ตามนี้เลยค่ะ
http://www.umenohana.co.th/news.php
สำหรับร้านนี้จะอยู่ที่ชั้น 2 นะคะ ขึ้นลิฟท์ไปได้เลยค่ะ (ขณะที่ร้าน Ito-Kacho อีกหนึ่งร้านโปรดเราจะอยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ เช่นเดียวกับร้านสีโบฮาจินะฮับ) ออกจากลิฟท์มา มองไปฝั่งตรงข้ามแล้วก็จะเจอร้านอุเมะโนะฮานะตามภาพเลยค่ะ พอเข้าไปในร้าน เราต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อนด้วยนะคะ จากนั้นจะมีพนักงานมาพาเราเดินไปที่โต๊ะค่ะ และพนักงานที่นี่นี่เรียกลูกค้าว่า "คุณท่าน" ทุกคำเลยนะคะ เล่นเอาเราอึ้งเล็กน้อย Authentic Japanese จริงๆ สินะคะนี่ เมนูอาหารของที่นี่ค่ะ ราคาก็มีทั้งเซ็ตแบบราคาไม่ได้แพงมาก และแพงพอควรนะคะ ตามวัตถุดิบของแต่ละเมนูหละค่ะ แต่เราใช้วอชเชอร์ มันก็มีเซ็ตมื้อกลางวันของมันอยู่แล้ว เพียงแต่เลือกจานหลักได้ว่าจะเอาแบบไหนค่ะ และการบริการก็สามารถเลือกได้ด้วยว่า จะเอาลงมาพร้อมกันทุกอย่างทั้งเซ็ตเลย หรือว่าจะให้ทยอยเสิร์ฟค่ะ ซึ่งเราเลือกแบบหลังนะคะ จากนั้นพนักงานก็นำชามาบริการค่ะ พร้อมปุ่มกดเรียกพนักงานนะคะ ตัวชาเขียวร้อนนี่ทางร้านให้ลูกค้าทุกคนอยู่แล้วนะคะ และจะไม่ใส่น้ำไว้ค่ะ แต่ถ้าเราต้องการก็กดปุ่มเรียกให้พนักงานมาเติมน้ำให้ได้นะคะ
สำหรับรสชาตินะคะ ตัวกลิ่นค่อนข้างชัดพอควรเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้เข้มเกินไปนะคะ ทั้งที่ดูตอนแรกเหมือนจะจางๆ แต่พอได้ดื่มกลับไม่จางค่ะ
จากนั้นพนักงานก็บริการอาหารชุดแรกค่ะ ประกอบด้วยไข่ตุ๋นชาวางูฉิกับมิเนโอกะโตฟุค่ะ ตัวไข่ตุ๋น นุ่ม แน่น รสละมุน กลิ่นละไมมาก ด้านล่างจะมีก้อนโมจิ หนึบๆ ซึ่งไม่ได้มีรสนะคะ แต่คิดว่าเพิ่มการสัมผัสมากกว่าค่ะ ตัวแปะก๊วยขมนิดๆ ส่วนตัวกุ้ง ก็เป็นกุ้งตัวเล็กๆ ที่สดโอค่ะ
ส่วนมิเนโอกะโตฟุ ซึ่งพนักงานอธิบายว่าทำจากนมสดและครีมสด โดยข้างบนจะเป็นยุสึมิโสะ ตัวรสชาตินะคะ ความเป็นนมค่อนข้างชัดมาก เนื้อหนึบเหนียวนิดๆ โซยุส้มรสชาติเปรี้ยวจางๆ แต่มีความแหลมของรสบางอย่างขึ้นมาค่ะ เราว่าตัวปริมาณของโซยุส้มมาเยอะไปนิดค่ะ รสมันเลยไม่ค่อยบาลานซ์เท่าไหร่ เมนูต่อไปค่ะ กับโตฟุชูไม หรือขนมจีบญี่ปุ่นนั่นเอง มาพร้อมซอสพอนสึนะคะ
ตัวเมนูนี้ทำจากหอมใหญ๋ กุ้ง ไก่ เต้าหู้บดรวมกัน เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านนะคะ
ผลของการกิน ทั้งตัวกลิ่นและรสชาติผสมผสานกันได้ดีทั้งกุ้งและไก่ค่ะ ส่วนตัวซอสพนสึ รสใกล้เคียงกับซอสเปรี้ยวของจีนนะคะ แต่ฉุนน้อยกว่าค่ะ เวลาจิ้มก็อร่อยอีกแบบ คืออร่อยทั้งแบบจิ้มและไม่จิ้มค่ะ ส่วนที่เห็นสีเหลืองๆ ด้านบนคือมัสตาร์ดนะคะ ซึ่งไม่ได้ปรี๊ดมากค่ะ โออยู่
เมนูต่อไปค่ะโทนิวโมจิมาโบ เป็นเต้าหู้สูตรพิเศษนะคะ มีส่วนผสมของนม แป้งคุสสึ และเต้าหู้ค่ะ ด้านบนมีมะเขือม่วงนอก และซอสมาโบของทางร้านค่ะ เต้าหู้เมนูนี้ของที่นี่หนึบแน่นกว่าเต้าหู้ทั่วไปค่ะ ตอนกินครั้งแรกนึกถึงซุปประมาณกระเพาะปลาเลยหละค่ะ นอกจากนั้นก็มีตัวหั่นฝอยที่ช่วยเพิ่มรสเผ็ดร้อนด้วย ซึ่งตอนแรกเรานึกว่าขิง แต่ที่จริงเป็ฯต้นหอมค่ะ รสชาติกลมกล่อมดี เค็มนำนิดๆ แต่รสดีค่ะ
จากจานแรกถึงจานที่ห้านี่ห่างกัน 20 นาทีนะคะ
เมนูต่อไปค่ะกับนามาฟุ เดงกาก (ตัวนี้เป็นเมนูญี่ปุ่นสมัยเก่า คล้ายแป้งโมจิราดซอส (ยุสึ (ส้ม) / คิโนมิ (ผัก)) ซึ่งพนักงานแนะนำให้ทานตัวสีเหลืองก่อน เพราะรสชาติซอสจะอ่อนกว่าค่ะ) มาพร้อมกับยูบงอาเกะ ซึ่งเป็นปลาเนื้อขาวบดละเอียดปรุงรสพันด้วยฟองเต้าหู้ โดยเจ้าหน้าที่แนะนำให้บีบเลมอนเพื่อเพิ่มรสชาตินะคะ เป็นอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านค่ะ มาว่าถึงเรื่องผลของการกินกันบ้างนะคะ ตัวนามาฟุ เดงกากุ ตัวสีเหลืองซึ่งเป็นซอสส้ม รสซอสเข้มและโดดมากๆ ค่ะ แป้งโมจิหนึบนิดๆ เคี้ยวกำลังมันฟันดีค่ะ ส่วนตัวสีเขียวซึ่งเป็นซอสผัก รสเข้มกว่าอีกค่ะ ซอสเราว่าเค้าใส่มาเยอะเกินจนกลบรสโมจิ ทำให้ไม่ค่อยบาลานซ์เท่าไหร่ค่ะ
ส่วนตัวยูบะอาเกะ เรากินตัวถั่วก่อนแบบไม่หยดเลมอนนะคะ ตัวถั่วข้างในยังไม่สลดแม้จะผ่านการทอดค่ะ ยังสดกรอบอยู่เลยแบบงงว่าทำได้ไงอ้ะ ส่วนตัวแป้งเค็มนำค่ะ ส่วนตัวปลาก็โอเคค่ะ เนื้อแน่นดี เต้าหู้เด้งนิดๆ ด้วย รสชาติแป้งก็เค็มนิดๆ นะคะ แต่พอบีบเลมอนหน่อยๆ โอเลยค่ะ แก้เลี่ยนด้วย เพราะอมน้ำมันมาพอควรหละค่ะ แต่ชอบที่บีบเลมอนเค้าอ้ะ เก๋มาก ญี่ปุ่นอย่างแรง
ต่อไปค่ะกับเมนูสลัดเต้าหู้หรืออุเมโนฮานะสลัดค่ะ โดยเต้าหู้นี่ก็เป็นเต้าหู้ทำเองนะคะ ตัวนี้เป็นเมนูที่เราชอบนะคะ รสชาติดีเลยแหละ น้ำสลัดออกเปรี้ยวหน่อยๆ และมีถั่วช่วยเสริมรสด้วย ผสมผสานกันได้ค่อนข้างดีค่ะ เต้าหู้จานนี้จะไม่หนึบแน่นเหมือนจานอื่นๆ ความเป็นเต้าหู้จากถั่วเหลืองจะชัดกว่าค่ะ อร่อยค่ะเมนูนี้
ต่อไปค่ะกับเมนูมิโซซุป โซยุ และข้าวหน้าปู ซึ่งมาแบบไม่ร้อนนะคะ ตัวมิโซซุปของเค้าเข้มข้นมาก เข้มข้นโคตรๆ และมีฟองเต้าหู้ด้วยค่ะ อร่อยดี พอกินกับตัวข้าวแล้วเราว่าเข้ากันค่ะ แก้เลี่ยนได้ดีนะคะ
ส่วนตัวข้าวหน้าปู ข้าวจะเปรี้ยวจางๆ ปูค่อนข้างเค็มและเนื้อแน่นพอควร ใช้วาซาบิแบบค่อนข้างฉุนนะคะ แล้วก็มีใบเขียวๆ กลิ่นแรงๆ ตัวหนึ่งที่เราต้องคอยเขี่ยออกค่ะเพราะไม่ชอบ แหะๆ แถมมีกระดูกปูหรือกระดองปูนี่แหละ ปนมาด้วยค่ะ จนไม่แน่ใจว่าหรือเค้ากินกันหว่า แต่เรากินไม่ไหวนะคะ
จากนั้นก็เป็นการเสิร์ฟของหวานและชาโฮจินจะ ซึ่งเป็นชาที่เสิร์ฟหลังอาหาร ช่วยย่อย ซึ่งอันนี้บริการให้กับลูกค้าทุกคนเช่นกันนะคะ รสชาติตัวชาจะออกแนวคล้ายๆ ชาผูเอ่อค่ะ เฝื่อนๆ นิดๆ นะคะ ส่วนมิเนโอกะฟรุตนี่ ตัวเต้าหู้อร่อยค่ะ แน่นนิดๆ ตัวของน้ำก็ไม่ได้หวานจัดด้วยค่ะ ล้างปากได้ดีค่ะเมนูนี้
ใบเสร็จวันนั้นออกมาราคาประมาณนี้ค่ะ แต่เราใช้วอชเชอร์เลยไม่ได้จ่ายเพิ่มนะคะ ส่วนบัตรแข็งนั่นคือบัตรจอดรถที่ต้องสแกนกับทางร้านเพื่อให้ไม่ต้องเสียค่าที่จอดรถนะคะ
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ บรรยากาศดี ค่อนข้างเงียบสงบ พนักงานบริการดีมาก และมีความเป็นญี่ปุ่นสูงค่ะ
โพสต์