อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2018-03-09
259 วิว
วันนี้ก็จะมารีวิวห้องอาหารของใบหยกสกายอีกครั้งหนึ่งนะคะ จากที่เคยรีวิวห้องอาหารที่นี่ไปแล้วแต่เนื่องด้วยมีการสลับสับเปลี่ยนเชฟ และมีเมนูอัพเดทของ Sky Box ก็เลยไปรีวิวกันอีกครั้งนะคะสำหรับพิกัดของโรงแรมใบหยกสกายก็ตามแผนที่นี้เลยค่ะ แต่ต้องเข้าทางซอยราชปรารภ 3 นะคะ อย่าไปเข้าราชปรารภ 1 หละ พอเข้าไปในซอย จะเห็นทางเข้าลานจอดรถทางขวามือค่ะ ก็เลี้ยวเข้าไปเลยนะฮับบถ้าใครเอารถไป จอดได้ที่อาคารจอดรถของรร.เลยค่ะ วันนั้นเราจอดชั้น 6 จากลานจอดรถ เราใช้ลิฟท์จากลานจอดกดไปที่ชั้น 18 ก่อนค่ะ เป็นชั้นล็อบบี้ของโรงแรมนะคะ ออกจากลิฟท์ลานจอดรถ ถ้าเลี้ยวขวาไปก็จะเจอห้องที่แต่เดิมเป็นห้องขายตั๋ว แต่ปัจจุบันย้ายออกมาด้านนอกนะค
แต่เนื่องด้วยมีการสลับสับเปลี่ยนเชฟ และมีเมนูอัพเดทของ Sky Box ก็เลยไปรีวิวกันอีกครั้งนะคะ
สำหรับพิกัดของโรงแรมใบหยกสกายก็ตามแผนที่นี้เลยค่ะ แต่ต้องเข้าทางซอยราชปรารภ 3 นะคะ อย่าไปเข้าราชปรารภ 1 หละ พอเข้าไปในซอย จะเห็นทางเข้าลานจอดรถทางขวามือค่ะ ก็เลี้ยวเข้าไปเลยนะฮับบ
ถ้าใครเอารถไป จอดได้ที่อาคารจอดรถของรร.เลยค่ะ วันนั้นเราจอดชั้น 6 จากลานจอดรถ เราใช้ลิฟท์จากลานจอดกดไปที่ชั้น 18 ก่อนค่ะ เป็นชั้นล็อบบี้ของโรงแรมนะคะ ออกจากลิฟท์ลานจอดรถ ถ้าเลี้ยวขวาไปก็จะเจอห้องที่แต่เดิมเป็นห้องขายตั๋ว แต่ปัจจุบันย้ายออกมาด้านนอกนะคะ
ระหว่างขึ้นลิฟท์ไปก็เห็นโปสเตอร์วิ่งขึ้นตึกนี้นะคะ เราเห็นเพื่อนเฟซบางคนสมัครไปด้วยหละ แต่ป้า...ขอสละสิทธิ์ค่ะ วิ่งพื้นราบยังเอาตัวไม่รอดง่ะ
สำหรับบางกอกบัลโคนี่อันเป็นจุดหมายของวันนี้อยู่ที่ชั้น 81 ค่ะ ต้องต่อลิฟท์อีกโซนไปนะฮับ
สำหรับตัวชั้นของบางกอกบัลโคนีจะเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลบุฟเฟต์นะคะ โดยไลน์อาหารจะมีทั้งสามฝั่งล้อมรอบแกนกลาง ส่วนที่นั่งจะเรียงรายอยู่โดยรอบอีกทีตามภาพค่ะ ส่วนโซนฟ้าๆ ทั้งสี่มุมนั่นก็คือสกายบ็อกซ์ของเรานั่นเอง
ซึ่งรอบนี้คณะของเราก็ได้ไปนั่งส่วนสกายบ็อกซ์เช่นเคยนะคะ (Sky Box จะเป็นส่วนระเบียงที่ยื่นออกไปนอกตัวห้องอาหารค่ะ มีด้วยกันสี่โซนคือ ฝั่งเหนือ ฝั่งตะวันออก ฝั่งใต้ และฝั่งตะวันตก เรานั่งฝั่งใต้เหมือนครั้งที่แล้วนะคะ) แต่ส่วนของ Bangkok Balcony จะเป็นห้องอาหารด้านในแถมส่วนของ Sky Box นั้นยังสามารถเข้ามาตักอาหารในไลน์บุฟเฟต์ด้านในของบางกอกบัลโคนีได้ด้วยค่ะ แต่เชื่อป้าเถอะค่ะ แค่คอร์สอาหารนี่ก็...อิ่มจุกแล้วค่ะ ใครยังไปตักไลน์บุฟเฟต์ได้อีกนี่ ป้ากราบบบบบบ
เปิดบริการ 17.00 - 23.00 น. ทุกวัน
สำหรับการกินบุฟเฟต์ของบางกอกบัลโคนี่ จำกัดเวลา 2 ชม.
ราคา 860 บ. เน็ต/ท่าน (ไม่รวมเครื่องดื่ม)
***ทานบุฟเฟต์ที่ตักมาหมดมี Cash back 100 บ.ให้เหมือนเดิมค่ะ***
Sky Box ราคา 1,470 บ. เน็ต /ท่าน
(ทานบุฟเฟต์ได้ แต่มีเซ็ตพรีเมี่ยมต่างหาก และไม่จำกัดเวลาค่ะ)
ทั้งสองส่วนขึ้นไปชมวิวชั้น 77 และดาดฟ้าพื้นหมุน ชั้น 84 ได้ฟรี
สำหรับบรรยากาศในห้องบางกอกบัลโคนี ขอให้ไปดูที่รีวิวที่แล้วนะคะ 5555 วันนี้จะเน้นส่วนของสกายบ็อกซ์ค่ะ
ไปสำรวจไลน์บุฟเฟต์ข้างในห้องบางกอกบัลโคนีให้ดูก่อนค่ะว่ามีอะไรให้หม่ำกันบ้างเนาะ (แต่ย้ำอีกทีค่ะ กินแค่ตัวที่เค้าจะเสิร์ฟเราก็อิ่มตื้อแล้วค่ะ)
ณ จุดแรกค่ะ เป็นข้าวเหนียวมูนห้าสี ซึ่งก็มีของกินคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง สังขยา กระฉีก (มะพร้าว) กุ้ง และปลาแห้งค่ะ แถมรอบนี้ที่อัพเดทเพิ่มมาคือมีข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน กรีดร้องมากกกกกกกก เป็นอย่างเดียวที่เราเข้ามาตักในไลน์บุฟเฟต์ไปกินค่ะ ฟินสุดๆ หรือจะกินเป็นสาคูน้ำกะทิทุเรียนก็ได้นะคะ
ต่อไปเป็นอีกหนึ่งสเตชั่นของหวานค่ะกับเครปซูเซต มีหลายซอสให้เลือกไม่ว่าจะเป็นมะม่วง สับปะรด แอปเปิ้ล ฯลฯ และมีไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟด้วยนะคะ
ไลน์ถัดไปเป็นขนมหวานค่ะ มีทั้งขนมหวานไทย ถั่วดำ สาคูเปียก กล้วยเชือม วุ้นกะทิ ฯลฯ และขนมฝรั่งอย่างพวกเค้กนานาชนิด ฟองดูว์ช็อกโกแลต และผลไม้ก็มาค่ะ
ไลน์ต่อไปเป็นฮอทดิชค่ะ โซนแรกจะเป็นแนวญี่ปุ่นหน่อยประกอบไปด้วย แซลมอนตุ๋นซีอิ๊ว แกงกะหรี่เนื้อ ทงคัตสึ (หมูทอด) เทมปุระและซุปมิโสะนะคะ
ตามติดด้วยซูชิและซาชิมิค่ะ
ต่อไปเป็นส่วนของเนื้อสันนอกอบและแฮมน้ำผึ้งนะคะ
ต่อไปจะเป็นส่วนของซีฟู้ดแล้วนะคะ มีต้มยำซีฟู้ด และบรรดาซีฟู้ดต่างๆ ที่เลือกให้พนักงานลวกให้ได้ค่ะ มีทั้งกุ้ง หอย ปู กุ้งนี่มีให้เลือกสองแบบนะคะ
ต่อไปจะเป็นผัดไทย กุ้งย่าง และเสต็กทั้งเนื้อ หมู แซลมอน แกะ รวมทั้งบาร์บีคิวต่างๆ ด้วยค่ะ
ซุ้มต่อไปเป็นพาสต้าค่ะ มีสามซอสให้เลือกนะคะ
ต่อกันด้วยมัสมั่นเนื้อ ไก่ตุ๋นซอสมะเขือเทศและเนื้อตุ๋นไวน์แดงค่ะ ติดกันมีขนมปังกระเทียมด้วยนะคะ
อีกหนึ่งเมนูใหม่ของที่นี่ค่ะ (มารอบที่แล้วไม่มีง่ะนะ) เป็นเนื้อริบอายซุปน้ำตกกับหมูซุปน้ำตกค่ะ
ไลน์ฝั่งสุดท้าย (สักที 555) มีข้าวหอมมะลิ ข้าวผัด ลาซานญ่าซีฟู้ด ผักกาดขาวตุ๋นแฮมยูนนาน ข้าวโพด และมะเขือเทศอบชีสค่ะ
ซุปค่ะ มีซุปข้าวโพด ซุปแฮมยูนนานและซุปล็อบสเตอร์บิสค์ค่ะ
ขนมปังแบบต่างๆ ค่ะ ไว้กินกับซุปได้นะคะ
สลัดผักซึ่งมีน้ำสลัดทั้งหมด 6 แบบให้เลือกนะคะ
ถัดไปเป็นเนื้อสันนอกอบกับแตงกวาดอง ก้งค็อกเทล และพาร์มาแฮมกับแคนตาลูปค่ะ
ถัดไปเป็นปีกไก่ทอด หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีสเกล็ดขนมปังทอด มันฝรั่งทอด พิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยนนะคะ
มีหม้อไฟนาเบะด้วยนะคะ
ซีซาร์สลัดจะแยกออกมาตรงนี้ค่ะ มีชามให้คลุกเองด้วย
ต่อไปเป็นอีกหนึ่งเมนูพิเศษนะคะ ไข่ตุ๋นทะเลเดือด ซึ่งตรงนี้จะหนึ่งคนต่อหนึ่งชาม โดยต้องเอาหางตั๋วที่เขียนว่าพรีเมียมฟู้ดมาแสดงค่ะ
และแล้วก็รีวิวครบทุกเมนูในไลน์บุฟเฟต์แล้ววววววววววววววว 5555
มามะ ไปดูส่วนของสกายบ็อกซ์กันค่าาา
ถ้าเอาคร่าวๆ ส่วนที่โอเพิ่นแอร์หรือสกายบ็อกซ์แตกต่างจากข้างในก็ตามนี้เลยนะคะ ส่วนรูปล่างจะเป็นเมนูโดยละเอียดของแต่ละคอร์สค่ะ
แล้วก็จะมีพนักงานคอยดูแลในการเสิร์ฟและบริการด้วย วันนั้นเราเจอน้องชัช ชัชวาลย์ ต่อสุวรรณ ซึ่งเก่งมากค่ะ ดูแลดี ข้อมูลแน่น
ซึ่งด้านนอกนี้จะรวมไวน์แดง/ขาว และชากาแฟนะคะ แต่ไม่รวมเครื่องดื่ม ซึ่งน้ำเปล่าที่นี่ก็ไม่แพงนะ 30 บาทเองหละ เอาเมนูเครื่องดื่มมาให้ดูนะคะ
ซึ่งวันนั้นสามสาวสั่งมาแบบนอนแอลกอฮอล์ทั้งหมดค่ะ
น้ำแตงโมปั่น คนสั่งบอกว่าไม่หวานจัดดี ส่วนสีเขียวๆ นี่เป็นใบหยกซัมทิงค่ะ (ชื่นสั่ง ไปอ่านบล็อกชื่นนะคะ 555) ส่วนของเราเป็นโซดาค่ะ (สั่งไปเสร็จแล้วค่อยเห็น Perrier ทีหลัง เสียจุย)
มาไล่เรียงกันว่า เฉพาะคอร์สที่เราจะได้กินจะมีอะไรบ้างนะคะ
เครื่องดื่มเป็นไวน์แดงหรือขาวนะคะ ท่านละ 1 แก้วค่ะ
ตัวแรกจะเป็นแอพพิไทเซอร์ โดยจะเสิร์ฟเย็นก่อนแล้วตามด้วยร้อนค่ะ
แอพฯ เย็น ประกอบไปด้วย
-Live Pate (ตับห่าน)
- เนื้ออบ
- แฮม
- พาร์มาแฮม
ไก่แช่เหล้า
แอพฯ ร้อน ประกอบไปด้วย
- กุ้งอิตาเลียนซอส
- หอยเชลล์กับซอส cafe de Paris
- แซลมอนนอร์เวย์กับซอสเสาวรส
ตัวแอพเย็น เราชอบไก่แช่เหล้า กับตับห่าน (ตัวสีส้มๆ นั่นออกหวานนิดๆ นะคะ)
แอพร้อน กุ้งดีค่ะ ถ้าชอบรสจัดก็จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดนะคะ
ต่อไปจะเป็นซาชิมิค่ะ มีสามอย่าง แซลม่อนนี่เกรดดีกว่าในไลน์บุฟเฟต์นะคะ อร่อยกว่าเยอะเลยค่ะ
ซีซาร์สลัดค่ะ เสิร์ฟมาในพอร์ชั่นเล็กๆ ซึ่งดีมากเลย เพราะไม่งั้นจะกินอย่างอื่นไม่ได้นะคะ อันนี้มาตรฐานทั่วไปค่ะ
ถัดไปเป็นซุปค่ะ มีให้เลือกสามซุปนะคะ คือ หูฉลาม (ไม่มีในไลน์บุฟเฟต์) ต้มยำกุ้งและล็อบสเตอร์บิสค์ค่ะ
ของเราเองเลือกต้มยำกุ้งนะคะ รสไม่ได้เข้มข้นจัดจ้านมาก แต่ก็ถือว่าโอเคค่ะ ซดแบบเป็นซุปเปล่าๆ ที่ไม่ต้องกินกับข้าวได้อยู่นะคะ
ส่วนอีกสองซุปชิมของเพื่อน ล็อบสเตอร์บิสค์รสและกลิ่นชัดดีค่ะ ส่วนหูฉลามรสจะเช็งๆ หน่อย
ข้าวและพาสต้าค่ะ มีดังนี้
- ข้าวอบปู
- ข้าวคลุกน้ำปลา
- สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ
- สปาเก็ตตี้ซอสคาโบนารา
ซึ่งขอบอกว่า คอร์สนี้คือเด็ดมากกกกกก อร่อยทุกตัวเลยค่ะ
วิธีการกินข้าวคลุกน้ำปลาคือ เอาถ้วยน้ำปลาราดลงไปที่ข้าวแล้วบีบมะนาว คลุกแล้วกินค่ะ อร่อยยยย
ต่อไปเป็นริบอายซุปน้ำตกหรือหมูน้ำตกค่ะ เราเลือกหมูนะคะ คนอื่นกินเนื้อ ตัวน้ำซุปโอเคค่ะ หอมดี
จากนั้นจะเป็นเซ็ตซีฟู้ดย่างค่ะ ที่เห็นนี่สำหรับสองท่านนะคะ มากี่ท่านก็จะเซ็ตให้ตามที่มาเลย อย่างวันนั้นไปกันหกคน ก็เซ็ตมาเป็นเซ็ตละสามคนสองเซ็ตค่ะ มีกั้ง ปู หอยหวาน กุ้ง หอยเชลล์และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ค่ะ
จากนั้นก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ไม่มีบุฟเฟต์ค่ะ กับผัดไทยกุ้งแม่น้ำ (ในไลน์จะเป็นกุ้งตัวเล็กค่ะ) รสทั่วถึงดีค่ะ อร่อยนะคะ กุ้งก็เนื้อแน่นดีค่ะ
หลังจากนั้นก็เป็นการคั่นด้วยน้ำมะนาวปั่นแก้วเล็กๆ ค่ะ เป็นการล้างปากก่อนจานหลักนะคะ อร่อยหละ เปรี้ยวๆ หวานๆ ดีค่ะ
ต่อไปเป็นเมนดิชแล้วค่ะ ซึ่งเลือกได้ท่านละหนึ่งอย่างนะคะ ช้อยส์ก็มีดังนี้ค่ะ
- เสต็กออสเตรเลียแลมบ์ช็อป (เนื้อแกะออสเตรเลีย)
- เสต็กเนื้อเทนเดอร์ลอยด์ออสเตรเลีย
- เสต็กแซลมอนนอร์เวย์
- เสต็กพอร์คช็อป (เสต็กหมู)
- น่องเป็ดอบกรอบ (เสิร์ฟพร้อมข้าว) หรือสะโพกนางฟ้า
- เนื้อตุ๋นไวน์แดง
- ไก่ตุ๋นซอสมะเขือเทศ
เอาหน้าตามาให้ดูบางส่วนก่อนนะคะ
วันน้นเราเลือกเป็นแกะค่ะ ทำมาแบบไม่มีกลิ่นเลย ซึ่งถ้าคนที่แขยงกลิ่นแกะน่าจะชอบ แต่สุกเกินไปหน่อยค่ะ ทำให้เนื้อค่อนข้างแข็งไปนิดหนึ่งหละ
หลังจากหมดเมนดิชแล้ว ทางน้องพนักงานก็จะแจ้งว่า ยังมีผลไม้และของหวาน แต่ทางเราก็สามารถไปตักจากบุฟเฟต์ได้เช่นกันนะคะ
ส่วนเรานั้นยังไม่ตักค่ะ ขอกินในคอร์สก่อน แหะๆ
ผลไม้ค่ะ จัดมาให้แบบนี้เลยนะคะ
จากนั้นก็เป็นเครปซูเซตค่ะ
แป้งนิ่มดี ซอสเปรี้ยวนำไปนิด ไอติมโอเคค่ะ
ส่วนเค้กจะมีให้เลือกแบบนี้เลย แต่ข้าพเจ้าขอบายค่ะ
ยังค่ะ ยังไม่หมด (ร้องไห้น้ำตาไหลพราก แคลอรีทะลุไปกี่พันแคลแล้วก็ไม่รู้วววว) มีขนมแบบจีนมาให้อีก เป็นขนมไหว้พระจันทร์ขนาดมินิกับทาร์ตไข่ พร้อมชาขิงค่ะ ซึ่งขิงมากกกกกก ข้าพเจ้ากรีดร้องเพราะชอบ 555 ตัวขนมไหว้พระจันทร์อร่อยดีนะคะ เปลือกบางนิ่มเชียว
นี่คือกองทัพที่รอคุณอยู่ถ้าคุณไปกินที่นี่ (ถึงบอกว่า...บุฟเฟต์นี่...ถ้าไม่ใช่คนกินเก่งจัดๆ ไม่น่าจะไปตักไหวแล้วนะคะ แต่ถ้าไหวก็ได้เลยค่ะ จัดไปปปป)
ส่วนในไลน์บุฟเฟต์ ถ้าเอาเราเชียร์ก็ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียนสำหรับทุเรียนเลิฟเวอร์ทั้งหลายค่ะ มันฟินมาก หรือจะเอาสาคูน้ำกะทิทุเรียนก็ได้นะคะ
นอกจากอาหารแล้ว แน่นอนว่าวิวและบรรยากาศก็ดีงามมาก ถ้าใครอยากได้โต๊ะตรงตัวมุมฝั่งเห็นพระอาทิตย์ชัดๆ ก็คือโต๊ะเอสหกนะคะ
แต่ถ้าถามเรานะ ควรไปก่อนพระอาทิตย์ตกหน่อยหนึ่งค่ะ เพราะจะได้เห็นวิวชัดๆ ถ่ายรูปตัวเองกับวิวชัดๆ ด้วยน่ะ แล้วก็รอดูพระอาทิตย์ตก แต่ก็อย่าไปเร็วซะจนแดดร้อนทรมานแล้วกันนะคะ
แต่อีกคู่ที่มาก่อนเรา (และกระทั่งสามทุ่มกว่าที่พวกเรากลับ ก็ยังไม่กลับ 555 มีเสียงกระซิบบอกว่า...ก็เค้ารอให้พวกแกกลับไปสักทีไงหละ เค้าจะได้สวีทกันนนน) เลือกนั่งที่อีกมุมคือเอสหนึ่งค่ะ
เห็นเค้าจี๋จ๋ากันก็ชื่นชมนะคะ ไม่ได้อิจฉาเลยจริงจริ๊ง (ป้าเสียงสูงไป๊)
นอกจากนั้นก็มีดนตรีสดเล่นทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 19.00-21.00 น.ด้วยนะคะ (ถ้าเป็นชั้น 82 จะออกแนวแจ๊ส) เพลงจะค่อนข้างมีทั้งเพลงปัจจุบัน เพลงเก่า เพลงไทย เพลงต่างประเทศมีหมดค่ะ นักร้องเสียงดีเลยแหละ
แล้วก็มีโบโซมาทำลูกโป่งแฟนซีแจกเด็กๆ ด้วยนะคะ มีมายากลด้วย แถมยังมีโชว์เพอร์คัสชั่นอีกด้วยค่ะ
สรุปสำหรับที่นี่นะคะ
บรรยากาศนี่สุดยอดมากกกกก อาหารนี่ดีกว่ารอบที่แล้วอีกค่ะ เรียกว่าโดยราคาแล้วกับสิ่งที่ได้รับ เราถือว่าคุ้มนะคะ เหมาะสำหรับการพาคนรักไปกินและชมวิว หรือจะพาตัวเองไปในโอกาสพิเศษให้รางวัลตัวเองก็ได้เช่นกันค่ะ
โพสต์