อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2016-02-06
160 วิว
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหนีไปเที่ยวเชียงใหม่มาครับ เรียกว่าเป็นทริปประจำปีก็ว่าได้ที่จะต้องขึ้นไปเที่ยวทางเหนือทุกปี ปีนี้ไปเที่ยวช้ากว่าปีที่แล้วเพราะติดทริปฮ่องกงตอนต้นเดือนธันวาคมพอดีกับที่จะไปร่วมงานรับปริญญาน้องที่รู้จักกันที่จบจากเชียงใหม่ด้วย แต่ว่าการขึ้นเชียงใหม่คราวนี้ก็พอดีกับที่ภาคเหนือมีอุณหภูมิลดลงอย่างมาก ขนาดอุณภูมิพื้นราบยังแค่ 9 – 10 องศา ฝนก็ตกปรอยๆทั้งวัน เล่นเอาหนาวยะเยือก แต่ก็ยังไม่หมดความพยายามที่จะตระเวณไปตามร้านอร่อยต่างๆเพื่อไปชิมอาหารเจ้าเด็ดมาฝากกันนะครับถ้าคิดตามบล็อกของเจ้าของบล็อกจะทราบว่าเจ้าของบล็อกมีเพื่อนรักสมัยมัธยมเปิดร้านอาหารอยู่ที่เชียงใหม่คนหนึ่ง และเป็นความตั้งใจของเจ้าของบล็อกด้วยที่จะไปเยี่ยมเพื่อนรักคนนี้ทุ
ถ้าคิดตามบล็อกของเจ้าของบล็อกจะทราบว่าเจ้าของบล็อกมีเพื่อนรักสมัยมัธยมเปิดร้านอาหารอยู่ที่เชียงใหม่คนหนึ่ง และเป็นความตั้งใจของเจ้าของบล็อกด้วยที่จะไปเยี่ยมเพื่อนรักคนนี้ทุกครั้งที่ขึ้นไปเชียงใหม่เพราะเพื่อนรักคนนี้หาเวลาเจอกันยากมากๆ แค่ได้เจอหน้ากันก็หายคิดถึงไปช่วงนึงแล้วครับ
ครัวย่า หมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ เชียงใหม่
วิธีการไป ร้านครัวย่า หมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ถนนคันคลองชลประทาน เชียงใหม่ ก็ไปไม่ยากครับ เอาเส้นทางที่ไปง่ายที่สุดนะครับ(เพราะเส้นทางไปร้านครัวย่ามีหลายเส้นทางแล้วแต่ว่าจะอยู่ใกล้ทางไหนมากกว่ากันครับ) เริ่มต้นเส้นทางที่ถนนสุเทพตรงประตูสวนดอกหน้าโรงพยาบาลมหาราช(ใกล้ๆวัดสวนดอก) ขับรถออกนอก “เวียง” ตรงๆมาเลยครับ จะผ่านคณะพยาบาลศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลมหาราช โรงพยาบาลประสาท คณะทันตฯ คุณะเภสัช ทางขวามือ (ทางขวามือเป็นเขตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นอาคารพาณิชย์ครับ) พอถึงแยกไฟแดงใหญ่ๆจะเป็นถนนเลียคลองชลประทาน (เรียกกันเล่นๆว่า “ถนนคันคลอง” หรือ “เส้นคันคลอง”) ซ้ายมือตรงหัวมุมจะเป็นตลาดใหญ่อีกตลาดหนึ่งรองจาก “กาดหลวง” และ“กาดต้นลำไย (กาด = ตลาด) คือ “กาดต้นพะยอม (ที่มีร้านโจ๊กชื่อดังคือ “โจ๊กศรีปิง” กับ “โจ๊กต้นพยอม” ไงครับ)” เราเลี้ยวซ้ายที่แยกนี้ แล้วขับตรงไปเรื่อยๆตามคันคลองชลประทาน ประมาณ 3 กิโลเมตรทางขวามือจะเป็นร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดัง “คุ้มเวียงยอง”ให้เล็งทางซ้ายมือเอาไว้จะมีซุ้มเข้าหมู่บ้าน “เชียงใหม่ เลค แลนด์” อยู่ทางซ้ายมือเป็นซุ้มสูงๆสร้างในแบบทางเหนือครับเราเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านได้เลยขับตรงเข้าไปผ่านวงเวียนไปก่อนแล้วขับตรงๆไปตามถนนเลยครับถนนจะพาเราเลี้ยวซ้ายขับต่อไปอีกนิดเดียวก็จะเห็น ร้านครัวย่า อยู่ทางซ้ายมือ (บ้านเลขที่ 122/128) ครับ
ก่อนจะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่เจ้าของบล็อกก็ได้นัดหมายกับ “อ้น” เพื่อนรักว่าจะแวะไปร้านในวันอาทิตย์ “อ้น” กระซิบว่าให้มาเร็วๆ วันอาทิตย์แขกเยอะเดี๋ยวจะเม้าท์มอยกันไม่เต็มที่ “อ้น” ยังกระซิบอีกด้วยว่าจะเตรียมเมนูเด็ดเมนูใหม่ๆ ทั้งคาวทั้งหวานไว้ให้ชิมอีกด้วย
พอถึงวันนัดหมาย เจ้าของบล็อกไปถึงร้านครัวย่า ตั้งแต่ตอนสายๆ หลังจากที่ได้ทำการทักทายคุณแม่ คุณพี่ เพื่อนอ้น และหลานๆ ไถ่ถามสารทุกข๋ดิบกันตามประสาเพื่อนรักที่นานๆจะเจอกันตัวเป็นๆซะที “เพื่อนอ้น” ก็รีบจัดอาหารมาเลี้ยงดูปูเสื่อทันที “เพื่อนอ้น” บอกว่าจัดให้อย่างแน่นทีเดียว
(อาหารและเครื่องดื่มไม่มีราคานะครับ ไม่ได้ถ่ายเมนูมา)
ระหว่างรออาหารเพื่อนอ้นก็สั่ง ยกล้อ มาให้ดื่มแก้กระหายก่อน
กาแฟเย็นรสเข้มๆ หวานๆ ขมนิดๆ ชงแบบไทยๆ แล้วค่อยมาใส่นมข้นจืดก่อนดื่มได้รสหวานๆ มันๆ ชื่นใจแบบเข้มๆ ฮาร์ดคอร์จริงๆครับ
฿35
88 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
รสหวานๆ หอมๆ เย็นๆ ชื่นใจ แก้กระหายแก้ร้อนได้ดีเชียวคราบ
฿35
68 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
แค่อาหารจานแรกก็รู้แล้วว่าคนปรุงใส่ใจกับอาหารทุกจานแค่ไหน เมนูก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ไม่มีอะไรมากมายเลยนะครับ มีเส้นเซี่ยงไฮ้ที่ลวกแล้วจัดมาอย่างสวยงาม ปริมาณก็กำลังพอดี มีเนื้อหมูต้มนุ่มๆ ชิ้นใหญ่ๆ แล้วก็มีเครื่องเคียงเป็นน้ำซอสกับต้นหอม ผักชี และขิงที่สับละเอียด เรื่องการซอย – การสับต้องยกให้ร้านครัวย่าเค้าครับ เค้าซอยเค้าสับได้ละเอียดมากๆ เวลาจะทานเมนูก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ก็เอาน้ำซอสราดลงไปในปริมาณตามชอบ แต่กระซิบนิดนึงว่าราดน้ำซอสปริมาณเท่าที่ร้านครัวย่าให้มาจะอร่อยที่สุดครับ เพราะทุกเมนูได้มีการทดลองทำมาแล้วว่าปริมาณเท่าไหนๆถึงจะอร่อยที่สุด น้ำซอสก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ถึงจะเป็นสีออกคล้ำแต่รสชาติออกหวานๆ เค็มๆ นะครับ แล้วพอเอาเครื่องโรยหน้า ต้นหอม ผักชีและขิงเล็กน้อยสับละเอียดโรยหน้าจะได้รสชาติที่ “สดชื่น” มากๆครับ .... ครับ .... อ่านไม่ผิดครับ อาหารคาวแต่รสชาติ “สดชื่น” ครับ อาจจะเป็นเพราะขิงสับละเอียด ต้นหอมผักชีสับละเอียด และน้ำซอสที่รสชาติออกหวานๆ เค็มๆ เบาๆ ก็ได้นะครับ ที่ทำให้เมนูนี้เป็นเมนูอาหารคาวที่ “สดชื่น” ....
฿65
82 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿65
60 วิว
2 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿65
80 วิว
2 ไลค์
0 คอมเมนต์
เมนูนี้ละมุนละไมมากๆครับ ข้าวมันก็เป็นข้ามหุงด้วยน้ำกะทิที่ไม่มันมากนักและที่สำคัญคือไม่แฉะเลยครับ ข้าวเม็ดสวยและหอมกะทิมากๆ ส้มตำที่เสิร์ฟคู่กันก็เป็นส้มตำไทยรสชาติออกหวานมีรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม นิดๆเท่านั้น เวลาทานก็จะทานแนมกับหมูฝอยผัดหวานช่วยเสริมกันทั้งรสชาติและรสสัมผัสครับ ถึงแม้เมนูนี้เป็นเมนูหนักเมนูหนึ่งแต่เจ้าของบล็อกคิดว่าก็สามารถเป็นเมนูทานเล่นได้อย่างสบายๆ ด้วยความที่ข้าวมันกะทิของร้านครัวย่านุ่ม ฟู รสละมุน ไม่หนักมาก ส้มตำที่ออกหวานๆ มีรสเผ็ดนิดเดียว ทำให้เมนูนี้สามารถเป็นเมนูทานเล่นระหว่างรอจานหลักได้เลยครับ
฿70
76 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿70
60 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿70
41 วิว
2 ไลค์
0 คอมเมนต์
เมนูนี้เวลาจะทานจะต้องคลุกให้เครื่องทุกอย่างเข้ากันอย่างดี ถึงหน้าตาของเมนูนี้เวลาคลุกให้เข้ากันแล้วจะไม่สวยงามเท่ากับเมื่อตอนที่ยกมาเสิร์ฟ แต่รสชาติของข้าวคลุกกะปิเวลาคลุกเครื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วกลมกล่อมมากๆ มีหวานนิดๆของหมูหวาน รสเปรี้ยวของมะม่วงซอยที่ซอยมาอย่างละเอียดมากๆ และมีรสเผ็ดๆของพริกขี้หนูซอยเพิ่มเข้ามานิดๆ ทำให้รับประทานได้มากขึ้น คุณแม่ของ “เพื่อนอ้น” ได้อธิบายให้เราฟังว่ากะปิที่เอามาทำข้าวคลุกกะปิต้องสั่งมาแยกกับกะปิที่ตำน้ำพริกเพราะต้องใช้กะปิที่ทำจากเคยแท้ๆรสชาติติดหวานๆนิดๆที่ปลายลิ้นเท่านั้น
฿70
39 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿70
43 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿70
51 วิว
2 ไลค์
0 คอมเมนต์
เมนูนี้ “เพื่อนอ้น” เอาปลาสลิดแห้งมาขูดเนื้อให้ฟูๆ แล้วนำไปทอดจนกรอบก่อนจะเอามาผัดกับน้ำพริกคั่วกลิ้งซึ่งตำกันเองและเป็นสูตรเฉพาของร้านครัวย่า คั่วกลิ้งปลาสลิดรสสัมผัสกรอบๆ หอมเครื่องแกงและใบมะกรูดที่ซอยละเอียดยิบๆเตะจมูกมาก่อนใครก่อนที่จะยกมาเสิร์ฟอีก รสของคั่วกลิ้งไม่ได้เผ็ดจี๊ดๆตั้งแต่คำแรกที่ตักเข้าปากเหมือนคั่วกลิ้งทั่วไปนะครับ แต่จะค่อยๆเผ็ดซึมลึกทีละนิดๆ รู้ตัวอีกทีตอนกินไปครึ่งจานเหงื่อเริ่มออกหัวครับ ดีที่เมนูนี้มีน้ำซุปมาให้ซดแก้เผ็ดด้วย
฿65
56 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿65
61 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿65
69 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
เมนูนี้คาอยู่ในใจเจ้าของบล็อกตั้งแต่มาร้านครัวย่าตั้งแต่คราวที่แล้วครับ คราวที่แล้วสั่งขนมจีนน้ำพริกรสกลมกล่อม - เครื่องอลังการมาทานก็เลยยั้งเมนู ขนมจีน - น้ำยา เอาไว้ มาคราวนี้ก็เลยเลือกเมนู ขนมจีน - น้ำยา มาทานเป็นอย่างแรก ขอบอกว่าน้ำยาร้านครัวย่ารส “ผู้ดี” มากๆครับ แอบตักชิมเฉพาะน้ำยาก่อนก็ได้รสที่ละมุนมากๆ น้ำยาข้นด้วยเนื้อปลาที่โขลกลงไปในน้ำยา รสชาติเมื่อชิมครั้งแรกก็ไม่ได้ออกรสเผ็ดจี๊ดจ๊าดนะครับ น้ำยาออกรสเผ็ดก็จริงแต่เป็นรสเผ็ดที่ละมุนมากๆ พอทานๆไปเรื่อยๆ รสเผ็ดถึงมากขึ้นๆทีละนิดๆครับ และก็หอมเครื่องแกงที่โขลกกันเองในร้านมากๆเลยครับ
อันนี้แอบกระซิบท่านผู้อ่านนิดนึงนะครับเครื่องแกงบดด้วยเครื่องกับเครื่องแกงโขลกเองนั้นจะมีกลิ่นที่ต่างกันมากครับ เครื่องแกงที่บดที่มีขายตามตลาดทั่วไปจะผ่านการบดด้วยเครื่องเฉยๆ ไม่ได้ผ่านการตำ การขยี้ ความหอมของเครื่องสมุนไพรเช่น หอมแดง ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด จะน้อยกว่าเครื่องแกงที่ผ่านการขโลกด้วยครก เพราะการขโลกด้วยครกคือการตำให้กระทบกับของครกกับสากต่อมน้ำมันที่อยู่ในสมุนไพรต่างๆจะแตกออกและส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัวออกมาทำให้เครื่องแกงมีกลิ่นหอมอบอวลแล้วการผัดเครื่องแกงกับน้ำมันหรือกระทิก็จะทำให้น้ำมันหอมระเหยของสมุนไพรส่งกลิ่นหอมขึ้นไปอีกครับ เดี๋ยวนี้หาร้านอาหารที่ตำเครื่องแกงเองยากนะครับเพราะยุ่งยากเปลืองเวลา แต่ที่ร้านครัวย่ายังตำเครื่องแกงสูตรเฉพาะกันเองครับ “เพื่อนอ้น” บอกว่าเหนื่อยและเสียเวลากว่าก็จริงแต่จะให้ซื้อเครื่องแกงจากตลาดก็ไม่เอาครับ
฿70
57 วิว
2 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿70
67 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿70
58 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
เมนูนี้ฝรั่งจ๋าเลยครับ ลิ้ววัวไม่ได้เหนียวจนเคี้ยวไม่ออกนะครับ เคี้ยวแล้วมันเด้งๆสู้ฟันมากครับ น้ำซอสก็กลมกล่อมมากๆครับออกรส หวาน ๆ เปรี้ยวนิดๆ ตามรสของซอสมะเขือเทศเท่านั้น ลิ้นวัวก็ชุ่มน้ำซอสมากครับ เคี้ยวไปๆน้ำซอสที่อยู่ในลิ้นวัวก็ค่อยๆซึมออกมาๆ ชุ่มฉ่ำมากๆครับ “เพื่อนอ้น” บอกว่าถ้าไม่กินเนื้อวัวก็มีสตูว์ลิ้นหมูให้เลือกชิมนะครับ
฿80
67 วิว
2 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿80
72 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿80
108 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
แกงถ้วยนี้นอกจาก “เพื่อนอ้น” จะภูมิใจนำเสนอแล้วยังเป็นเมนูที่เจ้าของบล็อกอยากลองชิมมานานแล้วด้วย ด้วยเห็นรูปของ “เพื่อนอ้น” กับคุณแม่ที่ไปเลือกซื้อเครื่องเทศในตลาดที่ “เพื่อนอ้น” โพสลงใน FB แล้วรู้สึกได้เลยว่าแกงถ้วยนี้จะต้องหอมกรุ่นกลิ่นเครื่องเทศแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยครับ ..... แกงมัสมั่นไก่ถ้วยนี้หอมกลิ่นเครื่องเทศมากๆ และหอมยิ่งกว่าแกงมัสมั่นของเจ้าไหนๆเพราะ “เพื่อนอ้น” บอกว่านอกจากจะเลือกเครื่องเทศมาใส่แกงมัสมั่นเองแล้วน้ำพริกแกงมัสมั่นที่ร้านครัวย่ายังตำแล้วผัดใหม่ๆกันแทบทุกวัน มีเครื่องเทศบางอย่างที่ใส่มากกว่าแกงมัสหมั่นของเจ้าอื่นๆถึงได้ทำให้แกงมัสหมั่นที่ร้านครัวย่าหอมฟุ้งจรุงใจเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญแกงมัสหมั่นไก่ถ้วยนี้ไม่มีมันลอยหน้าเลยนะครับ ดูข้นน่าซดแบบคลีนๆ น่ากินสุดๆ เพราะ “เพื่อนอ้น” บอกเคล็ดลับมาว่าตอนที่เคี่ยวไก่กับหางกะทิได้ช้อนมันไก่ทิ้งหมดครับแกงถ้วยนี้ถึงได้ดูน่ากินอย่างนี้
฿110
69 วิว
2 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿110
87 วิว
2 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿110
81 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
ข้าวเหนียวก็มูนโดยคุณแม่เองโดยใช้กะทิคั้นข้นๆจากตลาด คุณแม่เล่าให้ฟังว่าคุณแม่มักจะไปจู้จี้กับแม่ค้าเพราะอยากได้ของดีๆมาให้ลูกค้าทาน อย่างกะทิก็เหมือนกัน กะทิที่เอามามูนข้าวเหนียวก็ต้องเป็นกะทิขูดขาว ถ้าไปสั่งแม่ค้าคั้นก็ต้องให้แม่ค้าเค้าปอกเปลือกที่ดำๆจากเนื้อมะพร้าวทิ้งให้หมดถึงจะได้กะทิขูดขาวมามูนข้าวเหนียว กะทิที่เอามาทำน้ำกะทิก็จะต้องเอาแต่หัวกะทิ จากมะพร้าวขูด 2 – 3 กิโล คุณแม่ให้แม่ค้าคั้นเอาหัวกะทิมาเพียงกิโลเดียว คุณแม่ยกตัวอย่างให้ฟัง แล้วแม่ค้าสมัยนี้จะชอบเอามะพร้าวแช่น้ำก่อนขูดกะทิที่ได้จะเสียง่าย สังเกตุจากที่ตั้งกรทิไว้ข้างนอกตู้เย็นไม่นานก็จะมีกลิ่นไม่ดี คุณแม่มีเคล็ดลับก้นครัวที่ง่ายๆ แบบที่คิดไม่ถึงในการรักษาน้ำกะทิ (สด) ทุเรียนไม่ให้เสีย .... แต่จะเป็นเคล็ดลับอะไรต้องไปถามคุณแม่กับตัวดูเองนะครับ
ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน (สด) ถ้วยนี้หวานไม่มากครับและได้ความหอมมันจากหัวกะทิคั้นสดมาเต็มที่ ข้าวเหนียวมูนที่ใส่มาก็เม็ดสวย หอมละมุน ส่วนทุเรียนที่เอามาทำเมนูนี้ก็เป็นทุเรียนพันธุ์ชะนี .... ทุเรียนชะนีซื้อที่กรุงเทพฯก็ว่าแพงแล้วลองไปซื้อที่เชียงใหม่ซิครับ แพงกว่ากรุงเทพฯหลายเท่านัก แล้วคุณแม่ใส่เนื้อทุเรียนมาต่อถ้วยไม่ใช่น้อยๆเลยครับ ถามคุณแม่ว่าทำไมไม่ใช้ทุเรียนพันธุ์อื่นคุณแม่บอกว่าทุเรียนพันธุ์ชะนีมีกลิ่นหอม มีรสหวานๆ มันๆ ถ้าเป็นหมอนทองไม่เหมาะเอามาทำน้ำกะทิทุเรียนเพราะว่าจะติดรสขมๆที่ปลายลิ้น
฿70
78 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿70
88 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿70
88 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
โพสต์