อีกหนึ่งร้านต้นตำรับข้าวแช่ คือ “ข้าวแช่ ตำรับบ้านวรรณโกวิท” ข้อดีร้านนี้จะมีขายกันทั้งปีค่ะ ไม่ต้องรอช่วงฤดูร้อน แต่ในแต่ละวันจะมีจำนวนจำกัดค่ะเพราะทางร้านจะเน้นความพิถีพิถันในการปรุง แนะนำว่าควรโทรจองโต๊ะและสั่งอาหารล่วงหน้าค่ะ จะได้ไม่พลาดเมนูเด็ด
“บ้านวรรณโกวิท” บ้านของหลวงสุนทรนุรักษ์ที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันสืบทอดถึงทายาท รุ่นที่ 4 แล้ว ตอนที่เราไปถึงร้าน เราได้เจอกับคุณยาย ฉวีวรรณ อารยะศาสตร์ ลูกสาวของหลวงสุนทรนุรักษ์ คุณแม่ชื้น วรรณโกวิท ลูกสาวคนโตของพระยาเสถียรฐาปนกิตย์ (ชม ชมธวัช)
คุณยายฉวีวรรณ เดิมเธอเป็นอาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบ แต่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว คุณยายเล่าว่า บ้านนี้มักจะมีลูกศิษย์ลูกหาแวะเวียนกันมาหา และชิมอาหารอร่อย ๆ แห่งบ้านวรรณโกวิท นอกจากนี้ยังถือว่ามาไหว้ครูไปในตัวด้วย
ที่ร้านมีที่จอดได้ประมาณ 2-3 คัน แต่ค่อนข้างแคบค่ะ แล้วก็เข้าออกยาก เราจอดแถวศาลเจ้าพ่อเสือแล้วเดินมาประมาณ 400 เมตรก็พอไหวค่ะ ตัวบ้านจะเป็นบ้านไม้สไตล์โคโลเนียลแบบโบราณ โต๊ะไม้สีขาวลายฉลุ ผ้าคลุมโต๊ะลายลูกไม้ ตู้หนังสือไม้แบบโบราณ
สำหรับข้าวแช่ที่ร้านจะขายเป็นชุดๆ ละ 250 บาท ในชุดจะมี ข้าว น้ำ น้ำแข็ง ให้มาเป็นเซ็ต ๆ สามารถเติมข้าว กับน้ำได้เรื่อย ๆ ส่วนตัวเครื่องเคียงจะมีกระปิทอด หมูฝอย ปลาหวาน ไชโป๊หวาน หรุ่มไข่พริกหยวกสอดไส้หมูสับ กระชายกับแตงกวาแกะสลัก วิธีทานข้าวแช่ที่ถูกวิธี คือจะต้องไม่นำเครื่องเคียงลงไปปนกับข้าวและน้ำ ให้ผสมกันเหมือนเวลาทานข้าวต้ม ให้ค่อย ๆ ตักเครื่องเคียงเข้าปาก แล้วตามด้วยข้าวตาม แล้วถึงค่อยซดน้ำให้คล่องคออีกที
สูตรข้าวแช่นี้ได้มาจาก คุณแม่ชื้น วรรณโกวิท ซึ่งจะเน้นวัตถุดิบเลือกใช้จากเจ้าประจำอย่าง ปลาหวานใช้เนื้อปลากระเบนยี่สนแห้งจากปากน้ำปราณบุรี ไชโป๊หวานจากราชบุรี
นอกจากวัตถุดิบแล้ว ขั้นตอนการปรุงก็แสนจะปราณีต ข้าวสารที่เลือกเป็นข้าวสารเก่าเพราะเม็ดจะร่วนสวย คัดเฉพาะเม็ดที่ไม่แตกหัก นี่งให้สุกผ่านไอน้ำ ตัวน้ำเป็นน้ำต้มสุกลมควันเทียนและลอยดอกกระดังงาไทยดอกเล็ก
เครื่องเคียงอีกหนึ่งอย่างที่เป็นตัววัดความอร่อยก็คือกะปิทอด โดยใช้เนื้อปลาช่อนหรือปลานิล โขลกกับพริกไทย กระชาย ตะไคร้ ปรุงด้วยกะปิ
ผัดให้เป็นเนื้อเดียวกันก่อนปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วชุบไข่ทอดจนหอม หรุ่มไข่ที่ทำจากพริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้งนึ่งแล้วห่อด้วยแพไข่ หมูฝอยรสหวาน ผักสดยังต้องแกะสลักอย่างกระชายที่สลักเป็นรูปดอกปีป เรียกได้ว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดจริง ๆ
นอกจากเมนูเด็ดอย่างช้าวแช่แล้ว ก็ยังมี โรตี แกงเขียวหวานหมู (130บาท) ถ้าเป็นเขียนหวานเนื้อ (160 บาท) ตัวแป้งโรตีจะเป็นแบบแป้งหนานุ่ม เสิร์ฟมาพร้อมกับแกงเขียวหวานแบบน้ำข้น ๆ เครื่องแกงเต็มที่ ส่วนรสชาติจะไม่เผ็ดจัด แต่เน้นออกไปทางหวานนำรสชาติสไตล์แบบโบราณ เนื้อหมูแบบนุ่ม ๆ แต่จะมีติดมันมา
ส่วนแกงเขียวหวานเนื้อนุ่มไม่แพ้กัน
ข้าวมันส้มตำ (90 บาท) ข้าวหุงกะทิ เสิร์ฟพร้อมส้มตำรสหวาน และหมูฝอย
ขนมจีนซาวน้ำ (90 บาท) ขนมจีนเสิรฟ์พรอมสัปปะรดศรีราชา ขิงซอย กุ้งแห้งป่น ลูกชิ้นปลากราย ราดด้วยน้ำกะทิ บีบมะนาวเพิ่มความเปรี้ยวสักเล็กน้อย รสชาติกลมกล่อมดี
ข้าวทอดแหนมสด (120 บาท) ข้าวทอดแหนมสด เสิร์ฟมะนาวมาให้บีบเองเพิ่มรสชาติ รสแบบกลมกล่อม ไม่ได้จัดจ้านมาก ตัวข้าวทอดจะไม่กรอบแบบร้านทั่ว ๆ ไปจะเป็นแบบนิ่ม ๆ
พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน (40 บาท) ตัวน้ำจะรสชาติออกหวาน พุดดิ้งเนื้อเนียนนุ่ม เสิร์ฟมาพร้อมมะพร้าวอ่อน
เค้กมะตูม (60 บาท) เค้กจะเนื้อแน่น ๆ ร่วน ๆ หน่อย กลิ่นมะตูมยังไม่ถึงกับชัดมาก โรยด้วยมะตูมเชื่อมด้าบบน
น้ำอัญชัญมะนาว (40 บาท) เปรี้ยวซ่าชื่นใจ น้ำมะขาม (40 บาท) รสหวาน ๆ หอมกลิ่นมะขาม
ถ้าใครนิยมชมชอบอาหารไทยแบบโบราณ บรรยากาศย้อนยุค แวะมาบ้านวรรณโกวิทดูสักครั้งนะคะ
เมนูแนะนำ:
ข้าวแช่, โรตี แกงเขียวหวานหมู, ขนมจีนแกงเขียวหวานเนื้อ, ข้าวมันส้มตำ, ขนมจีนซาวน้ำ, พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน, น้ำอัญชัญมะนาว, โรตีแกงเขียวหวาน
Table Wait Time: 10 minute(s)
วันที่ไปกิน: Mar 11, 2018
ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿300(มื้อเที่ยง)
คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
4 | Environment
4 | Service
4 | Clean
4 | Price
4
Keep it up!Looking Forward
เห็นแล้วหิว
ประทับจิต
Envy
Cool Photo
แนะนำ