นักรีวิวร้านอาหาร

ร้าน The Hatter เป็นร้านที่ดัดแปลงชั้นล่างของร้าน Al Majlis ให้กลายเป็น Alice In Wonderland เรารู้จักร้านนี้ผ่านทาง IG BKKMENU เห็นปู๊บกรี๊ดอยากไปมาก เพราะเราชอบการ์ตูนเรื่องนี้ (Ver.Disney 1951 เก่ามากยังไม่เกิดเลย 55 ใครมีแหล่งซื้อ DVD บอกด้วยน้าตามหาอยู่) ก็เลยตามไปกดไลค์ IG ร้านต่อ ได้ความมาว่าร้านอยู่อโศกในซ.สุขุมวิท 21 ใกล้ ๆ กับมศวมหาลัยเรานี่เอง ถ้าจะไปง่ายขนาดนี้จะรอช้าอยู่ไย จัดการนัดเพื่อนแล้วไปลุยกันเลยจ้า ส่วนใครที่ไม่คุ้นทาง ซ.สุขุมวิท 21 ไปยังไง ไม่ยากค่ะ มา MRT หรือ BTS ก็ได้ แต่ MRT จะเดินได้ใกล้กว่า ถ้า BTS ลงสถานีอโศก แนะนำนั่งมอไซด์ดีกว่าจ้า ถ้าเดินก็ประมาณ 3 ป้ายรถเมล์ได้ ส่วนคนมา MRT ลงสถานีเพชรบุรีออกประตู 2 ข้ามถ.ไปฝั่งตรงข้าม ซ.นี้จะอยู่ใกล้ ๆ มศว ทางเข้าฝั่งถนนสุขุมวิท ปากซ.มีรพ.จักษุรัตนินอยู่ เดินเข้าซอยมานิดเดียวร้านอยู่ขวามือ ตรงบริเวณเดียวกันกับร้าน Al Majlis หรือถ้าใครนำรถมาหน้าร้านมีที่จอดได้ 3-4 คัน แต่มีบริการ Valet Parking ค่ะไม่ต้องห่วง
พอเดินเข้าร้านมาก็เหมือนหลุดเข้าไปในการ์ตูนเรื่อง Alice In Wonderland ยังไงยังงั้นเลย ในร้านนี้มุมถ่ายรูปเยอะมาก ใครชอบถ่ายรูปน่าจะชอบร้านนี้นะ แถมยังมีกิมมิคเกี่ยวกับเรื่อง Alice In Wonderland อยู่ทั่วไปหมด ทั้งไพ่ หมวก นาฬิกา กระต่าย ฯลฯ
ที่ร้านนี้จะแบ่งเป็นโซนอินดอร์และเอาท์ดอร์ โซนอินดอร์ก็จะตกแต่งร้านด้วยโทนสีชาว ไฟสีส้ม ดูอบอุ่นและโรแมนติก โต๊ะและเฟอร์นิเจอร์แต่ละมุมก็จะแตกต่างกันไป มีหลายรูปแบบ เลือกนั่งได้ตามชอบ แต่กระซิบว่าสวยทุกมุมจ้า ส่วนมุมเอาท์ดอร์จะออกแนวสวนสวย ร่มรื่น แต่ก็ไม่เหมาะกับหน้าร้อน-หน้าฝนบ้านเราเท่าไหร่เนอะ ถ้าเป็นหน้าหนาวอากาศเย็น ๆ นี่สู้ตายค่า ไม่ต้องถามว่าเลือกนั่งโซนไหน อินดอร์แน่นอน 55
มาถึงเมนูอาหารของทางร้านกันบ้าง อาหารที่นี่ก็จะมีให้เลือกทานหลากหลาย ทั้งอาหารทานเล่น , สลัด , ซุป , พิซซ่าและแซนวิช ,พาสต้า , จานหลัก , เมนูข้าวและอาหารไทย เมนูไหนเป็นเมนูแนะนำจะมีรูปหมวกอยู่หน้าชื่อเมนู ถ้าไปทานมื้อเที่ยงช่วง 11.30 น. - 14.00 น. มี Set Lunch ให้เลือกทานกันด้วยค่ะมีให้เลือก 2 ราคาคือ Rice Set 199 บ. (สลัด+เมนูข้าวเลือก1ใน5เมนู+ขนมหวาน) และ Pasta Set 299 บ.(สลัด+พาสต้าเลือก1ใน5เมนู+ขนมหวาน) ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลายเช่นกัน ทั้งม๊อคเทล , ชา , กาแฟ , น้ำผลไม้ , ค๊อกเทลก็มี ตั้งชื่อเก๋ ๆ น่าสั่งทั้งนั้นเลยแต่ไปมื้อเที่ยงอด ส่วนเมนูขนมหวานมีให้เลือกประมาณ 10 รายการ
- เครื่องดื่มเราสั่งเป็นน้ำเปล่าขวดเล็ก ๆ 40 บ.แพงเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจร้านอาหารโซนสุขุมวิทเนอะ
- อาหารจานแรกที่สั่ง Spaghetti Tom-yum เมนูนี้เค้าจะมีให้เลือก 2 แบบ แบบแรก Seafood 290 บ.ถ้าเปลี่ยนเป็นกุ้งแม่น้ำราคา 490 บ. เราเลือกแบบ Seafood สีสันดูจัดจ้านดี รสชาติก็จัดจ้านไม่แพ้หน้าตาเลย เราว่าเค้าทำมาดีนะเครื่องต้มยำเคลือบเส้นดี
ซีฟู๊ดก็ใส่มาทั้งกุ้ง ปลาหมึก และหอยแมลงภู่ตัวโต ๆ
- ถัดมาเป็นเมนูสลัด Soft shell crab salad หรือสลัดปูนิ่ม 260 บ.ผักสลัดสดกรอบดี ปูนิ่มทอดก็ไม่อมน้ำมัน ทานคู่กับน้ำสลัดบัลซามิครสอมเปรี้ยว ช่วยให้ไม่เลี่ยนดีค่ะ
- เมนูจานหลักเราเลือกสั่ง The Dodo 450 บ.จานนี้เป็นอกเป็ดยัดไส้เนื้อเป็ดสับ เสิร์ฟพร้อมกับผัดผักต่าง ๆ ราดด้วยน้ำเกรวี่
จานนี้เนื้อเป็ดฉ่ำซอสดี ไม่แห้ง นุ่มพอประมาณ โดยรวมชอบนะ
- ของหวานให้เพื่อนเลือกเพราะถ้าเราเลือกเองจะเยอะ หลายสิ่ง 55 เพื่อนสั่ง Earl Grey Creme Brulee 160 บ.ตัวคัสตาร์ดเนียนใช้ได้ หอมกลิ่น Earl Grey อ่อน ๆ แต่น้ำตาลที่หน้ายังเป็นเม็ด ๆ อยู่เลยอ่ะ น้ำตาลยังไม่ค่อยไหม้เลยยังไม่กลายเป็นแผ่นกรอบ ๆ อาจจะต้องเพิ่มเวลาในการทอร์ช(เผา)น้ำตาลอีกนิดนะคะ
ค่าเสียหายตามนี้ อาหาร 3 อย่าง ขนม 1 น้ำ 1 1,190 บ. มี++ อีกรวมเป็น 1,400.75 บ.
โดยรวมร้านสวย อาหารรสชาติใช้ได้แต่ราคาสูงเหมือนกัน (สูงตรงมี++) ซึ่งเรามีตัวช่วย คือ
1.มาทานมื้อกลางวันมี Set Lunch ราคาไม่แรงก็จะช่วยประหยัดไปได้
2.ใช้แอพ eatigo ถ้าจองผ่านแอพไปทานช่วงเวลาที่เค้ากำหนดก็จะได้ส่วนลด ตอนแรกเราก็ว่าจะไปตั้งแต่ร้านเปิดนะ ไปช่วงนั้นได้ลดหลาย%ด้วย แต่พอดีนัดเพื่อนอีกคนไว้ เพื่อนมาบ่ายๆ ซึ่งเลยเวลาลดไปแล้วก็เลยอด ไว้คราวหน้าไม่พลาดจ้า
3.หาคนเลี้ยง อิ่มจังตังค์อยู่ครบ กร๊ากก
ใครที่ชอบ Alice In Wonderland ไปร้านนี้รับรองไม่ผิดหวังจ้า ส่วนเราว่าง ๆ จะแวะไปอีกค่า ชอบบรรยากาศร้านมาก

เราจะมารีวิวร้านอาหารทะเลอร่อยๆ ริมทะเลระยองกันหน่อยดีกว่ากับร้านป้ายาซีฟู้ด ร้านนี้อยู่ริมหาดแม่รำพึง เป็นร้านแบบเพิง อยู่ริมทะเล อาหารทะเลสดๆ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ยังว่ายน้ำเป็นๆ กันอยู่เลย อยากกินอะไรไปเลือกสั่งได้เลยอาหารจานแรกมาอย่างรวดเร็ว และก็เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากของโปรดเรานั่นเอง กับกุ้งแช่น้ำปลา กุ้งสดๆ ปอกเปลือกแช่น้ำปลามาเต็มตัวกุ้งเลย มีแค่ใบสะระแหน่โรยหน้ามาเท่านั้นอันนี้เป็นเครื่องเคียงของกุ้งแช่น้ำปลา แยกมาต่างหาก มีทั้งหอมซอบ กระเทียมหั่น ตะไคร้ซอยและพริกสด
กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยดีทีเดียวจานนี้เป็นปลากระพงทอดราดน้ำปลา มาแบบตัวใหญ่ทีเดียว ผ่าครึ่งทอดมาแบบกรอบนอกนุ่มในจะกินคู่กับน้ำจิ้มยำมะม่วงหรือน้ำจิ้มซีฟู้ด ก็อร่อยดีทีเดียวอันนี้เป็นกุ้งม้าลายเผา ตัวใหญ่ดีทีเดียว ประมาณ 8-10 ตัวโล กิโลละ 780 บาท เผามาแบบสุกกำลังดี ผ่าหลังมาให้ด้วยเพื่อความสะดวกในการกินจะได้ไม่ยุ่งยาก เนื้อกุ้งสดๆ กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยดีทีเดียวปิดท้ายกันด้วยปูม้านึ่ง ขนาด 3-4 ตัวโล กิโลละ 700 บาท มาพร้อมกับอุปกรณ์ในการแกะปู เนื้อปูสดหวานอร่อยดีทีเดียว จะกินสดๆ หรือกินคู่กับน้ำจิ้มก็อร่อยดีทีเดียว

รสชาติ อร่อยมากๆ เลย

ราคา มื้อนี้ประมาณ 1,xxx บาท เราคิดว่าไม่แพงถ้าเทียบกับคุณภาพ

บริการ อาหารรวดเร็วดีทีเดียว รอไม่นาน

สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งกับการรีวิวร้านครั้งนี้มาร่วม ก๊วนชวนกิน ครั้งที่ 27 ที่ คออฟฟี่เวิร์ดโกลด์ที่ ชั้น G ฝั่ง Gourmet Siam Paragon ค่ะ มาติดตามรีวิวกันเลยค่ะ 

การเดินทาง : นั่ง BTS ลงสถานีสยามและเดินเข้ามาได้เลยค่ะ ถ้าเดินเข้ามาใน Tops จะเดินง่ายค่ะ เดินมาจนถึงข้างหลังเลยตรงที่เป็นจุดจ่ายเงินค่ะ ก็จะเห็นร้านค่ะ

การตกแต่ง : สไตล์ลอฟท์ค่ะ เท่ห์ๆ มีส่วนที่เป็นผนังอิฐเปลือย ใช้โครงสร้างตกแต่งเป็นโครงเหล็กสีดำ ที่สาขานี้จะเน้นเป็นโทนสีทองและดำค่ะ ให้บรรยากาศที่ต่างออกไปจากทุกสาขา ที่นั่งก็มีพอสมควรค่ะ

อาหาร/ขนม/เครื่องดื่ม :สตรอเบอร์รี่ โซดา Strawberry Soda (110 บาท)
แก้วแรกที่สั่งมาเป็นสตอเบอร์โซดาค่ะ หอม สดชื่น ซ่าๆ เรียกน้ำย่อยเบาๆค่ะเมเปิล พราลีน วาฟเฟิล ป็อป Maple Praline Waffle Pops (145 บาท)
วาฟเฟิลกับไอศครีมพร้อมดิป มีสตอเบอร์รี่, เมเปิ้ล, ช้อกโกแลต ส่วนตัวชอบทานช้อกโกแลตเลยจิ้มแต่ช้อกโกแลต อิอิ เนื้อวาฟเฟิลอร่อยดีค่ะ นุ่มไม่แข็ง เสริฟ์มาตอนร้อนๆ รสชาติดีมีออกเค็มนิดๆด้วยอีกมุมค่ะ อยากบอกว่าไอศครีมรสวนิลา ล้ำมาก อร่อยมากเลย จริงเป็นคนไม่ชอบวนิลาแต่มีมาเราก็กินค่ะ ปรากฎว่าอร่อยกินเรียบบบบบ (กินคลีนเลยยย)เครป เดอ ลา เครป Crepe De La Crepe (180 บาท)
เครปกับซอสเบอรี่ ชุ่มฉ่ำมากกกกก สอดไส้สตอเบอรี่สดด้วย ซอสออกเปรี้ยวอมหวานเข้ากันดีกับวิปครีมที่สอดไส้มาข้างในและเนื้อเครปได้เป็นอย่างดี กินไป ฟินไปค่ะแฮม แอนด์ ชีส แพนเค้ก Ham n Cheese Pancake (195 บาท)
ชอบมากเมนูนี้ เป็นของคาวค่ะ ย้ำว่าของคาวที่คอฟฟี่เวิลโกล์วอร่อยค่ะ เพราะตอนแรกคิดว่าร้านนี้น่าจะถนัดของหวานมากกว่าแต่กลับอร่อยทีเดียวเลย ตัวเนยที่ให้มามีรสชาติแบบผสมหลายอย่าง มีกลิ่นกระเทียม หอมนม หอมเนย เค็มๆ มีกลิ่นเครื่องเทศ นำมาทากับแพนเค้กอร่อยมากๆเลยค่ะโตเกียว ช็อกโก มัทฉะ Tokyo Choco Matcha (120 บาท)
หลังจากของคาวมาพักรบด้วยของหวาน สั่งมัชชะไอติมมาเลยค่ะ อร่อยเช่นกัน รสชาติชาเขียวเด่นชัดมาก แต่แอบกินยากไปนิดนึงเพราะเราอยากกินตรงข้างล่างด้วยที่เป็นชั้นวิปครีมและบราวนี่ อิอิแมงโก้ อะโกโก้ สมูทตี้ Mango-a-Go-Go Smoothie (135 บาท)
โอ้วววมันสดชื่นมาก เสริฟ์มาอย่างน่ารักใส่แก้วกลมๆดังภาพค่ะ เปรี้ยวหวานลงตัว ได้กลิ่นหอมของมะม่วงด้วยค่ะไอซ์ กรีน ที ลาเต้ Iced Green Tea Latte (130 บาท)
ติดใจจากชาเขียวที่เป็นไอศครีมค่ะ จึงได้มี Iced Green Tea มาอีก 1 แก้ว วิปครีมอร่อยมากและเข้ากันดีกับชาเขียว นัวค่ะนัวคาเฟ่ มอคค่า Café Mocha (115 บาท) ไม่พลาด Cafe' Mocha แน่นอนค่ะ เพราะเป็นออริจินัล กาแฟหอมไม่ต้องปรุงเพิ่ม ไม่ต้องอะไร ทานคู่กับวาฟเฟิลกรอบ เพลินค่ะ

สำหรับรีวิวนี้ อิ่มมากเช่นเคย พนักงานบริการดีมากๆค่ะ และจะแวะกลับไปแน่นอน

บ้านส้มตำ สาขาสะพานพระนั่งเกล้า


วิธีการมาร้านอาหารบ้านส้มตำ สาขาสะพานพระนั่งเกล้าก็ง่ายมากครับ ถ้ามาจากแยกแคราย ให้วิ่งตรงมาจนถึงหน้าห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ออกซ้ายวิ่งคู่ขนาน วิ่งผ่านสี่แยกพระนั่งเกล้าขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าอันเก่า (สะพานเล็ก) พอข้ามแม่น้ำไปถึงอีกฝั่งนึงให้เตรียมตัวชิดซ้ายไว้ ตรงเชิงสะพานจะมีที่กลับรถ กลับรถเลี้ยวกลับวิ่งคู่กับสะพานไปนิดเดียวจะเจอซอยเล็กๆอยู่ทางขวามือ เป็นซอยเดียวกับร้านแดรี่ควีนครับ วิ่งตรงเข้าซอยไปประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ ผ่านร้านอาหารลุงหนวด ร้านปู่ ตา ย่า ยาย ร้านบ้านส้มตำ สาขาสะพานพระนั่งเกล้า จะอยู่ทางซ้ายมือครับ จะมีที่จอดรถหน้าร้าน 10 กว่าคันครับ

เท่าที่ทราบร้านนี้เป็นร้านอาหาอิสานที่มีหลายสาขาครับ รู้ว่ามีสาขานึงอยู่เส้นพระราม 5 ครับ ตัวร้านสร้างเป็นร้านอาหารแบบถาวรเลยนะครับ สไตล์โมเดิร์นหน่อยๆ เป็นแบบปูนเปลือยๆ ให้ความรู้สึกบ้านๆ สบายๆ ดีมากๆครับ การตกแต่งร้านก็ใช้สีพื้นๆเน้นสีขาว น้ำตาล เขียวนิดหน่อย กับปลูกต้นไม้เยอะๆ ได้ความรู้สึกหรูขึ้นมานิดๆ แล้วก็ร่มรื่นมากๆครับ วันที่ไปเราไปตอนเที่ยงๆพอดีครับ คนเต็มร้านเลย เลยไม่มีโอกาสถ่ายรูปบรรยากาศในร้านมาให้ชมกันแบบเต็มๆครับพอนั่งโต๊ะปุ๊บ ก็มีเหมือนจะเป็นเจ้าของร้าน หรือผู้จัดการร้านเดินมารับออร์เดอร์ทันที พร้อมกับเชียร์ให้สั่งอาหารประเภทปลาหลายสิ่งหลายอย่าง ขอโทษเถอะครับ มากันสองคน จะให้กินปลาอะไรมากมายครับ พอเราทำเฉยๆ ไม่สั่งตามที่เธอเชียร์ เธอก็เดินสะบัดบ๊อบออกไป ปล่อยให้พนักงานชั้นล่างๆรอรับออเดอร์ต่อไปครับ ..... บอกตรงๆว่าเสียอารมณ์และหมดอร่อยไปกว่าครึ่งนึงแล้วครับ ไม่ชอบเลยครับที่มาเชียร์อาหารแพงๆ การเชียร์กับการบอกเฉยๆ มันต่างกันนะครับ ถ้าบอกเฉยๆ เราจะรู้ได้จากน้ำเสียงของคนบอกว่าไม่มีความ “กระเหี้ยนกระหือรือ” อยากให้ลูกค้าสั่ง ส่วนการเชียร์นั่นน้ำเสียงมันมีแววเจ้าเล่ห์ซ่อนอยู่ครับ ยิ่งพอเราไม่สั่งเธอก็สะบัดบ๊อบออกไปนี่เรายิ่งแน่ใจครับว่าเธอ “กระเหี้ยนกระหือรือ” อยากให้สั่งเมนูปลาเยอะๆ พนักงานคนอื่นๆก็บริการเราดีตามปกตินะครับ

อาหารอย่างแรกที่สั่ง ส้มตำคอหมูย่าง
ส้มตำร้านนี้รสเด็ดจริงๆครับ เผ็ดๆ เปรี้ยวๆ มีติดหวานๆ เค็มๆ อร่อยมากๆครับ นึกว่าเป็นร้านไฮโซรสชาติของส้มตำจะไม่แซ่บซะอีกครับ นี่กินไปไม่กี่คำต้องหากระดาษทิชชู่เตรียมไว้ซับเหงื่อเลยครับ
นอกจากส้มตำรสเด็ดแล้วร้านบ้านส้มตำยังเอาคอหมูลงไปคลุกในส้มตำด้วยนะครับ เลยทำให้คอหมูย่างเป็นรสชาติแซ่บๆ รสเดียวกับส้มตำ ไม่เหมือนบางร้าน ที่เอาคอหมูมาโปะเอาไว้ข้างหน้าส้มตำเฉยๆ เลยรู้สึกเหมือนไม่เป็นอาหารจานเดียวกันครับ ส้มตำคอหมูย่างจานนี้มาแปลกซะด้วยครับ เพราะเค้าเสิร์ฟคู่กับเส้นหมี่ขาวลวก โรยกระเทียมเจียว ยิ่งถ้ากินรวมกันทั้งหมด จะได้รสชาติที่แปลกๆแต่อร่อยนะครับจานที่สอง ส้มตำทอด
จานนี้เค้าเอาเส้นมะละกอไปชุบแป้งทอดจนกรอบเกรียว แล้วแยกน้ำส้มตำมาให้ เส้นมะละกอจะได้คงความกรอบนานๆ ครับ น้ำส้มตำเค้าก็ปรุงรสให้จัดกว่าส้มตำปกตินะครับ เพราะเอามากินกับเส้นมะละกอที่ทอดแล้วจะทำให้รสอร่อยขึ้น ถ้าไม่ทำรสให้จัดขึ้น จานนี้จะไม่ร่อยเลยครับ เพราะเส้นมะละกอที่เอาไปทอดจะมีความมันของน้ำมัน ถ้าเป็นรสชาติของส้มตำปกติจะทำให้รส drop ลงไปนิดนึงครับ เพราะฉะนั้นแม่ครัวทำถูกต้องแล้วนะครับที่ทำให้น้ำส้มตำจานนี้เข้มข้นมากกว่าปกติครับปีกไก่ทอด
เมนูนี้เสิร์ฟตอนกำลังร้อนจัดๆเลยครับ ปีกไก่เฉพาะส่วนที่เป็นปีกกลาง หมักด้วยเครื่องเทศและเครื่องปรุงรส ทำไปทอดจนสุกเหลืองกรอบนิดๆ รสชาติเค็มๆ มันๆ กินกับข้าวเหนียวร้อนๆ สุดยอดของความอร่อยเลยครับยำหมูย่างมะเขือเปราะ
รสชาติของจานนี้เด็ดมากครับ น้ำยำออกรสเผ็ดนิดนึงครับ มีรสเปรี้ยวๆตามมา ตบท้ายด้วยรสหวานๆ เค็มๆ หมูย่างก็ย่างมากำลังดีเชียวครับ ไม่สุกเกินไป ไม่ดิบเกินไป ให้มาเยอะทีเดียว มะเขือเปราะก็คัดเอาแต่อ่อนๆ ฝานบางมากๆ แช่น้ำเย็นจัดจบกรอบบบ เคี้ยวกร้วม ๆ เลยครับสุดท้ายเป็น ต้มแซ่บกระดูกหมู รสเด็ด
จานนี้เป็นต้มแซ่บกระดูกหมูน้ำใสๆ เครื่องน้อยๆ นะครับ รสเด็ดมากๆครับ แซ่บเผ็ดจี๊ด เปรี้ยวเด่นมาเลยครับ กระดูกหมูเค้าจะใช้ช่วงกระดูกอ่อนๆ มากกว่า สับเป็นชิ้นพอดีคำ ต้มจนเปื่อย รสเข้าเนื้อ จานนี้ถึงน้ำเยอะกว่าเนื้อก็ไม่เป็นไรครับ เพราะแค่ซดน้ำก็อร่อยมากแล้วคราบสรุปรวมว่าร้านนี้รสชาติดีมากๆครับ ถึงราคาสูงหน่อย แต่ก็อร่อยสมราคา แลกกับการที่นั่งในห้องแอร์สบายๆ บริการดีๆ เสียอย่างเดียวเท่านั้นคือคุณปร้าที่มาแนะนำอาหารที่ทำเสียอารมณ์เท่านั้นเองคราบ อิอิอิ

ถ้าพูดถึงฟูจิ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย หลายคนคงมีเมนูประจำอยู่แล้ว
แน่นอนเราก็มี แต่!! วันนี้ไม่ได้กิน เพราะอยู่ในช่วงงดเนื้อสัตว์ และขนมหวานทุกชนิด!!
วันนี้เราเลยจะมาแนะนำเมนูสำหรับคนทางมังมั้งมังกันนะจ๊ะ

เมนูที่เราสั่งประจำคือ ไข่หวานย่าง เราชอบรสชาติหวานๆ ของไข่หวานที่มีกลิ่นไหม้หน่อยๆ
กับไชเท้าบดที่โปะมาบนไข่หวาน เมนูที่สองคือ เต้าหู้ทอดห่อข้าวญี่ปุ่น อันนี้เป็นเมนูของพี่เรา นางบอกว่า
เป็นเมนูคุณภาพอย่างราชา ราคาประชาชน (อันนี้พี่เราเค้าตั้งค่ะ 55) รสชาติของข้าวก็หวานๆ
และก็มีผักกรุบๆ พวกแอสพารากัส หรือหน่อไม้ฝรั่ง ประมาณนั้น ทานชิ้นนึงก็อิ่มแล้วค่ะ (ก็โอเค แต่ไม่ถึงกับติดใจอะไร
แต่ก็นะ ไม่มีอะไรทานนี่) เมนูที่ 3 ผัดออรินจิย่างเกลือ อันนี้โอเค รสชาติซีอิ๊วหวานหน่อยๆ กับเกลือเข้าเนื้อใช้ได้เมนูที่ 4 เทมปุระผักรวม เสียดายเดี๋ยวนี้เค้าไม่มีเทมปุระข้าวโพดแล้ว (อร่อยจะตาย เลิกทำไมนะ) ก็จะประมาณนี้ที่เราสั่งวันนี้ อ้อออ ละก็สั่งยำสลัดหมูย่างมาค่ะ เอามาทานแก้เลี่ยน เราทานผัก ให้พี่ทานหมูไป
ยิ้มเลยล่ะสิ ฮึ!!